“คิดไม่ถึงแม่นางซ่งอายุยังน้อย ถึงขั้นมองอุบายต้มตุ๋นของผู้มีวิชาออก เมื่อนั้นข้าเองก็เกือบถูกหลอก ต้องขอบคุณแม่นางซ่งมาก”สวีเยว่เอ๋อร์มาพร้อมชายอีกหนึ่งคน ได้เห็นซ่งรั่วเจินก็รู้สึกสนิทสนมมากเป็นพิเศษ“รั่วเจิน เจ้ามาแล้วดีเหลือเกิน ก่อนนี้ได้ยินเรื่องความชอบของเจ้า ตั้งใจซื้อของหวานผลไม้ที่เจ้าชอบมาจากร้านอวิ๋นหย่าเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวไปชิมดีหรือไม่?”“ได้เลย” ซ่งรั่วเจินพยักหน้ารับคำ“เฮ่ออัน นี่ก็คือรั่วเจิน ต้องขอบคุณนางพวกเราถึงหาน้องหญิงของเจ้าพบ” สวีรั่วหลานยิ้มแย้มเอ่ยปากแนะนำ “รั่วเจิน นี่คือลูกชายข้าเฮ่ออัน”ซ่งรั่วเจินมองชายหนุ่มตรงหน้า เห็นเขาสวมชุดผ้าไหมสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ยังห้อยหยกหยางจือหนึ่งชิ้นที่เอว รัศมีโดดเด่นใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายหยักยิ้มสุภาพอ่อนโยน บนตัวไม่มีไอเย็นแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าเป็นคุณชายสง่างามใสสะอาดท่านหนึ่ง“ขอบคุณแม่นางซ่งมากที่ช่วยเหลือ ข้าคนสกุลสวีมีวาสนาแล้ว”ภายในสายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนแววตกตะลึงวูบหนึ่งเรื่องซ่งรั่วเจินถอนหมั้นเอะอะเอิกเกริกไปทั่ว เขาได้ยินข่าวตั้งแต่แรกแล้ว ได้ยินท่านแม่ชื่นชมนางงดงามดุจจันทรา กลับไม่เคยพบหน้ามาก่อ
“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก มิได้ตั้งใจ เหตุใดแม่นางซ่งต้องว่าร้ายไปทุกที่ด้วยเล่า?”“ให้ข้าพูด เดิมทีเจ้าก็ไม่รู้วิชาเต๋า ก็เพียงจับพลัดจับผลูช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวพบเท่านั้น นี่ก็โอ้อวดโอหังเพียงนี้ ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!”เหอเซียงหนิงมองทางทุกคน เอ่ยเตือน “ทุกท่านคงมิได้ลืมไปแล้วหรอกกระมัง?”“ครั้งก่อนในงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา ซ่งรั่วเจินยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินทั้งสองท่านของบ้านใหญ่และบ้านรองสกุลต่ง ยังพูดว่าคุณชายน้อยต่งถูกอาสะใภ้ฆ่าตาย นำพาให้ความสัมพันธ์ของสกุลต่งบ้านแตกสาแหรกขาด ฮูหยินรองสกุลต่งเสียใจหนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา!”“ให้ข้าพูด ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าซวงซวงร้อยเท่า! ซวงซวงมิได้ตั้งใจ แต่นางกลับทำเพราะมีเจตนา”“ข้าชี้แนะทุกท่านยังอยู่ให้ห่างจากคนเช่นนี้สักหน่อย หาไม่แล้วใครรู้เล่าว่าจะสร้างเรื่องอันใดออกมาอีก?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนก็นึกถึงข่าวลือสกุลต่ง อย่างไรเสียวันนั้นก็โวยวายไม่งามตามาก“ข้าได้ยินมาว่าคืนวันนั้นสวี่อิ๋งเฉียวกับสามีเร่งรุดไปเมืองซีอวิ๋น จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้รับข่าวส่งกลับมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็
“พวกเจ้าปล่อยข้า! เป็นนางตบข้า พวกเจ้าจับข้าไว้ทำอันใด?”สายตาซ่งรั่วเจินเยียบเย็น “ตบสองฉาดนี้เป็นการสั่งสอนเจ้า ข้าถอนหมั้นไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“หากจวนหลินไม่พอใจ ย่อมต้องมาพูดกับข้าเอง ตรงข้ามกันเจ้าใช้ฐานะอะไรมาพูดถ้อยคำเหล่านี้?”“คนรู้ก็คิดว่าเจ้าเป็นสหายสนิทของฉินซวงซวง คนไม่รู้ยังคิดว่าเจ้าหลงรักหลินจือเยว่จึงทวงความยุติธรรมแทนเขา”“ส่วนสกุลต่ง หากข้าพูดเท็จ สกุลต่งย่อมมาคิดบัญชีกับข้าเอง ยังไม่ต้องให้เจ้ามาถาม!”คนรอบกายเห็นซ่งรั่วเจินกล้าลงมือตบคน ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังนึกถึงคำพูดของเหอเซียงหนิง เหตุที่หลินจือเยว่เสียตำแหน่งไปก็เพราะสกุลซ่งสตรีเช่นนี้ หากให้นางแต่งเข้าจวน เกิดความขัดแย้งขึ้นมา น่ากลัวว่าต้องไม่สงบสุขจริง“รั่วเจิน เจ้าไม่ควรลงมือ ภายภาคหน้าเรื่องเช่นนี้ให้แม่ทำเอง”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่นางตอบสนองเชื่องช้าไปบ้าง แต่ตอนนี้ลูกสาวตบก็ตบไปแล้ว พลาดโอกาสอันดีไป นางเองก็ไม่สามารถไปตบคนได้อีกเดิมทีซ่งรั่วเจินคิดว่าหลิ่วหรูเยียนตำหนิตนเองลงมือ คิดไม่ถึงได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็เกือบหัวเราะออกมาส่วนสายตาคนรอบกายเหล่านี
สวี่อิ๋งเฉียวขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าสะท้อนความเจ็บปวดทุกข์ระทม“ข้าคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงเหมยจะโหดเหี้ยมเพียงนี้ สามารถลงมือกับหลานชายของตนได้!”“หากมิใช่เพราะแม่นางซ่งบอกความจริงทั้งหมดแก่ข้า น่ากลัวว่าเป๋ยอวี่ของข้าต้องตายตาไม่หลับอยู่ในบ่อน้ำไปทั้งชาติแน่นอน!”บรรยากาศเงียบลงในทันใดแม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยินทุกคนล้วนเบิกตากว้าง พวกเขาได้ยินอะไรแล้ว?ต่งเป๋ยอวี่มิได้หายไป แต่ถูกสวี่ชิงเหมยฆ่าตายแล้วโยนลงในบ่อน้ำ?“ต่งฮูหยิน ท่านรีบลุกขึ้นเถิด” ซ่งรั่วเจินรีบเข้าไปประคองคนขึ้นมาสวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตาที่หางตา แม้เจ็บปวดมาก แต่ภายในสายตาเปี่ยมความซาบซึ้งใจ“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเป๋ยอวี่ไม่รู้ความจึงถูกคนหลอกพาไป ยามสวี่ชิงเหมยเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้ายังปลอบนาง คิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของข้า”“หากมิใช่เพราะข้าสั่งสอนเป๋ยอวี่เข้มงวดจนเกินไป เขาก็ไม่มีวันโมโหจากไป หากมิใช่เจ้าเตือนสติข้า ข้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเลอะเลือนไปถึงยามใด”ต่งหานโจวเองก็เอ่ยปากขอบคุณ “แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากที่ทวงความยุติธรรมให้เป๋ยอวี่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา!”“ภายภาคหน้ามีที่ใดให้สกุลต่งช่วยเหลือขอให้เอ่ยปาก
เหอเซียงหนิงโง่งมแล้วนับตั้งแต่สวี่อิ๋งเฉียวคุกเข่า สมองนางก็ขาวโพลนในทันทีทันใดคำพูดของซ่งรั่วเจินเป็นความจริงได้อย่างไร? เดิมทีนางก็ไม่สามารถรู้เรื่องพรรค์นี้ได้นี่!“เหอเซียงหนิง เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ?”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหญิงสาวที่กำลังก้มหน้า ต้องการหนีออกไป เมื่อครู่สาดน้ำเสียใส่นาง ตอนนี้คิดหนีไปเงียบ ๆ มีเรื่องดีเพียงนี้ที่ใดกัน?“ข้า...ข้าไม่มีอะไรจะพูด...”เหอเซียงหนิงตกใจมาก ครู่ต่อมาคิดหนีไป คิดไม่ถึงจะชนเข้ากับฉู่อวิ๋นกุย“บังอาจ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงขั้นขวัญกล้าชนอวิ๋นอ๋อง!”“หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ!” เหอเซียงหนิงตกใจจนหมดความกล้า รีบคุกเข่าลงฉู่อวิ๋นกุยปรายตามองเหอเซียงหนิงแวบหนึ่ง สายตาหันมองผู้กระทำผิดอย่างเสด็จพี่สามของตน ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่คนเกือบถูกชนก็คือเสด็จพี่สาม!ใครคาดคิดเสด็จพี่สามคล่องแคล่วว่องไว ขยับถอยหลังหนึ่งก้าว หญิงคนนี้จึงชนเขา!เวรกรรม!ฉู่จวินถิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “น้องห้า อิงตามกฎราชสำนัก สร้างข่าวลือเท็จต้องจัดการเยี่ยงไร?”“อิงตามกฎ ผู้กระทำผิดต้องถูกตัดลิ้น”เหอเซียงหนิงเบิกตาโต สายตาเปี่ยมความตกตะลึ
ภายในห้องสวีรั่วหลานกับหลิ่วหรูเยียนสบมองสวี่อิ๋งเฉียวก็ตาแดงไปด้วยอย่างสุดระงับ ในฐานะมารดาเฉกเดียวกัน เรื่องพรรค์นี้ไม่ต่างจากถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆใครคาดคิดเล่าว่าสะใภ้ใต้ชายคาเดียวกันจะน่ากลัวเพียงนี้?“ปกติสวี่ชิงเหมยมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง คิดไม่ถึงจะโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ สามารถลงมือกับเด็กได้ลง” หัวคิ้วสวีรั่วหลานขมวดมุ่น ข่าวนี้ช่างน่าตกตะลึงโดยแท้“แม้ปกติข้าไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง ก็เห็นว่าอุปนิสัยต่างกันเท่านั้น เห็นนางเป็นญาติ แต่นาง...”สวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตา ข่มอารมณ์ตนเองให้สงบลง พูดอย่างรู้สึกผิด “วันนี้เดิมทีเป็นงานนับญาติวันมงคล กลับถูกข้ารบกวนแล้ว ขออภัยจริงๆ...”“อย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย พวกเราล้วนเป็นแม่คนเหมือนกัน ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความรู้สึกของท่าน?”สวีรั่วหลานรีบโบกมือ เอ่ยถามอย่างห่วงใย “เรื่องนี้นายท่านต่งจะตัดสินอย่างไร?”“หลังนายท่านรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ปกป้องสวี่ชิงเหมย ยอมให้พวกเราพาคนไปส่งศาลาว่าการ พูดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบคำชี้แจงให้เป๋ยอวี่ให้ได้”สวี่อิ๋งเฉียวพูดถึงเรื่องนี้ก็ซาบซึ้งใจ ก่อนนี้กลับมาถึงนางยังลังเล แต่มากที่สุดก็ตัดสิ
สวี่อิ๋งเฉียวอึ้งงัน คิดเพียงว่าถ้อยคำนี้ของซ่งรั่วเจินคล้ายยังมีความนัยอื่น ก็ไม่รู้ว่าเป็นไปตามที่นางคาดเดาหรือไม่ขณะนางเตรียมเอ่ยถาม ต่งหานโจวกับราชครูสวีก็เดินเข้ามาพร้อมกัน“ฮูหยิน พวกเรากลับก่อนเถิด ที่บ้านยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก”สวี่อิ๋งเฉียวดึงสายตากลับ นึกได้ว่าแม้สวี่ชิงเหมยถูกส่งไปที่ศาลาว่าการแล้ว แต่ภายในเรือนยังมีเรื่องอีกมากให้จัดการ ท่านพ่อท่านแม่ถูกทำร้ายไปไม่น้อยกว่าพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาเล็ก“ซ่งฮูหยิน แม่นางซ่ง บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจกล่าวเพียงคำขอบคุณได้หมด”ต่งหานโจวมองทางพวกหลิ่วหรูเยียนสองคนและทำความเคารพอย่างเต็มรูปแบบหากมิใช่ซ่งรั่วเจินเอ่ยทั้งหมดนี้ออกมา บิดาเลอะเลือนอย่างเขาต่อให้ตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกอย่างไรจนกระทั่งสองสามีภรรยาสกุลต่งจากไป หลิ่วหรูเยียนถูกพวกสวีฮูหยินดึงไปจิบชาที่อีกฝั่งแล้ว“รั่วเจิน พวกเราเองก็ไปชิมผลไม้กันเถอะ?” สวีเยว่เอ๋อร์เอ่ยปากเสนอซ่งรั่วเจินพยักหน้า เรียกอวิ๋นเนี่ยนชูไปพร้อมกัน“วันนี้สกุลสวีจัดงานเลี้ยงได้ดีมาก ขนมเหล่านี้ล้วนมาจากร้านชื่อดัง”“เจ้าดูขนมดอกกุ้ยฮวา ก่อนนี้ให้บ่าวรับใช้ไปซ
“แม่นางซ่ง หลังเกิดเรื่องกับอี้อันข้าก็ไม่ได้พบเขาอีก ไม่รู้บัดนี้อาการของเขาเป็นเช่นไร?”“ก่อนนี้อี้อันเคยส่งคนมาหาข้า หยิบหนังสือไปสองสามเล่ม ต่อมาข้าก็เลือกหนังสืออีกบางส่วน มีส่วนช่วยในการสอบฤดูใบไม้ผลิ เพียงแต่คิดไม่ถึงต่อมาจะเกิดเรื่องกับอี้อัน...”สายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนความเสียดาย เขาเคยเห็นเรียงความของซ่งอี้อันมาก่อน มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อให้เป็นอาจารย์ที่ถ่อมตนเสมอมาก็ยังชื่นชมเขาอย่างอดไม่ได้เดิมทีคิดว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ซ่งอี้อันจะต้องสร้างความตกตะลึงแน่นอน คิดไม่ถึงจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “คุณชายสวี ไม่ทราบว่าข้าสามารถนำหนังสือเหล่านั้นกลับไปได้หรือไม่?”โรคตาของพี่รองใกล้ฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว แต่ใกล้กับช่วงสอบฤดูใบไม้ผลิมากนัก ระยะนี้พี่รองได้รับผลกระทบจากอารมณ์ แต่การเรียนจะตกลงไปไม่ได้บัดนี้นำหนังสือกลับไป ต่อให้ต้องให้มั่วอวี่อ่านให้พี่รองฟังทุกวันก็เป็นเรื่องดี“ไม่มีปัญหาแน่นอน” สวีเฮ่ออันรับคำ “ข้าจะสั่งคนไปหยิบเดี๋ยวนี้เลย”“ข้าขอบคุณคุณชายสวีแทนพี่รองข้าแล้ว”สวีเฮ่ออันโบกมือ “แม่นางซ่งช่วยข้าตามหาน้องสาว เป็นผู้มีพร
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินขมวดแน่น คนผู้นี้ลึกลับถึงเพียงนี้ จัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถหาสิ่งของที่สามารถบ่งบอกฐานะพบหากเอาแต่เฝ้ารออยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าไม่รู้จะต้องรอจนถึงยามใด หากมีสิ่งที่คนผู้นี้ทิ้งไว้ นางกลับสามารถใช้สิ่งของตามหาคนได้อย่างไรเสีย ไม่มีเวลาตกฟากทำนองนี้ก็ช่างเถอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตก็ไม่มี ยากจะทำนายออกมาโดยอาศัยเพียงความว่างเปล่าได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครหัวหน้าตระกูลเจียงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพูดขึ้น “ครั้งก่อนเขาโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดหนึ่งผืนทิ้ง บ่าวในเรือนข้าบังเอิญเก็บได้ ข้าไม่ได้ทิ้ง!”ตอนนั้นเขาเองก็อยากหาเบาะแสบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ไม่มีอันใดพิเศษ แต่เขายังเก็บรักษาไว้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “รีบไปหยิบมาเร็วเข้า”จากนั้นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมาถึงมือ สีหน้าซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก นางสบตาฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจในทันใด “ไปเถอะ พวกเรากลับกัน”ฉู่จวินถิงทิ้งคนไว้เฝ้าพวกหัวหน้าตระกูลเจียง สั่งให้พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ
ดังคาด แม่นางที่ท่านอ๋องชอบไม่ใช่คนธรรมดา!ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นหยางตามมาแล้ว “แม่นางซ่ง ท่านอ๋องเชิญท่านกลับไปขอรับ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ ดีดนิ้วทีหนึ่ง ทั้งสองคนตรงหน้าเองก็ได้สติกลับมาแล้วทันใดนั้น ทั้งสองคนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาล้วนพูดออกมาแล้ว ตกตะลึงยิ่งขึ้นภายในใจ แม่นางคนนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้!“พวกท่านเองก็ไปกับข้าด้วย” ซ่งรั่วเจินพูดภายใต้การนำทางของอวิ๋นหยาง ซ่งรั่วเจินพบว่าทางที่ไปไม่ใช่ลานบ้านส่วนหน้า แต่เป็นอีกแห่งหนึ่งฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินพาอีกสองคนมาด้วย เลิกคิ้วคมขึ้น “เจ้าหาพบแล้ว?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พวกเขาสองคนเคยปรึกษากับหัวหน้าตระกูลเจียงเรื่องหนทางแก้ไขมาก่อน ทีแรกคิดหนีไปตอนท่านสอบสวน บังเอิญถูกหม่อมฉันพบเข้า”“ดูท่าแล้ว เจ้าเองก็ถามบางอย่างออกมาได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงมองผ่านสีหน้าของซ่งรั่วเจินก็สามารถรู้ได้ พวกเขารู้จักกันมานานถึงเพียงนี้ รู้นิสัยเล็กๆ ของนางดีท่าทีที่แสดงออกในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังภาคภูมิใจหลายส่วน“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ” ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้าง “พวกเขาสองคนเป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็กๆ หัวหน้าตระกูลเจียงต่างหากที่รู
“ฟังไม่เข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “ตอนพวกท่านใช้ไอมรณะข่มขู่นายอำเภอจ้าว พวกท่านน่าจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรกระมัง? อยากสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองดูหรือไม่?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป “ไอมรณะ?”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น ไอมรณะกลุ่มหนึ่งก็ไหลออกมาจากฝ่ามือ ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ทำให้ทั้งสองได้เห็นไอสีดำสายหนึ่ง“แท้จริงแล้วความรู้สึกยามไอมรณะเข้าสู่ร่างกายนั้น คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนย่อมไม่รู้ ในเมื่อพวกท่านชมชอบใช้ไอมรณะถึงเพียงนี้ ก็สมควรลองดูด้วยตนเองสักรอบ”“ไม่ ไม่ พวกเราไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ!”หัวหน้าตระกูลหลี่ขยับถอยหลังอย่างหวาดกลัว ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของไอมรณะมาก่อน ลูกสาวของจ้าวชิงหยวนก็ตายเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาล้วนเห็นสภาพน่าสยดสยองตอนตายอยู่ภายในสายตา ชวนให้คนประหวั่นพรั่นพรึงโดยแท้!บัดนี้ แม่นางตรงหน้าถึงขั้นสามารถควบคุมไอมรณะได้ นั่นไม่เหมือนกับที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้หรอกหรือ?“เช่นนั้นก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย รีบพูดออกมา!”ซ่งรั่วเจินกวาดตามองสองคนตรงหน้า เดิมทีมองไม่เห็นความพิเศษอันใด แต่ได้เ
รูม่านตาหัวหน้าตระกูลเจียงหดลง ฉู่อ๋องถึงขั้นรู้!ต่อให้เป็นจ้าวชิงหยวน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงสาเหตุคืออันใด ทว่าวันนี้ฉู่อ๋องเพิ่งมาถึงก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อม...”เจียงฮูหยินและลูกๆ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องมาแล้วจึงต้องการชีวิตพวกเขาทั้งหมด!“นายท่าน ท่านรีบพูดสิ! หรืออยากให้พวกเราต้องตายทั้งตระกูลเจ้าคะ?” เจียงฮูหยินร้อนใจตอนนี้เอง ฉู่จวินถิงเดินมาหยุดข้างกายซ่งรั่วเจิน เอ่ยปากเสียงนุ่มนวล “เจ้าไปเดินเล่นก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ สายตาเลื่อนตกลงบนตัวทุกคนในตระกูลเจียงก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน คาดว่าภาพต่อจากนี้ไม่เหมาะให้นางเห็น พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง“เพคะ”หลังฝ่ายหญิงจากไป ฉู่จวินถิงหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นเปี่ยมไออำมหิต เขายืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม คล้ายราชามารก็มิปานชวนให้คนอกสั่นขวัญแขวน“เดิมทีข้าก็ไม่มีความอดทนมากอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงเหล่มอง “อวิ๋นหยาง”อวิ๋นหยางดึงกระบี่ออก วางพาดบนชายคนหนึ่ง ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเจียงไม่ฟังความคนนั้น“ฆ่า!”อวิ๋นหยางฟันลงไปอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้มองดูแล้วที่นี่ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขึ้น “ไม่มีไอมรณะ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้สืบข่าวได้ว่าสกุลเจียงเองก็ไม่มีคนเจ็บป่วย”สายตาฉู่จวินถิงเย็นชา “อาจจะ...สมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็ข่มขู่ธรรมดาก็เพียงพอให้พวกเขารับปากแล้ว”หัวหน้าตระกูลเจียงเร่งเดินทางออกมาอย่างว่องไว “คารวะฉู่อ๋อง!”ฉู่อ๋องมองหัวหน้าตระกูลเจียงแวบหนึ่ง เห็นข้างกายเขาไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย สายตาเจือแววนึกสนุก “หัวหน้าตระกูลเจียงอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังไม่แต่งงานหรอกกระมัง?”“เรียนท่านอ๋อง บังเอิญยิ่งนัก ภรรยากระหม่อมพาลูกไปเยี่ยมญาติที่คูเมืองอื่นแล้ว บัดนี้ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตระกูลเจียงยิ้มประสบเอาใจพลางอธิบาย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ “วันนี้ภรรยาและลูกของหัวหน้าตระกูลเจียงออกจากเมืองไปเยี่ยมญาติ บังเอิญตอนข้ามาถึง ได้เชิญพวกเขากลับมาพร้อมกันแล้ว”“คาดว่าหัวหน้าตระกูลเจียงคงไม่ถือสากระมัง?”เสียงฉู่จวินถิงเพิ่งจบลง หัวหน้าตระกูลเจียงพลันใจสั่น ได้เห็นฉู่จวินถิงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทีหนึ่ง อวิ๋นหยางพาคนเข้ามาแล้ว“นายท่าน!”“ท่านพ่อ!”สีหน้าเจี
หัวหน้าตระกูลเจียงขมวดคิ้วแน่น พวกเขารู้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องดีมาก นั่นคือเทพสังหารในสนามรบเชียวนะ!พวกเขาที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ย่อมรู้จักบารมีของฉู่อ๋องดีที่สุด“พูดไปแล้วเรื่องนี้ยังต้องโทษท่าน เดิมทีฉู่อ๋องต้องการไปเมืองผิงหยาง ก็แค่แวะเติมเสบียงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับสร้างเรื่องที่ท่าเรือ ทำให้พวกเขาต้องอยู่ต่อ”สีหน้าหัวหน้าตระกูลหลี่ไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนไว้แล้ว ต่อให้ราชสำนักส่งคนมา นั่นจะต้องไปที่เมืองผิงหยางก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันมาที่เมืองไห่เทียนก่อนทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาก็สามารถหาทางป้องกันตนเองได้ มีเวลามากเพียงพอใครคาดคิดเล่าว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันเช่นนี้ ไม่มีโอกาสหนีตั้งแต่แรก“เรื่องนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ไฉนเลยข้าจะรู้ว่าเรื่องจะบังเอิญถึงเพียงนี้?”หัวหน้าตระกูลเจียงอึดอัดใจอย่างอดไม่ได้ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง“บัดนี้โทษใครก็ไม่สำคัญ รีบคิดเถอะว่าจะทำเช่นไร ข้าส่งคนไปสืบข่าวแล้ว ฉู่อ๋องไปที่อำเภอนั้น น่ากลัวว่าอ
อิงตามที่ซ่งเยี่ยนโจวพูด สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายมากอย่างแท้จริง หากไม่ใช่คนสกุลหลิงนำทหารเร่งเดินทางมาถึง เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วหลินจือเยว่กลับมีผลงานเพราะส่งข่าว หากไม่ได้เขาส่งข่าว สกุลหลิงไปไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะต้องเสียชายแดนไปแล้วแน่ ไม่มีวันเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้!แม้พูดว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทั้งหมดนี้ แต่เพียงเรื่องที่บิดายังไม่ตาย กลับไม่ส่งข่าวมาโดยตลอด ก็สามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้มากแล้วภายในนี้จะต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่แน่ทั้งหมด...ยังชี้ไปที่สกุลหลิงอีกด้วย!ยามฉู่จวินถิงมาถึงก็ได้เห็นพวกซ่งรั่วเจินสามพี่น้องกำลังนั่งรวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด“ทำนายผลออกมาไม่ดีกระนั้นหรือ?” ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความกังวลซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “เปล่าเพคะ ก็แค่คิดบางเรื่อง ท่านและท่านตาเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือ?”“อยากรู้เรื่องผู้อยู่เบื้องหลัง ยังต้องไปสกุลเจียงสักเที่ยวหนึ่ง จะได้พบหัวหน้าตระกูลเจียง” ฉู่จวินถิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ง้างปากของเขา สามารถลดปัญหาลงได้มาก”ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “หม่อมฉันไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”ในเมื่อทางฝั่งจ้าวชิงหยวนพบไอม
ดูท่าแล้ว ท่านพ่อสังเกตเห็นความอันตราย มิหนำซ้ำยังพบสถานที่ปลอดภัย “บางที...พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาท่านพ่อ ท่านพ่อก็จะมาหาพวกเราเอง”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว พวกซ่งจืออวี้ทั้งสองคนเผยสีหน้าตกตะลึง “นี่หมายความว่าอะไร? หรือท่านพ่อสามารถรู้ได้ว่าพวกเรามากระนั้น?”“ท่านพ่อย่อมไม่รู้ หากข้าเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าท่านพ่อกำลังสืบเรื่องอุทกภัยจึงเข้ามาใกล้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางเอ่ยปาก “บัดนี้ตำแหน่งของท่านพ่อไม่ใช่ชายแดน ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้กับที่พวกเราอยู่ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”“พูดเช่นนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของท่านพ่อหายดีแล้วกระนั้น?” ซ่งจืออวี้แปลกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็คือข่าวดีซ่งจิ่งเซินกลับไม่ดีใจมากนัก “ใช่หรือไม่ว่าถูกไล่ต้อนให้จากไป? ครั้งนี้ท่านพ่อเกือบต้องทิ้งชีวิตในสนามรบ ข้าคิดว่าจะต้องถูกคนทำร้ายแน่!”“คนที่ทำร้ายเขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงตามหาเขาทั่วสารทิศ”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มากทีเดียว นึกอยากตามหาคน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองนางอย่างกะทันหัน จะใช่คุณชายใหญ่สกุลหลิงหรือไม่?นับตั้งแต่คำรบแรกที่นางได้พบหลิงเชี่ยนเอ