บทที่ 3 เกือบไม่รอด
“คิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวท่านรองแม่ทัพจะดื่มสุราเก่งเพียงนี้ เอาสิหากเจ้าอยากดื่มจงดื่มให้เพียงพอจากนั้นเราจะได้ใช้ช่วงเวลาหอมหวานด้วยกัน” ดวงตาที่มองมายังนางช่างหวานเยิ้ม หลี่มี่คิดหนักทุกอย่างช่างแตกต่างในนิยายยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาตามใจนางจึงรีบรินสุรามอบให้แก่เขาอีกครั้ง
“เช่นนั้นท่านแม่ทัพมาดื่มด้วยกันนะเจ้าคะ จะให้ข้าดื่มผู้เดียวได้อย่างไร”
“ได้สิหากเจ้าป้อนข้า ข้าจะดื่มทุกจอกที่เจ้ารินให้” ความรู้สึกอึดอัดปะทะใบหน้าแต่ทำได้เพียงแสร้งยิ้มให้คนตรงหน้า
‘ตาแม่ทัพบ้าคนนี้ไม่เห็นเย็นชาแต่กลับเป็นท่านแม่ทัพจอมหื่นสินะ เฮ้อ! จะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่คืนนี้ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้’ หลี่มี่จำยอมยกจอกสุราป้อนไปที่ปากของเขาอย่างจำใจ เขายิ้มกริ่มออกมาอย่างพอใจดื่มสุราที่นางมอบให้จอกแล้วจอกเล่า เมื่อใกล้หมดหลี่มี่จึงตะโกนบอกทหารที่อยู่ด้านนอกไปนำสุรามาอีก ไหแล้วไหเล่าในที่สุดใบหน้าของท่านแม่ทัพเริ่มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเยิ้มเอ่ยวาจาเริ่มติด ๆ ขัด ๆ
“อะไรกันสุราหมดไปขนาดนี้แล้วแต่ท่านแม่ทัพยังนั่งได้อยู่ โชคดีที่เราเองคอแข็งมากพอไม่เช่นนั้นจะเป็นฉันเองที่มอมเหล้าตัวเอง "หลี่มี่คิดในใจมองไปยังท่านแม่ทัพอย่างเหนื่อยใจจู่ ๆ ท่านแม่ทัพได้ลุกขึ้นยืนดึงแขนของหลี่มี่ให้เดินตามเขาไปยังเดินเตียงนอน
“ตอนนี้ควรแก่เวลาแล้ว เรามาร่วมหอกันเถอะฮูหยินน” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาก่อนจะจับหลี่มี่นั่งที่เตียงนอนค่อย ๆ ใช้มืออีกข้างดึงผ้าคุมเตียงลง หลี่มี่ใจสั่นระรัวไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรที่ไม่ต้องเข้าร่วมหอกับเขา
“ท่านทัพข้าว่าวันนี้ท่านเมาแล้วนอนพักดีมั้ยเจ้าคะ ท่านเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว “หลี่มี่รีบคิดหาทางรอดเอ่ยออกมาอย่างกระตุกกระตัก
“เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร ข้าคือท่านแม่ทัพใหญ่เพียงเท่านี้มิอาจทำให้ข้าเหน็ดเหนื่อยได้หรอก” เขานั่งก้มตัวมาหานางจับปลายคางเรียวเล็กให้เงยขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเขาก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวมาเพื่อจุมพิต หัวใจของหลี่มี่เต้นแรงหรือนี่นางจะเสียความบริสุทธิ์ให้แก่ท่านแม่ทัพ แต่แล้วทุกอย่างก็นิ่งไปเพราะจู่ ๆ ท่านแม่ทัพกลับทิ้งตัวลงนอนทับหลี่มี่แน่นิ่งไปเพราะฤทธิ์สุรา
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ” หลี่มี่ที่ถูกทับใช้มือแตะที่แขนของเขาเพื่อดูว่าเขาหลับไปแล้วจริงหรือไม่? แต่เมื่อนางเรียกหลายต่อหลายครั้งไม่มีท่าทีว่าเขาจะตื่น หลี่มี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกก่อนจะดันตัวของเทียนหลันเซ่อให้ออกจากตัวของนาง
“เฮ้อ! คิดว่าจะเสียตัวซะแล้ว ทำไมถึงได้คอแข็งขนาดนี้นะ เล่นเอาฉันเหนื่อยเลย” หลี่มี่ลุกขึ้นจัดแจงให้ท่านแม่ทัพได้นอนอย่างสบายพลางบ่นพึมพำ นางยืนมองดูท่านแม่ทัพที่เมาหลับอยู่บนเตียงกอดอกครุ่นคิด
‘หากจะให้นอนเช่นนี้ เขาจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันมอมเหล้า เอาอย่างนี้ล่ะกัน’ หลี่มี่คิดในใจก่อนจะจัดแจงถอดเสื้อด้านนอกของเขาออก คล้ายเชือกผูกกางเกงเล็กน้อยส่วนนางเองก็ได้ไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนแสร้งว่านางกับท่านแม่ทัพได้ผ่านคืนแรกไปด้วยกันอย่างดุเดือด ที่นอนยับข้าวของกระจัดกระจาย นางไม่ลืมที่จะทำสัญลักษณ์ว่าตนเองเสียความบริสุทธิ์ให้เขาแล้ว นางกัดปลายนิ้วของตัวเองแต้มลงบนผ้าปูที่นอนสีขาว ก่อนจะทิ้งตัวนอนอย่างสบายใจ แค่นี้เขาต้องคิดว่าได้รวมหอกับนางแล้ว
จิ๊บ จิ๊บ ๆ ..
เสียงนกน้อยพรรณนาร้องขานรับกันไปมา หลี่มี่รีบตื่นก่อนที่ท่านแม่ทัพจะรู้สึกตัวนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ถอดชุดที่สวมใส่ทิ้งลงตะกร้าเพื่อให้สาวใช้นำไปซัก ก่อนจะเดินออกมารับลมมองแสงตะวันที่กำลังโผล่ขึ้นบนฟากฟ้าอย่างงดงาม
“แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าช่างอบอุ่นจริง ๆ เลย เรื่องที่เกิดขึ้นราวกับความฝันแต่มันกลับเป็นความจริงซ่ะงั้น” หลี่มี่มองถอดสายตาเฝ้าทบทวนคิดเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้ว่านางจะต้องพบเจออะไรอีก
ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือปวดหัวราวกับถูกหินทับหนักอึ้ง ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงเตียงนอนมองดูสภาพห้องอย่างสงสัยว่าเมื่อคืนเกิดอันใดขึ้นในห้องเสมือนเกิดสงครามอย่างไรอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน! แล้วเยิ่นเม่ยเม่ยนางไปที่ใด ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ข้าดื่มสุรากับนางเสร็จมาที่เตียงกำลังร่วมหอกับนางแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดดับไป อย่าบอกนะว่าที่ห้องเละเทะขนาดนี้เกิดจากที่ข้าร่วมหอกับนาง ฮ่า ฮ่า เป็นไปไม่ได้หรอก” เทียนหลันเซ่อเอ่ยออกมาอย่างขบขันแต่พอลุกขึ้นจากเตียงนอนผ้าห่มถูกเขาดึงมาเผยให้เห็นผ้าปูเตียงเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ทำเอาเขาขบขันไม่ออกมองสำรวจเสื้อผ้าตนเองก่อนจะเปิดดูน้องชายของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทำไมกัน! ทำไมข้าไม่เห็นรู้สึกว่าข้าได้ใช้เวลาร่วมกับนางเลยล่ะ” เขานั่งลงที่เตียงเพื่อครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะดมกลิ่มเลือดที่อยู่บนผ้าพร้อมแสยะยิ้ม เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านสนามรบมาย่อมรู้ดีว่ากลิ่นเลือดเช่นนี้เกิดจากสาเหตุอันใด หากเขาได้ร่วมรักกับนางจริง ๆ เขาเองก็มีความทรงจำคลับคลายคลับคลาบ้างแต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที เมื่อจมูกดมกลิ่นที่อยู่บนเตียงนอน เขาเบิกตาโพลงโตนั่งตัวตรงแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกมา
“เฮอะ! ท่านแม่ทัพใหญ่อย่างข้าเสียรู้ให้สตรีบอบบางอย่างนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าต้องการทำเช่นนี้กับข้าใช่หรือไม่? ได้ข้าเองก็จะแสดงอย่างที่เจ้าต้องการเอง” เพราะเขารู้ว่าเลือดที่อยู่บนที่นอนมิใช่เลือดที่ออกมาตัวของนางแต่เป็นเลือดที่นางจงใจแต่งแต้มขึ้นมา เรื่องเท่านี้มีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่รู้ เขาสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องเพื่อตามหาฮูหยินจอมเจ้าเล่ห์
บทที่ 4 เด็กแสบฝั่งด้านหลี่มี่นางเดินรับลมมาเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางใดทำให้นางเริ่มสับสนว่าที่ที่นางอยู่นี่คือที่ใดกัน เมื่อเดินมาได้สักพักได้ยินเสียงเด็กชายที่ส่งเสียงดังอยู่ด้านหน้า“เสียงเด็กผู้ชายนี่น่าหรือว่าจะเป็นเจ้าก้อนแป้งนะ ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะน่ารักเหมือนในนิยายหรือเปล่า” หลี่มี่รีบย่างเท้าไปด้านหน้าเพื่อพบกับ ‘อ้ายเยว่’ อายุห้าขวบ บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นขาดความรักของผู้เป็นแม่ ทำให้เขาเอาแต่ใจตนเองและไม่ชอบเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะคิดว่านางจะมาแย่งความรักของท่านพ่อไปจากเขา เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้เห็นว่าเด็กชายแก้มตุ้ยนุ้ยอวบอ้วนกำลังรังแกสัตว์อยู่นางรีบเข้าไปห้ามทันทีไม่อยากให้เด็กชายนิสัยเสียไปกว่านี้“หยุดนะ! นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เด็กชายหยุดรังแกสัตว์พร้อมหันไปมองที่มาของเสียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนเด็กชายมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที“ชิ! ข้าคิดว่าใครที่แท้ก็คนที่มาแย่งท่านพ่อไปจากข้า มีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าเสียหน่อย” เด็กชายไม่ได้เกรงกลัวแถมยังแสดงท่าทีอวดเก่งใส่นางอีกด้วยซ้ำ"ตัวแค่นี้ปากเก่งเสียจริงนะ" หลี
บทที่ 5 ท่านแม่จะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้ภายในห้องโถงมีสตรีสองนางกำลังพูดคุยหารือกัน สตรีที่มีอายุนั่งอยู่ด้านขวาคือ ‘ฟางเหนียง’ มารดาของท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ กำลังใช้มือลูบหลังสตรีที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมืออย่างอ่อนโยน นางกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเช็ดน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมา ใบหน้าของนางสง่างามไร้ที่ติแถมนางยังเป็นบุตรสาวของท่านใต้เท้าหลิวผู้ที่มีอำนาจนางคือ ‘หลิวอี้เฟ่ย’ สตรีที่มีใจให้แก่ท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ“หลิวอี้เฟ่ยเจ้าหยุดร้องไห้คร่ำครวญเถิดนะ ตอนนี้เทียนหลันเซ่อบุตรชายของข้าได้แต่งฮูหยินเข้ามาแล้ว เราต้องช่วยกันคิดจะทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่ามาคร่ำครวญเช่นนี้ "“ท่านป้าข้าเจ็บตรงนี้เหลือเกินเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าข้าจะได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพเสียอีก เหตุไฉนท่านแม่ทัพถึงไปคว้าสตรีที่ต่ำต้อยเช่นนั้นมาเป็นฮูหยิน ข้าไม่ดีตรงไหนหรือเจ้าคะ” เสียงเล็กแหลมสะอึกสะอื้นไห้ เอ่ยออกมาอย่างเจ็บช้ำน้ำใจนางรักเทียนหลันเซ่อจากใจจริงแม้ว่าเขาเคยมีภรรยาหรือมีลูกติดนางเองไม่ได้สน คอยมาหามาดูแลมารดาของท่านแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง จนเอาชนะใจของฟางเหนียงได้“ไม่เลยเจ้าดีทุกอย่าง เหมาะสมกับเทียนหลันเซ่อทุกประการ
บทที่ 6 แผนการเมื่อหลี่มี่โค้งคำนับฟางเหนียงเสร็จนางหันหลังเดินออกมา เทียนหลันเซ่อเองก็รีบเดินตามหลังนางมาติด ๆ เดินผ่านสวนดอกไม้เทียนหลันเซ่อคว้าแขนของนางให้หยุดเดินก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบกอดนางไว้ไม่ให้เดินต่อ“นี่ท่านทำอันใดของท่านเจ้าคะ” หลี่มี่ตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาสวมกอดแถมแสดงสีหน้าเย้ายวนกวนประสาท“แค่กอดเท่านี้จะเป็นไรไป เมื่อคืนนี้เราก็ผ่านค่ำคืนเร้าร้อนมาด้วยกัน เจ้าบอกท่านแม่ว่าอีกไม่นานเจ้าจะมีหลานให้ท่าน สงสัยคืนนี้ข้าต้องรีบพาเจ้าเข้าห้องตั้งแต่ฟ้าไม่มืดจะได้มีน้องให้อ้ายเยว่ในเร็ววัน” เพราะความอยากเอาชนะหลิวอี้เฟ่ยทำให้หลี่มี่เอ่ยออกไปอย่างลืมคิด จนท่านแม่ทัพเอ่ยมันออกมาแล้วอย่างนี้นางจะหาทางหลบหนีเขาอย่างไร“เมื่อครู่… ที่ข้าเอ่ยออกไปเพราะอยากให้ท่านแม่สบายใจเท่านั้น ท่านแม่ทัพไม่เห็นต้องนำมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างคืนนี้ข้าขอพักบ้างไม่ได้หรือเจ้าคะ? เนื้อตัวของข้าปวดระบมไปหมดแล้ว” เทียนหลันเซ่อแสยะยิ้มมุมปากครุ่นคิด ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากแกล้งนางอยากรู้ว่านางจะแสดงได้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะแสดงธาตุแท้ออกมา เขารับมือจากศัตรูมามากเพียงมองดูก็รู้ว่าศัตรูจะโจมตีเช่นไรแต่
บทที่ 7 บาดเจ็บสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเรียกใช้จึงรีบพากันออกไปตามหาสาวใช้ที่นางต้องการ"ท่านป้าเจ้าคะ เมื่อครู่ที่นางมายกน้ำชาการกระทำคำพูดของนางข้าพอมองออก นางมิใช่สตรีที่อ่อนแอเราจะประมาทมิได้นะเจ้าคะ ""เป็นอย่างที่เจ้าเอ่ย ข้าเองก็พอมองออกเราประเมินนางต่ำไป หากให้สาวใช้คอยปรนนิบัตินาง เราจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไร เทียนหลันเซ่อผ่านการมีภรรยามาแล้วข้าไม่คิดเลยว่าบุตรชายของข้าจะหลงนางราวกับว่าไม่เคยผ่านสตรีใดมาก่อน หรือว่านางผู้นี้จะมีคาถาเวทย์มนต์หรือว่าใส่ยาเสน่ห์ให้เทียนหลันเซ่อกินกันนะ เขาไม่เคยเอ่ยวาจาเหินห่างกับเจ้าแต่เมื่อมีเยิ่นเม่ยเม่ยเข้ามากลับทำเป็นว่าเจ้าเป็นผู้อื่น เฮ้อ! ยิ่งคิดข้ายิ่งปวดหัว " ฟางเหนียงคิดอันใดก็เอ่ยออกมา ต่างจากหลิวอี้เฟ่ยนางคิดตามคำพูดของฟางเหนียงลุกขึ้นพรวดจนฟางเหนียงตกใจ"หากท่านป้าปวดหัวก็จงพักเถอะเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำขอลานะเจ้าคะ อีกสองวันข้าจะมาหาท่านป้าใหม่ " แววตาคมกริบไร้รอยยิ้มย่างเท้าเดินออกจากห้องไปทันที ทำเอาฟางเหนียงมองตามอย่างไม่เข้าใจ"นางมีเรื่องด่วนอันใดถึงรีบร้อนใจออกไปเช่นนี้ คงเป็นเพ
บทที่ 8 ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่นานแม่นมได้กลับมาพร้อมท่านหมอตรวจร่างกายจัดการบาดแผลให้แก่หลี่มี่ โชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บมากเพียงแค่หัวแตกเท่านั้น ส่วนที่นางสลบน่าจะเป็นเพราะนางตกใจจนเกินไปเมื่อท่านหมอรักษาแผลให้หลี่มี่เสร็จเขาจึงขอตัวกลับ ส่วนอ้ายเยว่ไม่กล้าที่จะเข้าไปที่ห้องเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างเป็นกังวล ส่วนลูกแมวน้อยเขาได้ให้แม่นมพาไปที่ห้องของเขาแล้ว เทียนหลันเซ่อรู้ว่าเยิ่นเม่ยเม่ยปลอดภัย เขาจึงเดินออกมาหน้าห้องพบเห็นอ้ายเยว่เดินไปมาอย่างเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเดินเข้ามาหาบุตรชายเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น อ้ายเยว่เห็นท่านพ่อเดินออกมาจากห้องจึงรีบเข้าไปเอ่ยถามอาการของเยิ่นเม่ยเม่ย“ท่านพ่อนางเป็นเช่นไรบ้างขอรับ ข้าไม่ได้ทำให้นางตายใช่มั้ย? ท่านพ่อหากนางตายข้าจะทำเช่นไร” เทียนหลันเซ่อวางมือลงบนบ่าของอ้ายเยว่ทั้งสองข้างนั่งคุกเข่าลงเพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้“อ้ายเยว่บอกข้ามาว่าเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงได้รับบาดเจ็บ แล้วทำไมเจ้าต้องคิดว่าตนเองฆ่านางหรือว่าเจ้ารังแกนาง” น้ำเสียงกดต่ำเพียงแค่ได้ยินก็รู้เย็นยะเยือกถึงหัวใจเด็กชายสั่นกลัวส่ายหน้าม
บทที่ 9 หากถูกท่านโอบกอดคงหายดีหลังจากที่สาวใช้เดินออกไปหลี่มี่โน้มลงลงนอนพร้อมหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ไม่คิดเลยว่าการเจ็บตัวจะเจ็บได้ถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นการเจ็บที่ไม่ได้ถูกกระทำ แต่มันทำให้หลี่มี่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นเช่นไร แล้วอย่างนี้เยิ่นเม่ยเม่ยตอนที่นางถูกรังแกจะเจ็บปวดถึงเพียงใดกันนะ หลี่มี่หลับตาครุ่นคิดไม่นานจึงผล็อยหลับไป“บาดเจ็บอีกแล้วสินะ ทำเช่นไรเจ้าถึงจะปลอดภัย ข้าไม่ชอบที่เห็นเจ้าบาดเจ็บเลยสักนิด” มือหนาลูบลงที่หัวของเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างอ่อนโยน จ้องมองร่างบางที่นอนหลับสนิทด้วยใจที่เจ็บปวดหลี่มี่รู้สึกตัวเหมือนมีมือมาลูบที่หัวของนาง นางลืมตาขึ้นมาพบเพียงในห้องตอนนี้มีเพียงความมืดสนิดว่างเปล่า นางลุกขึ้นนั่งกวาดตามองดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบผู้ใดสักคนหรือนี่นางจะรู้สึกหรือฝันไปนะ“ฝันสินะไป๋ลู่เจ้าอยู่ด้านอกหรือไม่? ”“เจ้าค่ะ “เสียงตอบขานอยู่ด้านนอกผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมเดินไปจุดเทียนเพิ่มความสว่างในห้อง“ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเตรียมอาหารมาให้ฮูหยินแล้ว” นางจุดเทียนพลางเอ่ยบอกนายหญิง“ตอนที่ข้าหลับอยู่มีผู้ใดเข้ามาหรือไม่?”“ไม่นะเจ้าคะ ข้าเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องตลอด
บทที่ 10 ไม่ปิดบังยามเหม่า (05.30)เรือนของฟางเหนียง“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้ามาตามที่ท่านสั่งมาเจ้าค่ะ” สาวใช้ยืนอยู่ในมุมมืดตอนนี้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อย“ได้ความว่าเช่นไร” ฟางเหนียงเอ่ยถามอีกฝ่าย“เมื่อวานนี้ฮูหยินได้รับบาดเจ็บเนื่องมาจากช่วยคุณชายอ้ายเยว่เอาไว้ แต่ข้ายังไม่รู้นิสัยของฮูหยินเท่าไหร่นัก ทั้งวันนางเอาแต่เก็บตัวนอนอยู่บนเตียงเพราะว่าเจ็บบาดแผล นางให้ข้าออกมาอยู่ด้านนอกจนกระทั่งฟ้ามืดนางตื่นขึ้นมา ข้าจึงเข้าไปดูแลปรนนิบัตินาง ไม่นานท่านแม่ทัพได้เข้าไปหาฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินออดอ้อนเก่งจนทำให้ท่านแม่ทัพรีบไล่ข้าออกมาเพื่อพาฮูหยินไปหลับนอน ทั้งสองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้รีบเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างที่นางเห็นมา“แล้วท่านแม่ทัพมีท่าทีเช่นไรเมื่อนางออดอ้อน”“ท่านแม่ทัพดูเป็นห่วงฮูหยินมาก ๆ นะเจ้าคะสายตาที่จ้องมองฮูหยินเป็นสายตาที่ข้าไม่เคยเห็นเลยสักครา”“อืมเช่นนั้นหรือ เจ้ากลับไปเถิดแล้วจับตาดูนางให้ดี มีอะไรก็รีบมารายงานวันนี้ข้าจะเข้าไปดูอาการนางสักหน่อย”“เจ้าค่ะ” ไป๋ลู่มารายงานตามงานที่นางถูกสั่งให้ไปทำ เมื่อนางได้รายงานเสร็
บทที่ 11 ตั้งรับ"ท่านแม่รู้หรือไม่เจ้าคะ ถ้อยคำที่ท่านแม่เอ่ยออกมาต่ำยิ่งกว่าฐานะของข้าเสียอีก ทำไมกันเจ้าคะเพียงเพราะข้ามิใช่หลินอี้เฟ่ยท่านเลยไม่ชอบข้าใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะบอกความรู้สึกที่มีต่อท่านแม่เช่นกันเจ้าคะ ว่าข้าเองไม่ได้ชอบท่านเลยสักนิดเวลาอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพไม่บอกไปเลยล่ะเจ้าคะ ว่าท่านไม่ต้องการให้ข้าเป็นฮูหยิน ท่านต้องยกตำแหน่งนี้ให้หลินอี้เฟ่ย อืม... ข้าพอรู้เพราะว่าท่านไม่กล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับท่านแม่ทัพเลยมาบอกข้าในเวลาที่ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อย่าคิดว่าข้ากลัวท่านนะเจ้าคะต่อให้ท่านไม่ชอบข้าเพียงใดก็ต้องจำใจดูการมีอยู่ของข้าตลอดไปเลยนะเจ้าค่ะ เพราะไม่ว่าท่านไล่ข้าเช่นไรข้าไม่ยอมออกจากเรือนนี้ไปแน่ " หลี่มี่ยิ้มเยาะหยันไร้ความกลัวพร้อมรับมือกับสตรีตรงหน้า"นี่เจ้าเอ่ยว่าจาเหิมเกริมยิ่งนัก! ข้าเป็นมารดาของท่านแม่ทัพแต่เจ้าหาเกรงกลัวไม่ " ฟางเหนียงชี้นิ้วใส่หน้าของหลี่มี่เอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความโมโห"ท่านเป็นท่านแม่ของท่านแม่ทัพแต่มิใช่ท่านแม่ของข้านี่เจ้าคะ ในเมื่อท่านเอ่ยวาจาไม่ดีต่อข้าก่อนท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้น "คำพูดหยิ่งพยองไร้ความย
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห