บทที่ 4 เด็กแสบ
ฝั่งด้านหลี่มี่นางเดินรับลมมาเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางใดทำให้นางเริ่มสับสนว่าที่ที่นางอยู่นี่คือที่ใดกัน เมื่อเดินมาได้สักพักได้ยินเสียงเด็กชายที่ส่งเสียงดังอยู่ด้านหน้า
“เสียงเด็กผู้ชายนี่น่าหรือว่าจะเป็นเจ้าก้อนแป้งนะ ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะน่ารักเหมือนในนิยายหรือเปล่า” หลี่มี่รีบย่างเท้าไปด้านหน้าเพื่อพบกับ ‘อ้ายเยว่’ อายุห้าขวบ บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นขาดความรักของผู้เป็นแม่ ทำให้เขาเอาแต่ใจตนเองและไม่ชอบเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะคิดว่านางจะมาแย่งความรักของท่านพ่อไปจากเขา เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้เห็นว่าเด็กชายแก้มตุ้ยนุ้ยอวบอ้วนกำลังรังแกสัตว์อยู่นางรีบเข้าไปห้ามทันทีไม่อยากให้เด็กชายนิสัยเสียไปกว่านี้
“หยุดนะ! นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เด็กชายหยุดรังแกสัตว์พร้อมหันไปมองที่มาของเสียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนเด็กชายมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที
“ชิ! ข้าคิดว่าใครที่แท้ก็คนที่มาแย่งท่านพ่อไปจากข้า มีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าเสียหน่อย” เด็กชายไม่ได้เกรงกลัวแถมยังแสดงท่าทีอวดเก่งใส่นางอีกด้วยซ้ำ
"ตัวแค่นี้ปากเก่งเสียจริงนะ" หลี่มี่อดไม่ไหวกับแก้มตุ้ยนุ้ยและท่าทางอวดดี นางจับแก้มของเด็กชายบีบไปมาอย่างเอ็นดู
" ปล่อยนะอย่าทำเช่นนี้กับข้า แม่นมช่วยข้าด้วยข้าถูกแม่มดใจร้ายรังแก" เด็กน้อยเริ่มร้องโวยวายเสียงดังให้แม่นมที่อยู่ใกล้ ๆ เข้ามาช่วย
"ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเสียหน่อย แค่ห้ามไม่ให้เจ้าทำในสิ่งที่ผิดเท่านั้นเอง " อ้ายเยว่จ้องมองแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโหที่ถูกห้ามมิให้ทำตามใจตน ดวงตาใบหน้าช่างราวกับท่านแม่ทัพถอดแบบมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
"เช่นนั้นข้าไม่รังแกสัตว์ตัวนั้นก็ได้แต่ข้าจะรังแกท่านแทน" หลี่มี่คิดไม่ถึงว่าเด็กตัวเล็กจะกล้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ไม่ทันที่นางได้เอ่ยอันใดเด็กชายกำลังจะนำไม้ที่อยู่ในมือเมื่อครู่ฟาดเข้าที่ขาของนาง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! "เสียงดังคำรามจากด้านหลังก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองต่างพากันมองไปยังเจ้าของเสียง เมื่อเด็กชายเห็นสีหน้าสลดลงมองต่ำ
"อ้ายเยว่วางไม้ลงเดี๋ยวนี้!! เจ้าคิดจะทำอันใด" น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยออกมาสุดเสียงเด็กชายรีบโยนไม้ในมือทิ้งอย่างรวดเร็ว
"ข้ามิได้ทำอันใดนะท่านพ่อ เพราะนางนางเข้ามารังแกข้าก่อน ข้าจึงป้องกันตัวเท่านั้น" นิ้วน้อย ๆ ของเขาชี้มาทางหลี่มี่ นางเอียงคอฉงนใจเพราะเมื่อครู่มิใช่นางหรอกหรือที่กำลังถูกรังแกเหตุใดเด็กน้อยคนนี้ถึงเอ่ยออกมาเช่นนี้ เพราะไม่ชอบนางสินะ ในนิยายฉากนี้ดูเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยจะถูกเด็กชายใช้ไม้ทุบตีที่ขาจนล้มลง แม้ท่านแม่ทัพเดินผ่านมาเขาหาสนใจไม่แต่คราวนี้แตกต่างออกไปเพราะนางจะไม่ยอมให้เด็กชายรังแกนางได้อีก
“อะไรกัน.. บุตรชายของท่านแม่ทัพกำลังโกหกนะเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าต่างหากกำลังโดนรังแก เหตุใดถึงมาใส่ความข้าเช่นนี้” เทียนหลันเซ่อมองทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะถอนหายใจตัดสินใจในเรื่องนี้
“เอาล่ะ ๆ เรื่องนี้อ้ายเยว่เองก็ผิดแต่เขาเองยังไม่ได้ทำอันใดให้เจ้าบาดเจ็บ” เขาบอกกับหลี่มี่เพื่อหยุดต่อว่าอ้ายเยว่ในเรื่องนี้ ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นท่านพ่อเข้าข้างตัวเองก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะแอบแลบลิ้นใส่หลี่มี่ราวกับว่าตนเองเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
“ส่วนเจ้าอ้ายเยว่เจ้ามิควรทำเช่นนี้กับสตรีนางนี้ เพราะต่อจากนี้ไปนางคือท่านแม่ของเจ้าหากเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้าจะสั่งลงโทษให้เจ้าอ่านหนังสืออยู่ในแต่ห้องห้ามออกมาเดินเล่นเข้าใจหรือไม่? แม่นมพาคุณชายไปกินอาหารเช้าเถิดและช่วยห้ามปรามเวลาที่เขาจะรังแกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยด้วยเพราะทุกชีวิตมีล้วนมีหัวใจ เจ้าเข้าใจที่ข้าเอ่ยออกมาหรือไม่อ้ายเยว่” ซาลาเปาก้อนโตใบหน้าบูดบึ้งเมื่อถูกท่านพ่อของตนตำหนิ หลี่มี่ที่มองอยู่ก็พอใจไม่น้อยที่เขาสั่งสอนบุตรชายด้วยเหตุผล
“ขอรับท่านพ่อจากนี้ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านพ่อ”
"ดีเช่นนั้นเจ้าไปกินอาหารเช้าเถิด จะได้ไปร่ำเรียกับท่านอาจารย์" เทียนหลันเซ่อเอ่ยบอกกับบุตรชายแม่นมรีบเข้ามาพาตัวคุณชายไปที่ห้องของเขา ตอนนี้ที่ตรงนี้เหลือเพียงหลี่มี่กับท่านแม่ทัพ นางไม่อยากสู้หน้าเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจึงหันหลังกำลังเดินหนีอย่างเงียบ ๆ แต่ก็ถูกเขาจับได้
“ฮูหยินจะรีบไปที่ใดหรือ" และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะจับได้แล้วว่านางกำลังจะหลบหน้า
"ข้าไม่ได้จะไปทางใดเพียงเห็นดอกไม้ที่อยู่ทางด้านนั้นสวยงามดีเจ้าค่ะเลยจะไปดูสักหน่อย แฮะ แฮะ"
"คิดว่าเจ้าจะหนีหน้าข้าเสียอีก เรื่องดอกไม้เอาไว้ก่อนเถิด เช้านี้เรามีเรื่องที่จะต้องทำเสียก่อน " แม่ทัพมองนางด้วยสายตาหื่นกระหายจนทำให้หลี่มี่ถอยหลังหนีอีกรอบ
" เมื่อคืนนี้ท่านทำเอาข้าแทบไม่ได้พักยังต้องการอีกหรือเจ้าคะ? ข้าปวดระบมไปทั้งตัว" หลี่มี่รีบแสร้งทำเป็นปวดเนื้อปวดตัวแต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
"นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไรกัน เรื่องที่ข้าบอกว่าต้องทำคือการที่เจ้าเข้ามาอยู่ในจวนของข้าในฐานะฮูหยินเช้านี้เจ้าต้องไปยกน้ำชาให้ท่านแม่ของข้านะสิ หรือว่าข้าจะเปลี่ยนไปพาเจ้ากลับไปที่ห้องดี เมื่อคืนนี้ข้ายังไม่พอใจเลยท่านแม่คงเข้าใจหากข้ากับเจ้าอยากจะใช้เวลาร่วมกันอีกสักหน่อย " เทียนหลันเซ่อเอ่ยพลางขยับกายใช้แขนขวากอดหลี่มี่มาข้างกายจะพานางเดินกลับไปที่ห้อง
"ข้าว่าท่านพาข้าไปยกน้ำชาจะดีกว่า ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ของท่านไม่พอใจที่ลูกสะใภ้อย่างข้าทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องตั้งแต่ครั้งแรก " หลี่มี่รีบกล่าวชวนเขาไปที่ห้องของท่านแม่ของเจ้าจะดีกว่ากลับห้องของตน เพราะนางเชื่อว่าอย่างไรเขาไม่ปล่อยให้นางรอดไปอีกแน่ ๆ
"ฮูหยินข้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าตามเจ้า มาเถิดห้องท่านแม่เดินผ่านสวนดอกไม้ด้านหน้าก็ถึงแล้ว" เทียนหลันเซ่อโอบไหล่ของนางให้เดินตามตนเองไป
"เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านแม่ทัพช่วยนำมือของท่านออกจากตัวของข้าก่อนได้มั้ยเจ้าคะ? ในเรือนของท่านสาวใช้มากมายไหนจะทหารของท่านอีก ข้าอายเจ้าค่ะ" หลี่มี่พยายามปัดมือของเขาออกแต่ทว่าเขากลับกอดนางแน่นมากกว่าเดิม
"เจ้าจะอายทำไมไม่มีผู้ใดกล้ามองเจ้ากับข้าหรอกนะ รีบเดินมาเถิดหากเจ้าชักช้าข้าเกรงว่าข้าอาจจะเปลี่ยนเส้นทาง" หลี่มี่รีบเดินย้ำเท้าทันทีที่เขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น ห้องของท่านแม่อยู่ห่างจากเรือนของท่านแม่ทัพไม่ไกลมากหลี่มี่สำรวจระหว่างทาง ทางไปที่เรือนของท่านแม่สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้มากมายหลายชนิด ในเรือนของท่านแม่ทัพช่างกว้างใหญ่ แต่ละเรือนจะถูกแบ่งแยกออกจากกัน เรือนที่หลี่มี่อยู่จะมีห้องของท่านแม่ทัพห้องของหลี่มี่ห้องโถงห้องทำงานของท่านแม่ทัพ ส่วนห้องของอ้ายเยว่อยู่อีกคนละหลัง หลี่มี่เดินไปพลางครุ่นคิดจะทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าของท่านแม่ในนิยายนางไม่ชอบขี้หน้าเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะเป็นเพียงบุตรสาวของรองแม่ทัพไม่ได้มียศสูงศักดิ์อะไร แต่นางก็มิอาจขัดใจบุตรชายได้ ตลอดเวลาที่อยู่ในจวนแห่งนี้นางก็มักจะยุแยงให้บุตรชายหรือแม้กระทั่งหลานชายเกลียดเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะอยู่คนละระดับชั้นกัน อีกอย่างนางมีสตรีที่จัดเตรียมไว้ให้ลูกชายของนางไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงทำทุกวิถีทางกำจัดเยิ่นเม่ยเม่ยไปให้พ้น ยิ่งคิดหลี่มี่ยิ่งกังวลถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว
"เฮ้อ!.." เทียนหลันเซ่อที่โอบนางเดินเคียงข้างได้ยินเข้าเห็นสีหน้ากังวลของนางจึงเอ่ยออกมาเพื่อปลอบให้นางเลิกกังวล
"ฮูหยินเจ้ากังวลหรือที่จะได้พบท่่านแม่ของข้าในวันนี้ เจ้าทำใจให้สบายเถอะนะ ท่านแม่แม้จะดูดุนิดหน่อยแต่ท่านแม่เป็นคนดีมีเหตุผลเจ้าเลิกกังวลเถิดดูสิคิ้วเจ้าขมวดจนติดกันไปหมดแล้ว"
'คนดีมีเหตุผลอะไรกัน ฉันเป็นคนแต่งย่อมรู้ดีกว่าท่านเยอะ ชิ!! ' หลี่มี่คิดในใจก่อนจะยิ้มร่าออกมา
"เจ้าค่ะ " เพื่อแสร้งให้เขารู้ว่านางมิได้เกรงกลัวแถมเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่
ทั้งสองเดินผ่านสวนดอกไม้มาก็พบเรือนประดับตกแต่งอย่างสบายตาสะอาดสะอ้าน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเทียนหลันเซ่อปล่อยแขนออกจากตัวของนาง เดินนำหน้าเข้าไปด้านในเมื่อสาวใช้เห็นรีบเข้ามาหาทันที
"ท่านแม่ทัพมาหาฮูหยินผู้เฒ่าหรือเจ้าคะ"
"ใช่แล้ว ท่านแม่อยู่ที่ใด"
"ฮูหยินผู้เฒ่ามีแขกอยู่ที่ห้องโถงเจ้าค่ะ"
"มีแขกหรือ ไม่เป็นไรเจ้าช่วยไปเตรียมน้ำชามาให้ข้าที ข้าจะพาฮูหยินไปยกน้ำชาให้ท่านแม่" สาวใช้เงยหน้ามองหลี่มี่ก่อนจะโค้งตัวลงน้อมรับคำสั่งของท่านแม่ทัพ
"เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะรีบนำไปให้นะเจ้าคะ" หลี่มี่รู้สึกได้สายตาทุกคนในเรือนต่างก็พากันมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ
"เจ้ามองสาวใช้มีเรื่องอันใดหรือ จริงสิเจ้าเองยังไม่มีสาวใช้คอยดูแลเข้าพบท่านแม่ข้าจะให้ท่านแม่จัดการเรื่องนี้ให้มาเถิดห้องโถงอยู่ด้านนี้ "เขาพานางเดินไปทางซ้ายมือไปยังห้องโถงใหญ่
"ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ" เอ่ยเสร็จนางก็เดินตามหลังเขาไป
บทที่ 5 ท่านแม่จะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้ภายในห้องโถงมีสตรีสองนางกำลังพูดคุยหารือกัน สตรีที่มีอายุนั่งอยู่ด้านขวาคือ ‘ฟางเหนียง’ มารดาของท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ กำลังใช้มือลูบหลังสตรีที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมืออย่างอ่อนโยน นางกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเช็ดน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมา ใบหน้าของนางสง่างามไร้ที่ติแถมนางยังเป็นบุตรสาวของท่านใต้เท้าหลิวผู้ที่มีอำนาจนางคือ ‘หลิวอี้เฟ่ย’ สตรีที่มีใจให้แก่ท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ“หลิวอี้เฟ่ยเจ้าหยุดร้องไห้คร่ำครวญเถิดนะ ตอนนี้เทียนหลันเซ่อบุตรชายของข้าได้แต่งฮูหยินเข้ามาแล้ว เราต้องช่วยกันคิดจะทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่ามาคร่ำครวญเช่นนี้ "“ท่านป้าข้าเจ็บตรงนี้เหลือเกินเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าข้าจะได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพเสียอีก เหตุไฉนท่านแม่ทัพถึงไปคว้าสตรีที่ต่ำต้อยเช่นนั้นมาเป็นฮูหยิน ข้าไม่ดีตรงไหนหรือเจ้าคะ” เสียงเล็กแหลมสะอึกสะอื้นไห้ เอ่ยออกมาอย่างเจ็บช้ำน้ำใจนางรักเทียนหลันเซ่อจากใจจริงแม้ว่าเขาเคยมีภรรยาหรือมีลูกติดนางเองไม่ได้สน คอยมาหามาดูแลมารดาของท่านแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง จนเอาชนะใจของฟางเหนียงได้“ไม่เลยเจ้าดีทุกอย่าง เหมาะสมกับเทียนหลันเซ่อทุกประการ
บทที่ 6 แผนการเมื่อหลี่มี่โค้งคำนับฟางเหนียงเสร็จนางหันหลังเดินออกมา เทียนหลันเซ่อเองก็รีบเดินตามหลังนางมาติด ๆ เดินผ่านสวนดอกไม้เทียนหลันเซ่อคว้าแขนของนางให้หยุดเดินก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบกอดนางไว้ไม่ให้เดินต่อ“นี่ท่านทำอันใดของท่านเจ้าคะ” หลี่มี่ตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาสวมกอดแถมแสดงสีหน้าเย้ายวนกวนประสาท“แค่กอดเท่านี้จะเป็นไรไป เมื่อคืนนี้เราก็ผ่านค่ำคืนเร้าร้อนมาด้วยกัน เจ้าบอกท่านแม่ว่าอีกไม่นานเจ้าจะมีหลานให้ท่าน สงสัยคืนนี้ข้าต้องรีบพาเจ้าเข้าห้องตั้งแต่ฟ้าไม่มืดจะได้มีน้องให้อ้ายเยว่ในเร็ววัน” เพราะความอยากเอาชนะหลิวอี้เฟ่ยทำให้หลี่มี่เอ่ยออกไปอย่างลืมคิด จนท่านแม่ทัพเอ่ยมันออกมาแล้วอย่างนี้นางจะหาทางหลบหนีเขาอย่างไร“เมื่อครู่… ที่ข้าเอ่ยออกไปเพราะอยากให้ท่านแม่สบายใจเท่านั้น ท่านแม่ทัพไม่เห็นต้องนำมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างคืนนี้ข้าขอพักบ้างไม่ได้หรือเจ้าคะ? เนื้อตัวของข้าปวดระบมไปหมดแล้ว” เทียนหลันเซ่อแสยะยิ้มมุมปากครุ่นคิด ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากแกล้งนางอยากรู้ว่านางจะแสดงได้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะแสดงธาตุแท้ออกมา เขารับมือจากศัตรูมามากเพียงมองดูก็รู้ว่าศัตรูจะโจมตีเช่นไรแต่
บทที่ 7 บาดเจ็บสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเรียกใช้จึงรีบพากันออกไปตามหาสาวใช้ที่นางต้องการ"ท่านป้าเจ้าคะ เมื่อครู่ที่นางมายกน้ำชาการกระทำคำพูดของนางข้าพอมองออก นางมิใช่สตรีที่อ่อนแอเราจะประมาทมิได้นะเจ้าคะ ""เป็นอย่างที่เจ้าเอ่ย ข้าเองก็พอมองออกเราประเมินนางต่ำไป หากให้สาวใช้คอยปรนนิบัตินาง เราจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไร เทียนหลันเซ่อผ่านการมีภรรยามาแล้วข้าไม่คิดเลยว่าบุตรชายของข้าจะหลงนางราวกับว่าไม่เคยผ่านสตรีใดมาก่อน หรือว่านางผู้นี้จะมีคาถาเวทย์มนต์หรือว่าใส่ยาเสน่ห์ให้เทียนหลันเซ่อกินกันนะ เขาไม่เคยเอ่ยวาจาเหินห่างกับเจ้าแต่เมื่อมีเยิ่นเม่ยเม่ยเข้ามากลับทำเป็นว่าเจ้าเป็นผู้อื่น เฮ้อ! ยิ่งคิดข้ายิ่งปวดหัว " ฟางเหนียงคิดอันใดก็เอ่ยออกมา ต่างจากหลิวอี้เฟ่ยนางคิดตามคำพูดของฟางเหนียงลุกขึ้นพรวดจนฟางเหนียงตกใจ"หากท่านป้าปวดหัวก็จงพักเถอะเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำขอลานะเจ้าคะ อีกสองวันข้าจะมาหาท่านป้าใหม่ " แววตาคมกริบไร้รอยยิ้มย่างเท้าเดินออกจากห้องไปทันที ทำเอาฟางเหนียงมองตามอย่างไม่เข้าใจ"นางมีเรื่องด่วนอันใดถึงรีบร้อนใจออกไปเช่นนี้ คงเป็นเพ
บทที่ 8 ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่นานแม่นมได้กลับมาพร้อมท่านหมอตรวจร่างกายจัดการบาดแผลให้แก่หลี่มี่ โชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บมากเพียงแค่หัวแตกเท่านั้น ส่วนที่นางสลบน่าจะเป็นเพราะนางตกใจจนเกินไปเมื่อท่านหมอรักษาแผลให้หลี่มี่เสร็จเขาจึงขอตัวกลับ ส่วนอ้ายเยว่ไม่กล้าที่จะเข้าไปที่ห้องเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างเป็นกังวล ส่วนลูกแมวน้อยเขาได้ให้แม่นมพาไปที่ห้องของเขาแล้ว เทียนหลันเซ่อรู้ว่าเยิ่นเม่ยเม่ยปลอดภัย เขาจึงเดินออกมาหน้าห้องพบเห็นอ้ายเยว่เดินไปมาอย่างเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเดินเข้ามาหาบุตรชายเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น อ้ายเยว่เห็นท่านพ่อเดินออกมาจากห้องจึงรีบเข้าไปเอ่ยถามอาการของเยิ่นเม่ยเม่ย“ท่านพ่อนางเป็นเช่นไรบ้างขอรับ ข้าไม่ได้ทำให้นางตายใช่มั้ย? ท่านพ่อหากนางตายข้าจะทำเช่นไร” เทียนหลันเซ่อวางมือลงบนบ่าของอ้ายเยว่ทั้งสองข้างนั่งคุกเข่าลงเพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้“อ้ายเยว่บอกข้ามาว่าเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงได้รับบาดเจ็บ แล้วทำไมเจ้าต้องคิดว่าตนเองฆ่านางหรือว่าเจ้ารังแกนาง” น้ำเสียงกดต่ำเพียงแค่ได้ยินก็รู้เย็นยะเยือกถึงหัวใจเด็กชายสั่นกลัวส่ายหน้าม
บทที่ 9 หากถูกท่านโอบกอดคงหายดีหลังจากที่สาวใช้เดินออกไปหลี่มี่โน้มลงลงนอนพร้อมหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ไม่คิดเลยว่าการเจ็บตัวจะเจ็บได้ถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นการเจ็บที่ไม่ได้ถูกกระทำ แต่มันทำให้หลี่มี่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นเช่นไร แล้วอย่างนี้เยิ่นเม่ยเม่ยตอนที่นางถูกรังแกจะเจ็บปวดถึงเพียงใดกันนะ หลี่มี่หลับตาครุ่นคิดไม่นานจึงผล็อยหลับไป“บาดเจ็บอีกแล้วสินะ ทำเช่นไรเจ้าถึงจะปลอดภัย ข้าไม่ชอบที่เห็นเจ้าบาดเจ็บเลยสักนิด” มือหนาลูบลงที่หัวของเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างอ่อนโยน จ้องมองร่างบางที่นอนหลับสนิทด้วยใจที่เจ็บปวดหลี่มี่รู้สึกตัวเหมือนมีมือมาลูบที่หัวของนาง นางลืมตาขึ้นมาพบเพียงในห้องตอนนี้มีเพียงความมืดสนิดว่างเปล่า นางลุกขึ้นนั่งกวาดตามองดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบผู้ใดสักคนหรือนี่นางจะรู้สึกหรือฝันไปนะ“ฝันสินะไป๋ลู่เจ้าอยู่ด้านอกหรือไม่? ”“เจ้าค่ะ “เสียงตอบขานอยู่ด้านนอกผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมเดินไปจุดเทียนเพิ่มความสว่างในห้อง“ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเตรียมอาหารมาให้ฮูหยินแล้ว” นางจุดเทียนพลางเอ่ยบอกนายหญิง“ตอนที่ข้าหลับอยู่มีผู้ใดเข้ามาหรือไม่?”“ไม่นะเจ้าคะ ข้าเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องตลอด
บทที่ 10 ไม่ปิดบังยามเหม่า (05.30)เรือนของฟางเหนียง“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้ามาตามที่ท่านสั่งมาเจ้าค่ะ” สาวใช้ยืนอยู่ในมุมมืดตอนนี้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อย“ได้ความว่าเช่นไร” ฟางเหนียงเอ่ยถามอีกฝ่าย“เมื่อวานนี้ฮูหยินได้รับบาดเจ็บเนื่องมาจากช่วยคุณชายอ้ายเยว่เอาไว้ แต่ข้ายังไม่รู้นิสัยของฮูหยินเท่าไหร่นัก ทั้งวันนางเอาแต่เก็บตัวนอนอยู่บนเตียงเพราะว่าเจ็บบาดแผล นางให้ข้าออกมาอยู่ด้านนอกจนกระทั่งฟ้ามืดนางตื่นขึ้นมา ข้าจึงเข้าไปดูแลปรนนิบัตินาง ไม่นานท่านแม่ทัพได้เข้าไปหาฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินออดอ้อนเก่งจนทำให้ท่านแม่ทัพรีบไล่ข้าออกมาเพื่อพาฮูหยินไปหลับนอน ทั้งสองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้รีบเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างที่นางเห็นมา“แล้วท่านแม่ทัพมีท่าทีเช่นไรเมื่อนางออดอ้อน”“ท่านแม่ทัพดูเป็นห่วงฮูหยินมาก ๆ นะเจ้าคะสายตาที่จ้องมองฮูหยินเป็นสายตาที่ข้าไม่เคยเห็นเลยสักครา”“อืมเช่นนั้นหรือ เจ้ากลับไปเถิดแล้วจับตาดูนางให้ดี มีอะไรก็รีบมารายงานวันนี้ข้าจะเข้าไปดูอาการนางสักหน่อย”“เจ้าค่ะ” ไป๋ลู่มารายงานตามงานที่นางถูกสั่งให้ไปทำ เมื่อนางได้รายงานเสร็
บทที่ 11 ตั้งรับ"ท่านแม่รู้หรือไม่เจ้าคะ ถ้อยคำที่ท่านแม่เอ่ยออกมาต่ำยิ่งกว่าฐานะของข้าเสียอีก ทำไมกันเจ้าคะเพียงเพราะข้ามิใช่หลินอี้เฟ่ยท่านเลยไม่ชอบข้าใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะบอกความรู้สึกที่มีต่อท่านแม่เช่นกันเจ้าคะ ว่าข้าเองไม่ได้ชอบท่านเลยสักนิดเวลาอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพไม่บอกไปเลยล่ะเจ้าคะ ว่าท่านไม่ต้องการให้ข้าเป็นฮูหยิน ท่านต้องยกตำแหน่งนี้ให้หลินอี้เฟ่ย อืม... ข้าพอรู้เพราะว่าท่านไม่กล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับท่านแม่ทัพเลยมาบอกข้าในเวลาที่ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อย่าคิดว่าข้ากลัวท่านนะเจ้าคะต่อให้ท่านไม่ชอบข้าเพียงใดก็ต้องจำใจดูการมีอยู่ของข้าตลอดไปเลยนะเจ้าค่ะ เพราะไม่ว่าท่านไล่ข้าเช่นไรข้าไม่ยอมออกจากเรือนนี้ไปแน่ " หลี่มี่ยิ้มเยาะหยันไร้ความกลัวพร้อมรับมือกับสตรีตรงหน้า"นี่เจ้าเอ่ยว่าจาเหิมเกริมยิ่งนัก! ข้าเป็นมารดาของท่านแม่ทัพแต่เจ้าหาเกรงกลัวไม่ " ฟางเหนียงชี้นิ้วใส่หน้าของหลี่มี่เอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความโมโห"ท่านเป็นท่านแม่ของท่านแม่ทัพแต่มิใช่ท่านแม่ของข้านี่เจ้าคะ ในเมื่อท่านเอ่ยวาจาไม่ดีต่อข้าก่อนท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้น "คำพูดหยิ่งพยองไร้ความย
บทที่ 12 ตอบแทนอ้ายเยว่สนุกสนานกับลูกแมวที่เขาได้ช่วยลงมาจากต้นไม้ พูดคุยกับแม่นมจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของหลี่มี่ที่เดินผ่านมา"คุณชายเจ้าคะ ฮูหยินกำลังเดินมาทางนี้นำลูกแมวที่คุณชายได้ช่วยไว้ไปให้ฮูหยินดูดีมั้ยเจ้าคะ" อ้ายเยว่หันไปมองเยิ่นเม่ยเม่ยที่กำลังเดินผ่านพร้อมอุ้มลูกแมวเอาไว้ในอ้อมแขน"ทำไมต้องนำไปให้นางได้ดูด้วย ข้าไม่ชอบนางแม่นมเข้าใจหรือไม่""แต่ว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บที่หัวเพราะช่วยคุณชายเอาไว้นะเจ้าคะ หากฮูหยินมารับคุณชายไว้ไม่ทัน คุณชายอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้ก็เป็นได้""แม่นมพูดมาก ก็ได้แต่ที่ข้าทำเพราะไม่ใช่ข้าชอบนางหรอกนะ แต่เพราะนางช่วยข้าอย่างที่แม่นมกล่าวเท่านั้น" อ้ายเยว่ยังคงไม่อาจจะเปิดใจรับหลี่มี่ได้ แต่ก็ยังอุ้มลูกแมวดินไปหานางหลี่มี่เดินผ่านห้องของอ้ายเยว่แต่นางไม่คิดจะเข้าไปหาเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับมือเพียงแค่ฟางเหนียงนางก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว แต่ทว่านางกลับเห็นว่าอ้ายเยว่กำลังอุ้มลูกแมวเดินตรงมาหานาง"ไป๋ลู่เจ้าดูสิว่านั้นใช่คุณชายอ้ายเยว่หรือไม่? หรือว่าข้าตาฝาด""นั้นคุณชายอ้ายเยว่จริง ๆ เจ้าค่ะ " หลี่มี่คิ้วขมวดเข้าหากัน ปกติเด็กชายไม่ชอบนางแต่วันนี้เ
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห