บทที่ 6 แผนการ
เมื่อหลี่มี่โค้งคำนับฟางเหนียงเสร็จนางหันหลังเดินออกมา เทียนหลันเซ่อเองก็รีบเดินตามหลังนางมาติด ๆ เดินผ่านสวนดอกไม้เทียนหลันเซ่อคว้าแขนของนางให้หยุดเดินก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบกอดนางไว้ไม่ให้เดินต่อ
“นี่ท่านทำอันใดของท่านเจ้าคะ” หลี่มี่ตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาสวมกอดแถมแสดงสีหน้าเย้ายวนกวนประสาท
“แค่กอดเท่านี้จะเป็นไรไป เมื่อคืนนี้เราก็ผ่านค่ำคืนเร้าร้อนมาด้วยกัน เจ้าบอกท่านแม่ว่าอีกไม่นานเจ้าจะมีหลานให้ท่าน สงสัยคืนนี้ข้าต้องรีบพาเจ้าเข้าห้องตั้งแต่ฟ้าไม่มืดจะได้มีน้องให้อ้ายเยว่ในเร็ววัน” เพราะความอยากเอาชนะหลิวอี้เฟ่ยทำให้หลี่มี่เอ่ยออกไปอย่างลืมคิด จนท่านแม่ทัพเอ่ยมันออกมาแล้วอย่างนี้นางจะหาทางหลบหนีเขาอย่างไร
“เมื่อครู่… ที่ข้าเอ่ยออกไปเพราะอยากให้ท่านแม่สบายใจเท่านั้น ท่านแม่ทัพไม่เห็นต้องนำมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างคืนนี้ข้าขอพักบ้างไม่ได้หรือเจ้าคะ? เนื้อตัวของข้าปวดระบมไปหมดแล้ว” เทียนหลันเซ่อแสยะยิ้มมุมปากครุ่นคิด ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากแกล้งนางอยากรู้ว่านางจะแสดงได้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะแสดงธาตุแท้ออกมา เขารับมือจากศัตรูมามากเพียงมองดูก็รู้ว่าศัตรูจะโจมตีเช่นไรแต่กับสตรีนางนี้เขาไม่รู้เลยว่านางจะทำเช่นไรต่อไป เขาเคยได้ยินเรื่องของนางจากปากของรองแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง บุตรสาวของเขาเป็นสตรีที่บอบบาง อ่อนหวานแม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็ก ๆ นางยังไม่กล้าเหยียบ แถมยังไม่ค่อยเอ่ยวาจาสักเท่าไหร่ รองแม่ทัพจึงเป็นห่วงนางมากก่อนจะหมดลมหายใจเขาฝากฝังครั้งแล้วครั้งเล่าให้เทียนหลันเซ่อดูแลบุตรสาวของเขาด้วย แต่เมื่อเขาแต่งงานเข้ามาในคืนแรกนางก็เล่นงานเขาเสียแล้ว นางแตกต่างจากที่ได้ยินมามากโข นางทั้งเอ่ยวาจามีเล่ห์เหลี่ยมดื่มสุราเก่งยิ่งกว่าเขาที่เป็นท่านแม่ทัพเสียอีก หากผู้ใดรู้ว่าท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่คออ่อนแถมยังถูกสตรีมอมเหล้าจนสลบไปไม่รู้เลยว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นางช่างหยามเขาเหลือเกินหากเป็นสตรีนางอื่นได้แต่งกับเขาล้วนต้องดีใจและยินดีที่จะเสนอกายให้เขาได้เชยชมแต่นางกลับพยายามไม่อยากรวมหอกับเขาทำให้เทียนหลันเซ่ออยากแกล้งนางและต้องรู้ให้ได้ว่านางทำเช่นนี้ทำไมกัน หากนางเสแสร้งว่าเขากับนางนั้นร่วมหอกันแล้วเขาเองจะแสดงตามที่นางต้องการเอง
“ข้าจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร อ้ายเยว่เริ่มโตคงอยากมีน้องไว้เป็นเพื่อนวิ่งเล่นด้วยกัน หรือว่าข้าจะเปลี่ยนใจไม่ต้องรอตะวันตกดินแต่พาเจ้าไปที่ห้องยามนี้แทนดี” ดวงตาหลี่มี่กลมโตจ้องมองใบหน้าของเทียนหลันเซ่อคล้ายอ้อนวอนไม่ให้เขาทำอย่างที่เขาเอ่ยมา แต่แล้วจู่ ๆ มีทหารได้เดินเข้ามาหาทั้งสอง
“ขออภัยที่เข้ามาขัดความสุขของท่านแม่ทัพ” เทียนหลันเซ่อเห็นทหารเข้ามารีบปล่อยมือจากกายของเยิ่นเม่ยเม่ยก่อนจะหันไปทางทหารผู้นั้น
“ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบใบหน้าเข้มขรึมเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ราวกับคนละคนหันไปพูดคุยกับทหาร
“ที่หมู่บ้านทางด้านเหนือเกิดเรื่องขึ้นขอรับ ท่านเจ้าเมืองให้ข้ามาตามท่านแม่ทัพไปตรวจสอบดูสักหน่อย” ทหารเอ่ยออกมาพลางเงยหน้ามองมาทางเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะเป็นเรื่องราชการมิอาจให้ผู้อื่นรู้ได้ ท่านแม่ทัพแค่มองดูก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรจึงหันกลับไปหาหลี่มี่ที่ยืนมองทั้งสองอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้ก้มลงกระซิบข้างหู
“เจ้ากลับไปรอที่ห้องเถิดหากเบื่อเดินเล่นไปก่อนเพื่อฆ่าเวลาก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมา” หลี่มี่ดีใจที่ทหารมาตามท่านแม่ทัพออกไปจากนางได้ทันเวลา
“เจ้าค่ะ ไปนาน ๆ นะเจ้าคะไม่ต้องรีบกลับมา”
“ที่เจ้าเอ่ยมาเจ้าเอ่ยผิดใช่หรือไม่? เจ้าจะบอกว่าให้ข้ารีบกลับมาใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมาหาเจ้าให้เร็วที่สุดไปกันเถิด” เขาบอกหลี่มี่ก่อนจะหันไปพูดกับทหารผู้นั้นพร้อมเดินจากนางไป
‘ใครอยากอยู่ร่วมห้องกับท่านกัน คนอะไรพูดเองเออเอง’ หลี่มี่บ่นในใจพลางเดินกลับไปทางเดิมที่นางมา
ห้องโถงของฟางเหนียง
“ท่านป้าเห็นมั้ยเจ้าคะ ว่านางเอ่ยออกมาเช่นไรเช่นนี้ข้าคงไม่มีสิทธิ์แล้ว หากนางตั้งภรรค์ให้แก่ท่านแม่ทัพจริง ๆ " หลิวอี้เฟ่ยโมโหโวยวายใส่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเจ็บใจ
“เจ้าอย่าโมโหสิหลิวอี้เฟ่ย อย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกนะ เจ้าอย่าลืมสิว่าตำแหน่งฮูหยินของท่านแม่ทัพมีแต่เจ้าเท่านั้นที่คู่ควร ไม่ได้การข้าต้องรีบจัดการหาทางไม่ให้ทั้งสองได้ร่วมห้องอยู่ด้วยกัน เดิมทีแล้วเทียนหลันเซ่อเองก็มีห้องของตนเองเขาคงไม่ไปหานางในทุกคืนวัน ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงใหม่ ๆ เท่านั้น ข้าจะทำอย่างไรที่จะขัดขวางนะ” ฟางเหนียงครุ่นคิดลุกเดินไปมา จู่ ๆ หลิวอี้เฟ่ยก็คิดอะไรออก
“ท่านป้าเจ้าคะ นางเป็นเพียงบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพมาที่เรือนนี้ด้วยตัวคนเดียว เช่นนี้เราหาสาวใช้ไปดูแลนางดีหรือไม่เจ้าคะ? หาสาวใช้ที่เป็นคนของเราเข้าไปสอดส่องคอยขัดขวางไม่ให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็ค่อยให้นางทำให้เยิ่นเม่ยเม่ยเชื่อใจแล้วค่อยคิดหาทางหักหลังนาง " ฟางเหนียงหันมามองใบหน้าของหลิวอี้เฟ่ยยิ้มกว้างอย่างมีหวัง เดินเข้ามาจับมือของนางทั้งสองข้างพร้อมเอ่ยเชยชมในความฉลาดนี้
“เจ้าฉลาดจริง ๆ สมแล้วที่ข้าชอบเจ้าเอาตามที่เจ้าเอ่ยมาเลย พวกเจ้าไปตามสาวใช้เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฮูหยินมาให้หมด ข้าจะคัดเลือกสาวใช้ให้ไปดูแลฮูหยินคนใหม่” ฟางเหนียงยิ้มอย่างชั่วร้าย หากมีสาวใช้เป็นคนของนางแผนการที่จะกำจัดเยิ่นเม่ยเม่ยหาใช่เรื่องยาก
บทที่ 7 บาดเจ็บสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเรียกใช้จึงรีบพากันออกไปตามหาสาวใช้ที่นางต้องการ"ท่านป้าเจ้าคะ เมื่อครู่ที่นางมายกน้ำชาการกระทำคำพูดของนางข้าพอมองออก นางมิใช่สตรีที่อ่อนแอเราจะประมาทมิได้นะเจ้าคะ ""เป็นอย่างที่เจ้าเอ่ย ข้าเองก็พอมองออกเราประเมินนางต่ำไป หากให้สาวใช้คอยปรนนิบัตินาง เราจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไร เทียนหลันเซ่อผ่านการมีภรรยามาแล้วข้าไม่คิดเลยว่าบุตรชายของข้าจะหลงนางราวกับว่าไม่เคยผ่านสตรีใดมาก่อน หรือว่านางผู้นี้จะมีคาถาเวทย์มนต์หรือว่าใส่ยาเสน่ห์ให้เทียนหลันเซ่อกินกันนะ เขาไม่เคยเอ่ยวาจาเหินห่างกับเจ้าแต่เมื่อมีเยิ่นเม่ยเม่ยเข้ามากลับทำเป็นว่าเจ้าเป็นผู้อื่น เฮ้อ! ยิ่งคิดข้ายิ่งปวดหัว " ฟางเหนียงคิดอันใดก็เอ่ยออกมา ต่างจากหลิวอี้เฟ่ยนางคิดตามคำพูดของฟางเหนียงลุกขึ้นพรวดจนฟางเหนียงตกใจ"หากท่านป้าปวดหัวก็จงพักเถอะเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำขอลานะเจ้าคะ อีกสองวันข้าจะมาหาท่านป้าใหม่ " แววตาคมกริบไร้รอยยิ้มย่างเท้าเดินออกจากห้องไปทันที ทำเอาฟางเหนียงมองตามอย่างไม่เข้าใจ"นางมีเรื่องด่วนอันใดถึงรีบร้อนใจออกไปเช่นนี้ คงเป็นเพ
บทที่ 8 ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่นานแม่นมได้กลับมาพร้อมท่านหมอตรวจร่างกายจัดการบาดแผลให้แก่หลี่มี่ โชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บมากเพียงแค่หัวแตกเท่านั้น ส่วนที่นางสลบน่าจะเป็นเพราะนางตกใจจนเกินไปเมื่อท่านหมอรักษาแผลให้หลี่มี่เสร็จเขาจึงขอตัวกลับ ส่วนอ้ายเยว่ไม่กล้าที่จะเข้าไปที่ห้องเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างเป็นกังวล ส่วนลูกแมวน้อยเขาได้ให้แม่นมพาไปที่ห้องของเขาแล้ว เทียนหลันเซ่อรู้ว่าเยิ่นเม่ยเม่ยปลอดภัย เขาจึงเดินออกมาหน้าห้องพบเห็นอ้ายเยว่เดินไปมาอย่างเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเดินเข้ามาหาบุตรชายเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น อ้ายเยว่เห็นท่านพ่อเดินออกมาจากห้องจึงรีบเข้าไปเอ่ยถามอาการของเยิ่นเม่ยเม่ย“ท่านพ่อนางเป็นเช่นไรบ้างขอรับ ข้าไม่ได้ทำให้นางตายใช่มั้ย? ท่านพ่อหากนางตายข้าจะทำเช่นไร” เทียนหลันเซ่อวางมือลงบนบ่าของอ้ายเยว่ทั้งสองข้างนั่งคุกเข่าลงเพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้“อ้ายเยว่บอกข้ามาว่าเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงได้รับบาดเจ็บ แล้วทำไมเจ้าต้องคิดว่าตนเองฆ่านางหรือว่าเจ้ารังแกนาง” น้ำเสียงกดต่ำเพียงแค่ได้ยินก็รู้เย็นยะเยือกถึงหัวใจเด็กชายสั่นกลัวส่ายหน้าม
บทที่ 9 หากถูกท่านโอบกอดคงหายดีหลังจากที่สาวใช้เดินออกไปหลี่มี่โน้มลงลงนอนพร้อมหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ไม่คิดเลยว่าการเจ็บตัวจะเจ็บได้ถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นการเจ็บที่ไม่ได้ถูกกระทำ แต่มันทำให้หลี่มี่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นเช่นไร แล้วอย่างนี้เยิ่นเม่ยเม่ยตอนที่นางถูกรังแกจะเจ็บปวดถึงเพียงใดกันนะ หลี่มี่หลับตาครุ่นคิดไม่นานจึงผล็อยหลับไป“บาดเจ็บอีกแล้วสินะ ทำเช่นไรเจ้าถึงจะปลอดภัย ข้าไม่ชอบที่เห็นเจ้าบาดเจ็บเลยสักนิด” มือหนาลูบลงที่หัวของเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างอ่อนโยน จ้องมองร่างบางที่นอนหลับสนิทด้วยใจที่เจ็บปวดหลี่มี่รู้สึกตัวเหมือนมีมือมาลูบที่หัวของนาง นางลืมตาขึ้นมาพบเพียงในห้องตอนนี้มีเพียงความมืดสนิดว่างเปล่า นางลุกขึ้นนั่งกวาดตามองดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบผู้ใดสักคนหรือนี่นางจะรู้สึกหรือฝันไปนะ“ฝันสินะไป๋ลู่เจ้าอยู่ด้านอกหรือไม่? ”“เจ้าค่ะ “เสียงตอบขานอยู่ด้านนอกผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมเดินไปจุดเทียนเพิ่มความสว่างในห้อง“ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเตรียมอาหารมาให้ฮูหยินแล้ว” นางจุดเทียนพลางเอ่ยบอกนายหญิง“ตอนที่ข้าหลับอยู่มีผู้ใดเข้ามาหรือไม่?”“ไม่นะเจ้าคะ ข้าเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องตลอด
บทที่ 10 ไม่ปิดบังยามเหม่า (05.30)เรือนของฟางเหนียง“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้ามาตามที่ท่านสั่งมาเจ้าค่ะ” สาวใช้ยืนอยู่ในมุมมืดตอนนี้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อย“ได้ความว่าเช่นไร” ฟางเหนียงเอ่ยถามอีกฝ่าย“เมื่อวานนี้ฮูหยินได้รับบาดเจ็บเนื่องมาจากช่วยคุณชายอ้ายเยว่เอาไว้ แต่ข้ายังไม่รู้นิสัยของฮูหยินเท่าไหร่นัก ทั้งวันนางเอาแต่เก็บตัวนอนอยู่บนเตียงเพราะว่าเจ็บบาดแผล นางให้ข้าออกมาอยู่ด้านนอกจนกระทั่งฟ้ามืดนางตื่นขึ้นมา ข้าจึงเข้าไปดูแลปรนนิบัตินาง ไม่นานท่านแม่ทัพได้เข้าไปหาฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินออดอ้อนเก่งจนทำให้ท่านแม่ทัพรีบไล่ข้าออกมาเพื่อพาฮูหยินไปหลับนอน ทั้งสองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้รีบเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างที่นางเห็นมา“แล้วท่านแม่ทัพมีท่าทีเช่นไรเมื่อนางออดอ้อน”“ท่านแม่ทัพดูเป็นห่วงฮูหยินมาก ๆ นะเจ้าคะสายตาที่จ้องมองฮูหยินเป็นสายตาที่ข้าไม่เคยเห็นเลยสักครา”“อืมเช่นนั้นหรือ เจ้ากลับไปเถิดแล้วจับตาดูนางให้ดี มีอะไรก็รีบมารายงานวันนี้ข้าจะเข้าไปดูอาการนางสักหน่อย”“เจ้าค่ะ” ไป๋ลู่มารายงานตามงานที่นางถูกสั่งให้ไปทำ เมื่อนางได้รายงานเสร็
บทที่ 11 ตั้งรับ"ท่านแม่รู้หรือไม่เจ้าคะ ถ้อยคำที่ท่านแม่เอ่ยออกมาต่ำยิ่งกว่าฐานะของข้าเสียอีก ทำไมกันเจ้าคะเพียงเพราะข้ามิใช่หลินอี้เฟ่ยท่านเลยไม่ชอบข้าใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะบอกความรู้สึกที่มีต่อท่านแม่เช่นกันเจ้าคะ ว่าข้าเองไม่ได้ชอบท่านเลยสักนิดเวลาอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพไม่บอกไปเลยล่ะเจ้าคะ ว่าท่านไม่ต้องการให้ข้าเป็นฮูหยิน ท่านต้องยกตำแหน่งนี้ให้หลินอี้เฟ่ย อืม... ข้าพอรู้เพราะว่าท่านไม่กล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับท่านแม่ทัพเลยมาบอกข้าในเวลาที่ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อย่าคิดว่าข้ากลัวท่านนะเจ้าคะต่อให้ท่านไม่ชอบข้าเพียงใดก็ต้องจำใจดูการมีอยู่ของข้าตลอดไปเลยนะเจ้าค่ะ เพราะไม่ว่าท่านไล่ข้าเช่นไรข้าไม่ยอมออกจากเรือนนี้ไปแน่ " หลี่มี่ยิ้มเยาะหยันไร้ความกลัวพร้อมรับมือกับสตรีตรงหน้า"นี่เจ้าเอ่ยว่าจาเหิมเกริมยิ่งนัก! ข้าเป็นมารดาของท่านแม่ทัพแต่เจ้าหาเกรงกลัวไม่ " ฟางเหนียงชี้นิ้วใส่หน้าของหลี่มี่เอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความโมโห"ท่านเป็นท่านแม่ของท่านแม่ทัพแต่มิใช่ท่านแม่ของข้านี่เจ้าคะ ในเมื่อท่านเอ่ยวาจาไม่ดีต่อข้าก่อนท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้น "คำพูดหยิ่งพยองไร้ความย
บทที่ 12 ตอบแทนอ้ายเยว่สนุกสนานกับลูกแมวที่เขาได้ช่วยลงมาจากต้นไม้ พูดคุยกับแม่นมจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของหลี่มี่ที่เดินผ่านมา"คุณชายเจ้าคะ ฮูหยินกำลังเดินมาทางนี้นำลูกแมวที่คุณชายได้ช่วยไว้ไปให้ฮูหยินดูดีมั้ยเจ้าคะ" อ้ายเยว่หันไปมองเยิ่นเม่ยเม่ยที่กำลังเดินผ่านพร้อมอุ้มลูกแมวเอาไว้ในอ้อมแขน"ทำไมต้องนำไปให้นางได้ดูด้วย ข้าไม่ชอบนางแม่นมเข้าใจหรือไม่""แต่ว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บที่หัวเพราะช่วยคุณชายเอาไว้นะเจ้าคะ หากฮูหยินมารับคุณชายไว้ไม่ทัน คุณชายอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้ก็เป็นได้""แม่นมพูดมาก ก็ได้แต่ที่ข้าทำเพราะไม่ใช่ข้าชอบนางหรอกนะ แต่เพราะนางช่วยข้าอย่างที่แม่นมกล่าวเท่านั้น" อ้ายเยว่ยังคงไม่อาจจะเปิดใจรับหลี่มี่ได้ แต่ก็ยังอุ้มลูกแมวดินไปหานางหลี่มี่เดินผ่านห้องของอ้ายเยว่แต่นางไม่คิดจะเข้าไปหาเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับมือเพียงแค่ฟางเหนียงนางก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว แต่ทว่านางกลับเห็นว่าอ้ายเยว่กำลังอุ้มลูกแมวเดินตรงมาหานาง"ไป๋ลู่เจ้าดูสิว่านั้นใช่คุณชายอ้ายเยว่หรือไม่? หรือว่าข้าตาฝาด""นั้นคุณชายอ้ายเยว่จริง ๆ เจ้าค่ะ " หลี่มี่คิ้วขมวดเข้าหากัน ปกติเด็กชายไม่ชอบนางแต่วันนี้เ
บทที่ 13 เริ่มวางแผนตะวันคล้อยบ่ายเกี้ยวของหลิวอี้เฟ่ยมาที่เรือนของเทียนหลันเซ่อ นางดีใจที่ท่านพ่อเห็นชอบจึงรีบเดินทางมาปรึกษาหารือกับฟางเหนียง เกี้ยวหยุดนิ่งหลิวอี้เฟ่ยก้าวเท้าลงที่หน้าเรือนพร้อมเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย"นี่เจ้าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่เรือนหรือไม่? " นางเห็นทหารที่ยืนเฝ้าประตูอยู่จึงเอ่ยถาม"อยู่ขอรับ ""ขอบใจเจ้ามาก " หลิวอี้เฟ่ยยิ้มแย้มแจ่มใสเดินตรงไปที่เรือนของฟางเหนียงแต่ทว่าระหว่างทางนางเห็นเยิ่นเม่ยเม่ยกำลังเดินอยู่กับสาวใช้"ทำไมต้องมาพบเจอนางด้วยข้าละไมชอบใจจริง ๆ แต่เอ๊ะที่หัวของนางทำไมถึงมีผ้าโพกหัวอยู่เช่นนั้น เข้าไปสำรวจการดูดีกว่า ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันนางจะเป็นสตรีที่อ่อนแอหรือไม่ หากนางอ่อนแอข้าจะได้จัดการอย่างง่ายดาย " หลิวอี้เฟ่ยจึงเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปที่เรือนของฟางเหนียงแต่นางเลือกที่จะเข้ามาหาเยิ่นเม่ยเม่ยก่อนส่วนหลี่มี่นางเดินสำรวจจนแทบจะทั่วเรือนฟังไป๋ลู่ชี้แนะที่ต่างๆ จนตอนนี้นางเริ่มเหนื่อยอยากกลับห้องเสียแล้ว"ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้วกลับห้องกันดีกว่า ข้าอยากนอนพักสักหน่อย ""ได้เจ้าค่ะฮูหยิน "ไป๋ลู่ผายมือให้หลี่มี่เดินนำหน้าตนเองมือข้างขวาถือร
บทที่ 14 ข้าจะนอนด้วยตะวันลาลับขอบฟ้าแสงสว่างของโคมไฟเริ่มทำหน้าที่ส่องสว่างตามทางเดิน เทียนหลันเซ่อกลับมาจากด้านนอกสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยจึงกลับมาที่ห้องพักของตนแช่กายอยู่ในอ่างน้ำอุ่นพลางครุ่นคิดถึงเยิ่นเม่ยเม่ย“ไม่รู้ปานนี้บาดแผลที่หัวของเจ้าจะดีขึ้นหรือยัง งานที่มีก็ล้นมือแต่ทำไมหัวใจของข้ามันเรียกร้องไปหาเจ้าเช่นนี้นะเยิ่นเม่ยเม่ย เจ้าไม่เหมือนสตรีใดที่ข้าเคยพบเจอช่างแปลกยิ่งนักอยู่ใกล้เจ้าหัวใจของข้าเต้นแรงราวกับจะออกมาวิ่งโลดแล่นด้านนอก ท่านรองแม่ทัพท่านไม่ต้องเป็นห่วงนาง ครั้งนี้ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิตของข้าเอง " แม่ทัพมองไปด้านหน้าพลางลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำทหารคนสนิทคว้าผ้ามาคุมร่างกายให้แม่ทัพ "ข้าจะไปหาฮูหยินที่ห้องของนาง วันนี้เจ้าไม่ต้องอยู่ดูแลข้า ไปพักเถิดส่วนงานที่เหลือรุ่งสางค่อยหารือกันอีกที " ทหารคนสนิทมองหน้าแม่ทัพอย่างสงสัย "ข้ามิรู้เลยนะขอรับว่าท่านแม่ทัพมีใจให้ฮูหยิน ข้าคิดว่าท่านแม่ทรงทำดีกับนางเพราะท่านรองแม่ทัพขอไว้เสียอีก" ทหารได้เอ่ยขึ้นเมื่อกำลังนำผ้ามาคุมกาย"ตอนนี้นางขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินของข้า แม้ว่าข้าจะมีใจหรือไม่มีใจข้าต้องทำหน้าที่ของตนเ
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห