บทที่ 15 ความอบอุ่นใช้มือลูบบนอกแกร่งของเทียนหลันเซ่อ ยิ้มกว้างพร้อมใช้มารยาให้เขาเชื่อตนเอง"ข้ามิได้หนีท่านเสียหน่อยเจ้าค่ะ เพียงแค่ตอนนี้ข้าบาดเจ็บท่านเองก็เห็นนี่เจ้าคะ หากข้าร่วมหลับนอนกับท่านด้วยร่างกายที่อ่อนแอเช่นนี้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับร่างกายที่แข็งแกร่งของท่านแม่ทัพล่ะเจ้าคะ รอให้ข้าหายดีเมื่อไหร่ข้าจะทำให้ท่านสบายเนื้อสบายตัวแน่นอนเจ้าค่ะ " หลี่มี่บีบเสียงให้เล็กลงคล้ายยั่วยวนให้เทียนหลันเซ่อคล้อยตามคำพูดของนาง'เหอะ! เยิ่นเม่ยเม่ย เจ้าเรียนรู้การเอ่ยวาจาเช่นนี้มาตั้งแต่ที่ใดกัน หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อไปอีกข้าอาจจะอดใจไม่ไหวที่จะแตะต้องเจ้า' เทียนหลันเซ่อคิดในใจมือขวาโอบเอวนางเอามากอดไว้แน่น"เฮ้อ! ข้าคิดว่าคืนนั้นข้าทำผิดพลาดจนเจ้าไม่พอใจเสียอีก หากเจ้าว่าเช่นนั้นข้าเองจะไม่เคลือบแคลงเจ้า เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าโปรดเรียกข้าว่าท่านพี่มิใช่ท่านแม่ทัพเข้าใจหรือไม่ฮูหยินของข้า " หลี่มี่โล่งอกที่เขาเชื่อในคำโกหกของตน"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านปล่อยข้าก่อนได้มั้ยเจ้าคะอีกเดี๋ยวอ้ายเยว่คงเข้ามา ข้าไม่อยากให้อ้ายเยว่เห็นว่าท่านมอบความรักให้ข้า เดี๋ยวเขาจะคิดว่าท่านไม่ได้รั
บทที่ 16 หารืองานเลี้ยงเทียนหลันเซ่อกลับห้องของตนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์โดยมีทหารคนสนิทคอยช่วยหยิบจับทุกสิ่งทุกอย่างให้“ช่วงนี้ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะอารมณ์ดีนะขอรับ ใบหน้าชื้นบานตลอดเวลาไม่เหมือนเมื่อก่อนเอาแต่ทำหน้าราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ” ทหารคนสนิทเอ่ยขึ้นมาเมื่อมองแม่ทัพผ่านกระจกใหญ่ในห้องแต่งกาย“ข้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นะหรือสงสัยช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องให้ข้าต้องปวดหัวแต่งกายเสร็จออกเดินทางกันเถิด ข้าอยากกลับมากินอาหารเย็นพร้อมฮูหยิน”เขาพยักหน้าเดินนำแม่ทัพออกจากห้องแต่งกายเมื่อออกมาเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเดินเข้ามา“ท่านแม่ทัพอยู่หรือไม่? ข้าคงไม่ได้มาเสียเที่ยวหรอกใช่หรือไม่” ฟางเหนียงเอ่ยถามทหารเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากห้องของเทียนหลันเซ่อ“ท่านแม่ทัพอยู่ด้านในขอรับกำลังจะออกมา นายหญิงนั่งรอสักครู่นะขอรับข้าจะรินน้ำชาให้”“ถือว่าโชคดีที่ท่านแม่ทัพยังไม่ออกไป ส่วนเจ้าออกไปรอท่านแม่ทัพอยู่ด้านนอกเถิดข้ามีเรื่องหารือท่านแม่ทัพไม่นาน”“ขอรับนายหญิง” เทียนหลันเซ่อได้ยินเสียงของท่านแม่จึงรีบเดินออกมาจากห้อง“ท่านแม่มีเรื่องด่วนอันใดกันขอรับถึงมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่” เขาเอ่ยถามทันทีที่เด
บทที่ 17 ข้อเสนอของหลี่มี่หลังมื้ออาหาร ไป๋ลู่เอ่ยชวนฮูหยินไปนั่งรับลมที่ศาลารับลมด้านนอก วันนี้อากาศเย็นสบายเหล่าผีเสื้อบินว่อนเต็มท้องฟ้า หลี่มี่ยอมตามออกมาหากอยู่แต่ในห้องนางเองรู้สึกเบื่อหน่ายไป๋ลู่ยกน้ำชาพร้อมขนมหวานมาวางบนโต๊ะเพื่อให้หลี่มี่ได้กินระหว่างนั่งชมบรรยากาศ แต่สายตาของหลี่มี่กลับมองเห็นผงสีขาวยังไม่ละลายในน้ำชาร้อนกรุ่นที่ไป๋ลู่ได้รินให้นางเมื่อครู่ ในใจของหลี่มี่รับรู้ทันทีว่าในน้ำชาต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่ สายตาของไป๋ลู่เอาแต่จ้องมองจอกชาจนหลี่มี่สงสัยและมั่นใจว่าต้องมีอะไรในน้ำชาอย่างที่นางคิด“ไป๋ลู่ น้ำชาวันนี้ที่เจ้านำมาให้ข้าเป็นน้ำชามาจากอันใดหรือ”“ชาดอกเหมยเจ้าค่ะ ข้าเห็นฮูหยินผู้เฒ่ามักกินจึงนำมาให้ฮูหยินได้ลิ้มลองเจ้าค่ะ”“อื้ม! ชาที่ท่านแม่ชอบดื่มนะหรือช่างมีกลิ่นหอมจริง ๆ ขนมพวกนี้ก็น่ากินทั้งนั้นเจ้านั่งกินเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ” ไป๋ลู่ยิ้มกว้างไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กินอาหารของเจ้านาย“ฮูหยินเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจนะเจ้าคะ”“นั่งลงสิ น้ำชาจอกนี้ข้ายกให้เจ้าแล้วกัน ข้าเห็นเจ้าจ้องมองตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เจ้าคงอยากลิ้มรสสินะชาดอกเหมยนั้นข้าดื่มบ่อยจนไม่อย
บทที่ 18 เป่าหู"ขอรับท่านย่า หากเยิ่นเม่ยเม่ยมาช่วยข้าไม่ทันข้าอาจจะเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บขอรับ""อ้ายเยว่เอ๋ยเจ้าอย่าได้เชื่อใจผู้ใดง่ายเกินไป เจ้ามิใช่บุตรของนาง นางจะหวังดีต่อเจ้าได้อย่างไร ไม่แน่ลูกแมวตัวนี้อาจจะเป็นนางที่นำเข้ามาแล้ววางแผนเข้ามาช่วยเจ้าก็ได้ เมื่อนางช่วยเจ้าแล้วนางจะได้ความดีความชอบแถมยังได้รับการดูแลจากท่านพ่อของเจ้าอีก " อ้ายเยว่คิดตามคำพูดของท่านย่าที่เอ่ยออกมาอย่างสับสน แม่นมทำได้เพียงก้มหน้ามิกล้าออกความคิดเห็นในเรื่องนี้"หากเป็นเช่นท่านย่ากล่าวหมายความว่าข้าไม่ควรเข้าใกล้นางใช่หรือไม่ขอรับ" หญิงชราลูบหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยน"ใช่แล้ว ต่อจากนี้อย่าได้เข้าใกล้นาง หากนางเข้าใกล้เจ้าจงอย่าทำดีกับนาง ย่าว่านางต้องมีแผนคิดมิดีมิร้ายกับเจ้าเป็นแน่ หากวันใดที่นางมีบุตรให้แก่ท่านพ่อของเจ้า เมื่อนั้นเจ้าอาจจะไม่ได้ความรักจากท่านพ่ออีกเลย " เพราะความเกลียดชังที่ตนมีต่อเยิ่นเม่ยเม่ย ทำให้นางใส่ร้ายเอ่ยวาจาเป่าหูหลานชายเพราะไม่อยากให้เด็กชายทำดีต่อนาง"ข้าจะเชื่อฟังท่านย่านะขอรับ เมื่อใดที่ข้าเห็นนางข้าจะไม่ทำดีไม่เอ่ยวาจาดีกับนางเช่นดั่งที่ท่านย่าสอนข้า " แม้ว่าปากจะเอ
บทที่ 19 เลือกชุดหลี่มี่จับดูเนื้อผ้าชุดที่เทียนหลันเซ่อชอบ แต่หลี่มี่ไม่ชอบเท่าไหร่นักเพราะชุดที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ช่างเป็นชุดที่โดดเด่นเกินไป"ชุดนี้แม้ว่าจะสง่างามแต่ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะกับข้าหรอกเจ้าค่ะ ""แต่ว่าข้าชอบ เฒ่าแก่ข้าเอาชุดนี้ส่วนนี้ค่าชุดนำไปส่งให้ที่เรือนด้วย ไปเถิดข้ามีที่จะพาเจ้าไปสักครู่ ตอนนี้ตะวันยังไม่ตกดินไปควบม้าเล่นกับข้าสักหน่อยค่อยกลับเรือน " เทียนหลันเซ่อคว้ามือของหลี่มี่ให้เดินตามตนเองออกมา"ได้เลยขอรับท่านแม่ทัพ ข้าจะจัดการให้เป็นอย่างดี" เฒ่าแก่รับเงินจากแม่ทัพด้วยรอยยิ้ม เพราะที่ท่านแม่ทัพมอบให้มากกว่าค่าชุดอีกด้วยซ้ำ'อะไรกัน ฉันไม่ได้ชอบชุดนั้นเสียหน่อย หากจะเลือกให้ทำไมต้องให้ข้าลองจับดูด้วยล่ะ เฮ้อ! เหนื่อยใจกับท่านแม่ทัพผู้นี้เสียจริง' หลี่มี่คิดในใจมองคนตรงหน้าที่กำลังพานางเดินไปหาม้าที่มัดไว้"ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือเจ้าคะ อีกอย่างเมื่อครู่ที่ท่านซื้อชุดให้ข้า ทำไมไม่ถามราคาก่อนที่จะจ่ายเงินด้วยล่ะ เช่นนี้ท่านก็เสียเปรียบสิเจ้าคะ ไม่เห็นหรือไงว่าแววตาของท่านผู้เฒ่าตาโตเพียงใดเมื่อเห็นว่าท่านให้ถุงเงินไป ""ข้าซื้อของกับผู้เฒ่าร้านนี้อยู่บ่อยค
บทที่ 20 งานเลี้ยงสองวันถัดมาเรือนแม่ทัพเสียงดนตรีบรรเลงอย่างไพเราะ ภายในเรือนตกแต่งอย่างสวยงามสมฐานะของท่านแม่ทัพใหญ่ อาหารขนมหวานสุราจัดเตรียมไว้มากมาย วันนี้ผู้คนคละคลั่งบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ได้มาตามเทียบเชิญที่ฟางเหนียงส่งมอบหลี่มี่ยืนอยู่ที่ระเบียงของเรือนมองผู้คนมากมายอย่างเบื่อหน่าย หากจะไม่เข้าร่วมงานจะทำให้แม่ทัพเสียหน้าไม่ไว้หน้าสามี นางจึงจำใจสวมใส่ชุดที่เทียนหลันเซ่อเลือกให้ในวันนั้นมาร่วมงานในวันนี้ ใบหน้าของฟางเหนียงเต็มไปด้วยความยินดีปรีดาที่บุตรชายเป็นเกียรติของตระกูล นางยินต้อนรับแขกที่ทยอยเข้ามาในเรือน"ฮูหยินคิดอันใดอยู่หรือเจ้าคะ " ไป๋ลู่เห็นสีหน้าของหลี่มี่ไม่ค่อยสู้ดีจึงเอ่ยถาม"ข้าแค่ไม่ชอบที่ที่คนมากมายนะ ไม่มีอันใดหรอกนะหากเจ้าอยากไปร่วมงานกับสาวใช้นางอื่นก็จงไปเถอะ อีกสักพักข้าเองก็จะเดินไปนั่งข้างท่านแม่ทัพเช่นกัน""แล้วเรื่องนั้นฮูหยินจะทรงทำเช่นไรหรือเจ้าคะ จะยอมรับหรือเจ้าคะ" สิ่งที่ไป๋ลู่เอ่ยถามนั้นคือเรื่องที่หลิวอี้เฟ่ยจะมาเป็นอนุของแม่ทัพในวันนี้ ไม่กี่วันก่อนที่หลี่มี่ให้ไป๋ลู่ไปสืบมา นางได้รู้มาว่าวันนี้ฟางเหนียงกับหลิวอี้เฟ่ยมีแผนที่จะรวบหัวรวบหา
บทที่ 21 เริ่มแผนการหลี่มี่ัหันมองหน้าของแม่ทัพอย่างซาบซึ้งน้ำใจ ไม่รู้ว่าคำพูดของเขาออกมาจากใจหรือเพียงแค่ไม่อยากให้นางโดนดูถูกแต่คำพูดของเขาทำให้หลี่มี่รู้สึกดีใจที่เขาเข้าข้างนาง"ท่านใต้เท้าเจ้าคะ วันนี้สุราที่ข้าจัดเตรียมมารสชาติดีมาก เรามาดื่มสุราดูการแสดงดีกว่าเจ้าค่ะ "ฟางเหนียงรีบยกจอกสุราขึ้นมาเพื่อไม่ให้ทั้งสองเอ่ยเรื่องตึงเคลียดอีก นางหันไปมองสีหน้าของหลิวอี้เฟ่ยที่ซีดเผือกเมื่อได้ยินคนที่นางรักบอกรักสตรีอีกนางต่อหน้าต่อตา"ข้านับถือน้ำใจของท่านแม่ทัพเช่นนี้สุราจอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่าน""สุราจอกนี้ข้าก็ดื่มให้ท่านเช่นกันขอรับ" เทียนหลันเซ่อยกจอกสุราดื่มตามใต้เท้าหลิว ทุกคนหันไปมองการแสดงที่กำลังแสดงอยู่ในเวลานี้ หลิวอี้เฟ่ยรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ ขนาดนางแต่งกายมาโดดเด่นขนาดนี้แต่เมื่อมานั่งข้าง ๆ ท่านแม่ทัพนางช่างไม่เข้ากับเขาเลย เพราะเหมือนท่านแม่ทัพกับเยิ่นเม่ยเม่ยจะแต่งกายเข้ากันมากกว่านางเสียอีก หลิวอี้เฟ่ยยกจอกสุราดื่มเพื่อระงับอารมณ์หลี่มี่ขยับกายเข้าไปกระซิบขอบคุณเทียนหลันเซ่อที่เขารับหน้าแทนตน"ท่านแม่ทัพข้าขอบคุณที่ท่านรับหน้าแทนนะเจ้าคะ ข้าทราบซึ้งยิ่งนัก""หากเจ้าท
บทที่ 22 ไม่เป็นอย่างใจหวังฝั่งด้านหลี่มี่นางนอนอยู่บนเตียงข่มตาหลับอย่างไรก็นอนไม่หลับเมื่อหลับตาลงก็เฝ้ามองเห็นแม่ทัพนอนเคียงข้างอยู่กับหลิวอี้เฟ่ย หัวใจของนางร้อนรุ่มแปลก ๆ จนนางลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางถอนหายใจ"เฮ้อ! ทำไมต้องคิดถึงแต่ภาพพวกนั้นด้วยนะ ฉันเป็นแค่นักเขียนนิยาย ไม่ใช่ฮูหยินตัวจริงของเขาเสียหน่อยแล้วทำไมหัวใจนี้ต้องวูบไหวอย่างนี้ด้วยนะ ขนาดไม่ได้รักยังเจ็บปวดหัวใจอย่างนี้เลย แล้วเยิ่นเม่ยเม่ยจะเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ" ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับสักพักเสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น หลี่มี่รีบลุกจากเตียงยิ้มร่าคิดว่าเทียนหลันเซ่อมาหา"ฮูหยินเจ้าคะข้าไป๋ลู่เองเจ้าค่ะ""เจ้าหรือเข้ามาสิข้ายังไม่หลับ" เท้าของหลี่มี่ชะงักอยู่กับที่เมื่อรู้ว่าคนที่มามิใช่เทียนหลันเซ่อแต่เป็นไป๋ลู่"ข้าเห็นไม่เห็นฮูหยินในงาน จึงมาหาที่ห้องเจ้าค่ะฮูหยินไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋ลู่เปิดประตูเข้ามาถามหลี่มี่นี่ยืนมืดอยู่ใกล้เตียง"ข้าสบายดี เจ้ากับไปสนุกสนานกับทุกคนเถิด ข้าอยากพักจึงกลับมาก่อน""เมื่อครู่ที่ข้าจะมาหาฮูหยินข้าเห็นท่านแม่ทัพพาคุณหนูหลิวอี้เฟ่ยไปที่ห้องรับรองด้วยเจ้าค่ะ" ในตอนแรกนางจะไม่พูดเรื่อ
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห