บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทนำ หลี่มี่สาวน้อยนักแต่งนิยายที่ไม่ได้โด่งดัง เธอหลับระหว่างกำลังแต่งนิยายแต่ทว่าชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอลืมตาขึ้นมากลับพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง แถมยังมาอยู่ในร่างของนางเอกที่ต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม ไม่ได้การหากเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้เธอจะไม่ยอมตายง่าย ๆ และจะเปลี่ยนแปลงตอนจบของนิยายเรื่องนี้เอง แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือท่านแม่ทัพพร้อมลูกชายของเขา เธอจะทำอย่างไรต่อไปติดตามต่อได้นะคะบทที่ 1 ลืมตามาแต่งงานแคว้นเฉียนเหลียงในฤดูใบไม้ผลิท้องถนนเต็มไปด้วยโคมไฟประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ขบวนรถม้าเจ้าสาวที่กำลังเคลื่อนขบวนไปที่เรือนของบุรุษอันเป็นที่รักเพื่อทำพิธีมงคล ผู้คนมากมายต่างพากันออกมายืนดูขบวนรถม้าอย่างตื่นตา ต่างพากันอยากยลโฉมสตรีที่อยู่ในรถม้านั้นจะงดงามเพียงใดถึงได้ครองใจท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าการแต่งงานในครั้งนี้มิเกิดจากความรักแต่เป็นคำขอร้องคำสุดท้ายของคนสนิทผู้มีพระคุณของท่านแม่ทัพฝากฝังบุตรสาวให้ท่านแม่ทัพช่วยดูแลก่อนที่เขาจะตายต่อหน้าต่อตาท่านแม่ทัพเนื่องจากรับดาบแทนท่านแม่
บทที่ 2 เผชิญหน้าพิธีการเสร็จสิ้นสาวใช้ได้พาหลี่มี่ไปที่ห้องหอส่วนท่านแม่ทัพนั้นออกตอนรับแขกที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ประตูห้องถูกปิดจากด้านนอกหลี่มี่นั่งลงบนเตียงหนานุ่มใช้มือตบลงที่นอนอย่าน่าพอใจ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงนางได้เปิดผ้าคุมหน้ากวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจดูภายในห้องที่นางต้องอยู่ต่อจากนี้“ห้องกว้างใหญ่มากนี่น่า ในนิยายฉันจำได้ว่าฉันแต่งออกมาให้ห้องหอเป็นเพียงห้องเล็กเท่านั้น หรือนี่คือห้องที่เล็กที่สุดแล้วนะ เฮ้อ! ผ้าคุมหน้านี่ก็น่ารำคาญเสียจริง อากาศก็ออกจะร้อนขอถอดออกหน่อยละกันอย่างไรเจ้าบ่าวก็ไม่เข้ามาเปิดมันหรอก เพราะฉันจำได้ว่าคืนวันงานเขาไม่แยแสไม่สนใจปล่อยให้เยิ่นเม่ยเม่ยรอคอยจนฟ้าสว่าง ดีเลยอย่างนี้ฉันค่อยสบายใจหน่อยแต่ก็น่าแปลกฉันเข้ามาอยู่ในนิยายได้ยังไงนะ แถมยังมาอยู่ในร่างตัวเอกอีก” หลี่มี่เปิดผ้าขยับอาภรณ์ที่แน่นหนาออกให้สบายตัว พลางคิดเรื่องที่เธอมาอยู่ในนิยายช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก ๆ นางลุกขึ้นเดินทั่วห้องมองดูของใช้ต่าง ๆ“ฉันว่าในห้องนี้ดีจริง ๆ มีทุกสิ่งทุกอย่างราวกับว่าจัดเตรียมไว้ต้อนรับเยิ่นเม่ยเม่ยเป็นอย่างดี แต่ยังไงฉันก็ยังไม่สบายใจหรอกนะจ
บทที่ 3 เกือบไม่รอด“คิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวท่านรองแม่ทัพจะดื่มสุราเก่งเพียงนี้ เอาสิหากเจ้าอยากดื่มจงดื่มให้เพียงพอจากนั้นเราจะได้ใช้ช่วงเวลาหอมหวานด้วยกัน” ดวงตาที่มองมายังนางช่างหวานเยิ้ม หลี่มี่คิดหนักทุกอย่างช่างแตกต่างในนิยายยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาตามใจนางจึงรีบรินสุรามอบให้แก่เขาอีกครั้ง“เช่นนั้นท่านแม่ทัพมาดื่มด้วยกันนะเจ้าคะ จะให้ข้าดื่มผู้เดียวได้อย่างไร”“ได้สิหากเจ้าป้อนข้า ข้าจะดื่มทุกจอกที่เจ้ารินให้” ความรู้สึกอึดอัดปะทะใบหน้าแต่ทำได้เพียงแสร้งยิ้มให้คนตรงหน้า‘ตาแม่ทัพบ้าคนนี้ไม่เห็นเย็นชาแต่กลับเป็นท่านแม่ทัพจอมหื่นสินะ เฮ้อ! จะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่คืนนี้ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้’ หลี่มี่จำยอมยกจอกสุราป้อนไปที่ปากของเขาอย่างจำใจ เขายิ้มกริ่มออกมาอย่างพอใจดื่มสุราที่นางมอบให้จอกแล้วจอกเล่า เมื่อใกล้หมดหลี่มี่จึงตะโกนบอกทหารที่อยู่ด้านนอกไปนำสุรามาอีก ไหแล้วไหเล่าในที่สุดใบหน้าของท่านแม่ทัพเริ่มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเยิ้มเอ่ยวาจาเริ่มติด ๆ ขัด ๆ“อะไรกันสุราหมดไปขนาดนี้แล้วแต่ท่านแม่ทัพยังนั่งได้อยู่ โชคดีที่เราเองคอแข็งมากพอไม่เช่นนั้นจะเป็นฉันเองที่มอมเหล้าตัวเอง "หลี่มี่คิด
บทที่ 4 เด็กแสบฝั่งด้านหลี่มี่นางเดินรับลมมาเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางใดทำให้นางเริ่มสับสนว่าที่ที่นางอยู่นี่คือที่ใดกัน เมื่อเดินมาได้สักพักได้ยินเสียงเด็กชายที่ส่งเสียงดังอยู่ด้านหน้า“เสียงเด็กผู้ชายนี่น่าหรือว่าจะเป็นเจ้าก้อนแป้งนะ ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะน่ารักเหมือนในนิยายหรือเปล่า” หลี่มี่รีบย่างเท้าไปด้านหน้าเพื่อพบกับ ‘อ้ายเยว่’ อายุห้าขวบ บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นขาดความรักของผู้เป็นแม่ ทำให้เขาเอาแต่ใจตนเองและไม่ชอบเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะคิดว่านางจะมาแย่งความรักของท่านพ่อไปจากเขา เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้เห็นว่าเด็กชายแก้มตุ้ยนุ้ยอวบอ้วนกำลังรังแกสัตว์อยู่นางรีบเข้าไปห้ามทันทีไม่อยากให้เด็กชายนิสัยเสียไปกว่านี้“หยุดนะ! นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เด็กชายหยุดรังแกสัตว์พร้อมหันไปมองที่มาของเสียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนเด็กชายมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที“ชิ! ข้าคิดว่าใครที่แท้ก็คนที่มาแย่งท่านพ่อไปจากข้า มีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าเสียหน่อย” เด็กชายไม่ได้เกรงกลัวแถมยังแสดงท่าทีอวดเก่งใส่นางอีกด้วยซ้ำ"ตัวแค่นี้ปากเก่งเสียจริงนะ" หลี
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห