บทที่ 11 ตั้งรับ
"ท่านแม่รู้หรือไม่เจ้าคะ ถ้อยคำที่ท่านแม่เอ่ยออกมาต่ำยิ่งกว่าฐานะของข้าเสียอีก ทำไมกันเจ้าคะเพียงเพราะข้ามิใช่หลินอี้เฟ่ยท่านเลยไม่ชอบข้าใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะบอกความรู้สึกที่มีต่อท่านแม่เช่นกันเจ้าคะ ว่าข้าเองไม่ได้ชอบท่านเลยสักนิดเวลาอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพไม่บอกไปเลยล่ะเจ้าคะ ว่าท่านไม่ต้องการให้ข้าเป็นฮูหยิน ท่านต้องยกตำแหน่งนี้ให้หลินอี้เฟ่ย อืม... ข้าพอรู้เพราะว่าท่านไม่กล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับท่านแม่ทัพเลยมาบอกข้าในเวลาที่ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อย่าคิดว่าข้ากลัวท่านนะเจ้าคะต่อให้ท่านไม่ชอบข้าเพียงใดก็ต้องจำใจดูการมีอยู่ของข้าตลอดไปเลยนะเจ้าค่ะ เพราะไม่ว่าท่านไล่ข้าเช่นไรข้าไม่ยอมออกจากเรือนนี้ไปแน่ " หลี่มี่ยิ้มเยาะหยันไร้ความกลัวพร้อมรับมือกับสตรีตรงหน้า
"นี่เจ้าเอ่ยว่าจาเหิมเกริมยิ่งนัก! ข้าเป็นมารดาของท่านแม่ทัพแต่เจ้าหาเกรงกลัวไม่ " ฟางเหนียงชี้นิ้วใส่หน้าของหลี่มี่เอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความโมโห
"ท่านเป็นท่านแม่ของท่านแม่ทัพแต่มิใช่ท่านแม่ของข้านี่เจ้าคะ ในเมื่อท่านเอ่ยวาจาไม่ดีต่อข้าก่อนท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้น "คำพูดหยิ่งพยองไร้ความยำเกรงของหลี่มี่ทำให้ฟางเหนียงเลือดขึ้นหน้ายืนขึ้นต่อว่านางอย่างเสียงดัง
"เจ้า ๆ โอ๊ยข้าปวดหัว!! เทียนหลันเซ่อคงไม่รู้สินะว่าแท้จริงแล้วเจ้ามีนิสัยเช่นไร เรื่องนี้ต้องให้ถึงหูของเทียนหลันเซ่อกิริยามารยาทล้วนหยาบกระด้าง ไม่สำรวมตนขาดการบ่มเพาะให้มีมารยาทสง่างามไม่คู่ควรที่จะยืนเคียงข้างแม่ทัพแม้แต่น้อย "
"เอาสิเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านไม่เห็นหรือว่าท่านแม่ทัพเข้าข้างผู้ใด แถมตอนนี้ข้ายังรับบาดเจ็บเพราะอ้ายเยว่อีก ท่านแม่ทัพคงซึ้งน้ำใจเมื่อคืนปลอบข้าทั้งคืนจนข้าแทบไม่ได้นอน ท่านทำใจยอมรับข้าเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ อีกเรื่องหากท่านกล่าวว่าข้ามารยาทไม่งดงาม แล้วเช่นไรเจ้าคะที่ข้าจะมีมารยาทสง่างามได้ต้องให้ข้าทำเช่นท่านหรือเจ้าคะ ที่ท่านทำอยู่ล้วนไม่ต่างจากข้าแม้แต่น้อยเช่นนั้นท่านเองก็คงขาดการอบรมบ่มเพาะเช่นกัน " หลี่มี่กอดอกทำท่าทางยอกย้อนคำพูดของฟางเหนียงที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่ทำให้ใบหน้าของฟางเหนียงบูดบวมไปด้วยเส้นเลือกดวงตาแดงก่ำอย่างเกรี้ยวโกรธ
"ไม่มีทาง!!! วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ก่อน แต่ข้าไม่มีทางที่จะยอมแพ้และรับเจ้าเป็นสะใภ้ของข้า " ฟางเหนียงเดินสะบัดปลายชุดพร้อมย้ำเท้าออกจากห้องของหลี่มี่อย่างโมโห หากอยู่ปะทะคารมกับนางต่อไม่แน่อาจจะเกิดการตบตีกันขึ้นมา หากเป็นเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าเทียนหลันเซ่อต้องต่อว่านางเพราะนางมาหาเรื่องเยิ่นเม่ยเม่ยที่ห้อง
"รีบมาเอาคืนนะเจ้าคะ ข้าจะรอ" หลี่มี่โค้งคำนับตามหลัง พลางถอนหายใจ เจอเรื่องวุ่นวายแต่เช้าเช่นนี้ชักจะเป็นวันไม่ดีของนางเสียแล้ว
"เฮ้อ! วัน ๆ พบเจอแต่เรื่องปวดหัว " หลี่มี่เดินมานั่งที่เก้าอี้สักพักไป๋ลู่ได้เดินเข้ามา
"ฮูหยินเจ้าคะ ข้ายกสำรับของมื้อเช้ามาให้เจ้าค่ะ " หลี่มี่จ้องมองสาวใช้ที่เป็นสายคาบข่าวไปแจ้งฟางเหนียง นางช่างเสแสร้งเก่งเสียจริง
"ยกมาตั้งสิ ข้าหิวแล้วเมื่อครู่ใช้แรงไปเยอะ ไป๋ลู่เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเป็นข้าเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ทั้ง ๆ ที่ข้าช่วยหลานชายท่านแม่เอาไว้ แต่ท่านแม่กลับหาว่าข้าออดอ้อนท่านแม่ทัพให้ท่านแม่ทัพอยู่ดูแลจนไม่ได้ออกไปทำหน้าที่ของตน ข้าผิดหรืออย่างไร... อีกอย่างท่านแม่รู้ได้เช่นไรนะในเมื่อท่านแม่ทัพกลับมาตะวันตกดินแล้ว เรือนของท่านแม่เองก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ต่อจากนี้ข้าต้องระะวังตนแล้วล่ะ เจ้าเองก็เช่นกันนะอย่าไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ เข้าใจหรือไม่? " หลี่มี่แสร้งเอ่ยออกมาดูท่าทีของไป๋ลู่ นางกำลังยกของกินออกจากสำรับเพื่อวางลงโต๊ะถึงกับชะงักมือไม้เริ่มสั่น แต่นางพยายามรีบวางของให้เสร็จกลัวว่าเยิ่นเม่ยเม่ยจะจับได้
"เจ้าค่ะ ข้าจะจำสิ่งที่ฮูหยินกล่าวมาเป็นอย่างดี ฮูหยินกินอาหารก่อนเถอะเจ้าค่ะจะได้ดื่มยาต้ม " หลี่มี่ไม่เอ่ยอันใด หยิบตะเกียบคีบของกินที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากพลางคิดจะรับมือกับฟางเหนียงเช่นไร เมื่อนางเปิดศึกเช่นนี้ฟางเหนียงไม่อยู่นิ่งแน่ คงต้องคิดหาทางกำจัดนางอย่างแน่นอน
หลังจากที่หลี่มี่กินอาหารเสร็จนางได้ให้ไป๋ลู่พาเดินรับลมด้านนอก
"ไป๋ลู่เจ้าเข้ามาเป็นสาวใช้อยู่ที่นี่นานหรือยัง? "
"นานแล้วเจ้าค่ะฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ "
"ข้าอยากเดินดูรอบ ๆ เรือนหากเจ้าอยู่ที่นี่มานานคงรู้จักทุกที่สินะ "
"รู้สิเจ้าคะ ข้าจะพาฮูหยินเดินดูรอบ ๆ เอง ว่าแต่ฮูหยินจะไหวหรือเจ้าคะ ฮูหยินได้รับบาดเจ็บอยู่เช่นนี้หากไปเดินรับลมด้านนอกอาจจะไม่สบายได้ " ไป๋ลู่เอ่ยออกมาราวกับว่านางเป็นห่วงหลี่มี่จากใจจริง แต่ทว่าหลี่มี่กลับเกลียดคำพูดของนางยิ่งนักที่เสแสร้งแสดงเก่งเช่นนี้
"บาดแผลแค่นี้เล็กน้อย รีบพาข้าไปเถิดก่อนที่แดดจะแรงกว่านี้ " หลี่มี่ลุกขึ้นย่างเท้าออกจากห้อง ไป๋ลู่รีบเดินตามหลังหลี่มี่ออกมาไม่ลืมที่จะหยิบร่มออกมาด้วย
"ฮูหยินเชิญทางนี้เจ้าค่ะ ข้าจะพาฮูหยินเดินไปฝั่งด้านขวาก่อนนะเจ้าคะ " หลี่มี่พยักหน้าเดินไปตามที่ไป๋ลู่บอก
ฝั่งด้านฟางเหนียงเมื่อกลับมาที่ห้อง นางรีบคิดหาทางกำจัดเยิ่นเม่ยเม่ยไม่ให้อยู่กวนใจนางอีกต่อไป หากต้องอยู่ร่วมโลกกับเยิ่นเม่ยเม่ยไม่นางก็เยิ่นเม่ยเม่ยต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
"เยิ่นเม่ยเม่ย ข้าจะหาทางกำจัดเจ้าให้ได้ แค่เอ่ยชื่อเจ้าก็เกลียดเขากระดูกดำไม่มีทางที่ข้าจะนับญาติกับเจ้า ทำเช่นไรแม่ทัพถึงเลิกสนใจนางนะ" ฟางเหนียงครุ่นคิดอย่างหนัก หากปล่อยไว้เช่นนี้นับวันเยิ่นเม่ยเม่ยอาจจะข้ามหัวของนางหากเทียนหลันเซ่อหลงนางเข้าแล้ว นางอาจจะใช้อุบายไล่ฟางเหนียงออกไปอยู่ด้านนอก
" ฮูหยินผู้เฒ่าคิดอันใดอยู่หรือเจ้าคะ ท่าทางเคร่งเคลียด " สาวใช้ข้างกายของฟางเหนียงได้เอ่ยถามเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินไปมาคิ้วขมวดชนกัน
"ข้าคิดหาทางกำจัดฮูหยินนะสิ "
"กำจัดฮูหยินหรือเจ้าคะ " สาวใช้ทวนคำพูดของนายหญิงอย่างสงสัย
"นางไม่เห็นหัวข้า แถมยังทำท่าทีไม่เคารพข้าสักนิด หากวันใดนางมีบุตรให้แม่ทัพ นางอาจจะหาทางกำจัดข้า ข้าจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ข้าจะกำจัดนางเสียก่อนแต่คิดหาทางอย่างไรข้ายังคิดไม่ออกเสียที" สาวใช้ได้ยินก็พยักหน้ารับรู้ ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเสนอความคิดของตนเอง
"ข้าพอมีวิธีเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าชอบคุณหนูหลินอี้เฟ่ยอยากให้นางมาเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
"เจ้ามีแผนอันใดลองบอกข้ามา "
"ใช้วิธีนี้สิเจ้าคะ แม้อาจจะเป็นวิธีที่น่ารังเกียจไปสักหน่อยแต่อาจจะเป็นวิธีที่จะทำให้คุณหนูหลิวอี้เฟ่ยมาอยู่ที่นี่โดยเร็ว "
"เจ้าอย่าได้ชักช้ารีบเอ่ยออกมาให้ข้าได้รู้" ฟางเหนียงเห็นท่าทีชักช้าของสาวใช้จึงรีบเร่งให้นางบอกกล่าวเล่าแผนของนางออกมา
"เช่นนี้เจ้าค่ะ ข้ารู้มาว่าที่ตลาดหาซื้อยาปลุกกำนัดได้ไม่ยาก ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่ใช้ท่านแม่ทัพนำของไปให้คุณหนูที่เรือน จากนั้นก็ให้คุณหนูใช้ยาปลุกกำหนัดเพื่อให้แม่ทัพได้ดื่ม หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ฤทธิ์ยาได้ทำงานของมันเจ้าคะ "
"อื้ม ...แผนของเจ้าเองถือว่าใช้ได้แต่จะให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะ หากทำเช่นนั้นท่านใต้เท้ามิอาจจะบั่นคอของบุตรชายข้าหรอกหรือ" สาวใช้ลืมคิดข้อนี้ไป จึงพยายามครุ่นคิดกับนางหญิงของตนเองอีกรอบ จนกระทั่งนางยิ้มเยาะขึ้นมา
"ข้าคิดออกแล้วเจ้าคะ เราจัดงานเลี้ยงดีหรือไม่เจ้าคะจากนั้นเรียนเชิญคุณหนูให้มาร่วมงานเลี้ยงนี้ เราวางแผนให้คุณหนูเมาสุราจากนั้นให้ท่านแม่ทัพพาคุณหนูไปพักที่ห้องรับรอง แต่ก่อนจะให้พาไปต้องหาทางให้คุณชายดื่มยาปลุกกำหนัดก่อน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าท่านใต้เท้าหลิวจะบั่นคอของท่านแม่ทัพ "
"ดี ๆ แต่จะให้หลิวอี้เฟ่ยเมาอย่างไร หากเมาแผนของเราจะไม่สำเร็จนะสิ"
"ก็อย่าให้คุณหนูเมาสิเจ้าคะ เพียงแต่คุณหนูเสแสร้งเท่านั้น เมื่อทั้งสองอยู่ในห้องข้าจะเป็นคนไปปิดประตูเองเจ้าคะ พอรุ่งสางเราก็แสร้งตามหาคุณหนูหลิวอี้เฟ่ย พอเปิดประตูเข้าไปเห็นทั้งสองนอนบนเตียงไร้อาภรณ์ จากนั้นท่านแม่ทัพต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไปอย่างไรล่ะเจ้าคะ " ฟางเหนียงคิดตามแผนของสาวใช้ถือว่าความคิดของนางช่างน่าพึงพอใจนัก
"ดี ๆ จากนั้นข้าจะให้เทียนหลันเซ่อนำของมีค่าไปขอโทษและรับผิดชอบคุณหนูหลิวอี้เฟ่ยกับท่านใต้เท้าหลิวที่เรือน ฮึ!เยิ่นเม่ยเม่ยเจ้าเตรียมตัวรับมือจากข้าได้เลย เมื่อแผนนี้สำเร็จข้าจะให้หลิวอี้เฟ่ยเอาอกเอาใจเทียนหลันเซ่อจนลืมเจ้าไปเลย " ทั้งสองหัวเราะกันอย่างสะใจเมื่อคิดถึงแผนที่วางเอาไว้
บทที่ 12 ตอบแทนอ้ายเยว่สนุกสนานกับลูกแมวที่เขาได้ช่วยลงมาจากต้นไม้ พูดคุยกับแม่นมจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของหลี่มี่ที่เดินผ่านมา"คุณชายเจ้าคะ ฮูหยินกำลังเดินมาทางนี้นำลูกแมวที่คุณชายได้ช่วยไว้ไปให้ฮูหยินดูดีมั้ยเจ้าคะ" อ้ายเยว่หันไปมองเยิ่นเม่ยเม่ยที่กำลังเดินผ่านพร้อมอุ้มลูกแมวเอาไว้ในอ้อมแขน"ทำไมต้องนำไปให้นางได้ดูด้วย ข้าไม่ชอบนางแม่นมเข้าใจหรือไม่""แต่ว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บที่หัวเพราะช่วยคุณชายเอาไว้นะเจ้าคะ หากฮูหยินมารับคุณชายไว้ไม่ทัน คุณชายอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้ก็เป็นได้""แม่นมพูดมาก ก็ได้แต่ที่ข้าทำเพราะไม่ใช่ข้าชอบนางหรอกนะ แต่เพราะนางช่วยข้าอย่างที่แม่นมกล่าวเท่านั้น" อ้ายเยว่ยังคงไม่อาจจะเปิดใจรับหลี่มี่ได้ แต่ก็ยังอุ้มลูกแมวดินไปหานางหลี่มี่เดินผ่านห้องของอ้ายเยว่แต่นางไม่คิดจะเข้าไปหาเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับมือเพียงแค่ฟางเหนียงนางก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว แต่ทว่านางกลับเห็นว่าอ้ายเยว่กำลังอุ้มลูกแมวเดินตรงมาหานาง"ไป๋ลู่เจ้าดูสิว่านั้นใช่คุณชายอ้ายเยว่หรือไม่? หรือว่าข้าตาฝาด""นั้นคุณชายอ้ายเยว่จริง ๆ เจ้าค่ะ " หลี่มี่คิ้วขมวดเข้าหากัน ปกติเด็กชายไม่ชอบนางแต่วันนี้เ
บทที่ 13 เริ่มวางแผนตะวันคล้อยบ่ายเกี้ยวของหลิวอี้เฟ่ยมาที่เรือนของเทียนหลันเซ่อ นางดีใจที่ท่านพ่อเห็นชอบจึงรีบเดินทางมาปรึกษาหารือกับฟางเหนียง เกี้ยวหยุดนิ่งหลิวอี้เฟ่ยก้าวเท้าลงที่หน้าเรือนพร้อมเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย"นี่เจ้าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่เรือนหรือไม่? " นางเห็นทหารที่ยืนเฝ้าประตูอยู่จึงเอ่ยถาม"อยู่ขอรับ ""ขอบใจเจ้ามาก " หลิวอี้เฟ่ยยิ้มแย้มแจ่มใสเดินตรงไปที่เรือนของฟางเหนียงแต่ทว่าระหว่างทางนางเห็นเยิ่นเม่ยเม่ยกำลังเดินอยู่กับสาวใช้"ทำไมต้องมาพบเจอนางด้วยข้าละไมชอบใจจริง ๆ แต่เอ๊ะที่หัวของนางทำไมถึงมีผ้าโพกหัวอยู่เช่นนั้น เข้าไปสำรวจการดูดีกว่า ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันนางจะเป็นสตรีที่อ่อนแอหรือไม่ หากนางอ่อนแอข้าจะได้จัดการอย่างง่ายดาย " หลิวอี้เฟ่ยจึงเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปที่เรือนของฟางเหนียงแต่นางเลือกที่จะเข้ามาหาเยิ่นเม่ยเม่ยก่อนส่วนหลี่มี่นางเดินสำรวจจนแทบจะทั่วเรือนฟังไป๋ลู่ชี้แนะที่ต่างๆ จนตอนนี้นางเริ่มเหนื่อยอยากกลับห้องเสียแล้ว"ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้วกลับห้องกันดีกว่า ข้าอยากนอนพักสักหน่อย ""ได้เจ้าค่ะฮูหยิน "ไป๋ลู่ผายมือให้หลี่มี่เดินนำหน้าตนเองมือข้างขวาถือร
บทที่ 14 ข้าจะนอนด้วยตะวันลาลับขอบฟ้าแสงสว่างของโคมไฟเริ่มทำหน้าที่ส่องสว่างตามทางเดิน เทียนหลันเซ่อกลับมาจากด้านนอกสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยจึงกลับมาที่ห้องพักของตนแช่กายอยู่ในอ่างน้ำอุ่นพลางครุ่นคิดถึงเยิ่นเม่ยเม่ย“ไม่รู้ปานนี้บาดแผลที่หัวของเจ้าจะดีขึ้นหรือยัง งานที่มีก็ล้นมือแต่ทำไมหัวใจของข้ามันเรียกร้องไปหาเจ้าเช่นนี้นะเยิ่นเม่ยเม่ย เจ้าไม่เหมือนสตรีใดที่ข้าเคยพบเจอช่างแปลกยิ่งนักอยู่ใกล้เจ้าหัวใจของข้าเต้นแรงราวกับจะออกมาวิ่งโลดแล่นด้านนอก ท่านรองแม่ทัพท่านไม่ต้องเป็นห่วงนาง ครั้งนี้ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิตของข้าเอง " แม่ทัพมองไปด้านหน้าพลางลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำทหารคนสนิทคว้าผ้ามาคุมร่างกายให้แม่ทัพ "ข้าจะไปหาฮูหยินที่ห้องของนาง วันนี้เจ้าไม่ต้องอยู่ดูแลข้า ไปพักเถิดส่วนงานที่เหลือรุ่งสางค่อยหารือกันอีกที " ทหารคนสนิทมองหน้าแม่ทัพอย่างสงสัย "ข้ามิรู้เลยนะขอรับว่าท่านแม่ทัพมีใจให้ฮูหยิน ข้าคิดว่าท่านแม่ทรงทำดีกับนางเพราะท่านรองแม่ทัพขอไว้เสียอีก" ทหารได้เอ่ยขึ้นเมื่อกำลังนำผ้ามาคุมกาย"ตอนนี้นางขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินของข้า แม้ว่าข้าจะมีใจหรือไม่มีใจข้าต้องทำหน้าที่ของตนเ
บทที่ 15 ความอบอุ่นใช้มือลูบบนอกแกร่งของเทียนหลันเซ่อ ยิ้มกว้างพร้อมใช้มารยาให้เขาเชื่อตนเอง"ข้ามิได้หนีท่านเสียหน่อยเจ้าค่ะ เพียงแค่ตอนนี้ข้าบาดเจ็บท่านเองก็เห็นนี่เจ้าคะ หากข้าร่วมหลับนอนกับท่านด้วยร่างกายที่อ่อนแอเช่นนี้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับร่างกายที่แข็งแกร่งของท่านแม่ทัพล่ะเจ้าคะ รอให้ข้าหายดีเมื่อไหร่ข้าจะทำให้ท่านสบายเนื้อสบายตัวแน่นอนเจ้าค่ะ " หลี่มี่บีบเสียงให้เล็กลงคล้ายยั่วยวนให้เทียนหลันเซ่อคล้อยตามคำพูดของนาง'เหอะ! เยิ่นเม่ยเม่ย เจ้าเรียนรู้การเอ่ยวาจาเช่นนี้มาตั้งแต่ที่ใดกัน หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อไปอีกข้าอาจจะอดใจไม่ไหวที่จะแตะต้องเจ้า' เทียนหลันเซ่อคิดในใจมือขวาโอบเอวนางเอามากอดไว้แน่น"เฮ้อ! ข้าคิดว่าคืนนั้นข้าทำผิดพลาดจนเจ้าไม่พอใจเสียอีก หากเจ้าว่าเช่นนั้นข้าเองจะไม่เคลือบแคลงเจ้า เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าโปรดเรียกข้าว่าท่านพี่มิใช่ท่านแม่ทัพเข้าใจหรือไม่ฮูหยินของข้า " หลี่มี่โล่งอกที่เขาเชื่อในคำโกหกของตน"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านปล่อยข้าก่อนได้มั้ยเจ้าคะอีกเดี๋ยวอ้ายเยว่คงเข้ามา ข้าไม่อยากให้อ้ายเยว่เห็นว่าท่านมอบความรักให้ข้า เดี๋ยวเขาจะคิดว่าท่านไม่ได้รั
บทที่ 16 หารืองานเลี้ยงเทียนหลันเซ่อกลับห้องของตนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์โดยมีทหารคนสนิทคอยช่วยหยิบจับทุกสิ่งทุกอย่างให้“ช่วงนี้ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะอารมณ์ดีนะขอรับ ใบหน้าชื้นบานตลอดเวลาไม่เหมือนเมื่อก่อนเอาแต่ทำหน้าราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ” ทหารคนสนิทเอ่ยขึ้นมาเมื่อมองแม่ทัพผ่านกระจกใหญ่ในห้องแต่งกาย“ข้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นะหรือสงสัยช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องให้ข้าต้องปวดหัวแต่งกายเสร็จออกเดินทางกันเถิด ข้าอยากกลับมากินอาหารเย็นพร้อมฮูหยิน”เขาพยักหน้าเดินนำแม่ทัพออกจากห้องแต่งกายเมื่อออกมาเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเดินเข้ามา“ท่านแม่ทัพอยู่หรือไม่? ข้าคงไม่ได้มาเสียเที่ยวหรอกใช่หรือไม่” ฟางเหนียงเอ่ยถามทหารเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากห้องของเทียนหลันเซ่อ“ท่านแม่ทัพอยู่ด้านในขอรับกำลังจะออกมา นายหญิงนั่งรอสักครู่นะขอรับข้าจะรินน้ำชาให้”“ถือว่าโชคดีที่ท่านแม่ทัพยังไม่ออกไป ส่วนเจ้าออกไปรอท่านแม่ทัพอยู่ด้านนอกเถิดข้ามีเรื่องหารือท่านแม่ทัพไม่นาน”“ขอรับนายหญิง” เทียนหลันเซ่อได้ยินเสียงของท่านแม่จึงรีบเดินออกมาจากห้อง“ท่านแม่มีเรื่องด่วนอันใดกันขอรับถึงมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่” เขาเอ่ยถามทันทีที่เด
บทที่ 17 ข้อเสนอของหลี่มี่หลังมื้ออาหาร ไป๋ลู่เอ่ยชวนฮูหยินไปนั่งรับลมที่ศาลารับลมด้านนอก วันนี้อากาศเย็นสบายเหล่าผีเสื้อบินว่อนเต็มท้องฟ้า หลี่มี่ยอมตามออกมาหากอยู่แต่ในห้องนางเองรู้สึกเบื่อหน่ายไป๋ลู่ยกน้ำชาพร้อมขนมหวานมาวางบนโต๊ะเพื่อให้หลี่มี่ได้กินระหว่างนั่งชมบรรยากาศ แต่สายตาของหลี่มี่กลับมองเห็นผงสีขาวยังไม่ละลายในน้ำชาร้อนกรุ่นที่ไป๋ลู่ได้รินให้นางเมื่อครู่ ในใจของหลี่มี่รับรู้ทันทีว่าในน้ำชาต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่ สายตาของไป๋ลู่เอาแต่จ้องมองจอกชาจนหลี่มี่สงสัยและมั่นใจว่าต้องมีอะไรในน้ำชาอย่างที่นางคิด“ไป๋ลู่ น้ำชาวันนี้ที่เจ้านำมาให้ข้าเป็นน้ำชามาจากอันใดหรือ”“ชาดอกเหมยเจ้าค่ะ ข้าเห็นฮูหยินผู้เฒ่ามักกินจึงนำมาให้ฮูหยินได้ลิ้มลองเจ้าค่ะ”“อื้ม! ชาที่ท่านแม่ชอบดื่มนะหรือช่างมีกลิ่นหอมจริง ๆ ขนมพวกนี้ก็น่ากินทั้งนั้นเจ้านั่งกินเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ” ไป๋ลู่ยิ้มกว้างไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กินอาหารของเจ้านาย“ฮูหยินเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจนะเจ้าคะ”“นั่งลงสิ น้ำชาจอกนี้ข้ายกให้เจ้าแล้วกัน ข้าเห็นเจ้าจ้องมองตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เจ้าคงอยากลิ้มรสสินะชาดอกเหมยนั้นข้าดื่มบ่อยจนไม่อย
บทที่ 18 เป่าหู"ขอรับท่านย่า หากเยิ่นเม่ยเม่ยมาช่วยข้าไม่ทันข้าอาจจะเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บขอรับ""อ้ายเยว่เอ๋ยเจ้าอย่าได้เชื่อใจผู้ใดง่ายเกินไป เจ้ามิใช่บุตรของนาง นางจะหวังดีต่อเจ้าได้อย่างไร ไม่แน่ลูกแมวตัวนี้อาจจะเป็นนางที่นำเข้ามาแล้ววางแผนเข้ามาช่วยเจ้าก็ได้ เมื่อนางช่วยเจ้าแล้วนางจะได้ความดีความชอบแถมยังได้รับการดูแลจากท่านพ่อของเจ้าอีก " อ้ายเยว่คิดตามคำพูดของท่านย่าที่เอ่ยออกมาอย่างสับสน แม่นมทำได้เพียงก้มหน้ามิกล้าออกความคิดเห็นในเรื่องนี้"หากเป็นเช่นท่านย่ากล่าวหมายความว่าข้าไม่ควรเข้าใกล้นางใช่หรือไม่ขอรับ" หญิงชราลูบหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยน"ใช่แล้ว ต่อจากนี้อย่าได้เข้าใกล้นาง หากนางเข้าใกล้เจ้าจงอย่าทำดีกับนาง ย่าว่านางต้องมีแผนคิดมิดีมิร้ายกับเจ้าเป็นแน่ หากวันใดที่นางมีบุตรให้แก่ท่านพ่อของเจ้า เมื่อนั้นเจ้าอาจจะไม่ได้ความรักจากท่านพ่ออีกเลย " เพราะความเกลียดชังที่ตนมีต่อเยิ่นเม่ยเม่ย ทำให้นางใส่ร้ายเอ่ยวาจาเป่าหูหลานชายเพราะไม่อยากให้เด็กชายทำดีต่อนาง"ข้าจะเชื่อฟังท่านย่านะขอรับ เมื่อใดที่ข้าเห็นนางข้าจะไม่ทำดีไม่เอ่ยวาจาดีกับนางเช่นดั่งที่ท่านย่าสอนข้า " แม้ว่าปากจะเอ
บทที่ 19 เลือกชุดหลี่มี่จับดูเนื้อผ้าชุดที่เทียนหลันเซ่อชอบ แต่หลี่มี่ไม่ชอบเท่าไหร่นักเพราะชุดที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ช่างเป็นชุดที่โดดเด่นเกินไป"ชุดนี้แม้ว่าจะสง่างามแต่ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะกับข้าหรอกเจ้าค่ะ ""แต่ว่าข้าชอบ เฒ่าแก่ข้าเอาชุดนี้ส่วนนี้ค่าชุดนำไปส่งให้ที่เรือนด้วย ไปเถิดข้ามีที่จะพาเจ้าไปสักครู่ ตอนนี้ตะวันยังไม่ตกดินไปควบม้าเล่นกับข้าสักหน่อยค่อยกลับเรือน " เทียนหลันเซ่อคว้ามือของหลี่มี่ให้เดินตามตนเองออกมา"ได้เลยขอรับท่านแม่ทัพ ข้าจะจัดการให้เป็นอย่างดี" เฒ่าแก่รับเงินจากแม่ทัพด้วยรอยยิ้ม เพราะที่ท่านแม่ทัพมอบให้มากกว่าค่าชุดอีกด้วยซ้ำ'อะไรกัน ฉันไม่ได้ชอบชุดนั้นเสียหน่อย หากจะเลือกให้ทำไมต้องให้ข้าลองจับดูด้วยล่ะ เฮ้อ! เหนื่อยใจกับท่านแม่ทัพผู้นี้เสียจริง' หลี่มี่คิดในใจมองคนตรงหน้าที่กำลังพานางเดินไปหาม้าที่มัดไว้"ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือเจ้าคะ อีกอย่างเมื่อครู่ที่ท่านซื้อชุดให้ข้า ทำไมไม่ถามราคาก่อนที่จะจ่ายเงินด้วยล่ะ เช่นนี้ท่านก็เสียเปรียบสิเจ้าคะ ไม่เห็นหรือไงว่าแววตาของท่านผู้เฒ่าตาโตเพียงใดเมื่อเห็นว่าท่านให้ถุงเงินไป ""ข้าซื้อของกับผู้เฒ่าร้านนี้อยู่บ่อยค
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห