“ดีแล้ว ในเมื่อทั้งสองคนมีเอกสารมาด้วย จะได้เปิดบัญชีพร้อมกัน” หมอจางพูดสนับสนุนให้สองพี่น้องเปิดบัญชีของรัฐ แต่เขาไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่สติไม่ดีคนนี้จะสามารถเปิดได้ไหม จึงพูดขึ้นมาอย่างกังวลใจเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่มั่นใจนะว่าอาเหมยจะสามารถเปิดบัญชีได้หรือไม่ เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้” หมอจางพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าสติไม่ดีหรือเป็นบ้า เพื่อรักษาจิตใจของสองพี่น้อง จึงพูดเพียงว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ถังอี้คุนมองหน้าน้องสาวอย่างคล้ายกับจะปรึกษา เพราะเงินพวกนี้เธอเป็นคนหามา จะฝากบัญชีเขาคนเดียวก็คงไม่ได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะเอาเงินของน้องด้วย
“พี่ใหญ่เก็บไว้ เก็บเงินไว้เยอะ ๆ เลยนะ เอาไว้ซื้อขนมให้อาเหมย นะนะ ฮ่า ๆ ชอบกินขนม” ถังลู่เหมยพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนเด็ก ๆ ที่สนใจแต่ขนมเท่านั้น
นี่คือสัญญาณของเธอเพื่อที่จะบอกพี่ชายว่าให้เอาเงินทั้งหมดฝากไว้ที่เขา เพราะอย่างไรเธอก็คือครอบครัวของบ้านรองถังไปแล้ว
เมื่อได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งไปให้เธอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเงินนี่ก็คือของถังลู่เหมยอยู่ดี
“ตกลง พี่จะเก็บไว้ให้ ถ้าอาเหมยอยากเอาไปซื้อขนม บอกพี่ได้เลยนะ” ถังอี้คุนตอบกลับน้องสาวไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“เอาล่ะในเมื่อตกลงกันได้แล้วก็รีบไปธนาคารของรัฐกันดีกว่า เดี๋ยวจะปิดทำการเสียก่อน ว่าแต่ยังมีของล้ำค่าพวกนี้อีกไหม ถ้ามีสามารถเอามาขายได้ตลอดนะ ฉันยินดีรับซื้อ” หมอจางกลัวว่าธนาคารของรัฐจะปิดทำการเสียก่อน แต่ก็ไม่วายที่จะบอกทั้งสองคนว่าหากมีสินค้าแบบนี้ก็นำมาขายให้เขาได้อีก เขารับซื้อไม่อั้น
“ครับเถ้าแก่” ถังอี้คุนตอบไปก่อน ส่วนจะมีหรือไม่มีเอาไว้ค่อยว่ากันวันหลัง
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงพากันเดินทางมายังที่ธนาคารของรัฐเพื่อฝากเงิน ซึ่งถังอี้คุนเก็บเงินไว้ในบัญชีตัวเองก่อนทั้งหมด ส่วนหลังจากนี้จะทำอย่างไรกับเงินที่มีค่อยปรึกษาน้องสาวอีกที
เมื่อจัดการเรื่องเงินฝากเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องจึงแยกจากหมอจาง เพราะทั้งสองคนต้องรีบกลับบ้าน และทั้งสองเลือกที่จะฝากส่วนใหญ่เงินทั้งหมดไว้ที่ธนาคารของรัฐ โดยนำติดตัวไว้เพียงเท่าที่จำเป็น
และพอทั้งสองคนเดินผ่านร้านขายซาลาเปา ก็ได้มองสบสายตากัน พร้อมกับถังลู่เหมยที่ยิ้มกว้างออกมา
“พี่ใหญ่ ๆ ข้าอยากซื้อซาลาเปา เอา เอาไปฝากกลับไปฝากพ่อกับแม่” ถังลู่เหมยพูดพร้อมกับเขย่าแขนพี่ชายเหมือนเด็กคนหนึ่งที่อยากได้ขนม เธอคิดว่าถ้าอยู่นอกบ้านก็จะต้องเล่นบทคนบ้าให้แนบเนียน ‘ทำเหมือนคนบ้าก็ดีเหมือนกันนะ ถือว่าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งก็แล้วกัน’ เธอคิดอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอีก“ได้สิ อย่างนั้นพี่จะซื้อให้อาเหมยหลายๆ ลูกเลย”
ถังอี้คุนก็ยิ้มกลับไปให้น้องสาว พร้อมกับลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
“ป้าครับ เอาซาลาเปาสิบลูกครับ แยกเป็นถุงหนึ่งสองลูก อีกหนึ่งถุงใส่แปดลูกนะครับ” ถังอี้คุนหันไปสั่งแม่ค้าที่ยืนมองอยู่
“ได้ ๆ เดี๋ยวป้าแยกถุงให้นะ พ่อหนุ่มนี่ดีนะดูท่าทางจะรักน้องสาวมากแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ” แม่ค้าพูดออกมาด้วยท่าทางเอ็นดูหญิงสาว ก่อนจะส่งถุงซาลาเปากลับมาให้ พร้อมกับบอกว่า
“ส่วนนี่ ป้าแถมให้แม่หนูนี่หนึ่งลูกนะ” ป้ายื่นถุงใส่ซาลาเปาให้หญิงสาวเพราะความเอ็นดู
“แถมๆ ป้าคนสวยใจดีแถมด้วย ขอบคุณค่า” ถังลู่เหมยปรบมืออย่างดีใจ พร้อมกับรับมาด้วยรอยยิ้ม
“น่าเอ็นดูจริงๆ ปากหวานเสียด้วย ฮ่าๆ” ป้าแม่ค้าพูดขึ้นมา
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกมาเพื่อกลับบ้านพร้อมซาลาเปาสองถุง
“พี่ใหญ่ เราเอาซาลาเปาพวกนี้กลับบ้าน ถ้าพวกบ้านใหญ่เห็นจะไม่ถูกแย่งชิงไปเหรอ” ถังลู่เหมยถามขึ้นมาเบาๆ ขณะที่กำลังกัดกินก้อนซาลาเปาขาวอวบไส้เนื้อด้วยความเอร็ดอร่อย ท่าทางการกินของเธอก็ยังเหมือนคนบ้าอยู่ดี
“พี่จะเอาแอบไว้ในเสื้อ เพราะพวกเราเดินกว่าจะถึงบ้าน พ่อกับแม่น่าจะเลิกงานแล้ว ย่ากับบ้านใหญ่ไม่ค่อยสนใจพี่สักเท่าไรหรอก อาเหมยไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่น้องจะเอาเงินพวกนั้นไปทำอะไรเหรอ”
ถังอี้คุนมองว่าบ้านใหญ่และย่าถังไม่สนใจเขาเท่าไรนัก การที่เขาจะเอาซาลาเปาแอบไว้กับตน คงไม่มีใครมาตรวจค้นแน่ ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องห่วงเช่นกัน เพราะเงินพวกนั้นอยู่ในที่ปลอดภัย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงความต้องการของน้องสาว
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ส่วนเรื่องเงินฉันยังไม่คิดจะนำไปใช้ทำอะไร แต่อยากให้บ้านเราแยกบ้านออกมาก่อน ว่าแต่ถ้าจะทำการค้า เราต้องขออนุญาตก่อนใช่ไหมพี่ใหญ่ พี่ล่ะอยากแต่งงานไหม ฉันจะนำเงินพวกนี้ไปขอผู้หญิงให้” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างที่คิดไว้ เธออยากทำการค้าเพื่อหาเงินเข้าบ้านรอง แต่ติดที่บ้านใหญ่กับบ้านรองยังไม่แยกบ้าน ก่อนจะเอ่ยหยอกล้อพี่ชายเรื่องว่าที่พี่สะใภ้ตนเอง
โป๊ก! เสียงเคาะหน้าผากดังขึ้น
“อุ้ย..เจ็บนะพี่ใหญ่” ถังลู่เหมยหดตัวร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบหัวตัวเองปอย ๆ เธอถลึงตาใส่พี่ชายเล็กน้อย
“ก็ตีให้เจ็บน่ะสิ คิดอะไรแก่แดดใหญ่แล้วเรา พี่ยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวหรอกนะ อีกอย่างบ้านเรายากจนขนาดนี้ จะมีพ่อแม่ผู้หญิงที่ไหนจะยอมให้ลูกสาวแต่งเข้ามาล่ะ อีกอย่างทุกคนก็รู้ว่าน้องเป็นอย่างไร ถ้าเกิดแต่งเข้ามาแล้วต่อหน้าแกล้งดีด้วย แต่ลับหลังกลับทำร้ายน้องสาวพี่ พี่ไม่เอาหรอกนะ พี่จะอยู่กับพ่อแม่และอาเหมยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”
ถังอี้คุนตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เรื่องแต่งงานเขายังไม่คิดอะไร ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการอาการของน้องสาวก่อนหน้านี้ เขารู้ว่ามันยากที่จะมีผู้หญิงคนไหนมายอมรับอาการของน้องสาวเขาได้ และหากจะต้องเลือก เขาขอเลือกที่จะอยู่ปกป้องน้องสาวดีกว่า
ถังลู่เหมยได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ายังเข้าใจและซาบซึ้งใจในความรักของพี่ชายที่มีต่อน้องสาว ใจหนึ่งก็สงสารที่พี่ชายยังไม่แต่งงานเสียที อีกใจหนึ่งก็รู้สึกภูมิใจแทนเจ้าของร่างเดิมที่มีแต่คนรักเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนสติไม่ดี
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะนะ หลังจากนี้ต่อไป ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของพี่ใหญ่ในอนาคต จะต้องเป็นผู้หญิงที่ดีด้วยเหมือนกัน” ถังลู่เหมยพูดขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจัง
“หึ ขี้โม้ใหญ่แล้วนะเราน่ะ” ชายหนุ่มจับศีรษะน้องสาวโยกไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดขึ้นอีกด้วยท่าทางอ่อนโยน “อย่างนั้นเรามาทำชีวิตให้ดีขึ้นด้วยกันนะ ขอแค่อาเหมยกับพ่อแม่อยู่ดีมีความสุข พี่ก็ดีใจแล้ว”
“ค่ะ” ถังลู่เหมยตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะรีบยัดซาลาเปาเข้าปาก ด้วยท่าทางของหญิงบ้า เพราะอีกไม่นานก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว
สองพี่น้องเดินพูดคุยหยอกล้อกันจวบจนมาถึงหมู่บ้าน
พอกลับมาถึงบ้านแทนที่จะมีความสุขด้วยการแบ่งปันซาลาเปาให้พ่อแม่ได้กินด้วยกัน กลับเจอผู้เป็นย่านั่งอยู่กับป้าสะใภ้นั่งดักอยู่ที่หน้าบ้าน หญิงสาวจึงต้องกลับมาเป็นคนสติไม่ดีอีกครั้งเพื่อตบตาทุกคน
‘ปกติอยู่ข้างนอกเธอแค่แกล้งบ้านิดหน่อย แต่กับย่าถังคนนี้คงจะต้องจัดชุดใหญ่ให้ซะแล้ว’ หญิงสาวคิดในใจพร้อมกับเปิดยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับมองโน้นนี่นั่นไปเรื่อย
บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง“ไหนว่าไม่สบายยังไงล่ะ คนไม่สบายที่ไหนกันออกไปเที่ยวเล่นจนกลับมาเย็นค่ำแบบนี้กัน” ย่าถังที่นั่งอยู่กับลูกสะใภ้คนโปรดก็พูดจากระทบกระทั่งหลานสาวสติไม่ดีทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาถังลู่เหมยทำท่าจะไม่ยอมและกำลังจะสวนกลับ แต่โดนพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน“อาเหมยเข้าห้องไปดีกว่านะ เดินมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ถังอี้คุนพูดขึ้นพร้อมกับลากเธอเดินไปห้องที่บ้านรองพักอาศัยอยู่“พี่ดึงฉันมาทำไม คนแก่กะโหลกกะลาปากเสียแบบนั้นสมควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง” ถังลู่เหมยพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว“แต่นั่นคือแม่ของพ่อนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพ่อบ้าง อีกอย่างพี่กลัวพวกเขาจะสังเกตว่าพี่ซุกซาลาเปาไว้ เกิดมีเรื่องแล้วมันหล่นออกมา จะโดยแย่งไปทั้งหมดนะ” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาวออกไป“อย่างนั้นจะปล่อยผ่านไปให้สักครั้งก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยกอดอกพูดอย่างไว้ท่า เธอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องให้เอาคืนแน่และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินมื้อเย็น กลายเป็นว่าถังลู่เหมยถูกย่าถังสั่งห้ามไม่ให้กินข้าว แม้ว่าเธอจะกินซาลาเปาจนอิ่มท้องแล้วก็ตาม แต่มีเหรอที่เธอจะยอมให้หญิงชราคนนี้กลั่นแกล้ง พ
บทที่ 16 แอบซ่อนเงินที่หามาเมื่อเข้าในห้อง ถังลู่เหมยมองอาหารที่บ้านใหญ่แบ่งมาให้ด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับทอดถอนใจออกมา ต่อให้จะไม่มีอาหารอย่างซาลาเปาที่กินไปก่อนหน้านี้จนอิ่มท้อง เธอก็ทนกินอาหารพวกนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แถมอาหารตรงหน้าไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว ดูแล้วน่าจะแตกต่างจากบ้านใหญ่มากนัก“เดี๋ยวพ่อกับแม่กินซาลาเปานี้ดีกว่าครับ ผมและน้องซื้อมาจากในเมือง รีบกินเสียก่อนที่บ้านใหญ่จะมาเห็นเถอะ” ถังอี้คุนรีบหยิบถุงซาลาเปาออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะบอกพ่อกับแม่ให้รีบกิน“นี่มัน! ลูกเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ ไหนจะเงินค่าพาน้องไปหาหมออีก” เหนียงฟางเห็นซาลาเปาก็ตาโตและถามออกไปอย่างตกใจ เพราะนี่จะต้องใช้เงินจำนวนมากแน่“ผมไปทำงานในตลาดมืดครับ เจอนายจ้างใจดีเลยได้จ่ายจ้างมาสิบหยวน แต่ผมจะต้องไปทำงานให้เธออีกครั้งครับ” ถังอี้คุนตอบออกไปตามความจริงบางส่วน เพราะเขาเจอนายจ้างใจดีจริง ๆ“โอ้ ช่างโชคดีอะไรแบบนี้” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ“ครับผมกับอาเหมยโชคดีจริง ๆ แต่ตอนนี้พ่อกับแม่รับกินเถอะครับ เดี๋ยวกลิ่นลอยออกไปแล้วย่าจะรู้แล้วจะมาแย่งไปหมด” ชายหนุ่มรีบพูดให้พ่อแม่รีบกินเพราะซาลาเปานั้นส่ง
บทที่ 17 คลังแสงและมิติวิเศษที่ตามมาตกดึกคืนนั้น ถังลู่เหมยฝันว่าเธอได้กลับไปที่เซฟเฮ้าท์ ซึ่งเป็นที่กบดานของทีมเธอในชีวิตที่แล้ว ภายในที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงห้องเก็บอาวุธ โดยมีทั้งอาวุธต่อสู้ธรรมดาไปจนถึงอาวุธหนัก แล้วยังมีอาหารและยาที่ครบครันอีกด้วย“ทำไมฉันถึงกลับมาที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อฉันตายจากยุคนี้แล้ว”หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกับสิ่งที่เห็น อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าเธอนั้นกลับมาที่นี่ได้อย่างไร เรื่องนี้มันน่าแปลกใจมาก“หรือว่าฉันจะมีมิติเหมือนในนิยาย แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าบ้านรองจะโดนคนจากคนบ้านใหญ่รังแก หึหึ แบบนี้ดีมากเลย” หญิงสาวพูดออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ เมื่อคิดได้ว่าเธอน่าจะมีมิติในนิยายอย่างที่เคยฟังจากแม่ค้าแถวที่พักชอบพูดคุยกัน มันสนุกจนเธอไปซื้อมาอ่านในยามว่าง จึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ไปสำรวจบ้านดูดีกว่า ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”พูดจบเธอไม่รอช้า รีบวิ่งสำรวจบ้านว่ามีทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะก่อนที่เธอจะตายในหน้าที่ ได้ซื้ออาหารและของใช้หลายอย่างมาเก็บไว้ รวมถึงข้าวของและเสื้อผ้าที่เธอตั้งใจจะเอาไปบริจาคให้คนบน
บทที่ 18 จุดประสงค์การใช้ของในมิติคำพูดนี้ของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มเกิดความสนใจ เลยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตื่นเต้น “เรื่องมหัศจรรย์ อะไรบอกพี่ได้ไหม”“ได้สิ พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของฉัน ทำไมฉันจะบอกไม่ได้ พี่คอยดูอะไรนะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เพราะถ้าหากไม่ไว้ใจพี่ชายคนนี้ เธอคงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วและเธอคงไม่บอกว่าหายบ้าแล้วหรอกนะถังลู่เหมยมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเห็น ก่อนจะแบมือออกตรงหน้าพี่ชายแล้วนึกถึงแซนต์วิช เท่านั้นแหละ แซนต์วิชสองสามชิ้นก็วางอยู่บนมือของเธอ“เฮ้ย!!” นี่คือคำอุทานของถังอี้คุน แม้จะตกใจมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่ถอยหนีจากน้องสาว เขาทำเพียงสบตาเธอก่อนจะถามขึ้น “นี่คือเรื่องอัศจรรย์ของอาเหมยเหรอ”“ใช่ค่ะ นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ฉันจะบอกพี่ ไม่เพียงแค่ขนมเท่านั้น ยังมีอาหารและของกินอีกหลายอย่างรวมถึงเนื้อหมู่ ไก่ ปลา และพวกข้าวสาร ที่ฉันเรียกออกมาได้ราวกับเล่นกล” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง“อาเหมยทำได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านตาคนนั้น...” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ และนึกถึงท่านตาคนนั้นที่น้องสาวเคยเล่าให้ฟัง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าท่านตาคนนั้นคงให้ของวิ
บทที่ 19 มาหาเรื่องเองแล้วจะมาโทษใครถังลู่เหมยเรียกเอาขนมปังออกมาจากมิติหนึ่งก้อน แล้วฉีกกลางแบะออก จากนั้นจึงเรียกยาถ่ายที่มีในมิติออกมา ก่อนจะโรยใส่ตรงกลางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เธอมาหาเรื่องเองนะถงซิน” ถังลู่เหมยแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู แล้วทำท่าเหมือนคนสติไม่ดีแบบเดิม พร้อมกับกัดกินขนมปังตรงที่ไม่ได้โรยยาถ่ายไว้“เรียกทำไม” ถังลู่เหมยถามไปแบบหาเรื่อง แต่พอนึกได้จึงทำท่าเอาขนมปังไปแอบด้านหลังเหมือนกลัวอีกคนจะเห็น“นั่นอะไร แกเอาอะไรซ่อนไว้นังลู่เหมย นังบ้า เอาออกมาดูสิ” ถังถงซินตาลุกวาว พอเห็นว่าอีกฝ่ายแอบซ่อนของกินอะไรไว้ จึงเอ่ยถามทันที“ถงซินบ้า บ้ากว่าอาเหมย ไม่สวยแล้วยังบ้า บ้า คนนี้คนบ้า ฮ่าๆ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ยังลอยหน้าลอยตาด่ากลับ และพูดซ้ำ ๆ คำพวกนี้ไม่หยุดเธอหลอกด่าจนผู้มาเยือนเริ่มโมโห “นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังถงซินตวาดกลับไปทันทีเหมือนกัน“นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังลู่เหมยพูดย้อนกลับไปเหมือนอีกฝ่ายทุกคำแถมยังยกมือชี้หน้าไปด้วย จนถังถงซินโมโหและพุ่งเข้าหาเธอ เพื่อหวังทำร้ายพร้อมกับแย่งชิงขนมปังไป“นี่แกแอบซ่อนขนมปังใช่ไหม นังบ้า เอามาน
บทที่ 20 บอกความจริงพ่อแม่ถังลู่เหมยคิดว่าคนบ้านใหญ่ที่ดีกับบ้านรองและเธอคงมีเพียงถังเจี้ยนเฉียยวคนนี้เท่านั้น จึงคุยเล่นกับเขาได้อย่างสนิทใจ“อาเหมยหายแล้ว นอนมากเบื่อ ๆ” เธอยังคงพูดจาเหมือนเดิม แต่ไม่โมโหร้ายใส่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของบ้านรอง“เอานี่ลูกอม เอาไว้กิน พี่ไปทำงานก่อนนะ” ชายหนุ่มพักครู่ใหญ่แล้วเลยต้องรีบกลับไปทำงาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงของทุกคนแล้วเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปไม่ลืมที่จะมอบลูกอมที่เด็ก ๆ ชอบให้กับน้องสาวจากบ้านรอง เขาเชื่อว่าแม้ร่างกายของเธอจะไม่ต่างจากหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ความคิดเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งท่านั้น ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมย่าและคนอื่น ๆ ถึงได้ทำร้ายเธอที่ไร้เดียงสาเช่นนี้แววตาของชายหนุ่มมองถังลู่เหมยด้วยความอ่อนโยน ด้วยสัญชาตญาณของเธอเอง ก็ไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายจากชายคนนี้ เธอจึงยื่นมือมารับและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณพี่เฉียว อาเหมยไม่ดื้อ นั่งเงียบ ๆ นะ”เมื่อได้รับคำสัญญา ถังเจี้ยนเฉียวก็เบาใจและหมดห่วงเรื่องอันตราย คนเราไว้ใจใครไม่ได้หรอก ยิ่งน้องสาวคนนี้ไร้เดียงสาและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ หากมีใครล่อลวงไปจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ล่ะจากนั้นเขาจึงกลับไป
บทที่ 1 หว่านอันถิงหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในตึกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ในขณะที่กำลังเปิดประตูเพื่อเข้ามาในร้านกาแฟ ก็รู้สึกได้ถึงลมหอบใหญ่ที่พัดผ่านร่างไป เธอหันมองรอบกายและรู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็รู้สึกคล้ายกับว่ามีลมพัดเข้ามาทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ในตัวอาคารที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกหนา แต่ก็ไม่คิดอะไรเพราะมีเสียงทักทายเสียขึ้นมาเสียก่อน“คุณอันถิง สวัสดีค่ะ วันนี้รับอะไรดีคะ”พนักงานสาวประจำร้านเอ่ยทักทายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใส ในขณะที่กำลังปั๊มฟองนมอย่างขะมักเขม้นตำรวจสาวยิ้มหวาน ก่อนจะเงยหน้ามองเมนูและสั่งอเมริกาโน่เหมือนทุกวัน แต่วันนี้แปลกหน่อยก็ตรงที่เธอสั่งแบบใส่น้ำเชื่อม ทั้งที่ปกติแล้วเธอมักจะชื่นชอบรสขมของกาแฟมากกว่า“วันนี้ฉันขอเป็นอเมริกาโน่เหมือนเดิมนะ แต่ขอเพิ่มเป็นน้ำเชื่อมหนึ่งปั๊ม”“รับทราบค่ะ” พนักงานสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอนั้นจะรับเงินและยื่นใบเสร็จให้กับตำรวจสาว “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะนำไปเสิร์ฟให้ค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”หว่านอันถิงพูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกก่อนที่เธอนั้นจะเงยหน้ามองโทรทัศน์ที่กำลังเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งถูกตำรวจกวาดล้
บทที่ 2 ภารกิจสุดท้ายหว่านอันถิงใช้เวลาเตรียมตัวและปรับบุคลิกใหม่ราว ๆ สามวัน เนื่องจากเธอนั้นต้องปลอมเข้าไปเป็นพนักงานเดินเอกสารในบริษัทของมาเฟียหนุ่ม จะได้มีโอกาสเข้านอกออกในหลาย ๆ ห้องในวันนี้หญิงสาวเดินทางมาที่บริษัทแต่เช้า เพราะเธอมีบัตรที่แสดงว่าเธอเป็นคนของที่นี่ ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้สนใจเธอเท่าไรนัก พอมองไปรอบ ๆ เห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอย่างตั้งใจ ก็รีบขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นบนทันทีแต่ก่อนที่จะขึ้นไปยังห้องทำงานของมาเฟียหนุ่ม เธอไม่ลืมที่จะแวะไปยังห้องควบคุมระบบต่าง ๆ โชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังดื่มกาแฟ และไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาด้านหลังเขาหว่านอันถิงใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ สับฝ่ามือลงบนหลังคอจนเขาสลบไป หลังจากนั้นเธอได้หาเชือกมามัดข้อมือเขาไพล่หลัง และไม่ลืมที่จะนำสก๊อตเทปปิดปากชายหนุ่มไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงดังขณะที่เธอกำลังล้วงข้อมูลหญิงสาวไล่ปิดระบบกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างชำนาญ ก่อนที่เธอนั้นจะรีบขึ้นไปยังห้องทำงานของมาเฟียหนุ่มชั้นบนค่อนข้างเงียบสงบ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแม่บ้านทำงานอยู่ประปราย เมื่อมองซ้ายมองขวาพอเห็น
บทที่ 20 บอกความจริงพ่อแม่ถังลู่เหมยคิดว่าคนบ้านใหญ่ที่ดีกับบ้านรองและเธอคงมีเพียงถังเจี้ยนเฉียยวคนนี้เท่านั้น จึงคุยเล่นกับเขาได้อย่างสนิทใจ“อาเหมยหายแล้ว นอนมากเบื่อ ๆ” เธอยังคงพูดจาเหมือนเดิม แต่ไม่โมโหร้ายใส่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของบ้านรอง“เอานี่ลูกอม เอาไว้กิน พี่ไปทำงานก่อนนะ” ชายหนุ่มพักครู่ใหญ่แล้วเลยต้องรีบกลับไปทำงาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงของทุกคนแล้วเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปไม่ลืมที่จะมอบลูกอมที่เด็ก ๆ ชอบให้กับน้องสาวจากบ้านรอง เขาเชื่อว่าแม้ร่างกายของเธอจะไม่ต่างจากหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ความคิดเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งท่านั้น ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมย่าและคนอื่น ๆ ถึงได้ทำร้ายเธอที่ไร้เดียงสาเช่นนี้แววตาของชายหนุ่มมองถังลู่เหมยด้วยความอ่อนโยน ด้วยสัญชาตญาณของเธอเอง ก็ไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายจากชายคนนี้ เธอจึงยื่นมือมารับและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณพี่เฉียว อาเหมยไม่ดื้อ นั่งเงียบ ๆ นะ”เมื่อได้รับคำสัญญา ถังเจี้ยนเฉียวก็เบาใจและหมดห่วงเรื่องอันตราย คนเราไว้ใจใครไม่ได้หรอก ยิ่งน้องสาวคนนี้ไร้เดียงสาและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ หากมีใครล่อลวงไปจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ล่ะจากนั้นเขาจึงกลับไป
บทที่ 19 มาหาเรื่องเองแล้วจะมาโทษใครถังลู่เหมยเรียกเอาขนมปังออกมาจากมิติหนึ่งก้อน แล้วฉีกกลางแบะออก จากนั้นจึงเรียกยาถ่ายที่มีในมิติออกมา ก่อนจะโรยใส่ตรงกลางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เธอมาหาเรื่องเองนะถงซิน” ถังลู่เหมยแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู แล้วทำท่าเหมือนคนสติไม่ดีแบบเดิม พร้อมกับกัดกินขนมปังตรงที่ไม่ได้โรยยาถ่ายไว้“เรียกทำไม” ถังลู่เหมยถามไปแบบหาเรื่อง แต่พอนึกได้จึงทำท่าเอาขนมปังไปแอบด้านหลังเหมือนกลัวอีกคนจะเห็น“นั่นอะไร แกเอาอะไรซ่อนไว้นังลู่เหมย นังบ้า เอาออกมาดูสิ” ถังถงซินตาลุกวาว พอเห็นว่าอีกฝ่ายแอบซ่อนของกินอะไรไว้ จึงเอ่ยถามทันที“ถงซินบ้า บ้ากว่าอาเหมย ไม่สวยแล้วยังบ้า บ้า คนนี้คนบ้า ฮ่าๆ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ยังลอยหน้าลอยตาด่ากลับ และพูดซ้ำ ๆ คำพวกนี้ไม่หยุดเธอหลอกด่าจนผู้มาเยือนเริ่มโมโห “นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังถงซินตวาดกลับไปทันทีเหมือนกัน“นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังลู่เหมยพูดย้อนกลับไปเหมือนอีกฝ่ายทุกคำแถมยังยกมือชี้หน้าไปด้วย จนถังถงซินโมโหและพุ่งเข้าหาเธอ เพื่อหวังทำร้ายพร้อมกับแย่งชิงขนมปังไป“นี่แกแอบซ่อนขนมปังใช่ไหม นังบ้า เอามาน
บทที่ 18 จุดประสงค์การใช้ของในมิติคำพูดนี้ของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มเกิดความสนใจ เลยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตื่นเต้น “เรื่องมหัศจรรย์ อะไรบอกพี่ได้ไหม”“ได้สิ พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของฉัน ทำไมฉันจะบอกไม่ได้ พี่คอยดูอะไรนะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เพราะถ้าหากไม่ไว้ใจพี่ชายคนนี้ เธอคงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วและเธอคงไม่บอกว่าหายบ้าแล้วหรอกนะถังลู่เหมยมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเห็น ก่อนจะแบมือออกตรงหน้าพี่ชายแล้วนึกถึงแซนต์วิช เท่านั้นแหละ แซนต์วิชสองสามชิ้นก็วางอยู่บนมือของเธอ“เฮ้ย!!” นี่คือคำอุทานของถังอี้คุน แม้จะตกใจมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่ถอยหนีจากน้องสาว เขาทำเพียงสบตาเธอก่อนจะถามขึ้น “นี่คือเรื่องอัศจรรย์ของอาเหมยเหรอ”“ใช่ค่ะ นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ฉันจะบอกพี่ ไม่เพียงแค่ขนมเท่านั้น ยังมีอาหารและของกินอีกหลายอย่างรวมถึงเนื้อหมู่ ไก่ ปลา และพวกข้าวสาร ที่ฉันเรียกออกมาได้ราวกับเล่นกล” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง“อาเหมยทำได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านตาคนนั้น...” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ และนึกถึงท่านตาคนนั้นที่น้องสาวเคยเล่าให้ฟัง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าท่านตาคนนั้นคงให้ของวิ
บทที่ 17 คลังแสงและมิติวิเศษที่ตามมาตกดึกคืนนั้น ถังลู่เหมยฝันว่าเธอได้กลับไปที่เซฟเฮ้าท์ ซึ่งเป็นที่กบดานของทีมเธอในชีวิตที่แล้ว ภายในที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงห้องเก็บอาวุธ โดยมีทั้งอาวุธต่อสู้ธรรมดาไปจนถึงอาวุธหนัก แล้วยังมีอาหารและยาที่ครบครันอีกด้วย“ทำไมฉันถึงกลับมาที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อฉันตายจากยุคนี้แล้ว”หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกับสิ่งที่เห็น อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าเธอนั้นกลับมาที่นี่ได้อย่างไร เรื่องนี้มันน่าแปลกใจมาก“หรือว่าฉันจะมีมิติเหมือนในนิยาย แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าบ้านรองจะโดนคนจากคนบ้านใหญ่รังแก หึหึ แบบนี้ดีมากเลย” หญิงสาวพูดออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ เมื่อคิดได้ว่าเธอน่าจะมีมิติในนิยายอย่างที่เคยฟังจากแม่ค้าแถวที่พักชอบพูดคุยกัน มันสนุกจนเธอไปซื้อมาอ่านในยามว่าง จึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ไปสำรวจบ้านดูดีกว่า ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”พูดจบเธอไม่รอช้า รีบวิ่งสำรวจบ้านว่ามีทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะก่อนที่เธอจะตายในหน้าที่ ได้ซื้ออาหารและของใช้หลายอย่างมาเก็บไว้ รวมถึงข้าวของและเสื้อผ้าที่เธอตั้งใจจะเอาไปบริจาคให้คนบน
บทที่ 16 แอบซ่อนเงินที่หามาเมื่อเข้าในห้อง ถังลู่เหมยมองอาหารที่บ้านใหญ่แบ่งมาให้ด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับทอดถอนใจออกมา ต่อให้จะไม่มีอาหารอย่างซาลาเปาที่กินไปก่อนหน้านี้จนอิ่มท้อง เธอก็ทนกินอาหารพวกนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แถมอาหารตรงหน้าไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว ดูแล้วน่าจะแตกต่างจากบ้านใหญ่มากนัก“เดี๋ยวพ่อกับแม่กินซาลาเปานี้ดีกว่าครับ ผมและน้องซื้อมาจากในเมือง รีบกินเสียก่อนที่บ้านใหญ่จะมาเห็นเถอะ” ถังอี้คุนรีบหยิบถุงซาลาเปาออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะบอกพ่อกับแม่ให้รีบกิน“นี่มัน! ลูกเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ ไหนจะเงินค่าพาน้องไปหาหมออีก” เหนียงฟางเห็นซาลาเปาก็ตาโตและถามออกไปอย่างตกใจ เพราะนี่จะต้องใช้เงินจำนวนมากแน่“ผมไปทำงานในตลาดมืดครับ เจอนายจ้างใจดีเลยได้จ่ายจ้างมาสิบหยวน แต่ผมจะต้องไปทำงานให้เธออีกครั้งครับ” ถังอี้คุนตอบออกไปตามความจริงบางส่วน เพราะเขาเจอนายจ้างใจดีจริง ๆ“โอ้ ช่างโชคดีอะไรแบบนี้” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ“ครับผมกับอาเหมยโชคดีจริง ๆ แต่ตอนนี้พ่อกับแม่รับกินเถอะครับ เดี๋ยวกลิ่นลอยออกไปแล้วย่าจะรู้แล้วจะมาแย่งไปหมด” ชายหนุ่มรีบพูดให้พ่อแม่รีบกินเพราะซาลาเปานั้นส่ง
บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง“ไหนว่าไม่สบายยังไงล่ะ คนไม่สบายที่ไหนกันออกไปเที่ยวเล่นจนกลับมาเย็นค่ำแบบนี้กัน” ย่าถังที่นั่งอยู่กับลูกสะใภ้คนโปรดก็พูดจากระทบกระทั่งหลานสาวสติไม่ดีทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาถังลู่เหมยทำท่าจะไม่ยอมและกำลังจะสวนกลับ แต่โดนพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน“อาเหมยเข้าห้องไปดีกว่านะ เดินมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ถังอี้คุนพูดขึ้นพร้อมกับลากเธอเดินไปห้องที่บ้านรองพักอาศัยอยู่“พี่ดึงฉันมาทำไม คนแก่กะโหลกกะลาปากเสียแบบนั้นสมควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง” ถังลู่เหมยพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว“แต่นั่นคือแม่ของพ่อนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพ่อบ้าง อีกอย่างพี่กลัวพวกเขาจะสังเกตว่าพี่ซุกซาลาเปาไว้ เกิดมีเรื่องแล้วมันหล่นออกมา จะโดยแย่งไปทั้งหมดนะ” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาวออกไป“อย่างนั้นจะปล่อยผ่านไปให้สักครั้งก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยกอดอกพูดอย่างไว้ท่า เธอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องให้เอาคืนแน่และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินมื้อเย็น กลายเป็นว่าถังลู่เหมยถูกย่าถังสั่งห้ามไม่ให้กินข้าว แม้ว่าเธอจะกินซาลาเปาจนอิ่มท้องแล้วก็ตาม แต่มีเหรอที่เธอจะยอมให้หญิงชราคนนี้กลั่นแกล้ง พ
บทที่ 14 ยังคงแกล้งบ้าเหมือนเดิม“ดีแล้ว ในเมื่อทั้งสองคนมีเอกสารมาด้วย จะได้เปิดบัญชีพร้อมกัน” หมอจางพูดสนับสนุนให้สองพี่น้องเปิดบัญชีของรัฐ แต่เขาไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่สติไม่ดีคนนี้จะสามารถเปิดได้ไหม จึงพูดขึ้นมาอย่างกังวลใจเล็กน้อย “แต่ฉันไม่มั่นใจนะว่าอาเหมยจะสามารถเปิดบัญชีได้หรือไม่ เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้” หมอจางพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าสติไม่ดีหรือเป็นบ้า เพื่อรักษาจิตใจของสองพี่น้อง จึงพูดเพียงว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถังอี้คุนมองหน้าน้องสาวอย่างคล้ายกับจะปรึกษา เพราะเงินพวกนี้เธอเป็นคนหามา จะฝากบัญชีเขาคนเดียวก็คงไม่ได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะเอาเงินของน้องด้วย“พี่ใหญ่เก็บไว้ เก็บเงินไว้เยอะ ๆ เลยนะ เอาไว้ซื้อขนมให้อาเหมย นะนะ ฮ่า ๆ ชอบกินขนม” ถังลู่เหมยพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนเด็ก ๆ ที่สนใจแต่ขนมเท่านั้นนี่คือสัญญาณของเธอเพื่อที่จะบอกพี่ชายว่าให้เอาเงินทั้งหมดฝากไว้ที่เขา เพราะอย่างไรเธอก็คือครอบครัวของบ้านรองถังไปแล้วเมื่อได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งไปให้เธอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเงินนี่ก็คือของถังลู่เหมยอยู่ดี“ตกลง
บทที่ 13 เป็นเศรษฐีหมื่นหยวนสองพี่น้องเดินอ้อมมายังอีกหมู่บ้าน แม้จะเหนื่อยสักหน่อยแต่ก็ยอมที่จะเหนื่อยเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ถูกบ้านใหญ่แย่งชิงเอาของไป ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงในหมู่บ้านด้วยการเดิน ถังอี้คุนได้ไปซื้อผ้ามาจากชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะเอามาห่มให้น้องสาวที่ไม่สบาย แต่จริงๆ เอามาห่อโสมและเห็ดหลินจือ จากนั้นชายหนุ่มจึงว่าจ้างเหมาเกวียนไปยังร้านขายยาของหมอจางที่อยู่ในเมืองพอเถ้าแก่จางเห็นว่า ถังอี้คุนมาเยือนที่ร้านขายยาอีกครั้งจึงทักทายด้วยความแปลกใจปนร้อนใจ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าน้องสาวอาการไม่ดีขึ้น”“เปล่าครับหมอจาง นี่ลู่เหมยน้องสาวผมเอง ตอนนี้เธออาการดีขึ้นมากแล้วครับ แต่เราสองพี่น้องมีเรื่องจะสอบถามครับ” ถังอี้คุนรีบแนะนำตัวน้องสาวให้อีกฝ่ายรู้จัก พร้อมกับกระซิบถามเพราะนี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก“....” ถังลู่เหมยก้มศีรษะทักทายเล็กน้อย“อืม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” หมอจางถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเขามองว่าหญิงสาวคนนี้เหมือนไม่มีอาการป่วยอะไรเลย ซึ่งมันต่างจากอาการที่เขาได้ฟังอย่างสิ้นเชิง แถมท่าทางของชายหนุ่มก็ดูแปลกกว่าตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้ถังลู่เหมยเข
บทที่ 12 ตัดสินใจบอกพี่ชายถังลู่เหมยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องที่เธอหายเป็นปกติกับพี่ชายก่อนทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาช่วยเธอในบางเรื่อง ส่วนพ่อกับแม่นั้นคงต้องรออีกสักพัก เมื่อไรที่หาวิธีแยกบ้านได้แล้วค่อยบอกก็ยังไม่สาย ส่วนตอนนี้เธอยังต้องการใช้ความเป็นคนบ้าเพื่อปั่นป่วนบ้านใหญ่และย่าถังจนทนไม่ได้และยอมให้บ้านรองแยกบ้านเสียก่อน “อาเหมยมีเรื่องอะไรจะบอกพี่หรือ” ถังอี้คุนเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย“พี่ใหญ่ เวลานี้น้องสาวพี่หายจากอาการป่วยไข้และกลับมาเป็นปกติแล้วนะ แถมตอนนี้สติสัมปชัญญะก็รับรู้ได้อย่างเช่นคนปกติทั่วไปแล้ว อาเหมยคนนี้ไม่ได้บ้าอีกแล้วนะคะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างจริงจังพร้อมกับสบตาพี่ชายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้จะมีความตกใจอยู่มาก แต่ถังอี้คุนยังคงมีความนิ่งสงบไม่แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมา แต่เขากลับถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เพราะอะไร อาการเหล่านั้นถึงได้หายไป อาเหมยบอกพี่ได้ไหม”“ตอนฉันป่วย ฉันสติหลุดลอยไป เหมือนฉันฝันว่าได้ไปพบกับคุณตาชราท่านหนึ่ง ท่านวาดภาพกลางอากาศและชี้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากของฉัน ตอนนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน คิดว่าจะไม่ได้กลับม