“ที่ร้านคนเยอะ ถ้าสั่งมาก็รอนานอาหารเย็นหมด โน้ตเลยทำกับข้าวเอง ทำเป็นตั้งหลายอย่างนะ”
ชวินทร์ไม่ได้โม้ อาหารรสชาติดีจริงๆ ดีกว่าที่เนตราเคยทำเสียอีก จนเธออายนิดๆ มื้อนี้เนตรารับหน้าที่ล้างจาน เพราะ เขาทำอาหารไปแล้ว หลังจากนั้นเธอรีบเข้าห้องโดยไว แต่นอนไม่หลับ
หมอให้ยานอนหลับมาด้วย แต่เนตราไม่กิน หลายวันมานี้เธอใช้หลายครั้งแล้ว เธอกลัวเสพย์ติด
นอนกระสับกระส่ายบนเตียง พยายามนับแกะก็แล้ว สวดมนต์ก็แล้ว แต่ยังไม่หลับ ตัดสินใจออกมาข้างนอก
ห้องรับแขกมืดแต่ไม่สนิทนัก นอกหน้าต่างมีแสงไฟสะท้อนบนผืนแม่น้ำเป็นทางระยิบระยิบเหมือนสะพานทอดสู่ดวงจันทร์ เนตรายืนมองเพลิน หันมาอีกทีก็เจอเงาตะคุ่มๆ กำลังจะกรี๊ด แต่ร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาเสียก่อน
“โน้ตเอง”
ไฟในห้องสว่างวาบ ชวินทร์ยืนข้างเธอ เขาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงลายสก็อต
“นอนไม่หลับเหรอ ให้ไปนอนเป็นเพื่อนไหม”
ชวินทร์กลับเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว
“ทะลึ่ง นายรับปากว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”
“คร๊าบๆ ผมเป็นสุภาพบุรุษต้องรักษาสัญญา เพื่อให้ได้รับความเชื่อใจจากสุภาพสตรี”
เขาล้อ ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำรินใส่แก้ว
เนตราหันหลังให้เขา กลับไปสนใจวิวแม่น้ำเหมือนเดิม
ชวินทร์ยักไหล่ กลับไปห้อง แต่ภาพเนตราหลับไม่รู้เรื่องเมื่อช่วงเย็นรบกวนใจเขา เหมือนวันที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาลในสภาพศีรษะโชกเลือด เนตราสะดุ้งนิดๆ เมื่อเจ้าของห้องกลับมายืนใกล้ๆ
“เวลาผมนอนไม่หลับก็ชอบมาดูวิวตรงนี้เหมือนกัน”
“นายยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้นอนไม่หลับอีกเหรอ”
“ก็เรื่องดาวไง”
“เรื่องฉันเนี่ยนะ” นิ้วยกขึ้นชี้ตัวเอง
“ผมห่วงเรื่องดาวความจำเสื่อม สมองกระทบกระเทือน”
ในอกเนตราพองฟูอย่างที่สุด คุ้มแล้ว เกิดมาชาตินี้มีผู้ชายหล่อๆ มาห่วงใย ไม่ใช่ฐานะเพื่อนเสียด้วย
“ขอบใจที่ห่วง”
เธอพยายามบังคับเสียงให้เป็นปรกติที่สุด ด้วยกลัวมันจะสั่นเพราะความดีใจ
“เล่าเรื่องตัวฉันในปัจจุบันให้ฟังหน่อยสิ”
“อย่าเพิ่งเลย เดี๋ยวจะปวดหัว”
“เถอะน่า... นะ ไม่งั้นฉันจะยิ่งนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไงหลังจากผ่านมาหกปี”
ชวินทร์สูงกว่าเธอเป็นคืบ เวลามองเขา เธอคิดว่าตัวเองแหงน แต่ชวินทร์กลับเห็นเป็นช้อนตามอง
“ดาวทำงานเป็นเลขาฯให้บริษัทหนึ่ง”
“แล้วลางานหลายวัน ฉันไม่โดนเจ้านายว่าแย่เหรอ”
ทีแรกคิดว่าตัวเองเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดา ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใกล้เจ้านายขนาดเป็นเลขาฯ
“คุณลาออกแล้ว อยู่ในช่วงหางานใหม่”
“ทำไมถึงลาออกล่ะ”
“ดาวไม่ยอมบอกผม นั่นอาจเป็นสาเหตุให้ใจลอยจนเกิดอุบัติเหตุ”
เธอยกมือแตะศีรษะ ทำท่าจะปวดอีกรอบ
“เห็นไหม ได้ฟังแล้วดาวก็ไม่สบายใจ”
“เปล่าเสียหน่อย”
“หน้าดาวฟ้อง”
เนตราเถียงไม่ออก เธอกำลังไม่สบายใจจริงๆ ความจำเสื่อม แถมยังตกงาน มีอะไรจะโชคร้ายกว่านี้ไหม
“ไปนอนได้แล้ว ถ้าไม่หลับก็กินยา หมอให้มาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ฉันขอคิดอะไรหน่อย นายนอนก่อนเถอะ”
เขามองเธอสักพักแล้วเดินลับหายไปในห้อง ชวินทร์กลับมาใหม่พร้อมหมอนและผ้าห่มในมือ
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อน ดาวอยากนอนเมื่อไรก็นอนเลย”
มือใหญ่เรียงหมอนบนพื้น
“นายไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก”
“ผมยินดีทำ”
เธอนั่งลงใกล้ แต่รักษาระยะห่าง คืนนี้พระจันทร์สวย วิวก็ดี คนข้างกายคือหนุ่มที่พึงใจ เนตรากำลังคิดหาเรื่องคุย
“เล่าเรื่องนายให้ฉันฟังหน่อยสิ อย่างงานที่ทำอยู่ตอนนี้”
“จะมาสอบประวัติผมกลางดึกเนี่ยนะ” เขาร้อง
“ก็ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนี่ เราต้องทำความรู้จักกันใหม่” เธอให้เหตุผล
“เรารู้จักกันตั้งสี่ปีในมหาวิทยาลัยแล้วนะ”
“นั่นไม่นับ ฉันหมายถึงปัจจุบันตอนเราเป็นแฟนกัน”
“ผมกลับมาช่วยที่บ้านบริหารบริษัทครอบครัว กิจการไปด้วยดี”
เธอจำได้ ครอบครัวชวินทร์ทำกิจการเกี่ยวกับเหล็ก
“แค่นี้เหรอ”
“ใช่ แค่นี้ล่ะ” ข้อมูลที่เขาให้ไม่ได้ช่วยเธอสักเท่าใดเลย
“เล่าอะไรมากกว่านี้สิ”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” ชวินทร์เริ่มกวน
“ไม่ใช่ให้เล่านิทาน” เนตราเสียงเขียว
“แล้วอะไรล่ะที่คุณอยากรู้”
“ไม่รู้สิ ฉันเหมือนอยู่ในความฝัน มันงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก”
“ถ้าเป็นความฝัน อย่างเดียวที่จะทำได้คือหลับอีกครั้ง เพื่อให้ตื่น”
แต่ฝันนี้เธอก็ไม่อยากตื่นเหมือนกันน่ะสิ
“ถ้านอนไม่หลับ โน้ตร้องเพลงกล่อมไหม”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ”
“ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ทำใจให้สบายๆ นอนเถอะ มานี่” ชวินทร์ดึงแขนเธอ จนหน้าชิดแนบอก
“เฮ้ย!”
เนตราเสียงหลง ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด
“ทำใจให้สบายเถอะนะ อยู่กับโน้ตแล้วจะปลอดภัย”
“ฉันอึดอัด” เขาคลายวงแขนออก
“สบายขึ้นไหม”
“ปล่อยก่อนสิ”
“ถ้าดาวไม่นอนอย่างนี้ ผมก็ไม่สบายใจ” ลมหายใจเขารินรดกระหม่อมเธอ
“แต่นายกอดไว้อย่างนี้ ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”
“เอ... หรือต้องหากิจกรรมทำให้ดาวเหนื่อยก่อน” เธอตัวแข็ง
“ลามก”
“คิดไปถึงไหนเนี่ย แค่พาออกกำลังกายนะ” เขาหัวเราะชอบใจที่หยอกสำเร็จ
“ก็ได้ นอนก็นอน ปล่อยฉันสิ”
เนตรารีบขยับหมอนให้ห่างทันทีหลังจากชวินทร์ปล่อยตัว เธอข่มตาหลับ พยายามนับแกะ หูฟังเสียงหายใจสม่ำเสมอของเขา ดังเป็นดนตรีเห่กล่อมจนหลับไป
"ตื่นได้แล้วคนขี้เซา" เนตราปรือตาง่วงงุน จมูกได้กลิ่นอาหาร ไข่ดาวสุกใหม่ๆ ทำน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน“เช็ดน้ำลายแล้วมากินข้าว”เธอทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้น หน้าเหรอหรายกหลังมือปาดแก้ม ชวินทร์เทไข่จากกระทะใส่จาน พอดีกับที่ปิ้งขนมปังร้องดังติ๊ง“ผมล้อเล่นดาวไม่ได้นอนน้ำลายไหลหรอก” เขาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นอาการ“แค่กรนดังเท่านั้นเอง”เธอค้อน คร้านจะเถียง มีแต่จะเข้าตัวเสียเปล่าๆ มาอาศัยห้องเขาอยู่ นอนก็นอนบนเตียงเขา ทนๆ เอาหน่อยก็แล้วกัน“ฉันอยากได้โทรศัพท์ ช่วยพาไปซื้อหน่อย” ชวินทร์อ่านข่าวในไอแพดแทนหนังสือพิมพ์“ไม่ต้องรีบใช้ก็ได้ ดาวยังไม่หายดี”“ถ้าได้มือถือฉันจะได้ติดต่อเพื่อนๆ บางทีความทรงจำจะกลับมาเร็วยิ่งขึ้น”“ทุกคนจะยิ่งเป็นห่วงดาวล่ะไม่ว่า ทำคนอื่นลำบากเปล่าๆ” เธอหรี่ตา ฉุนกับคำกล่าวหานั้น “นายพูดเหมือนไม่อยากให้ฉันไปเจอใคร”“ผมเปล่า”“งั้นพาฉันไปซื้อมือถือสิ ฉันจะไม่กวนนายอีกเลย”เนตราเชิดหน้า กอดอกต่อต้าน“ก็ได้ๆ”เขายอมแพ้แบบรำคาญ แต่ยังเล่นแง่นั่งดูรายการโทรทัศน์จนเกือบสิบโมง“รอเวลาห้างเปิด” เขาให้เหตุผลที่เถียงยากเสียงด้วยสิชวินทร์พามาห้างสรรพสินค้าใ
ชวินทร์ขับรถเงียบมาตลอดทาง โดยไม่หยุดพัก“เราจะไปไหนกัน”เนตราเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเปิดปากถาม“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”“บอกหน่อยสิ”“จะรู้ตอนนี้หรือรู้ตอนไหน ดาวก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี”“นายเผด็จการ”“โน้ตไม่สนใจวิธีการหรอกนะ ดาวนั่งเงียบๆดีกว่า”ชวินทร์สวมแว่นกันแดดอันโตปิดบังสายตา เธอเดาอารมณ์เขาไม่ออกเนตรามองไปนอกรถ หาคำบอกใบ้ว่าตนกำลังไปที่ไหน เขาทำลายสมาธิเธอด้วยการเปิดเพลง จนเธอเห็นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่หัวหิน'รถเลี้ยวเข้าสู่ประตูแนวรั้วสูงสีขาว มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น บ้านสองชั้นสีฟ้าอ่อนปรากฏแก่สายตา หลังบ้านติดทะเล เห็นระลอกคลื่นสะท้อนแดดส่องประกายระยับ“เราจะอยู่ที่นี่กันสักพักจนกว่าจะเคลียร์กับครอบครัวผมได้” มีคนวิ่งจากในบ้านมารับกระเป๋าท้ายรถ ท่าทางนอบน้อม“ครอบครัวนายไม่ชอบฉันขนาดนี้เลยเหรอ” บริเวณบ้านนี้กว้างกว่าบ้านเธอเสียอีก“ผมจัดการได้ ตอนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ จะได้หายเร็วๆ” รู้ได้อย่างหนึ่งล่ะ เขาอารมณ์ดีขึ้น“คนของผมเตรียมห้องให้แล้ว” เขาพยักหน้าไปในบ้าน “ผมมีเรื่องงานต้องจัดการ”“เมื่อไรนายจะปล่อยฉันไปเสียที” เขาเอียงคอ“ถ้าครอบครัวไม่เห็นด้วยที่เราคบกัน ง
สมองส่วนเหตุผลของเนตราร้องให้หนี สถานการณ์ระหว่างเธอกับชวินทร์แปลกเกินไปแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอกับเขาจะเป็นแฟนกันได้ขณะสมองส่วนจินตนาการกระซิบฟุ้งฝัน ชวินทร์ชอบเธอ เขาเป็นของเธอ คนอย่างชวินทร์ไม่มาเสียเวลาโกหกเธอหรอก สีหน้าเขาบ่งบอกทุกอย่างเหมือนวันนั้นที่ตื่นมาเจอเธออยู่เตียงเดียวกันเนตราควรเป็นสุขในชีวิตที่เหมือนฝัน กับคนที่พึงใจมานานหลายปี ชวินทร์ทั้งรูปหล่อ ร่ำรวย ห่วงใย เอาใจเธอ แต่สมองส่วนเหตุผลยังค้านไม่เลิกเธอล้ากับความคิดปัจจุบันของตัวเอง จนนั่งลงริมหาด รับลมทะเล ปล่อยใจคิดถึงอดีต ย้อนวันวานที่เคยมีร่วมกัน กระทั่งเขาตามมาพบชวินทร์โกรธ แต่เธอรู้สึกได้ว่าไม่ใช่การโกรธแบบเช้าวันนั้น เขาพาเดินกลับบ้าน บอกให้ไปอาบน้ำ เตรียมตัวทานอาหารเย็น ระหว่างเลือกเสื้อผ้าใส่ ในสมองแวบภาพเหตุการณ์แบบนี้“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวพี่แกะข้าวเย็นไว้รอให้”ใครบางคนเคยพูดกับเธอ เสียงทุ้ม อบอุ่นใจดี แต่ไม่ใช่ชวินทร์ ศีรษะปวดหนึบๆ หลังเนตราพิงประตูตู้เสื้อผ้าไม่ให้ล้ม สูดลมหายใจลึกเตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเร่งร้อนเอากับสมองนัก ค่อยเป็นค่อยไป หมอยังบอกเองเลยว่าสักพักความทรงจำทั้งหมดจะกลับมา“ดาว”
“พ่อแม่ผมถูกคลุมถุงชน”ชวินทร์เล่าเสียงเรียบ อีกมือหนึ่งรินไวน์จากขวดลงแก้ว“แต่ท่านก็อยู่ด้วยกันดี เป็นแบบเพื่อนมากกว่า พ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อยบ้าง แต่กฎเหล็กเลยคือห้ามมีลูก”เขาเล่าโดยไม่ปิดบัง“แม่โน้ตนี่ใจกว้างดี เป็นฉันทนไม่ได้แน่ ถ้ามีคนอื่นก็หย่าเหอะ ให้จบๆ เรื่องไป อย่ามาคาราคาซัง”คนฟังขำอารมณ์เดือดเกินคาดของเธอ“ดาวขี้หึงนี่”“คนรักกันไม่ยอมหรอก”พูดแล้วแทบกัดลิ้นตัวเอง“ฉันไม่ได้หมายถึงแม่โน้ต ไม่ได้รักพ่อโน้ตนะ”เธอออกตัว หลังจากคิดได้ว่าพูดอะไรพลาดไป“ผมเข้าใจ ทั้งสองคนแฮปปี้ดี ดาวไม่ต้องห่วงหรอก”ชวินทร์ชินเสียแล้วกับบรรยากาศเย็นชาบางครั้งระหว่างพ่อกับแม่ จนบางทีคิดว่าความรักอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นกับทั้งสองเลย คนของเขามาเก็บโต๊ะ แต่ชวินทร์เอามือปิดปากแก้ว ส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่ต้องเก็บไวน์เขา“ฟังเพลงกันหน่อยไหม”“ไม่เอาอ่ะ เพลงสมัยนี้ฉันไม่คุ้น”“พูดเหมือนคนแก่ แค่ผ่านไปหกปีเอง”ชวินทร์ต่อไอโฟนกับลำโพงบนโต๊ะไม้สีเข้มติดผนัง เขาเปิดเพลงเบริ์ด ธงชัย แมคอินไตย“โน้ตยังเก็บเอ็มพีสามเพลงนี้ไว้อีกเหรอ”“เดี๋ยวนี้เขาฟังเพลงผ่านระบบสตรีมมิ่งกันแล้วเธอ”เขาล้อ เพลงพี่เบริ์ดจังหวะสนุก จน
“แหวนนี่ พี่ให้ไว้เป็นตัวแทน อาจไม่มีค่ามากนักแต่มาจากใจ”ใครบางคืนยกมือเนตราขึ้น สวมแหวนสีทองสุกปลั่งบนนิ้วนางข้างซ้าย ในใจเธอปั่นป่วน น้ำหนักของแหวนมากเหลือเกิน จนเธอหน่วงไปทั้งใจ“ใส่เล่นๆ ไปก่อน แหวนหมั้นแหวนแต่ง พี่จะให้ทีหลัง”“ไม่เอาละค่ะ เกรงใจ ดาวไม่ชอบใส่เครื่องประดับกลัวทำหาย”เธอพยายามเพ่งว่าเขาคือใคร แต่เห็นเพียงรอยยิ้ม ใบหน้าส่วนบนเขายังเต็มไปด้วยสีดำสนิท เหมือนใครเอาหมึกมาราด“กลัวหายก็ร้อยใส่สร้อยคอสิ มา...พี่ทำให้”เขายื่นมือมาถอดสร้อยเธอออก คล้องแหวนไว้ในนั้น“เก็บไว้ใกล้ๆ หัวใจนะ”ไม่ใช่ชวินทร์แน่ เขาไม่มีทางพูดหวานเยิ้มแบบนี้ สรรพนามที่เธอเรียกก็ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร!ดวงตาเนตราลืมขึ้นโดยพลัน ศีรษะกลับมาปวดหนึบ ร่างเมื่อยขบราวโดนรถบดถนนทับ เธอยันตัวขึ้นจากเตียงผ้าห่มไปกองอยู่ที่หน้าตัก พร้อมแขนบางคนที่ถือวิสาสะพาดไว้กับเอวเธอ ปทุมถันเปลือยเปล่าสัมผัสอากาศ จึงรู้ว่าตัวเองไร้อาภรณ์คลุมกายข้างกันมีเสียงหายใจยาวลึกสม่ำเสมอ ชวินทร์ยังอยู่บนหมอน ตาหลับสนิท เนตรายกมือไขว้กันปิดหน้าอก มองเขาสลับตัวเอง ใจเย็นๆ เธอบอกตัวเอง สมองค่อยเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อคืนเขาและเธ
คนของเขามองหน้าเจ้านายกับแขกเลิ่กลั่ก อาหารในถาดชักจะทำพิษ มันหนักขึ้นเรื่อยๆ สงครามประสาทดำเนินไปอีกสามนาที ชวินทร์ก็หมดความอดทน ลุกเดินดุ่มมาตรงหน้าเธอ“กินข้าว”เขาคว้าข้อมือ ดึงไปทางห้องอาหาร“บอกแล้วไงว่าฉันไม่หิว”เนตราพยายามแกะมือที่แข็งปานคีมเหล็กออก หนักๆ เข้าก็ทุบเอาเสียเลย“ปล่อยฉัน”คราวนี้ไม่ใช่แค่มือ ชวินทร์ยกตัวเธอขึ้นพาดบ่า ท่ามกลางเสียงโวยร้องหาอิสระ เขาวางเธอลงบนเก้าอี้ตัวข้างเขาดังตุบเนตราเด้งตัวลุกจะขยับหนี เขารวบมือเธอไว้ด้วยกัน กดมันไว้ที่หัวเข่า ทำให้เธอลุกไม่ได้ เนตราอ้าปากจะประท้วง ชวินทร์พยักหน้าให้คนของเขาวางอาหารลงบนโต๊ะ มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเล“ถ้าดาวไม่กิน ผมจะไม่พาไปไหนทั้งนั้น” ตาคมมีแสงแววโรจน์“จะกินดีๆ หรือให้ผมป้อน”ชวินทร์ตักปลาหมึกหั่นแว่นจากชามข้าวต้มเธอมาจ่อปาก กลิ่นกระเทียมเจียวลอยวนใต้จมูก น้ำลายเธอเริ่มสอ“งั้นก็กินคำใหญ่ๆ เลย”ช้อนข้าวต้มพูนแตะริมฝีปาก ชวินทร์เตรียมจะทำตามที่พูด
เครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยให้อารมณ์ชวินทร์คลายลง เขายังจับมือเธอไว้ พาลัดเลาะไปหลังร้าน สู่หาดกว้าง ลมทะเลซัดระลอกคลื่นดังครืนๆแดดสายยังไม่ร้อนนัก เขาอยากใช้เวลาสงบๆ แบบนี้กับเนตรา ให้ลืมว่าตนเองกำลังทำผิดกับเธออยู่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ล้วงมาดูเป็นเบอร์ฉัตรบรรณ ชายหนุ่มกดตัดสายเสีย ท่ามกลางสายตาสงสัยของเนตราคนโทรมาไม่ยอมแพ้ ถึงเขาตัดสายได้ ก็กดโทรใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่สามรอบ จนชวินทร์จะปิดโทรศัพท์“รับสายเถอะ คนโทรมาคงมีเรื่องด่วนจริงๆ”เธอบอก พลางดูดชาเย็น“แค่โทรมาป่วนเท่านั้นแหละ”นอกจากโทรแล้วยังส่งไลน์มาด้วย“ใครป่วนนายกัน”“ไม่ให้เรียกนาย บอกให้เรียกโน้ต”ชวินทร์ดุเสียงไม่จริงจังนัก“ฉันไม่ชินนี่ ความจำหยุดอยู่แค่มหาวิทยาลัย”เธอคอย่น กลัวการลงโทษตามแบบเขาอยู่หน่อยๆ แต่นี่เป็นที่ชุมชน คนอยู่เยอะ ชวินทร์คงไม่กล้าจูบเธอหรอก โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่สี่“รับสายเถอะ ฉันจะไปเดินเล่นทางโน้น”เนตราชี้นิ้วไปทางแ
“คุณทำร้ายโน้ตทำไม”คนของฉัตรบรรณหิ้วปีกชวินทร์ออกไปนอกบ้าน เขาตะโกนก้องให้ปล่อยตนออก แต่คนเหล่านั้นไม่สน ลากเขาขึ้นรถไปเสีย“ถ้าไม่ทำงี้มันก็ไม่ยอมสงบ”“คุณแปงป่าเถื่อน พูดกันดีๆ ก็ได้”ฉัตรบรรณเลิกคิ้ว เวลาไม่กี่วันทำเนตราเปลี่ยนความรู้สึกต่อชวินทร์ขนาดนี้เชียวหรือ ปรกติแม้แต่หน้าญาติเขา เธอยังไม่มอง หลีกเลี่ยงการพบเจอสุดกำลัง“มันลักพาตัวคุณมา รู้ไหมแฟนคุณจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”“คุณพูดอะไร แฟนฉันคือโน้ต”“แฟนดาวชื่ออาร์ม แล้วเขาก็กำลังห่วงดาวมากด้วย”“นี่มันอะไรกัน”ศีรษะเธอปวดหนึบ สิ้นเรี่ยวแรงจนเหมือนกับร่างกายละลายติดเก้าอี้“ฉันล้มหัวฟาด ความทรงจำกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โน้ตบอกว่าเป็นแฟนฉัน”“ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ ฉันตื่นมาในโรงพยาบาลก็เห็นโน้ตแล้ว”เอาล่ะสิ ...ฉัตรบรรณคิด ดูท่าว่าญาติเขาอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง“โน้ตมันทำอะไรคุณ”“ก็...ดูแล แล้วพาฉันมาพักฟื้นที่นี่”เธอหน้าปั้นยาก ก่อนตอบ“แล้วจำได้ไหม ทำอะไรถึงล้ม”“โน้ตบอกว่ารดน้ำต้นไม้อยู่แล้วลื่น”แสดงว่าชวินทร์อยู่กับเธอตลอดหลังเนตรายื่นใบลาออก ร้ายนักเชียวญาติเขา“เขาโกหกฉันทำไม”“ผมก็ไม่รู้”ฉัตรบรรณมีคำตอบ แต่ไ
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข
หากนี่เป็นค่ำคืนปรกติ เวลานี้ชีวันควรอยู่ห้องทำงาน ส่วนรัชนีต้องดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น แต่ค่ำนี้เธอขอให้เขานั่งรอคุยกับลูกด้วยกัน พร้อมกับเรื่องราวแต่หนหลังของเนตราถูกเล่าใหม่ซึ่งชีวันรับฟังอย่างสงบเขารอฆ่าเวลาด้วยการกางหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายอ่าน ผิดกับอีกคนที่ผุดลุกผุดนั่ง หนักเข้าก็เตือนให้สามีส่งไลน์บอกลูกชายให้รับกลับ เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ชวินทร์ตอบกลับไลน์มาเพียง“ครับ”ชวินทร์กลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม ทันทีที่เดินเข้าประตูบ้าน คนรับใช้ก็มาแจ้งทันทีว่าพ่อกับแม่รออยู่ในห้องนั่งเล่น“คิดว่าจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว”รัชนีประชด ชวินทร์เข้าไปใกล้ ยิ้มสู้ รู้ว่าจะโดนเรื่องอะไร“กินข้าวมาแล้วหรือยัง”ผู้เป็นพ่อถามเพื่อลดบรรยากาศกดดันที่รัชนีสร้าง“กินข้าวกับดาวมาแล้วครับ”“แม่นั่นฟ้องอะไรลูกบ้างล่ะ”รัชนีหรี่ตาประเมินลูกชาย“เปล่านี่ครับ”เขาเลิกคิ้ว“แล้วคุณแม่มีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผม”&ldq
เสียงแตรรถไม่คุ้นหูดังหน้าบ้าน มือเนตรากำลังเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มชะงัก มองไปทางประตูรั้ว รถสปอร์ตชวินทร์จอดอยู่“ไหนว่าจะอยู่ปราจีนฯเป็นอาทิตย์”“เร่งทำงานให้เสร็จแทบตาย คิดถึง”เขาแสดงมันออกมาโดยการรวบตัวเธอไปกอดแล้วจุมพิตหน้าผากนวลเนียน“ดาวล่ะ คิดถึงโน้ตไหม”ริมฝีปากท่าจะเคลื่อนลงมาหาริมฝีปากเธอ ถ้าไม่ใช้มือยันจมูกเขาไว้ก่อน“พอเลย เข้าบ้านก่อน อายชาวบ้านเขา”“จะอายทำไม เราเคยทำอะไรมากกว่านี้มาแล้ว”ชวินทร์ส่งสายตาทะเล้น เธอรีบแกะมือยาวๆ เป็นปลาหมึกออก เดินนำเข้าบ้านไป เขาขับรถมาจอดในรั้ว“หิว กินข้าวหรือยัง”“ยัง เพิ่งเลิกงาน”ชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดสำรวจตู้เย็นทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง“เดี๋ยวทำมาม่าผัดไข่ให้กิน”เขาลำเลียงของออกมามี ไข่ ไส้กรอก แล้วเอื้อมมือหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากชั้นไม้ติดผนังเหนือตู้เย็น“ไม่มีผักสดนะ”เธอมองบนโต๊ะกินข้าว บอกเขาที่กำลังนั่งย่อตัวหาอะไร
ร้านอาหารที่เพื่อนนัดเป็นร้านกินดื่มบรรยากาศรีสอร์ต ปอ ส้ม ฟลุ๊คนั่งรออยู่แล้ว โดยมีแพรวที่อยู่ต่างจังหวัดเฟซไทม์มาคุยร่วมวงด้วย“ฉันมีเรื่องจะถามดาว”ปอเอ่ยต่อหน้าจานปลาช่อนลุยสวนที่เพิ่งเสิร์ฟ เนตราหน้าเหลอหลาชี้เข้าตัวเอง“เป็นคำถามที่ทุกคนค้างคาใจ”คุยเล่นกันอยู่ดีๆ เข้าโหมดซีเรียสได้ยังไงไม่รู้“ฟลุ๊ค ขอมือถือ”“ทำไมต้องเป็นของฉันล่ะ”เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์แนบอก หวงแหน“ก็มือถือแกหน้าจอใหญ่สุดอ่ะ ฉันไม่แอบอ่านที่แกไปเม้นท์ในอินสตราแกรมสาวๆ หรอก”เมื่อไม่ให้ดีๆ ปอก็แย่งมาเสียเลย โดยเจ้าของเครื่องยังบ่นอุบอิบ“นี่...”เพื่อนยื่นมาถือมาตรงหน้า เป็นอินสตราแกรมของชวินทร์ ปรากฏรูปถ่ายด้านหลังของเธอในร้านสะดวกซื้อ ใต้รูปมีข้อความ พาแฟนมาซื้อของตุน มีความคิดเห็นและกดถูกใจล้นหลาม เนตรามองมือถือสลับกับหน้าทุกคน“รูปนี้ตีลังกาดูยังไงก็เป็นดาว”แพรวที่แม้จะอยู่ต่างจังหวัดแต่ไม่เคยพลาดข่าวสารทางโซเชียลจากเมืองกรุ