“แหวนนี่ พี่ให้ไว้เป็นตัวแทน อาจไม่มีค่ามากนักแต่มาจากใจ”
ใครบางคืนยกมือเนตราขึ้น สวมแหวนสีทองสุกปลั่งบนนิ้วนางข้างซ้าย ในใจเธอปั่นป่วน น้ำหนักของแหวนมากเหลือเกิน จนเธอหน่วงไปทั้งใจ
“ใส่เล่นๆ ไปก่อน แหวนหมั้นแหวนแต่ง พี่จะให้ทีหลัง”
“ไม่เอาละค่ะ เกรงใจ ดาวไม่ชอบใส่เครื่องประดับกลัวทำหาย”
เธอพยายามเพ่งว่าเขาคือใคร แต่เห็นเพียงรอยยิ้ม ใบหน้าส่วนบนเขายังเต็มไปด้วยสีดำสนิท เหมือนใครเอาหมึกมาราด
“กลัวหายก็ร้อยใส่สร้อยคอสิ มา...พี่ทำให้”
เขายื่นมือมาถอดสร้อยเธอออก คล้องแหวนไว้ในนั้น
“เก็บไว้ใกล้ๆ หัวใจนะ”
ไม่ใช่ชวินทร์แน่ เขาไม่มีทางพูดหวานเยิ้มแบบนี้ สรรพนามที่เธอเรียกก็ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร!
ดวงตาเนตราลืมขึ้นโดยพลัน ศีรษะกลับมาปวดหนึบ ร่างเมื่อยขบราวโดนรถบดถนนทับ เธอยันตัวขึ้นจากเตียง
ผ้าห่มไปกองอยู่ที่หน้าตัก พร้อมแขนบางคนที่ถือวิสาสะพาดไว้กับเอวเธอ ปทุมถันเปลือยเปล่าสัมผัสอากาศ จึงรู้ว่าตัวเองไร้อาภรณ์คลุมกาย
ข้างกันมีเสียงหายใจยาวลึกสม่ำเสมอ ชวินทร์ยังอยู่บนหมอน ตาหลับสนิท เนตรายกมือไขว้กันปิดหน้าอก มองเขาสลับตัวเอง
ใจเย็นๆ เธอบอกตัวเอง สมองค่อยเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อคืนเขาและเธอทานมื้อค่ำด้วยกัน ชวินทร์เมา มาส่งที่หน้าห้อง แล้วก็จูบ จากนั้นเธอกับเขาก็...
เนตราหน้าแดงจัด เธอปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่ตัวเองเป็นคนตั้งป้อมกับเขาก่อนแท้ๆ
“นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ ยังเช้าอยู่เลย”
ชวินทร์งึมงำทั้งตาหลับ แต่มือไขว่คว้าดึงคนตื่นเร็วกว่ามานอนแนบอก
“ไม่เอา ปล่อยฉันสิโน้ต”
พยายามฝืนขัดขืนตัว แต่เขาแรงเยอะเหลือเกิน ขนาดหลับอยู่นะนี่
“ดาวก็อย่าดิ้นสิ”
“ใครจะไปหลับต่อลงล่ะ จำได้ไหมอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้”
เธอท้วง ซึ่งเสียงอาจแรงไปหน่อย จนชวินทร์ลืมตามองเธอนิ่ง
“ที่เรามีอะไรกันน่ะเหรอ”
แม้ครั้งแรกเคยมีแล้ว และนี่อาจเป็นครั้งที่สอง ...อย่างน้อยที่จำได้ขณะนี้ เนตราก็ยังเขิน ทั้งผลักทั้งดันอกคู่กรณีให้ห่าง
“ดาวใจร้าย ได้ผมแล้วจะชิ่ง”
ชวินทร์ตัดพ้อ ขยับวงแขนแน่นขึ้น ทำให้อกเธอเบียดกับเขาโดยปริยาย ปลายถันครูดเนื้อแน่นหนั่น เสียวสาบทั่วท้องน้อย
“นายเมา”
“บอกให้เรียกโน้ต ดาวไม่จำเลย คนดื้อต้องโดนลงโทษนะ”
เขาศีรษะลงต่ำ ฉกวูบจุมพิตบางปาก เนตราตาโต ตัวแข็งทื่อ ชวินทร์ไม่เพียงจูบเท่านั้น เขายังทักทายรับอรุณด้วยลิ้นอุ่นนุ่ม ขโมยลมหายใจเธออีกครา
“อื้อ!”
หญิงสาวประท้วง ต่อต้านการรุกรานเต็มที่เท่าที่แรงมี แต่ชวินทร์เหลือร้าย พอเนตราใช้ฟันงับ เขาก็รีบถอนริมฝีปากออก เปลี่ยนมาลิ้มชิมรสแก้มแดงปลั่ง
“ไม่เอา ปล่อยฉันได้แล้ว”
แม้พยายามเบี่ยงหลบเลี่ยง ยังมิวายผิวถูกจมูกโด่งดอมดม เนตรารู้สึกตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือเขา ยิ่งขยับหนี เขายิ่งกระชับให้กลับมาแนบชิด มือพยายามปัดป้อง แต่ชวินทร์ก็แทะเล็มทุกสัดส่วน
“ปล่อยฉันเถอะโน้ต”
เจ้าของชื่อยิ้มพึงใจ คลายวงแขนออก เนตราเด้งลงมาข้างเตียง สองมือดึงผ้าห่มปิดกาย เป็นผลให้เห็นร่างเปลือยโล่งโจ้งของเจ้าของบ้าน
“ออกไปก่อน”
คนอายหลับตาปี๋ ขณะอีกฝ่ายแกล้งหาวหวอดบิดขี้เกียจทั้งยังโป๊
“อะไรกัน ได้เราแล้วก็ไล่ น้อยใจนะเนี่ย”
ชวินทร์เสียงรื่น ไม่มีแววเลย ความน้อยใจที่เจ้าตัวว่า
“ออกไปก่อน ให้ฉันจัดการกับตัวเองก่อน แล้วไปเจอกันข้างล่าง”
เนตราหยีตาส่องเขาจากง่ามนิ้วมือ เท้าก็ขยับพยายามให้ห่างเตียงมากที่สุด
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวเจอกันข้างล่างนะ”
ชวินทร์ยักไหล่ เปิดประตูเดินตัวเปล่าออกไป เนตราหมดแรงทรุดตัวลงกับพื้น โอเคๆ เมื่อคืนไม่มีใครบังคับ เขาและเธอสมยอมกันทั้งคู่ ชวินทร์เป็นฝ่ายจู่โจมก่อนด้วยซ้ำ แถมเช้านี้เขายังทำตัวสบายๆ เหมือนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำกันหลายต่อหลายครั้งแล้ว
หรือจะจริงอย่างที่เขาพูด เธอกับเขาเป็นแฟนกัน แล้วผู้ชายที่ฝันถึงล่ะ คนที่เธอเรียกเขาว่าพี่ ...แหวน และความตะขิดตะขวงในใจ เนตราหน้าเผือดเมื่อไพล่ไปถึงบางอย่างที่เป็นวงๆ
ชวินทร์ผิวปากขณะเดินลงบันไดสู่ห้องนั่งเล่น ผิดกับเนตราที่เดินวนกลับไปมาเป็นหนูติดจั่น
“เวียนหัวไหมนั่น”
เธอสวมเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนขายาว ผมที่เคยสยายเมื่อคืนกลับรวบตึงไว้
“พาฉันไปซื้อของที”
ชวินทร์เลิกคิ้ว
“เราต้องป้องกัน เมื่อคืนนายไม่ได้สวมถุงยางใช่ไหม”
เนตราส่งเสียงที่ดังกว่ากระซิบนิดหน่อย เขาลืมข้อนี้ไปเหมือนกัน
“พาฉันไปร้านยาที่ใกล้ที่สุด”
แม้จะพลาดกับเขา แต่เธอจะไม่พลาดให้เด็กเกิดขึ้นมาเพราะสถานการณ์นี้หรอก
“กินข้าวเช้าก่อนค่อยไป”
ชวินทร์หันหลัง มุ่งไปห้องอาหาร
“ฉันกินไม่ลง รีบพาไปเถอะ นายคงไม่อยากมีเด็กตอนนี้หรอกใช่ไหม”
“เดี๋ยวพาไป กินข้าวก่อน”
เขานั่งลงบนเก้าอี้ เธอยังยืนอยู่ที่เดิม คนของเขาอยู่เยื้องโต๊ะไป รีๆ รอๆ ว่าจะเสริ์ฟอาหารดีหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ครบองค์ประชุม
“ดาวมากินข้าว”
“ฉันไม่หิว นายกินเถอะ ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้”
เธอกลับไปนั่งบนโซฟายาวในห้องรับแขก มือประสานกัน นิ้วบีบแน่นจนเห็นข้อขาว เวลาแต่ละวินาทีผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน
“เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าคุณไม่มากินข้าว”
เขาบอกเธอด้วยเสียงทุ้มลึก
“หรืออยากให้ผมลงโทษคุณที่ดื้อ เหมือนตอนอยู่ข้างบน”
แม้นั่งห่างกันคนละห้อง เนตรายังจับได้ถึงความมาคุ ชวินทร์ไม่ได้พูดเล่นๆ เหมือนตอนบนเตียง
“ดาว...”
เขาเรียกเธอราวผู้ใหญ่เรียกเด็ก ไร้การตอบรับ เนตรายังนั่งนิ่ง
คนของเขามองหน้าเจ้านายกับแขกเลิ่กลั่ก อาหารในถาดชักจะทำพิษ มันหนักขึ้นเรื่อยๆ สงครามประสาทดำเนินไปอีกสามนาที ชวินทร์ก็หมดความอดทน ลุกเดินดุ่มมาตรงหน้าเธอ“กินข้าว”เขาคว้าข้อมือ ดึงไปทางห้องอาหาร“บอกแล้วไงว่าฉันไม่หิว”เนตราพยายามแกะมือที่แข็งปานคีมเหล็กออก หนักๆ เข้าก็ทุบเอาเสียเลย“ปล่อยฉัน”คราวนี้ไม่ใช่แค่มือ ชวินทร์ยกตัวเธอขึ้นพาดบ่า ท่ามกลางเสียงโวยร้องหาอิสระ เขาวางเธอลงบนเก้าอี้ตัวข้างเขาดังตุบเนตราเด้งตัวลุกจะขยับหนี เขารวบมือเธอไว้ด้วยกัน กดมันไว้ที่หัวเข่า ทำให้เธอลุกไม่ได้ เนตราอ้าปากจะประท้วง ชวินทร์พยักหน้าให้คนของเขาวางอาหารลงบนโต๊ะ มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเล“ถ้าดาวไม่กิน ผมจะไม่พาไปไหนทั้งนั้น” ตาคมมีแสงแววโรจน์“จะกินดีๆ หรือให้ผมป้อน”ชวินทร์ตักปลาหมึกหั่นแว่นจากชามข้าวต้มเธอมาจ่อปาก กลิ่นกระเทียมเจียวลอยวนใต้จมูก น้ำลายเธอเริ่มสอ“งั้นก็กินคำใหญ่ๆ เลย”ช้อนข้าวต้มพูนแตะริมฝีปาก ชวินทร์เตรียมจะทำตามที่พูด
เครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยให้อารมณ์ชวินทร์คลายลง เขายังจับมือเธอไว้ พาลัดเลาะไปหลังร้าน สู่หาดกว้าง ลมทะเลซัดระลอกคลื่นดังครืนๆแดดสายยังไม่ร้อนนัก เขาอยากใช้เวลาสงบๆ แบบนี้กับเนตรา ให้ลืมว่าตนเองกำลังทำผิดกับเธออยู่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ล้วงมาดูเป็นเบอร์ฉัตรบรรณ ชายหนุ่มกดตัดสายเสีย ท่ามกลางสายตาสงสัยของเนตราคนโทรมาไม่ยอมแพ้ ถึงเขาตัดสายได้ ก็กดโทรใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่สามรอบ จนชวินทร์จะปิดโทรศัพท์“รับสายเถอะ คนโทรมาคงมีเรื่องด่วนจริงๆ”เธอบอก พลางดูดชาเย็น“แค่โทรมาป่วนเท่านั้นแหละ”นอกจากโทรแล้วยังส่งไลน์มาด้วย“ใครป่วนนายกัน”“ไม่ให้เรียกนาย บอกให้เรียกโน้ต”ชวินทร์ดุเสียงไม่จริงจังนัก“ฉันไม่ชินนี่ ความจำหยุดอยู่แค่มหาวิทยาลัย”เธอคอย่น กลัวการลงโทษตามแบบเขาอยู่หน่อยๆ แต่นี่เป็นที่ชุมชน คนอยู่เยอะ ชวินทร์คงไม่กล้าจูบเธอหรอก โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่สี่“รับสายเถอะ ฉันจะไปเดินเล่นทางโน้น”เนตราชี้นิ้วไปทางแ
“คุณทำร้ายโน้ตทำไม”คนของฉัตรบรรณหิ้วปีกชวินทร์ออกไปนอกบ้าน เขาตะโกนก้องให้ปล่อยตนออก แต่คนเหล่านั้นไม่สน ลากเขาขึ้นรถไปเสีย“ถ้าไม่ทำงี้มันก็ไม่ยอมสงบ”“คุณแปงป่าเถื่อน พูดกันดีๆ ก็ได้”ฉัตรบรรณเลิกคิ้ว เวลาไม่กี่วันทำเนตราเปลี่ยนความรู้สึกต่อชวินทร์ขนาดนี้เชียวหรือ ปรกติแม้แต่หน้าญาติเขา เธอยังไม่มอง หลีกเลี่ยงการพบเจอสุดกำลัง“มันลักพาตัวคุณมา รู้ไหมแฟนคุณจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”“คุณพูดอะไร แฟนฉันคือโน้ต”“แฟนดาวชื่ออาร์ม แล้วเขาก็กำลังห่วงดาวมากด้วย”“นี่มันอะไรกัน”ศีรษะเธอปวดหนึบ สิ้นเรี่ยวแรงจนเหมือนกับร่างกายละลายติดเก้าอี้“ฉันล้มหัวฟาด ความทรงจำกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โน้ตบอกว่าเป็นแฟนฉัน”“ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ ฉันตื่นมาในโรงพยาบาลก็เห็นโน้ตแล้ว”เอาล่ะสิ ...ฉัตรบรรณคิด ดูท่าว่าญาติเขาอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง“โน้ตมันทำอะไรคุณ”“ก็...ดูแล แล้วพาฉันมาพักฟื้นที่นี่”เธอหน้าปั้นยาก ก่อนตอบ“แล้วจำได้ไหม ทำอะไรถึงล้ม”“โน้ตบอกว่ารดน้ำต้นไม้อยู่แล้วลื่น”แสดงว่าชวินทร์อยู่กับเธอตลอดหลังเนตรายื่นใบลาออก ร้ายนักเชียวญาติเขา“เขาโกหกฉันทำไม”“ผมก็ไม่รู้”ฉัตรบรรณมีคำตอบ แต่ไ
ชวินทร์ปล่อยเนตราขึ้นไปพักผ่อน เธอลับสายตาไปได้ไม่เท่าไรมือถือเขาก็ดังขึ้น“โน้ตอยู่ที่ไหน”รัชนีถามเสียงเย็น“คุณแม่มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”คนไม่คาดคิดโทรมา นี่ฉัตรบรรณคาบข่าวไปฟ้องหรือยังไง“ลูกบอกแม่ว่าอยู่คอนโด แม่ให้คนไปดูก็ไม่เห็น”“ผมมาทำธุระส่วนตัวครับ”“ไปกับใคร อยู่ที่ไหน”นางรุกไล่“อยู่กับเพื่อนครับ”“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“โน้ตโตแล้วนะครับ”เขาโอด“คนบางคนโตแต่ตัว ยังทำอะไรเป็นเด็กๆ”นึกภาพออกเลยว่าขณะนี้ผู้เป็นแม่คงกำลังค้อนเขาอยู่แน่ๆ“ผมไม่ทำให้คุณแม่เสื่อมเสียหรอกครับ”“งั้นก็รีบกลับมากรุงเทพฯซะ”ชวินทร์รับคำ พลางคาดโทษฉัตรบรรณอยู่ในใจ หมอนั่นรู้ว่าทำอะไรเขาไม่ได้จึงเข้าทางแม่ ไม่รู้ท่านรู้เรื่องเนตราตื้นลึกหนาบางขนาดไหนเขาขอเวลาอีกหน่อย ค่อยพาเธอกลับไปส่งบ้าน ค่อยๆ บอกความจริง และคุยกันถึงอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร...ขอแค่อีกหน่อย“โน้ตว่ายังไงบ้างคะคุณแม่”ดุลยาเก็บความร้อนใจไว้ไม่มิด ขณะเจมิลลายกชาขึ้นดื่ม เธอระวังทุกกิริยาเพราะแม่ของฉัตรบรรณก็อยู่ด้วย“รับแต่ว่าครับๆ ใครก็ได้ละลายยาลมเพิ่มให้ฉันหน่อย”แล้วรัชนีก็ทิ้งหลังพิงโซฟาทรงหลุยห์“ตาโน้ตนี่ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้ใหญ่”
“คุณทำร้ายโน้ตทำไม”คนของฉัตรบรรณหิ้วปีกชวินทร์ออกไปนอกบ้าน เขาตะโกนก้องให้ปล่อยตนออก แต่คนเหล่านั้นไม่สน ลากเขาขึ้นรถไปเสีย“ถ้าไม่ทำงี้มันก็ไม่ยอมสงบ”“คุณแปงป่าเถื่อน พูดกันดีๆ ก็ได้”ฉัตรบรรณเลิกคิ้ว เวลาไม่กี่วันทำเนตราเปลี่ยนความรู้สึกต่อชวินทร์ขนาดนี้เชียวหรือ ปรกติแม้แต่หน้าญาติเขา เธอยังไม่มอง หลีกเลี่ยงการพบเจอสุดกำลัง“มันลักพาตัวคุณมา รู้ไหมแฟนคุณจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”“คุณพูดอะไร แฟนฉันคือโน้ต”“แฟนดาวชื่ออาร์ม แล้วเขาก็กำลังห่วงดาวมากด้วย”“นี่มันอะไรกัน”ศีรษะเธอปวดหนึบ สิ้นเรี่ยวแรงจนเหมือนกับร่างกายละลายติดเก้าอี้“ฉันล้มหัวฟาด ความทรงจำกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โน้ตบอกว่าเป็นแฟนฉัน”“ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ ฉันตื่นมาในโรงพยาบาลก็เห็นโน้ตแล้ว”เอาล่ะสิ ...ฉัตรบรรณคิด ดูท่าว่าญาติเขาอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง“โน้ตมันทำอะไรคุณ”“ก็...ดูแล แล้วพาฉันมาพักฟื้นที่นี่”เธอหน้าปั้นยาก ก่อนตอบ“แล้วจำได้ไหม ทำอะไรถึงล้ม”“โน้ตบอกว่ารดน้ำต้นไม้อยู่แล้วลื่น”แสดงว่าชวินทร์อยู่กับเธอตลอดหลังเนตรายื่นใบลาออก ร้ายนักเชียวญาติเขา“เขาโกหกฉันทำไม”“ผมก็ไม่รู้”ฉัตรบรรณมีคำตอบ แต่ไ
ชวินทร์ปรือตาขึ้น เขาหลับอยู่บนโซฟาในคอนโดตนเอง ภาพภายนอกหน้าต่างม่านสีดำคลุมทั่วท้องฟ้า มหานครที่รถเปิดไฟวิ่งขวักไขว่ราวปลาว่ายในทะเลแสงไฟนีออน“กาแฟไหม หรือเหล้าดี” ฉัตรบรรณถามจากในครัว“ไอ้เชี่ยแปง มึงให้คนอัดกู”ดวงตาคนเพิ่งตื่นจากนิทราวาวโรจน์ ญาติขยับแว่นยักไหล่“ถ้าไม่ทำอย่างงั้นมึงก็ไม่สงบ”“ดาวล่ะ”เขาเหลียวซ้ายแลขวา“ไปส่งที่บ้านแล้ว”ฉัตรบรรณยกกาแฟขึ้นจิบ เขาไม่มีปัญหาในการนอนไม่หลับจากดื่มกาแฟช่วงดึก ฉัตรบรรณดื่มมันเป็นของหวานหลังอาหารสามมื้ออยู่แล้ว“มึงบอกอะไรเขาไปบ้าง”กลางลำตัวชวินทร์ยังรู้สึกจุกๆ แต่ความร้อนในใจมีมากกว่า“ทุกอย่าง”ริมฝีปากเข้มเม้มเป็นเส้นตรง“แบบไม่ปิดบัง”ฉัตรบรรณยั่วต่อ“เพิ่งรู้ว่าดาวล้ม ไม่ใช่ฝีมือมึงแน่นะ”“ใครจะไปบ้าทำอย่างนั้น”“แต่มึงก็บ้าลักพาตัวเขาไปอยู่หัวหิน”“สถานการณ์มันบังคับ ดาวป่วย ก็ปล่อยเขาอยู่คนเดียวไม่ได้”เจ้าของห้องยืนขึ้น มือบีบจับไหล่คลายความเมื่อยล้า“แฟนเขาก็มี”“หึ ไอ้หน้าตี๋นั่นนะเหรอ ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ไม่มีอะไรสักอย่าง จะดูแลใครได้”ชวินทร์ฉุนทุกทีเมื่อนึกถึงสุชัจจ์ ประวัติทั้งเนตราและผู้ชายคนนั้น เขาให้คนตามสืบจนรู้
ดึกแล้ว หญิงสาวยังสไลด์มือถือดูเฟซบุค ตั้งปณิธานว่าพรุ่งนี้เธอต้องรู้จักเนตราคนที่มีชีวิตผ่านมาหกปีให้หมด ในเฟซบุ๊คอัปเดตข้อมูลน้อย แทบจะสัปดาห์ละครั้งส่วนมากเป็นรูปถ่ายดอกไม้ใบหญ้าหรือคำคมต่างๆ คนกดไลค์ ถูกใจ ก็มีแต่กลุ่มเดิมๆ ปอ แพรว ฟลุ๊ค ส้ม เพื่อนสมัยอยู่มหาวิทยาลัยกลุ่มข้อความไลน์มีสองกลุ่ม หนึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ กับกลุ่มที่ทำงาน เนตราตอบไปว่าป่วยและขอโทษที่ตอบช้าเธอมีไลน์ส่วนตัวที่คุยกับสุชัจจ์ ข้อความไม่ได้อ่านค้างเป็นสิบ เธอเพียงตอบกลับเขาด้วยสติ๊กเกอร์ราตรีสวัสดิ์ ดูเหมือนเธอจะมีชีวิตเงียบเหงาไม่ต่างกับสมัยเรียน เนตราลุกจากเตียงเพราะเห็นว่านอนไปยังไงก็ไม่อาจข่มตาหลับ ลงไปห้องรับแขก เปิดโทรทัศน์เป็นรายการข่าวรอบดึกตู้วางโทรทัศน์ยังเป็นของเดิม มีชั้นวางอัลบั้มรูปตั้งแต่เธอยังเด็กจนถึงมหาวิทยาลัยเนตราเปิดดูด้วยความคิดถึง ภาพในอดีตย้อนกลับมาเป็นฉากๆ เหมือนหนังเก่าวนมาฉายใหม่ ความทรงจำย้อนกลับสู่วันวานเธอกับชวินทร์มีเพื่อนคนละกลุ่ม สังคมคนละแบบ มีสองสามครั้งที่อาจารย์จับกลุ่มให้แล้วได้มาอยู่ด้วยกันเนตรามักได้ตำแหน่งเลขาฯคอยจดข้อสรุปของการประชุมงานกลุ่ม ประสานงานกับอ
การไปโรงพยาบาลคราวนั้น นำความหนักใจมาสู่เธอ เมื่อเพื่อนซุบซิบ“โน้ตมันพาผู้หญิงไปโรงพยาบาลว่ะ”“เฮ้ย!”ผู้ฟังหลายวงสนทนาอุทานเหมือนกัน“มันพาไปฝากท้องหรือเปล่าวะ”หนักเข้าถึงขนาดมีพวกคิดอกุศล“โน้ตพาเขาไปทำแท้งหรือเปล่า”ปอเล่าข่าวในไลน์กลุ่มทันทีในเช้าที่เธอหยุดเรียน กว่าเนตราจะรู้เรื่องก็หลังตื่นมากินข้าวกินยารอบที่สอง“พวกแกหยุดลือข่าวแปลกๆ ซะที ฉันนี่แหละผู้หญิงที่โน้ตพาไปโรงพยาบาล หมอบอกเป็นไข้หวัดใหญ่”เธอพิมพ์ตอบ ส่งสติกเกอร์เด็กผู้หญิงโกรธส่งท้าย“แล้วดาวไปกับโน้ตได้ยังไง”ส้มถามกลับทันที เนตราจึงเล่าเรื่องที่ป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล กระทั่งเขามาส่งที่บ้าน“โน้ตทำไปเพราะสงสารฉันเท่านั้นเอง”แม้ปลื้มเขาขนาดไหน เนตราก็รู้ดีว่าระดับความสัมพันธ์กับเขาอยู่ระดับใด“เขาอุตส่าห์ทำดี คนปากเสียเอาไปพูดซะเสียหายหมด”เพื่อนส่งสติ๊กเกอร์เสียใจมากันหมด และบอกว่าจะช่วยกระจายเรื่องจริงให้ว
“ไม่เจอกันกี่ปีนะ หกปีแล้วใช่ไหม นายเป็นยังไงบ้าง”ฟลุ๊คถามไถ่เริ่มต้นบทสนทนา“ก็ดี ฉันดูแลกิจการครอบครัว”“ถามจริงกับดาวนี่ นายกะจริงจังกับเขานานขนาดไหน”นิ้วเรียวแกร่งที่กำลังจะกดปุ่มเลือกกาแฟจากตู้ชะงัก ดวงตาฟลุ๊คแสดงความไม่เชื่อใจฉายชัด“ถามอย่างนี้มีเคืองนะเว้ย มาต่อยกันดีกว่า”ชวินทร์มองหน้าอีกฝ่ายหมิ่นๆ“ไม่เอาล่ะ ขืนต่อยนายดาวจะพาลโกรธฉัน ฉันกับพวกสาวๆ เป็นห่วงดาว ถ้านายคิดจะเล่นๆ กับเขาก็พอได้แล้ว”เขาพุ่งตัวมา สองมือกระชากคอเสื้อฟลุ๊ค เพื่อนเนตราดาวเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย จึงกลายเป็นต้องเขย่งเท้า“อย่าพูดหมาๆ แบบนี้อีก”ชวินทร์กัดฟันกรอด“พูดเรื่องจริงต่างหาก เมื่อหกปีก่อนตอนดาวเสียใจก็มีพวกฉันนี่แหละที่อยู่ปลอบใจ ตอนนั้นนายยังไปง้อแจงอยู่เลย” อีกฝ่ายไม่กลัวเขาเสียด้วย คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ถ้าต้องมีเรื่องก็พร้อม“เออ เรื่องตอนนั้นฉันยอมรับผิด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ฉันจริงใจกับดาว”“ฉ
ชวินทร์กลับบ้านตอนห้าโมงเย็น เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมไปเฝ้าเนตรา คนรับใช้รีบรายงานเขาทันทีว่ารัชนีรออยู่ในห้องนั่งเล่น มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา“อาการเขาเป็นยังไงบ้าง เด็กคนนั้นที่ชื่อดาวน่ะ”เนตราเล่าว่าโดนไล่ออก ชวินทร์ไปไล่เบี้ยกับฉัตรบรรณ พบว่าคำสั่งมาจากฉวีวรรณ ฉัตรบรรณรอคุยกับมารดาช่วงเช้า แต่ท่านก็เลี่ยงด้วยเหตุผลไม่สบายสองหนุ่มวิเคราะห์กันว่ามารดาทั้งสองรวมหัวกันเล่นงานเนตรา เขาไม่แปลกใจนักที่ท่านรู้เรื่องเธอเข้าโรงพยาบาล“ฟื้นแล้วครับ ยังปวดหัวนิดหน่อย เพราะซ้ำรอยแผลที่เคยแตกเดิม”รัชนีพยักหน้า“แน่ใจแล้วเหรอกับคนนี้น่ะ แม่เห็นเขาหาแต่เรื่องเดือดร้อน เสียชื่อเสียง”“แล้วคนยังไงละครับที่คุณแม่ชอบ แบบแจงหรือเจมี่”ดวงตาภายใต้คิ้วเข้มวาวขึ้นทันใด เมื่อนึกถึงสิ่งสองคนนั้นทำ“อย่าประชดแม่นะ”นางเอ็ด แต่ลูกชายไม่สน“ถ้าเป็นดาว เขาจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัว ว่าร้ายใครก็ไม่เคย”“ลูกตีค่าผู้หญิงคนนี้สูงไปหรือเปล่า”
“ใครกันมาแต่ไก่โห่”บิดาตวาดด้วยอารมณ์กำลังขึ้น คนรับใช้หน้าเสีย“เขาบอกว่าเป็นลูกน้องเฮียไช้ค่ะ” ชื่อที่ได้ยินทำเอาชะงัก“คุณยังติดต่อกับไอ้เสี่ยนั่นอยู่เหรอ”ภรรยาเบ้ปากอย่างรังเกียจ“ไหนว่าคืนเงินที่ยืมมันหมดไปแล้วไง”สามีหลบตา เดินออกประตูไปหาแขกที่มิได้เต็มใจต้อนรับ“คุณเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันก่อน!”มารดาดุลยาร้องไล่หลัง“ใครมาหาพ่อคะแม่”“เสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อแกไปยืมเงินไงล่ะ”นางตอบเสียงสะบัด“ไหนคุณพ่อบอกว่าเล่นพนันนิดๆ หน่อยๆ ไงคะ”บิดาเธอชอบแบบนี้ ท่านมีเพื่อนก้วนที่เล่นกันประจำ โดยเล่าว่ากินเงินกันขำๆ“นิดหน่อยกับผีล่ะสิ เป็นหนี้เสี่ยนั่นทีเป็นสิบล้าน ถามทีไรก็บอกแต่ว่าคืนแล้ว นี่ไม่รู้รอบใหม่เอามาอีกเท่าไร”ดุลยาอึ้งกับความจริงในฐานะครอบครัวที่ยอบแยบมากกว่าที่คิด“พ่อแกก็เป็นแบบนี้ บริหารงานรึก็ไปไม่รอด ญาติคนอื่นก็รอจะฮุบบริษัท”มาร
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข