การไปโรงพยาบาลคราวนั้น นำความหนักใจมาสู่เธอ เมื่อเพื่อนซุบซิบ“โน้ตมันพาผู้หญิงไปโรงพยาบาลว่ะ”“เฮ้ย!”ผู้ฟังหลายวงสนทนาอุทานเหมือนกัน“มันพาไปฝากท้องหรือเปล่าวะ”หนักเข้าถึงขนาดมีพวกคิดอกุศล“โน้ตพาเขาไปทำแท้งหรือเปล่า”ปอเล่าข่าวในไลน์กลุ่มทันทีในเช้าที่เธอหยุดเรียน กว่าเนตราจะรู้เรื่องก็หลังตื่นมากินข้าวกินยารอบที่สอง“พวกแกหยุดลือข่าวแปลกๆ ซะที ฉันนี่แหละผู้หญิงที่โน้ตพาไปโรงพยาบาล หมอบอกเป็นไข้หวัดใหญ่”เธอพิมพ์ตอบ ส่งสติกเกอร์เด็กผู้หญิงโกรธส่งท้าย“แล้วดาวไปกับโน้ตได้ยังไง”ส้มถามกลับทันที เนตราจึงเล่าเรื่องที่ป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล กระทั่งเขามาส่งที่บ้าน“โน้ตทำไปเพราะสงสารฉันเท่านั้นเอง”แม้ปลื้มเขาขนาดไหน เนตราก็รู้ดีว่าระดับความสัมพันธ์กับเขาอยู่ระดับใด“เขาอุตส่าห์ทำดี คนปากเสียเอาไปพูดซะเสียหายหมด”เพื่อนส่งสติ๊กเกอร์เสียใจมากันหมด และบอกว่าจะช่วยกระจายเรื่องจริงให้ว
ขณะออกจากห้องน้ำและชื่นชมรูปอยู่นั้น เนตราก็ชนเข้ากับใครบางคน โทรศัพท์หล่นจากมือ คนชนขอโทษเบาๆ เธอรีบคุกเข่าเก็บเครื่องมือสื่อสารชิ้นโปรด ลุกแล้วต้องรีบหลบนั่งต่อ เพราะคนกำลังเดินมาคือดุลยาเนตราซุกแทบจะแนบหน้ากับแจกันประดับดอกไม้สดหน้าห้องน้ำ เธอให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าจะหลบหน้าอีกฝ่ายทำไมดุลยาเข้าไปห้องหนึ่ง ไม่ทันไรก็มีผู้ชายอีกคนเดินตามไป เนตราอ้าปากค้าง ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ชวินทร์ ทั้งสองหายไปสักครู่ ก่อนดุลยาเดินนวยนาดออกมา ผู้ชายคนนั้นตามออกมาแล้วยกมือเช็ดลิปติกที่ริมฝีปาก สีชมพูแบบเดียวแฟนชวินทร์!เธอยกมือกุมหัวใจ หวังให้เต้นช้าลงสักหน่อย แต่เปล่าประโยชน์ มันยังรัวเป็นตีกลอง พร้อมสมองคิด ดุลยานอกใจชวินทร์อย่าเลย...อาจเป็นการเข้าใจผิด มโนธรรมในด้านดีท้วงขึ้น แล้วลิปสติกบนปากผู้ชายอีกคนล่ะ เสียงไม่เบานักร้องค้านจากก้นบึ้งหัวใจเนตรารู้แน่อย่างหนึ่ง เธอเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นและไม่อาจบอกใครได้ ความลับอันจะนำความเจ็บปวดมาสู่ชวินทร์ แค่คิดว่าเขาจะเศร้า เธอกลับเศร้ายิ่งกว่า“เป็นอะไรไป กินเยอะจนปวดท้องเหรอ” เธ
ปลายปีสามเนตราต้องไปฝึกงาน ทีแรกเธอจะไปฝึกงานที่เดียวกับปอ แต่ไกลบ้านมากคำนวณดูแล้วไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เธอเลือกฝึกงานในแผนกบัญชีโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมใกล้บ้านพี่ๆ ในแผนกใจดี โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ชื่อเก้ง เขาจบจากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือมาสองปี ถือเป็นน้องใหม่จึงเข้ากับเนตราได้ดี“คิ้วจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว ไป! ไปกินข้าวกัน”เขาเคาะโต๊ะทำงานเธอเบาๆ“อีกเดียวจะเสร็จแล้วค่ะ”เธอได้รับมอบหมายให้คีย์ข้อมูลจากแบบสอบถามความต้องการไปสัมมนานอกสถานที่ของแผนก“พอเถอะเซฟงานไว้ก่อน เดี๋ยวโต๊ะในโรงอาหารเต็มนะ วันนี้พี่จี๋เลี้ยงส้มตำด้วย”“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรคะ” มือกำลังพิมพ์งานชะงัก“วันเกิดแกน่ะ ไปเถอะอย่าให้ผู้ใหญ่รอ”เนตราเซฟงานปิดจอคอมพิวเตอร์ เดินตามเขาไป“รู้ไหมพี่จี๋ชมนะว่าในเด็กที่มาฝึกงานทั้งหมดเนี่ย ดาวขยันสุด”“อย่ายอกันสิพี่” เธอยกผมทัดหู พี่จี๋คือผู้จัดการแผนก“ดาวก็ทำงานเหมือนคนอื่นนั่นแหละค่ะ”
“ดาวดูๆ งานที่บริษัทไหนไว้”เนตราละสายตาจากบอร์ดประกาศใต้ตึกคณะ หันมาสนใจคนทัก“ดูไว้หลายที่ หาใกล้ๆ บ้านจะได้ประหยัดค่าเดินทาง โน้ตล่ะจะทำงานหรือว่าเรียนต่อโทเลย”นี่ก็ปีสี่เทอมสองแล้ว ทุกคนเริ่มคิดถึงอนาคต ฟลุ๊คกับปอตัดสินใจทำงานกับที่บ้านส้มสมัครคอร์สแต่งหน้าสั้นๆ แล้วหวังเก็บประสบการณ์จากการไปเป็นลูกมือช่างแต่งหน้าชื่อดัง แพรวจะกลับไปหางานที่บ้านต่างจังหวัด“ฉันกับแจงจะไปเรียนต่ออเมริกา”เธอก็เดาไว้เช่นนั้น ด้วยฐานะอย่างเขากับแฟนคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินกันหรอก“ดูๆ ยูที่สงบๆ ไว้ แต่แจงอยากเรียนในเมือง เลยต้องหาที่ตรงสเปคทั้งสองคน”“ขอให้โชคดีนะ ทั้งคู่เลย”เนตราอวยพรเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี รู้หรอกว่าคนแอบรักแตะต้องไม่ได้ แต่ได้ฟังจากปากว่าเขากำลังวางแผนทำอะไรเพื่อหญิงอื่น ในใจก็เจ็บแปลบปลาบ แย่จัง...เมื่อไรจะหายสักทีหนอ“ดาวอยากเรียนต่อไหม ที่บริษัทบ้านเรามีทุนให้พนักงานไปเรียนต่อนะ”อีกฝ่ายแนะนำอย่างหวังดี ด้วยไม่รู้ความนัย หรือรู้
สองวันหลังสอบวิชาสุดท้ายมีงานบายเนียร์ที่คณะ เนตรากับเพื่อนกลุ่มเดิมนั่งชมการแสดงของรุ่นน้องอยู่หน้าเวทีงานนี้สามารถดื่มสุราได้เต็มที่เพราะปีสามปีสี่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เธอก็ไม่ดื่มด้วยกลัวเมาแล้วทำชุดสีเขียวมิ้นท์ที่เช่ามาเลอะชวินทร์เป็นตัวแทนรุ่นกล่าวขอบคุณน้องๆ เขาได้รับดอกไม้มากมาย และคนดึงตัวไปถ่ายรูปเต็มไปหมด“ถ่ายสักรูปไหมเป็นที่ระลึก”ฟลุ๊คที่นั่งเก้าอี้ข้างกันกระซิบ พยักพเยิดไปทางคนเนื้อหอม“อุตส่าห์แต่งตัวสวยมาทั้งที”เพื่อนก็แต่งหล่อมาไม่แพ้กันในเชิ๊ตสีฟ้ากับสูทเทา“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”เนตราพยายามพยายามเก็บทุกอิริยาบถของชวินทร์ไว้ในความทรงจำ ก่อนเจ้าตัวจะบินลัดฟ้าไปอีกฟากทะเล นี่อาจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเขา“ดาวอดทนเก่งจัง ถ้าเป็นฉันนะคงสารภาพรักไปนานแล้ว”คืนนี้ฟลุ๊คดื่มเหล้าผสมโค้ก หน้าเริ่มแดงนิดๆ เขาไม่ขับรถมา เผื่อใครจะไปต่อร้านอื่น กลับแท็กซี่สะดวกกว่า“ฉันขี้ขลาดเกินไปละมั้ง”“แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องไปเพิ่มสถิต
“ไม่ขายเหล้า แต่แค่เปิดเพลงก็ได้ พ่อมึงไม่มาจับหรอก กูมีเงิน”เขาเปิดกระเป๋าหยิบแบล็คการ์ดออกมาชู“เอาไปรูดเลยน้อง ชาร์ตเท่าไรก็ได้”“กลับเหอะโน้ต เดี๋ยวไปต่อที่คอนโดกูกัน”“ไม่เอา กูอยากได้ที่กว้างๆ”เขาปฎิเสธคำชวนเพื่อนพลางกระดกเหล้าในแก้วไปอีกอึก“จะได้เต้นให้หมดแรงไปเลย”“มึงดูมันหน่อยละกัน พวกกูกลับล่ะ ง่วง”ฟลุ๊คตัดบท กล่าวลา ปอรุนหลังให้เนตราเดินนำไป เพราะตาเธอยังมองชวินทร์อย่างกังวล พวกเธอกลับแท็กซี่ ส้มกับแพรวขึ้นคันเดียวกัน เธอไปกับปอ ฟลุ๊คนั่งอีกคันคนเดียว บ้านปอถึงก่อนเธอหลังเพื่อนลงจากรถ เนตราดูข้อความในไลน์ เพื่อนที่ยังอยู่ในร้านถ่ายคลิปชวินทร์ที่ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในร้าน ซึ่งกำลังเปิดเพลงใจนักเลงในอกแปลบปลาบ ลืมภาพเหตุในสวนไม่ได้สักที ขนาดเธอเป็นคนอื่นยังรู้สึกขนาดนี้ แล้วคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างเขาล่ะ คลิปที่สองชวินทร์โวยวายใส่คนถ่ายว่าถ่ายทำไม“เมาเหมือนหมา”เพื่อนพิมพ์ความเห็น&ldq
“ไม่หมดขวด ไม่เลิก”ชวินทร์วางขวดว๊อดก้าดังปึงลงบนโต๊ะรับแขก รินใส่แก้วหนึ่งของเขา ส่วนอีกแก้วเนตรารีบฉวยมาใส่น้ำแร่ที่หาได้ในตู้เย็น“ดื่มเป็นเพื่อนกันดิ ถ้าจะอ้วกก็ไปห้องน้ำโน่น”“ไม่เอาอ่ะ มันทรมาน รู้ไหมคราวนั้นฉันแฮงค์เป็นวันๆ”“ไม่หัดดื่มไว้ เดี๋ยวก็โดนใครเขามอมเหล้าหรอก”เขากระดกเหล้าเพียวเข้าคอ“ใครอยากจะมอมฉันกัน เขาคงชอบคนสวยๆ มากกว่า”เธอจิบน้ำโซดาซ่านลิ้น“คนเรารสนิยมต่างกัน”“ยังไงคนสวยก็วินอยู่แล้ว”พยายามไม่ประชด แต่ปลายเสียงก็ยังฟังแล้วประชดอยู่ดี“อยู่กับคนสวยแล้วปวดหัว”ชวินทร์รินอีก เขายกแก้วคลึงไปมา“หมายถึงแฟนนายนะเหรอ”เขาหัวเราะหึ ดื่มเหล้า แล้วเริ่มรินใหม่“เหล้ามันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ”เธอติง เพราะเห็นเขาจัดการกับเจ้าของเหลวในขวดอย่างรวดเร็วเหมือนดื่มน้ำเปล่า“อย่างน้อยก็ช่วยให้หลับ”“พอตื่นขึ้นมาก็
“นายเรียกร้องความยุติธรรมผิดคนแล้ว โน่นต้องไปขอกับแฟนนาย เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนโน้ต!”เนตราร้องห้ามลั่นเมื่อเขาหยิบมือถือมากดเลขหมาย นี่มันตีไหนแล้ว ใครจะมารับโทรศัพท์“ฮัลโหลแจง มาพูดกันให้รู้เรื่อง ที่นอกใจครั้งนี้โน้ตให้อภัย”ปลายสายพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาขมวดคิ้ว“อย่าเพิ่งวางสายนะแจง ถ้าไม่คุยกันให้รู้เรื่องโน้ตนอนไม่หลับ”ปลายสายตัดไป เขาพยายามกดใหม่ก็โอนเข้าสัญญาณตอบรับ“โธ่เว้ย!”สบถอย่างเดียวไม่พอ ยังปามือถือลงพื้น เนตราคอย่น กลัวอารมณ์ร้ายจะมาตกแก่คน คราวนี้เขายกขวดเหล้าขึ้นดื่มอักๆ“พอแล้วโน้ต เดี๋ยวก็ตายหรอก”เคยได้ยินข่าวคนตายเพราะตับแข็งจากเหล้าบ่อย สงสัยวันนี้จะได้เห็นคนตายทันทีเพราะดื่มมันมากไป“แจงทิ้งฉันแล้วว่ะดาว”พอเอาเหล้าออกจากปากเพื่อนก็เริ่มคร่ำครวญ“เขาบอกเมื่อกี้ว่า ...เราเลิกกัน”“ถ้าฉันมีแฟนแล้ว มันโทรหาทั้งที่เมาๆ กลางดึก ฉันก็ขอเลิกเหมือนกัน รำคาญ ขัดเวลานอน”เธอพยา
“ไม่เจอกันกี่ปีนะ หกปีแล้วใช่ไหม นายเป็นยังไงบ้าง”ฟลุ๊คถามไถ่เริ่มต้นบทสนทนา“ก็ดี ฉันดูแลกิจการครอบครัว”“ถามจริงกับดาวนี่ นายกะจริงจังกับเขานานขนาดไหน”นิ้วเรียวแกร่งที่กำลังจะกดปุ่มเลือกกาแฟจากตู้ชะงัก ดวงตาฟลุ๊คแสดงความไม่เชื่อใจฉายชัด“ถามอย่างนี้มีเคืองนะเว้ย มาต่อยกันดีกว่า”ชวินทร์มองหน้าอีกฝ่ายหมิ่นๆ“ไม่เอาล่ะ ขืนต่อยนายดาวจะพาลโกรธฉัน ฉันกับพวกสาวๆ เป็นห่วงดาว ถ้านายคิดจะเล่นๆ กับเขาก็พอได้แล้ว”เขาพุ่งตัวมา สองมือกระชากคอเสื้อฟลุ๊ค เพื่อนเนตราดาวเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย จึงกลายเป็นต้องเขย่งเท้า“อย่าพูดหมาๆ แบบนี้อีก”ชวินทร์กัดฟันกรอด“พูดเรื่องจริงต่างหาก เมื่อหกปีก่อนตอนดาวเสียใจก็มีพวกฉันนี่แหละที่อยู่ปลอบใจ ตอนนั้นนายยังไปง้อแจงอยู่เลย” อีกฝ่ายไม่กลัวเขาเสียด้วย คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ถ้าต้องมีเรื่องก็พร้อม“เออ เรื่องตอนนั้นฉันยอมรับผิด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ฉันจริงใจกับดาว”“ฉ
ชวินทร์กลับบ้านตอนห้าโมงเย็น เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมไปเฝ้าเนตรา คนรับใช้รีบรายงานเขาทันทีว่ารัชนีรออยู่ในห้องนั่งเล่น มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา“อาการเขาเป็นยังไงบ้าง เด็กคนนั้นที่ชื่อดาวน่ะ”เนตราเล่าว่าโดนไล่ออก ชวินทร์ไปไล่เบี้ยกับฉัตรบรรณ พบว่าคำสั่งมาจากฉวีวรรณ ฉัตรบรรณรอคุยกับมารดาช่วงเช้า แต่ท่านก็เลี่ยงด้วยเหตุผลไม่สบายสองหนุ่มวิเคราะห์กันว่ามารดาทั้งสองรวมหัวกันเล่นงานเนตรา เขาไม่แปลกใจนักที่ท่านรู้เรื่องเธอเข้าโรงพยาบาล“ฟื้นแล้วครับ ยังปวดหัวนิดหน่อย เพราะซ้ำรอยแผลที่เคยแตกเดิม”รัชนีพยักหน้า“แน่ใจแล้วเหรอกับคนนี้น่ะ แม่เห็นเขาหาแต่เรื่องเดือดร้อน เสียชื่อเสียง”“แล้วคนยังไงละครับที่คุณแม่ชอบ แบบแจงหรือเจมี่”ดวงตาภายใต้คิ้วเข้มวาวขึ้นทันใด เมื่อนึกถึงสิ่งสองคนนั้นทำ“อย่าประชดแม่นะ”นางเอ็ด แต่ลูกชายไม่สน“ถ้าเป็นดาว เขาจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัว ว่าร้ายใครก็ไม่เคย”“ลูกตีค่าผู้หญิงคนนี้สูงไปหรือเปล่า”
“ใครกันมาแต่ไก่โห่”บิดาตวาดด้วยอารมณ์กำลังขึ้น คนรับใช้หน้าเสีย“เขาบอกว่าเป็นลูกน้องเฮียไช้ค่ะ” ชื่อที่ได้ยินทำเอาชะงัก“คุณยังติดต่อกับไอ้เสี่ยนั่นอยู่เหรอ”ภรรยาเบ้ปากอย่างรังเกียจ“ไหนว่าคืนเงินที่ยืมมันหมดไปแล้วไง”สามีหลบตา เดินออกประตูไปหาแขกที่มิได้เต็มใจต้อนรับ“คุณเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันก่อน!”มารดาดุลยาร้องไล่หลัง“ใครมาหาพ่อคะแม่”“เสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อแกไปยืมเงินไงล่ะ”นางตอบเสียงสะบัด“ไหนคุณพ่อบอกว่าเล่นพนันนิดๆ หน่อยๆ ไงคะ”บิดาเธอชอบแบบนี้ ท่านมีเพื่อนก้วนที่เล่นกันประจำ โดยเล่าว่ากินเงินกันขำๆ“นิดหน่อยกับผีล่ะสิ เป็นหนี้เสี่ยนั่นทีเป็นสิบล้าน ถามทีไรก็บอกแต่ว่าคืนแล้ว นี่ไม่รู้รอบใหม่เอามาอีกเท่าไร”ดุลยาอึ้งกับความจริงในฐานะครอบครัวที่ยอบแยบมากกว่าที่คิด“พ่อแกก็เป็นแบบนี้ บริหารงานรึก็ไปไม่รอด ญาติคนอื่นก็รอจะฮุบบริษัท”มาร
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข