ชวินทร์ปล่อยเนตราขึ้นไปพักผ่อน เธอลับสายตาไปได้ไม่เท่าไรมือถือเขาก็ดังขึ้น
“โน้ตอยู่ที่ไหน”
รัชนีถามเสียงเย็น
“คุณแม่มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”
คนไม่คาดคิดโทรมา นี่ฉัตรบรรณคาบข่าวไปฟ้องหรือยังไง
“ลูกบอกแม่ว่าอยู่คอนโด แม่ให้คนไปดูก็ไม่เห็น”
“ผมมาทำธุระส่วนตัวครับ”
“ไปกับใคร อยู่ที่ไหน”
นางรุกไล่
“อยู่กับเพื่อนครับ”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“โน้ตโตแล้วนะครับ”
เขาโอด
“คนบางคนโตแต่ตัว ยังทำอะไรเป็นเด็กๆ”
นึกภาพออกเลยว่าขณะนี้ผู้เป็นแม่คงกำลังค้อนเขาอยู่แน่ๆ
“ผมไม่ทำให้คุณแม่เสื่อมเสียหรอกครับ”
“งั้นก็รีบกลับมากรุงเทพฯซะ”
ชวินทร์รับคำ พลางคาดโทษฉัตรบรรณอยู่ในใจ หมอนั่นรู้ว่าทำอะไรเขาไม่ได้จึงเข้าทางแม่ ไม่รู้ท่านรู้เรื่องเนตราตื้นลึกหนาบางขนาดไหน
เขาขอเวลาอีกหน่อย ค่อยพาเธอกลับไปส่งบ้าน ค่อยๆ บอกความจริง และคุยกันถึงอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร
...ขอแค่อีกหน่อย
“โน้ตว่ายังไงบ้างคะคุณแม่”
ดุลยาเก็บความร้อนใจไว้ไม่มิด ขณะเจมิลลายกชาขึ้นดื่ม เธอระวังทุกกิริยาเพราะแม่ของฉัตรบรรณก็อยู่ด้วย
“รับแต่ว่าครับๆ ใครก็ได้ละลายยาลมเพิ่มให้ฉันหน่อย”
แล้วรัชนีก็ทิ้งหลังพิงโซฟาทรงหลุยห์
“ตาโน้ตนี่ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้ใหญ่”
ฉวีวรรณบ่น พลางพัดวีผู้เป็นน้องสาว
“คงเป็นเพราะคุณโน้ตไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มั้งคะ เลยไม่ได้บอกใคร”
เจมิลลาออกความเห็น เธอได้ยินกิตติศัพท์ญาติผู้น้องคู่หมั้นว่าเป็นเพลย์บอย เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
“ถ้าจะกินกันก็น่าจะหาคนไกลๆ นี่อะไรกันเป็นพนักงานบริษัทตาแปง”
ฉวีวรรณบ่น เคืองทั้งลูกทั้งหลาน แม้การคบใครจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ตาม แต่สมภารกินไก่วัดขนาดนี้ นางมองว่าเสื่อมเสียการปกครองหมด
“ว่าผู้ชายฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ มันต้องผู้หญิงสมยอมด้วย”
ในสายตาดุลยา เนตราคือนางมารร้าย หน้าซื่อแต่ใจคด แม้เลิกกับชวินทร์ไปนานจนเธอมีคนใหม่ แต่ดุลยายังเคืองไม่หาย ที่แพ้ให้หญิงธรรมดาอย่างเนตรา แถมยังเป็นถึงสองครั้งสองครา
“โน้ตนะโน้ต ไม่เคยเห็นหลงใครจนไม่กลับบ้านกลับช่องหลายวันขนาดนี้”
ดุลยากลั้นใจไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา เธอไม่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะหลงเนตรา ยัยงูพิษหน้าจืดนั่นได้ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำมากกว่านี้
“คุณโน้ตอาจเล่นสนุกมากไปหน่อยค่ะคุณป้า”
เจมิลลาออกความเห็นรอบสอง ทีแรกตงิดๆ ที่เนตราเป็นเลขาฯคนสนิทของคู่หมั้น เนตรารู้ทุกเรื่องของฉัตรบรรณแม้แต่ขนาดเสื้อผ้า
และคะแนนความดีเนตรายิ่งลดฮวบ เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไปกับชวินทร์ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ หน้าซื่อๆ แต่ใจคดเหมือนดุลยาว่าไว้ไม่มีผิด
“หนูเจมี่โทรหาตาแปงสิ ป้าร้อนใจ โน้ตไม่เคยทำอะไรแปลกๆ อย่างนี้”
ดุลยาลอบยิ้มอยู่ในใจ ไม่เสียแรงที่เธอยุเจมิลลาเรื่องเนตรา คู่หมั้นของฉัตรบรรณนำเรื่องไปบอกฉวีวรรณแบบกังวล แล้วนางฉวีวรรณก็มาบอกน้องสาว จนทุกคนได้มาประชุมกันอยู่ที่นี่
“น้าจะให้เบอร์บ้านกับคอนโดที่มีทั้งหมด แปงโทรไปถามคนดูแลนะว่าโน้ตไปอยู่ที่นั่นหรือเปล่า แล้วรีบพาคนไปรับน้องมาเลย นานกว่านี้น้ากลัวจะเกิดเรื่องฉาวโฉ่”
รัชนีสังหรณ์ใจไม่ดี และมักจะไม่พลาดเสียด้วยสิ
เนตราหลับยาวไปจนบ่ายคล้อย ตะวันเคลื่อนยอดไม้ไปไกล ลืมตาขึ้นอีกทีเพราะคอแห้ง ชวินทร์นั่งหลังพิงโซฟาหน้าแหงนมองเพดาน ท่าทางเคร่งขรึม คิ้วขมวด เขาเหลียวเห็นเธอพอดี จึงยิ้มให้
“หิวไหม เห็นดาวไม่ออกจากห้อง คิดว่าหลับอยู่เลยไม่กวน”
เขาไม่บอกความจริงว่ามีมาสเตอร์คีย์ ไขได้ทุกห้อง และไขเข้าไปดูเธอแล้ว
“กินข้าวก็ได้ เค้กก็มี”
เนตรากลับจ้องเขานิ่ง
“โน้ตมีอะไรหรือเปล่า ดูเครียดๆ นะ”
“คิดเรื่องงานน่ะ”
มือเขาแตะแขนเธอดันไปทางห้องอาหาร
“งานมีปัญหาเหรอ เรากลับกรุงเทพฯกันเลยก็ได้นะ”
แม้ชีวิตตอนนี้จะเหมือนความฝัน แต่เธอก็อยากรู้ชีวิตในความจริงอีกหกปีต่อมาของตนเองเช่นกัน
“ผมแก้ได้”
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจฉันใด คนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่ก็ปิดความกังวลไม่มิดฉันนั้น
“โน้ตดูกังวล”
“เปล่าซะหน่อย”
เขาใช้มือสองข้างจับแขน กดร่างเธอลงบนเก้าอี้อย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงตาม
“เรื่องฉันกับครอบครัวโน้ตหรือเปล่า”
ชวินทร์ชะงัก ก่อนจะนึกได้ว่าตนเองเคยบอกอะไรเธอไว้
“เขาว่าโน้ตหรือเปล่าที่พาฉันมาอยู่แบบนี้”
เนตรามัวแต่คิดเรื่องระหว่างเธอกับเขา จนลืมเรื่องรอบข้างไปเลย
“ไม่มีใครว่าหรอก ถึงว่าผมก็ไม่สน”
มือใหญ่เปลี่ยนมากุมมือเธอไว้ เนตรารับรู้ถึงอุณหภูมิระหว่างกัน
“แล้วโน้ตเครียดเรื่องอะไรล่ะ”
เนตราไม่รู้หรอกว่าเขาคิดถึงแววตาแบบนี้ขนาดไหน ...แววตาที่มองเขาแบบมอง ‘โน้ต’ ไม่ใช่สายตาที่มองเขาแล้วเรียก ‘คุณชวินทร์’
“เล่าให้ฉันฟังเถอะ เผื่อจะได้หาทางแก้ไข เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ”
คำพูดซื่อๆ ไร้เลศนัยหรือการจับผิด ทำให้คุณธรรมกับความดำมืดในใจชายหนุ่มตบตีกัน
“โน้ตช่วยฉันตั้งเยอะ”
ถ้าไม่นับการบังคับไปบ้าง เขาก็ถือว่าอารีกับเธอสุดๆ
“ถ้ามีอะไรที่ช่วยโน้ตได้บ้างฉันก็จะทำ”
เธอคิดว่าเนตราในอีกหกปีต่อมาก็จะตัดสินใจแบบนี้เช่นเดียวกัน
“ดาวตอนนี้น่ารักมากเลยรู้ไหม”
ชวินทร์ยกมือเธอขึ้นจุมพิต เนตรารู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จากริมฝีปากหนา ผ่านปลายเล็บแล่นตรงสู่หัวใจ เป็นผลให้มันเต้นคร่อมจังหวะ
“โน้ตอย่าเปลี่ยนเรื่อง”
ใบหน้าเธอร้อนฉ่า เลือดสูบฉีดแรงดีเหลือกำลัง
“บอกฉันสักนิด จะได้ไม่กังวลไปด้วย”
ตาสองคู่ประสานกันนิ่ง
“ดาวเป็นห่วงโน้ตนะ เหมือนที่โน้ตห่วงดาว”
เธอเปลี่ยนใช้สรรพนามแทนตัวเพื่อความสนิทสนม หวังเรียกความวางใจจากเขา
“...นะ”
เนตราทอดเสียง เลียนแบบเขาตอนร้องขอ คุณธรรมและความชั่วร้ายในใจเขายังตีกันวุ่น และมันแสดงออกมาในแววตาที่หวั่นไหว
“ผม...เคยทำเรื่องที่ไม่ดีกับดาวมาก”
และครั้งนี้คุณธรรมเป็นฝ่ายชนะ
“ไม่ดีมากขนาดไหน”
“ขนาดผมเองยังอยากชกตัวเองเลย”
เธอยกมือปิดปาก ไม่รู้จะตกใจหรือหัวเราะดี
“โน้ตตั้งใจทำหรือเปล่าล่ะ”
“คิดว่า เอ่อ...ไม่รู้สิ ตั้งใจแบบโง่ๆ มั้ง”
ชวินทร์เผยอีกด้านของตัวตน หลังหน้ากากที่มั่นหน้ามั่นโหนก เขามีความอ่อนแอ ลังเล ไม่แน่ใจ เหมือนปุถุชนทั่วไป
“แล้วตอนนี้โน้ตยังทำอยู่ไหม”
มือเคลื่อนไปประคองหน้าชายหนุ่ม เธอรับสัมผัสรู้ถึงกล้ามเนื้อที่หดเกร็งเพราะเครียดของเจ้าตัว
“ไม่แล้ว โน้ตไม่ทำ”
“ดีแล้ว”
ชวินทร์เปลี่ยนมาจับมือเธอ จุมพิตฝ่ามือเบาอย่างทะนุถนอม เนตรารู้สึกช่องท้องเบาหวิว
“ผมไม่อยากให้เรื่องยุ่งไปมากกว่านี้”
“โน้ตเล่ามาสิว่าทำอะไรผิดกับดาว”
ริมฝีปากสากชะงัก ความหนักอึ้งเลยวนอยู่ในอากาศ เป็นห้วงเวลาแห่งการตัดสินใจสำคัญของเขา
“เล่ามาเถอะ ดาวรับได้”
เนตรารักชวินทร์เหลือเกิน ทั้งเมื่อหกปีก่อนและปัจจุบันนี้ มิเช่นนั้นคงไม่ยอมเป็นแฟนเขา เธอคิดว่าตัวเองมีเหตุผลพอในการตัดสินใจ
“เราสองคน...”
“หมดเวลาของมึงแล้ว”
ผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูบ้านเขามา เขาผิวคล้ำกว่าชวินทร์ รูปร่างสูง ข้างหลังมีผู้ชายในเสื้อซาฟารีสีดำอีกหลายคน
“แม่มึงให้มารับกลับ”
คนเหล่านั้นกรูมาจับตัวชวินทร์ เขาเตะต่อยดิ้นรนปัดป้องตัวเอง แต่ด้วยมีเพียงตัวคนเดียว จึงถูกหิ้วปีกอย่างง่ายดาย
“ไอ้แปง บอกแล้วไงว่ากูจัดการได้”
“กูช่วยไม่ให้มึงโดนคุกข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนะเว้ย”
ฉัตรบรรณยกนิ้วชี้ขึ้นดันแว่นตา
“คุณแปง นี่มันอะไรกัน”
เนตราที่เรียกสติคืนกลับมาจากอาการตกตะลึงได้ รีบถาม ผู้ชายคนนี้คือคนในฝันจริงๆ นั่นแหละ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขามาก สมแล้วที่เป็นเจ้านายกับเลขาฯ
“ผมมารับดาวกลับบ้าน”
ฉัตรบรรณยิ้มชืดๆ สำรวจความเรียบร้อยของเธอผ่านเลนส์ใส
“ไอ้แปง!”
“โทษทีว่ะโน้ต”
เขาชกรัวๆ ไปที่ท้องชวินทร์ จนเจ้าตัวเจ็บจนตัวงอ
“พาคุณโน้ตไปขึ้นรถตู้ มัดมือมัดปากไว้ด้วย”
ชายหนุ่มคลายหมัดออก สะบัดมือไล่ความเจ็บปวดเบาๆ
“ดาวไปกัน ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
“คุณทำร้ายโน้ตทำไม”คนของฉัตรบรรณหิ้วปีกชวินทร์ออกไปนอกบ้าน เขาตะโกนก้องให้ปล่อยตนออก แต่คนเหล่านั้นไม่สน ลากเขาขึ้นรถไปเสีย“ถ้าไม่ทำงี้มันก็ไม่ยอมสงบ”“คุณแปงป่าเถื่อน พูดกันดีๆ ก็ได้”ฉัตรบรรณเลิกคิ้ว เวลาไม่กี่วันทำเนตราเปลี่ยนความรู้สึกต่อชวินทร์ขนาดนี้เชียวหรือ ปรกติแม้แต่หน้าญาติเขา เธอยังไม่มอง หลีกเลี่ยงการพบเจอสุดกำลัง“มันลักพาตัวคุณมา รู้ไหมแฟนคุณจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”“คุณพูดอะไร แฟนฉันคือโน้ต”“แฟนดาวชื่ออาร์ม แล้วเขาก็กำลังห่วงดาวมากด้วย”“นี่มันอะไรกัน”ศีรษะเธอปวดหนึบ สิ้นเรี่ยวแรงจนเหมือนกับร่างกายละลายติดเก้าอี้“ฉันล้มหัวฟาด ความทรงจำกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โน้ตบอกว่าเป็นแฟนฉัน”“ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ ฉันตื่นมาในโรงพยาบาลก็เห็นโน้ตแล้ว”เอาล่ะสิ ...ฉัตรบรรณคิด ดูท่าว่าญาติเขาอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง“โน้ตมันทำอะไรคุณ”“ก็...ดูแล แล้วพาฉันมาพักฟื้นที่นี่”เธอหน้าปั้นยาก ก่อนตอบ“แล้วจำได้ไหม ทำอะไรถึงล้ม”“โน้ตบอกว่ารดน้ำต้นไม้อยู่แล้วลื่น”แสดงว่าชวินทร์อยู่กับเธอตลอดหลังเนตรายื่นใบลาออก ร้ายนักเชียวญาติเขา“เขาโกหกฉันทำไม”“ผมก็ไม่รู้”ฉัตรบรรณมีคำตอบ แต่ไ
ชวินทร์ปรือตาขึ้น เขาหลับอยู่บนโซฟาในคอนโดตนเอง ภาพภายนอกหน้าต่างม่านสีดำคลุมทั่วท้องฟ้า มหานครที่รถเปิดไฟวิ่งขวักไขว่ราวปลาว่ายในทะเลแสงไฟนีออน“กาแฟไหม หรือเหล้าดี” ฉัตรบรรณถามจากในครัว“ไอ้เชี่ยแปง มึงให้คนอัดกู”ดวงตาคนเพิ่งตื่นจากนิทราวาวโรจน์ ญาติขยับแว่นยักไหล่“ถ้าไม่ทำอย่างงั้นมึงก็ไม่สงบ”“ดาวล่ะ”เขาเหลียวซ้ายแลขวา“ไปส่งที่บ้านแล้ว”ฉัตรบรรณยกกาแฟขึ้นจิบ เขาไม่มีปัญหาในการนอนไม่หลับจากดื่มกาแฟช่วงดึก ฉัตรบรรณดื่มมันเป็นของหวานหลังอาหารสามมื้ออยู่แล้ว“มึงบอกอะไรเขาไปบ้าง”กลางลำตัวชวินทร์ยังรู้สึกจุกๆ แต่ความร้อนในใจมีมากกว่า“ทุกอย่าง”ริมฝีปากเข้มเม้มเป็นเส้นตรง“แบบไม่ปิดบัง”ฉัตรบรรณยั่วต่อ“เพิ่งรู้ว่าดาวล้ม ไม่ใช่ฝีมือมึงแน่นะ”“ใครจะไปบ้าทำอย่างนั้น”“แต่มึงก็บ้าลักพาตัวเขาไปอยู่หัวหิน”“สถานการณ์มันบังคับ ดาวป่วย ก็ปล่อยเขาอยู่คนเดียวไม่ได้”เจ้าของห้องยืนขึ้น มือบีบจับไหล่คลายความเมื่อยล้า“แฟนเขาก็มี”“หึ ไอ้หน้าตี๋นั่นนะเหรอ ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ไม่มีอะไรสักอย่าง จะดูแลใครได้”ชวินทร์ฉุนทุกทีเมื่อนึกถึงสุชัจจ์ ประวัติทั้งเนตราและผู้ชายคนนั้น เขาให้คนตามสืบจนรู้
ดึกแล้ว หญิงสาวยังสไลด์มือถือดูเฟซบุค ตั้งปณิธานว่าพรุ่งนี้เธอต้องรู้จักเนตราคนที่มีชีวิตผ่านมาหกปีให้หมด ในเฟซบุ๊คอัปเดตข้อมูลน้อย แทบจะสัปดาห์ละครั้งส่วนมากเป็นรูปถ่ายดอกไม้ใบหญ้าหรือคำคมต่างๆ คนกดไลค์ ถูกใจ ก็มีแต่กลุ่มเดิมๆ ปอ แพรว ฟลุ๊ค ส้ม เพื่อนสมัยอยู่มหาวิทยาลัยกลุ่มข้อความไลน์มีสองกลุ่ม หนึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ กับกลุ่มที่ทำงาน เนตราตอบไปว่าป่วยและขอโทษที่ตอบช้าเธอมีไลน์ส่วนตัวที่คุยกับสุชัจจ์ ข้อความไม่ได้อ่านค้างเป็นสิบ เธอเพียงตอบกลับเขาด้วยสติ๊กเกอร์ราตรีสวัสดิ์ ดูเหมือนเธอจะมีชีวิตเงียบเหงาไม่ต่างกับสมัยเรียน เนตราลุกจากเตียงเพราะเห็นว่านอนไปยังไงก็ไม่อาจข่มตาหลับ ลงไปห้องรับแขก เปิดโทรทัศน์เป็นรายการข่าวรอบดึกตู้วางโทรทัศน์ยังเป็นของเดิม มีชั้นวางอัลบั้มรูปตั้งแต่เธอยังเด็กจนถึงมหาวิทยาลัยเนตราเปิดดูด้วยความคิดถึง ภาพในอดีตย้อนกลับมาเป็นฉากๆ เหมือนหนังเก่าวนมาฉายใหม่ ความทรงจำย้อนกลับสู่วันวานเธอกับชวินทร์มีเพื่อนคนละกลุ่ม สังคมคนละแบบ มีสองสามครั้งที่อาจารย์จับกลุ่มให้แล้วได้มาอยู่ด้วยกันเนตรามักได้ตำแหน่งเลขาฯคอยจดข้อสรุปของการประชุมงานกลุ่ม ประสานงานกับอ
การไปโรงพยาบาลคราวนั้น นำความหนักใจมาสู่เธอ เมื่อเพื่อนซุบซิบ“โน้ตมันพาผู้หญิงไปโรงพยาบาลว่ะ”“เฮ้ย!”ผู้ฟังหลายวงสนทนาอุทานเหมือนกัน“มันพาไปฝากท้องหรือเปล่าวะ”หนักเข้าถึงขนาดมีพวกคิดอกุศล“โน้ตพาเขาไปทำแท้งหรือเปล่า”ปอเล่าข่าวในไลน์กลุ่มทันทีในเช้าที่เธอหยุดเรียน กว่าเนตราจะรู้เรื่องก็หลังตื่นมากินข้าวกินยารอบที่สอง“พวกแกหยุดลือข่าวแปลกๆ ซะที ฉันนี่แหละผู้หญิงที่โน้ตพาไปโรงพยาบาล หมอบอกเป็นไข้หวัดใหญ่”เธอพิมพ์ตอบ ส่งสติกเกอร์เด็กผู้หญิงโกรธส่งท้าย“แล้วดาวไปกับโน้ตได้ยังไง”ส้มถามกลับทันที เนตราจึงเล่าเรื่องที่ป้ายรถเมล์ โรงพยาบาล กระทั่งเขามาส่งที่บ้าน“โน้ตทำไปเพราะสงสารฉันเท่านั้นเอง”แม้ปลื้มเขาขนาดไหน เนตราก็รู้ดีว่าระดับความสัมพันธ์กับเขาอยู่ระดับใด“เขาอุตส่าห์ทำดี คนปากเสียเอาไปพูดซะเสียหายหมด”เพื่อนส่งสติ๊กเกอร์เสียใจมากันหมด และบอกว่าจะช่วยกระจายเรื่องจริงให้ว
ขณะออกจากห้องน้ำและชื่นชมรูปอยู่นั้น เนตราก็ชนเข้ากับใครบางคน โทรศัพท์หล่นจากมือ คนชนขอโทษเบาๆ เธอรีบคุกเข่าเก็บเครื่องมือสื่อสารชิ้นโปรด ลุกแล้วต้องรีบหลบนั่งต่อ เพราะคนกำลังเดินมาคือดุลยาเนตราซุกแทบจะแนบหน้ากับแจกันประดับดอกไม้สดหน้าห้องน้ำ เธอให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าจะหลบหน้าอีกฝ่ายทำไมดุลยาเข้าไปห้องหนึ่ง ไม่ทันไรก็มีผู้ชายอีกคนเดินตามไป เนตราอ้าปากค้าง ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ชวินทร์ ทั้งสองหายไปสักครู่ ก่อนดุลยาเดินนวยนาดออกมา ผู้ชายคนนั้นตามออกมาแล้วยกมือเช็ดลิปติกที่ริมฝีปาก สีชมพูแบบเดียวแฟนชวินทร์!เธอยกมือกุมหัวใจ หวังให้เต้นช้าลงสักหน่อย แต่เปล่าประโยชน์ มันยังรัวเป็นตีกลอง พร้อมสมองคิด ดุลยานอกใจชวินทร์อย่าเลย...อาจเป็นการเข้าใจผิด มโนธรรมในด้านดีท้วงขึ้น แล้วลิปสติกบนปากผู้ชายอีกคนล่ะ เสียงไม่เบานักร้องค้านจากก้นบึ้งหัวใจเนตรารู้แน่อย่างหนึ่ง เธอเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นและไม่อาจบอกใครได้ ความลับอันจะนำความเจ็บปวดมาสู่ชวินทร์ แค่คิดว่าเขาจะเศร้า เธอกลับเศร้ายิ่งกว่า“เป็นอะไรไป กินเยอะจนปวดท้องเหรอ” เธ
ปลายปีสามเนตราต้องไปฝึกงาน ทีแรกเธอจะไปฝึกงานที่เดียวกับปอ แต่ไกลบ้านมากคำนวณดูแล้วไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เธอเลือกฝึกงานในแผนกบัญชีโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมใกล้บ้านพี่ๆ ในแผนกใจดี โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ชื่อเก้ง เขาจบจากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือมาสองปี ถือเป็นน้องใหม่จึงเข้ากับเนตราได้ดี“คิ้วจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว ไป! ไปกินข้าวกัน”เขาเคาะโต๊ะทำงานเธอเบาๆ“อีกเดียวจะเสร็จแล้วค่ะ”เธอได้รับมอบหมายให้คีย์ข้อมูลจากแบบสอบถามความต้องการไปสัมมนานอกสถานที่ของแผนก“พอเถอะเซฟงานไว้ก่อน เดี๋ยวโต๊ะในโรงอาหารเต็มนะ วันนี้พี่จี๋เลี้ยงส้มตำด้วย”“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรคะ” มือกำลังพิมพ์งานชะงัก“วันเกิดแกน่ะ ไปเถอะอย่าให้ผู้ใหญ่รอ”เนตราเซฟงานปิดจอคอมพิวเตอร์ เดินตามเขาไป“รู้ไหมพี่จี๋ชมนะว่าในเด็กที่มาฝึกงานทั้งหมดเนี่ย ดาวขยันสุด”“อย่ายอกันสิพี่” เธอยกผมทัดหู พี่จี๋คือผู้จัดการแผนก“ดาวก็ทำงานเหมือนคนอื่นนั่นแหละค่ะ”
“ดาวดูๆ งานที่บริษัทไหนไว้”เนตราละสายตาจากบอร์ดประกาศใต้ตึกคณะ หันมาสนใจคนทัก“ดูไว้หลายที่ หาใกล้ๆ บ้านจะได้ประหยัดค่าเดินทาง โน้ตล่ะจะทำงานหรือว่าเรียนต่อโทเลย”นี่ก็ปีสี่เทอมสองแล้ว ทุกคนเริ่มคิดถึงอนาคต ฟลุ๊คกับปอตัดสินใจทำงานกับที่บ้านส้มสมัครคอร์สแต่งหน้าสั้นๆ แล้วหวังเก็บประสบการณ์จากการไปเป็นลูกมือช่างแต่งหน้าชื่อดัง แพรวจะกลับไปหางานที่บ้านต่างจังหวัด“ฉันกับแจงจะไปเรียนต่ออเมริกา”เธอก็เดาไว้เช่นนั้น ด้วยฐานะอย่างเขากับแฟนคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินกันหรอก“ดูๆ ยูที่สงบๆ ไว้ แต่แจงอยากเรียนในเมือง เลยต้องหาที่ตรงสเปคทั้งสองคน”“ขอให้โชคดีนะ ทั้งคู่เลย”เนตราอวยพรเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี รู้หรอกว่าคนแอบรักแตะต้องไม่ได้ แต่ได้ฟังจากปากว่าเขากำลังวางแผนทำอะไรเพื่อหญิงอื่น ในใจก็เจ็บแปลบปลาบ แย่จัง...เมื่อไรจะหายสักทีหนอ“ดาวอยากเรียนต่อไหม ที่บริษัทบ้านเรามีทุนให้พนักงานไปเรียนต่อนะ”อีกฝ่ายแนะนำอย่างหวังดี ด้วยไม่รู้ความนัย หรือรู้
สองวันหลังสอบวิชาสุดท้ายมีงานบายเนียร์ที่คณะ เนตรากับเพื่อนกลุ่มเดิมนั่งชมการแสดงของรุ่นน้องอยู่หน้าเวทีงานนี้สามารถดื่มสุราได้เต็มที่เพราะปีสามปีสี่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เธอก็ไม่ดื่มด้วยกลัวเมาแล้วทำชุดสีเขียวมิ้นท์ที่เช่ามาเลอะชวินทร์เป็นตัวแทนรุ่นกล่าวขอบคุณน้องๆ เขาได้รับดอกไม้มากมาย และคนดึงตัวไปถ่ายรูปเต็มไปหมด“ถ่ายสักรูปไหมเป็นที่ระลึก”ฟลุ๊คที่นั่งเก้าอี้ข้างกันกระซิบ พยักพเยิดไปทางคนเนื้อหอม“อุตส่าห์แต่งตัวสวยมาทั้งที”เพื่อนก็แต่งหล่อมาไม่แพ้กันในเชิ๊ตสีฟ้ากับสูทเทา“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”เนตราพยายามพยายามเก็บทุกอิริยาบถของชวินทร์ไว้ในความทรงจำ ก่อนเจ้าตัวจะบินลัดฟ้าไปอีกฟากทะเล นี่อาจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเขา“ดาวอดทนเก่งจัง ถ้าเป็นฉันนะคงสารภาพรักไปนานแล้ว”คืนนี้ฟลุ๊คดื่มเหล้าผสมโค้ก หน้าเริ่มแดงนิดๆ เขาไม่ขับรถมา เผื่อใครจะไปต่อร้านอื่น กลับแท็กซี่สะดวกกว่า“ฉันขี้ขลาดเกินไปละมั้ง”“แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องไปเพิ่มสถิต
“จะซื้ออะไรหนักหนา”เนตราบ่นคนหยิบอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งใส่ตะกร้าหิ้ว หลังพาไปโรงพยาบาลเขาเลี้ยวรถเข้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเธอ“อาหารอ่อนๆ ไง ปากตุ่ยอย่างนี้จะทำอะไรได้ กินอย่างนี้แหละ เอาเข้าไมโครเวฟง่ายดี หรือจะให้ฉันมาทำกับข้าวให้ล่ะ”เธอค้อน พอสารภาพรักแล้วชวินทร์ไม่อายเลยที่จะแสดงสิทธิ์ ในโรงพยาบาลก็ทีแล้ว นั่งเบียดชิดกระแซะ เข้าห้องไปฟังหมอซักอาการเธอด้วย“จะกินนมแบบไหน นมวัวหรือถั่วเหลือง เอาไว้แก้หิว”เขาเคาะนิ้วลังเลระหว่างแพ็คนมยูเอชที“ไม่ต้องซื้อของตุนเยอะหรอก พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานแล้ว”เธอหยิบนมถั่วเหลืองหนึ่งแพ็ค คิดได้ว่าที่มีในบ้านเหลือไม่กี่กล่อง สำรองเอาไว้นิดก็ดี“พักอีกก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกแปงให้”ชวินทร์บอกเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเนตราแล้วไม่เล็กเลย“ฉันขาดงานมาหลายวันแล้ว ที่ออฟฟิศคงยุ่ง เกรงใจคุณแปง”“ที่พูดน่ะ ดูตัวเองด้วย ปากแตกอย่างนี้น่ะนะ แปงมันคงไม่ใจดำให้คนเจ็บทำงานหรอก”“ปากฉันเจ็
“โน้ต อย่านะ!”เนตรากอดแขนชวินทร์ไว้แน่น สุชัจจ์ได้ที ดีดตัวลุกขึ้นเหวี่ยงหมัดหวังโจมตีใบหน้า เธอมาขวางไว้จึงโดนลูกหลงเต็มๆ ร่วงลงไปกองกับพื้น“ดาว!”สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน ชวินทร์อยู่ใกล้กว่า ปรี่เข้าประคองร่างเล็กที่ใบหน้าช้ำไปข้างหนึ่ง มีเลือดซึม บริเวณมุมปาก“พี่อาร์มพอก่อนค่ะ อย่าใช้กำลัง”ในปากเธอร้าวเหมือนจะแตก ส่วนที่โดนลูกหลงชาวาบแล้วค่อยทวีความปวด มือใหญ่คลำรอยบนแก้มทะนุถนอม ตาเข้ม กัดฟันกรอด ฮึดฮัดจะลุกขึ้นเอาคืน เนตราเกาะแขนเขาแน่นเป็นตุ๊กแก“พอแล้วโน้ต อย่ามีเรื่องกันอีกเลย โอ้ย!”เธอเสียงอู้อี้ แล้วยกมือลูบแก้ม เพราะแขนเขาไหวมากระทบส่วนที่ปวด ชวินทร์ชะงักกึก“เจ็บมากเหรอ เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาลนะ ยัยบ้าเอ๊ย! เอาตัวมาขวางทำไม”ปากบ่น แต่สุชัจจ์เห็นความอาทรในดวงตาชายหนุ่ม“อย่ามาทำตัวอันธพาลแถวนี้”ประกอบกับท่าทีตัดพ้อของหญิงสาว เขาไม่ใช่คนโง่จนคิดไม่ออก“มาว่ากันได้ยังไง ฉันเอายามาให้นะ หมอนี่ต่างหากที่กวนตีนก
“เธอจะโทรไปหาใครก็โทรเลย ฉันจะได้บอกทุกคนเรื่องของเรา”เขาแสยะยิ้ม“ไม่มีเรื่องของเรา”“เรื่องหัวหินแล้วก็เช้าวันนั้นที่ตลาด ไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะช้าเกินไป”เนตราหน้าซีด ในสมองคำนวณสิ่งที่เกิดขึ้นประจำทุกเดือนอย่างกังวล“ปฏิเสธหมอนั่นไปซะ มันไม่ใช่คนใจดีพอจะเลี้ยงลูกคนอื่นหรอก”“พี่อาร์มไม่เลวเหมือนคุณ!”“พนันกันไหมล่ะ จะให้ผมบอกหรือให้ดาวบอก”เขากอดอกยียวน เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นต่อ“ชั่วที่สุด”อยากบริภาษให้แรงกว่านี้ แต่สมองตื้อไปหมด“ผมยอมรับผลของการกระทำ ดาวล่ะ”อาจจะผิดจากที่คิดได้เมื่อครู่ แต่เขารู้สึกสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เธอจะไม่ตอบตกลงแต่งงานกับสุชัจจ์ในเร็ววันนี้แน่“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”“บางทีดาวอาจจะได้เห็นทั้งหน้าผมทั้งหน้าลูกตลอดชีวิตเลยก็ได้”ชวินทร์หัวเราะ สตาร์ทรถออกไปอาการปวดหัวกลับมาอีกครา เธอเดินไปมาในบ้านเหมือนหนูติดจั่น ชวินทร์
การอาบน้ำนอกจากช่วยให้เนตราสดชื่น ยังขจัดเมฆหมอกที่รบกวนจิตใจในหลายวันนี้มลายหายไปด้วย เธอเข้าใจจุดประสงค์ของชวินทร์แล้วเขาต้องการปกป้องฉัตรบรรณ แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา เขาจึงเล่นตามน้ำ สวมรอยว่าเป็นแฟนเธอ จนเลยเถิดถึงขนาดมีอะไรกัน ...นำความร้าวรานมาสู่เธออีกคราเสียงกดออดหน้าบ้านดึงสติกลับสู่ปัจจุบัน เธอรีบสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ ออกมาดูแขกในยามสาย สุชัจจ์ยืนยิ้มพร้อมในมือมีถุงของใบเขื่อง“พี่เดาถูกจริงๆ ว่าดาวยังไม่กลับไปทำงาน”“ไม่เป็นไร คุณแปงบอกแล้วว่าสบายใจเมื่อไรค่อยไป”เนตราเคยโกหกเขาว่าเริ่มเบื่องานเพราะทำมาตั้งหกปีแล้ว เลยอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือหางานใหม่“วันนี้พี่อาร์มไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ”สุชัชจ์ทำงานบริษัทรถยนต์อยู่ในตำแหน่งฝ่ายขายอาวุโส“จะเข้าบ่ายๆ นะจ๊ะ พี่เอาขนมจากญี่ปุ่นมาฝาก”ก่อนเกิดอุบัติเหตุ สุชัชจ์ไปญี่ปุ่นกับบริษัท เขายังไลน์มาถามเธอเลยว่าอยากได้เครื่องสำอางไหม“ขอบคุณค่ะ”แฟนเธอเป็นคนน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณแปงค่ะ”เธอรวบรวมความกล้า เข้ามายืนตรงหน้าเจ้านาย“เรื่อง?”ฉัตรบรรณมองลอดแว่น นิ้วพรมไปตามคีย์บอร์ดโน้ตบุค“มีข่าวเรื่องฉัน คิดว่าคุณแปงคงจะรู้แล้ว”เจ้านายชะงัก“ผมไม่อยากสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณ ถ้ามันไม่ได้มีญาติผมอย่างโน้ตมาเกี่ยวด้วย”ความเงียบเคลื่อนมาเป็นเจ้าเรือนในห้องนั้น ต่างคนมองตา เนตราใจเสีย หน้าเหลือสองนิ้ว เจ้านายรู้เรื่องแล้วจริงๆ ...แต่รู้แค่ไหนกันล่ะ“ถ้าดาวไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไร”ฉัตรบรรณยกมือขึ้นประสานวางเหนือโน้ตบุคที่ปิดลง ห้วงเวลาแห่งความยากลำบากมาถึง สมองสรรหาคำพูดอย่างหนักเพื่ออธิบายเรื่องเมื่อหกปีที่แล้ว“ฉันเคยนอนกับคุณโน้ตค่ะ”เนตราเม้มริมฝีปาก รอฟังว่าเขาจะถามอะไรต่อ ฉัตรบรรณเพียงมองเธอนิ่ง“แต่ฉันไม่ได้แย่งคุณโน้ตมาจากคุณแจงนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาทั้งคู่”ให้เป็นเหตุผลนี้จะดีกว่า เขาเมาสุรา แค่เธอเมารัก“แล้วเราก็ไม่ได้คบกันด้วย”
“เล่ามาเถอะค่ะเจ้ ก่อนที่คุณแปงรู้เองแล้วมันจะเป็นเรื่อง”เนตราเลือกเจ้านายมาอ้าง ปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนร่าย“ดาวเคยแย่งคุณโน้ตมาจากแฟนเก่าเขาใช่ไหม”“พี่ไปเอาข่าวมาจากไหน”เธอตาโต ในอกบีบรัดแน่นแทบระเบิด“ลือกัน ตั้งแต่เมื่อคืน เจ้ก็ฟังเขามาอีกที”มือกำแน่นเล็บจิกกลางฝ่ามือ จนน่ากลัวจะเป็นแผล“แล้วจริงไหม...หือ”เธอวางโทรศัพท์ลง สูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่นึกเลยว่าผลการกระทำในคืนนั้นจะมาหลอกหลอนเพียงนี้ ข่าวแพร่มาที่ทำงานได้อย่างไร“บอกป้าหวานให้ชงกาแฟเข้มๆ ให้ผมถ้วยหนึ่ง”ฉัตรบรรณละจากการคุยมือถือ สั่งเธอก่อนเดินเข้าห้องไป แม่บ้านเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟ ปรายตาดูเธอที่หน้าเครียดอยู่ กำลังจะขยับปาก เจ้านายก็เปิดประตูเรียก“ดาวมานี่หน่อย”ท้ายทอยเธอชาวาบ เลือดในกายแข็งไปหมด ฉัตรบรรณรู้เรื่องข่าวแล้วหรืออย่างไร“ช่วยดูให้หน่อยว่างานสัปดาห์นี้มีอะไรเลื่อนไปได้บ้าง ผมจะไปพัทยาเย็นวันศุก
ร่างในเสื้อคอปาดแขนยาวขาว กระโปรงทรงดินสอสีแดง เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเนตรา“คุณแปงอยู่ไหม”เจมิลลาสวมแว่นกันแดดสีชา เสียงนิ่ง ยากจะเดาความรู้สึก“กำลังคุยกับฝ่ายดีเวลล็อปเปอร์อยู่ค่ะ คงสักพักถึงจะเสร็จ”“แล้วคุณดาวไม่ประชุมด้วยเหรอคะ”ศีรษะปกคลุมด้วยผมย้อมสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลัง ชะเง้อไปมองทางห้องทำงานคนรัก“เรื่องระบบฉันไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวคุณแปงก็ย่อให้ฟังอีกที แล้วค่อยทำรายงานการประชุมส่ง ระหว่างนี้รอรับโทรศัพท์ดีกว่าค่ะ”เธอผายมือไปทางชุดรับแขกขนาดกะทัดรัดหน้าห้อง“เชิญคุณเจมี่นั่งรอก่อนนะคะ”“อยากคุยกับคุณดาวมากกว่า”“คะ”“ดื่มกาแฟ คุยกันตามประสาผู้หญิงน่ะค่ะ”เจมิลลายิ้ม เดินไปนั่งที่ชุดรับแขก คนรักของฉัตรบรรณเป็นคนน่ารัก และเนตรารู้จักเพียงผิวเผิน ขนาดจะมาจิบกาแฟเม้าท์มอยนี่ก็ไม่เคย“มาสิคะ”อีกฝ่ายเร่ง เลื่อนแว่นคาดศีรษะ พยักหน้าไปยังเก้าอี้ตัวข้างกัน“คุณ
“ดาวซื้อไอ้นั่นมาหรือยัง”ฉัตรบรรณยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน ยกนิ้วขึ้น ทำท่าจะพูดอะไรแต่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ชวินทร์นั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามบนตักมีโน้ตบุค แสดงกราฟข้อมูล“สายชาร์ตไอแพ็ดอันใหม่ซื้อให้แล้วค่ะ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะอันกลาง”เธอเอาแฟ้มงานต้องอนุมัติด่วนมาให้เขาเซ็น“บ่ายสองวันนี้...เลื่อนสัมภาษณ์นะคะ ฉันเลยจองสปาที่คุณเจมี่เคยแนะนำไปไว้ให้ เธอดีใจมาก เดี๋ยวจะให้คนเอาแบล๊คไทน์ออกงานคืนนี้ไปให้ที่นั่นเลยค่ะ จะได้ไปรับคุณเจมี่ทันเวลา”เนตราเอ่ยชื่อสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในต้นประโยค แล้วจบท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวข้องเจมิลลา...คู่หมั้นเขา“เลขาฯมึงรู้งานดีจังว่ะแปง”ชวินทร์ชมเหมือนเยาะ เพราะมีเสียงหึตามมาด้วย“แหงล่ะ เลขาฯดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ”ฉัตรบรรณเปิดลิ้นชักหาของที่ต้องการ แล้วก็เจอจริงๆ“ว่างๆ ขอยืมตัวไปใช้ตอนทำโปรเจ็คบ้างสิ”ตาคมปลาบราวกับจะเฉือนเธอเป็นชิ้นๆ“เรื่องอะไร เลขาฯก็หาเองสิ”“เรื่องอย่างนี้มันต้
เนตรากะพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงงุนจากนิทรารมย์ออก กายค่อยขยับคลายความเมื่อยขบแดดยามเช้าส่องลอดกระจกหน้าต่างเข้ามา เธอเผลอหลับกลางห้องรับแขก ท่ามกลางอัลบั้มรูปที่เปิดกางหกปี...เธอเคยคิดว่าตัวเองก้าวผ่านเรื่องเขามาแล้ว แต่ชวินทร์ยังตามตอแยเธอไม่เลิก หลอกหลอนทั้งในความจริงและความฝันใครล่ะจะคิดว่าเธอ ชวินทร์ ดุลยา จะมาเจอกันที่บริษัทของฉัตรบรรณเนตราได้งานเลขาฯด้วยฉัตรบรรณให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างเธอ แรกๆ งานเต็มไปด้วยความขัดข้อง แต่หลายปีถัดไปอะไรก็เข้าที่เข้าทางฉัตรบรรณเป็นเจ้านายที่ดีและเนตราก็รักงานที่ทำอยู่ กระทั่งฉัตรบรรณไปเจรจาเป็นพันธมิตรกับนรธิปคนทั้งบริษัทดีใจมากที่ได้สัญญาธุรกิจนี้ เพราะบริษัทฉัตรบรรณเป็นสตาร์ทอัพแอปพลิเคชันเกี่ยวร้านอาหารการได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายธุรกิจมากมาย เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นวันเซ็นสัญญามีนักข่าวมาทำข่าวเยอะ และที่สำคัญคือการปรากฏตัวของดุลยา...ในฐานะคนรักของนรธิป เนตราจำได้ในวินาทีนั้นเอง นรธิปคือคนที่จูบกับดุลยาในคืนงานเลี้ยงอำลาหลังจากที