"ตื่นได้แล้วคนขี้เซา"
เนตราปรือตาง่วงงุน จมูกได้กลิ่นอาหาร ไข่ดาวสุกใหม่ๆ ทำน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน
“เช็ดน้ำลายแล้วมากินข้าว”
เธอทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้น หน้าเหรอหรายกหลังมือปาดแก้ม ชวินทร์เทไข่จากกระทะใส่จาน พอดีกับที่ปิ้งขนมปังร้องดังติ๊ง
“ผมล้อเล่นดาวไม่ได้นอนน้ำลายไหลหรอก” เขาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นอาการ
“แค่กรนดังเท่านั้นเอง”
เธอค้อน คร้านจะเถียง มีแต่จะเข้าตัวเสียเปล่าๆ มาอาศัยห้องเขาอยู่ นอนก็นอนบนเตียงเขา ทนๆ เอาหน่อยก็แล้วกัน
“ฉันอยากได้โทรศัพท์ ช่วยพาไปซื้อหน่อย”
ชวินทร์อ่านข่าวในไอแพดแทนหนังสือพิมพ์
“ไม่ต้องรีบใช้ก็ได้ ดาวยังไม่หายดี”
“ถ้าได้มือถือฉันจะได้ติดต่อเพื่อนๆ บางทีความทรงจำจะกลับมาเร็วยิ่งขึ้น”
“ทุกคนจะยิ่งเป็นห่วงดาวล่ะไม่ว่า ทำคนอื่นลำบากเปล่าๆ” เธอหรี่ตา ฉุนกับคำกล่าวหานั้น
“นายพูดเหมือนไม่อยากให้ฉันไปเจอใคร”
“ผมเปล่า”
“งั้นพาฉันไปซื้อมือถือสิ ฉันจะไม่กวนนายอีกเลย”
เนตราเชิดหน้า กอดอกต่อต้าน
“ก็ได้ๆ”
เขายอมแพ้แบบรำคาญ แต่ยังเล่นแง่นั่งดูรายการโทรทัศน์จนเกือบสิบโมง
“รอเวลาห้างเปิด” เขาให้เหตุผลที่เถียงยากเสียงด้วยสิ
ชวินทร์พามาห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ คอนโด เนตราทึ่งในความหรูหรา และความสามารถของเจ้าของที่อุตส่าห์หาพื้นที่มาทำห้างได้ ท่ามกลางความแออัดของเมืองหลวงแบบนี้
เขาพาเธอดูมือถือหลายร้าน แต่ไม่มีเครื่องไหนถูกใจเลย บางเครื่องเขาว่ากล้องก็ไม่ชัด บางเครื่องยี่ห้อไม่ดัง บางเครื่องฟังก์ชันเยอะจัด ชวินทร์ให้เหตุผลว่ากลัวเธอใช้ไม่หมด
หนักเข้าก็บอกว่าจะเลือกจากร้านในอินเทอร์เน็ตให้ เนตราเดินตามเขาจนเมื่อยขาไปหมด จึงขอตัวไปห้องน้ำ
หลังเสร็จกิจ กำลังเดินออกมา เธอคิดจะหักคอเขา ซื้อโทรศัพท์ร้านแรกที่เห็น โดยไม่สนใจความเห็นเขา ตั้งใจเลือกให้จบๆ ไปเสียที
“ดาว... หายไปไหนหลายวัน ทุกคนเป็นห่วง ตามหากันทั่วไปหมด”
สาวผมบ็อบเสมอหู ในชุดแบบสาวออฟฟิศจับแขนเนตราพร้อมทัก ในสมองหมุนติ้ว เหมือนใครเอาลูกข่างใส่ไว้ บางช่วงบางตอนภาพก็หยุดนิ่ง เป็นกิจกรรมที่เธอเคยทำกับผู้หญิงคนนี้
“พี่ต้องโทรบอกคุณแปงหน่อย”
แล้วเจ้าหล่อนก็ล้วงกระเป๋าสะพาย
“ดาว”
“คุณโน้ต” สาวคนนั้นตาโต ยกมือถือค้าง
“คุณจำคนผิดแล้วละครับ”
ชวินทร์ดึงมือเนตรา สาวเท้าเร็วจนเธอเกือบต้องวิ่งตาม
“โน้ตหยุดก่อน” เขาพาลงลิฟต์ไปลานจอดรถ
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ใคร แล้วคุณแปงที่เขาพูดถึงล่ะ”
เขาหน้าเครียดขึ้ง แบบที่เธอเคยเห็นในเช้าหลังจากคืนนั้น
“ครอบครัวผมไม่เห็นด้วยที่เราเป็นแฟนกัน”
ลิฟต์เลื่อนลงเร็ว แต่ใจคนฟังเร็วกว่า ตอนนี้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“แปงคือญาติผม เจ้านายคุณ”
พล็อตละครหลังข่าวผุดขึ้นในสมอง เนตรานึกอยู่แล้วว่าคนอย่างเขาจะมาเป็นแฟนเธอได้ยังไง เห็นไหมล่ะ ครอบครัวเขาเองก็ไม่ยอมรับ
“เขาเป็นสาเหตุที่ฉันลาออกจากงานหรือเปล่า”
“อาจะมีส่วน” ลิฟต์พาทั้งสองมาถึงที่หมาย ชวินทร์รุนหลังเนตราเข้ารถทันที เมื่อกลับถึงคอนโด เขาบอกเธอเก็บของ ให้เหตุผล
“เราจะไปอยู่ต่างจังหวัดสักพัก”
“แล้วงานนายล่ะ”
เธอยืนงงกลางห้องในท่าทีที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเขา
“มีอินเตอร์เน็ตผมก็ทำงานได้แล้ว”
ชวินทร์เข้าห้องนอนตัวเอง กางกระเป๋าเดินทาง เก็บเสื้อผ้าอย่างเร็ว
“ทำไมเราต้องไปต่างหวัดด้วย ฉันอยากอยู่กรุงเทพฯ” ชวินทร์ทำตัวน่าสงสัยมากขึ้นทุกที
“ถ้าเราอยู่ที่นี่จะวุ่นวายไม่รู้จบ”
“จากใคร ครอบครัวนายเหรอ”
“จากทุกคนนั่นแหละ”
เขาละมือจากการเก็บของ ยกมือเท้าสะเอวหันมาเผชิญหน้าเธอ เวลาเขาทำอย่างนี้เนตรารู้สึกตัวเล็กไปถนัดใจ
“จะไปเก็บของดีๆ หรือจะให้ผมทำให้ ผมไม่มีเวลามาเล่นตอบยี่สิบคำถามนะ”
“นายกำลังบังคับฉัน” เธอใจดีสู้เสือ แม้ในอกชักกลัวตุ้มๆ ต่อมๆ
“ผมทำได้มากกว่านี้ ถ้าเป็นเรื่องของดาว”
ชวินทร์ย่างเท้าเข้าใกล้ เนตราผงะจนหลังชนกรอบประตู
“ให้เวลายี่สิบนาที ไม่อย่างนั้นผมจะมัดคุณไปในรถ”
เนตราวิ่งกลับไปห้องตัวเองโดยพลัน นี่แหละ! ใช่เลย ตัวจริงของชวินทร์ โฉมหน้าที่เธอได้เห็นในเช้าวันนั้น!
ชวินทร์ขับรถเงียบมาตลอดทาง โดยไม่หยุดพัก“เราจะไปไหนกัน”เนตราเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเปิดปากถาม“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”“บอกหน่อยสิ”“จะรู้ตอนนี้หรือรู้ตอนไหน ดาวก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี”“นายเผด็จการ”“โน้ตไม่สนใจวิธีการหรอกนะ ดาวนั่งเงียบๆดีกว่า”ชวินทร์สวมแว่นกันแดดอันโตปิดบังสายตา เธอเดาอารมณ์เขาไม่ออกเนตรามองไปนอกรถ หาคำบอกใบ้ว่าตนกำลังไปที่ไหน เขาทำลายสมาธิเธอด้วยการเปิดเพลง จนเธอเห็นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่หัวหิน'รถเลี้ยวเข้าสู่ประตูแนวรั้วสูงสีขาว มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น บ้านสองชั้นสีฟ้าอ่อนปรากฏแก่สายตา หลังบ้านติดทะเล เห็นระลอกคลื่นสะท้อนแดดส่องประกายระยับ“เราจะอยู่ที่นี่กันสักพักจนกว่าจะเคลียร์กับครอบครัวผมได้” มีคนวิ่งจากในบ้านมารับกระเป๋าท้ายรถ ท่าทางนอบน้อม“ครอบครัวนายไม่ชอบฉันขนาดนี้เลยเหรอ” บริเวณบ้านนี้กว้างกว่าบ้านเธอเสียอีก“ผมจัดการได้ ตอนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ จะได้หายเร็วๆ” รู้ได้อย่างหนึ่งล่ะ เขาอารมณ์ดีขึ้น“คนของผมเตรียมห้องให้แล้ว” เขาพยักหน้าไปในบ้าน “ผมมีเรื่องงานต้องจัดการ”“เมื่อไรนายจะปล่อยฉันไปเสียที” เขาเอียงคอ“ถ้าครอบครัวไม่เห็นด้วยที่เราคบกัน ง
สมองส่วนเหตุผลของเนตราร้องให้หนี สถานการณ์ระหว่างเธอกับชวินทร์แปลกเกินไปแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอกับเขาจะเป็นแฟนกันได้ขณะสมองส่วนจินตนาการกระซิบฟุ้งฝัน ชวินทร์ชอบเธอ เขาเป็นของเธอ คนอย่างชวินทร์ไม่มาเสียเวลาโกหกเธอหรอก สีหน้าเขาบ่งบอกทุกอย่างเหมือนวันนั้นที่ตื่นมาเจอเธออยู่เตียงเดียวกันเนตราควรเป็นสุขในชีวิตที่เหมือนฝัน กับคนที่พึงใจมานานหลายปี ชวินทร์ทั้งรูปหล่อ ร่ำรวย ห่วงใย เอาใจเธอ แต่สมองส่วนเหตุผลยังค้านไม่เลิกเธอล้ากับความคิดปัจจุบันของตัวเอง จนนั่งลงริมหาด รับลมทะเล ปล่อยใจคิดถึงอดีต ย้อนวันวานที่เคยมีร่วมกัน กระทั่งเขาตามมาพบชวินทร์โกรธ แต่เธอรู้สึกได้ว่าไม่ใช่การโกรธแบบเช้าวันนั้น เขาพาเดินกลับบ้าน บอกให้ไปอาบน้ำ เตรียมตัวทานอาหารเย็น ระหว่างเลือกเสื้อผ้าใส่ ในสมองแวบภาพเหตุการณ์แบบนี้“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวพี่แกะข้าวเย็นไว้รอให้”ใครบางคนเคยพูดกับเธอ เสียงทุ้ม อบอุ่นใจดี แต่ไม่ใช่ชวินทร์ ศีรษะปวดหนึบๆ หลังเนตราพิงประตูตู้เสื้อผ้าไม่ให้ล้ม สูดลมหายใจลึกเตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเร่งร้อนเอากับสมองนัก ค่อยเป็นค่อยไป หมอยังบอกเองเลยว่าสักพักความทรงจำทั้งหมดจะกลับมา“ดาว”
“พ่อแม่ผมถูกคลุมถุงชน”ชวินทร์เล่าเสียงเรียบ อีกมือหนึ่งรินไวน์จากขวดลงแก้ว“แต่ท่านก็อยู่ด้วยกันดี เป็นแบบเพื่อนมากกว่า พ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อยบ้าง แต่กฎเหล็กเลยคือห้ามมีลูก”เขาเล่าโดยไม่ปิดบัง“แม่โน้ตนี่ใจกว้างดี เป็นฉันทนไม่ได้แน่ ถ้ามีคนอื่นก็หย่าเหอะ ให้จบๆ เรื่องไป อย่ามาคาราคาซัง”คนฟังขำอารมณ์เดือดเกินคาดของเธอ“ดาวขี้หึงนี่”“คนรักกันไม่ยอมหรอก”พูดแล้วแทบกัดลิ้นตัวเอง“ฉันไม่ได้หมายถึงแม่โน้ต ไม่ได้รักพ่อโน้ตนะ”เธอออกตัว หลังจากคิดได้ว่าพูดอะไรพลาดไป“ผมเข้าใจ ทั้งสองคนแฮปปี้ดี ดาวไม่ต้องห่วงหรอก”ชวินทร์ชินเสียแล้วกับบรรยากาศเย็นชาบางครั้งระหว่างพ่อกับแม่ จนบางทีคิดว่าความรักอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นกับทั้งสองเลย คนของเขามาเก็บโต๊ะ แต่ชวินทร์เอามือปิดปากแก้ว ส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่ต้องเก็บไวน์เขา“ฟังเพลงกันหน่อยไหม”“ไม่เอาอ่ะ เพลงสมัยนี้ฉันไม่คุ้น”“พูดเหมือนคนแก่ แค่ผ่านไปหกปีเอง”ชวินทร์ต่อไอโฟนกับลำโพงบนโต๊ะไม้สีเข้มติดผนัง เขาเปิดเพลงเบริ์ด ธงชัย แมคอินไตย“โน้ตยังเก็บเอ็มพีสามเพลงนี้ไว้อีกเหรอ”“เดี๋ยวนี้เขาฟังเพลงผ่านระบบสตรีมมิ่งกันแล้วเธอ”เขาล้อ เพลงพี่เบริ์ดจังหวะสนุก จน
“แหวนนี่ พี่ให้ไว้เป็นตัวแทน อาจไม่มีค่ามากนักแต่มาจากใจ”ใครบางคืนยกมือเนตราขึ้น สวมแหวนสีทองสุกปลั่งบนนิ้วนางข้างซ้าย ในใจเธอปั่นป่วน น้ำหนักของแหวนมากเหลือเกิน จนเธอหน่วงไปทั้งใจ“ใส่เล่นๆ ไปก่อน แหวนหมั้นแหวนแต่ง พี่จะให้ทีหลัง”“ไม่เอาละค่ะ เกรงใจ ดาวไม่ชอบใส่เครื่องประดับกลัวทำหาย”เธอพยายามเพ่งว่าเขาคือใคร แต่เห็นเพียงรอยยิ้ม ใบหน้าส่วนบนเขายังเต็มไปด้วยสีดำสนิท เหมือนใครเอาหมึกมาราด“กลัวหายก็ร้อยใส่สร้อยคอสิ มา...พี่ทำให้”เขายื่นมือมาถอดสร้อยเธอออก คล้องแหวนไว้ในนั้น“เก็บไว้ใกล้ๆ หัวใจนะ”ไม่ใช่ชวินทร์แน่ เขาไม่มีทางพูดหวานเยิ้มแบบนี้ สรรพนามที่เธอเรียกก็ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร!ดวงตาเนตราลืมขึ้นโดยพลัน ศีรษะกลับมาปวดหนึบ ร่างเมื่อยขบราวโดนรถบดถนนทับ เธอยันตัวขึ้นจากเตียงผ้าห่มไปกองอยู่ที่หน้าตัก พร้อมแขนบางคนที่ถือวิสาสะพาดไว้กับเอวเธอ ปทุมถันเปลือยเปล่าสัมผัสอากาศ จึงรู้ว่าตัวเองไร้อาภรณ์คลุมกายข้างกันมีเสียงหายใจยาวลึกสม่ำเสมอ ชวินทร์ยังอยู่บนหมอน ตาหลับสนิท เนตรายกมือไขว้กันปิดหน้าอก มองเขาสลับตัวเอง ใจเย็นๆ เธอบอกตัวเอง สมองค่อยเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อคืนเขาและเธ
คนของเขามองหน้าเจ้านายกับแขกเลิ่กลั่ก อาหารในถาดชักจะทำพิษ มันหนักขึ้นเรื่อยๆ สงครามประสาทดำเนินไปอีกสามนาที ชวินทร์ก็หมดความอดทน ลุกเดินดุ่มมาตรงหน้าเธอ“กินข้าว”เขาคว้าข้อมือ ดึงไปทางห้องอาหาร“บอกแล้วไงว่าฉันไม่หิว”เนตราพยายามแกะมือที่แข็งปานคีมเหล็กออก หนักๆ เข้าก็ทุบเอาเสียเลย“ปล่อยฉัน”คราวนี้ไม่ใช่แค่มือ ชวินทร์ยกตัวเธอขึ้นพาดบ่า ท่ามกลางเสียงโวยร้องหาอิสระ เขาวางเธอลงบนเก้าอี้ตัวข้างเขาดังตุบเนตราเด้งตัวลุกจะขยับหนี เขารวบมือเธอไว้ด้วยกัน กดมันไว้ที่หัวเข่า ทำให้เธอลุกไม่ได้ เนตราอ้าปากจะประท้วง ชวินทร์พยักหน้าให้คนของเขาวางอาหารลงบนโต๊ะ มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเล“ถ้าดาวไม่กิน ผมจะไม่พาไปไหนทั้งนั้น” ตาคมมีแสงแววโรจน์“จะกินดีๆ หรือให้ผมป้อน”ชวินทร์ตักปลาหมึกหั่นแว่นจากชามข้าวต้มเธอมาจ่อปาก กลิ่นกระเทียมเจียวลอยวนใต้จมูก น้ำลายเธอเริ่มสอ“งั้นก็กินคำใหญ่ๆ เลย”ช้อนข้าวต้มพูนแตะริมฝีปาก ชวินทร์เตรียมจะทำตามที่พูด
เครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยให้อารมณ์ชวินทร์คลายลง เขายังจับมือเธอไว้ พาลัดเลาะไปหลังร้าน สู่หาดกว้าง ลมทะเลซัดระลอกคลื่นดังครืนๆแดดสายยังไม่ร้อนนัก เขาอยากใช้เวลาสงบๆ แบบนี้กับเนตรา ให้ลืมว่าตนเองกำลังทำผิดกับเธออยู่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ล้วงมาดูเป็นเบอร์ฉัตรบรรณ ชายหนุ่มกดตัดสายเสีย ท่ามกลางสายตาสงสัยของเนตราคนโทรมาไม่ยอมแพ้ ถึงเขาตัดสายได้ ก็กดโทรใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่สามรอบ จนชวินทร์จะปิดโทรศัพท์“รับสายเถอะ คนโทรมาคงมีเรื่องด่วนจริงๆ”เธอบอก พลางดูดชาเย็น“แค่โทรมาป่วนเท่านั้นแหละ”นอกจากโทรแล้วยังส่งไลน์มาด้วย“ใครป่วนนายกัน”“ไม่ให้เรียกนาย บอกให้เรียกโน้ต”ชวินทร์ดุเสียงไม่จริงจังนัก“ฉันไม่ชินนี่ ความจำหยุดอยู่แค่มหาวิทยาลัย”เธอคอย่น กลัวการลงโทษตามแบบเขาอยู่หน่อยๆ แต่นี่เป็นที่ชุมชน คนอยู่เยอะ ชวินทร์คงไม่กล้าจูบเธอหรอก โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่สี่“รับสายเถอะ ฉันจะไปเดินเล่นทางโน้น”เนตราชี้นิ้วไปทางแ
“คุณทำร้ายโน้ตทำไม”คนของฉัตรบรรณหิ้วปีกชวินทร์ออกไปนอกบ้าน เขาตะโกนก้องให้ปล่อยตนออก แต่คนเหล่านั้นไม่สน ลากเขาขึ้นรถไปเสีย“ถ้าไม่ทำงี้มันก็ไม่ยอมสงบ”“คุณแปงป่าเถื่อน พูดกันดีๆ ก็ได้”ฉัตรบรรณเลิกคิ้ว เวลาไม่กี่วันทำเนตราเปลี่ยนความรู้สึกต่อชวินทร์ขนาดนี้เชียวหรือ ปรกติแม้แต่หน้าญาติเขา เธอยังไม่มอง หลีกเลี่ยงการพบเจอสุดกำลัง“มันลักพาตัวคุณมา รู้ไหมแฟนคุณจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”“คุณพูดอะไร แฟนฉันคือโน้ต”“แฟนดาวชื่ออาร์ม แล้วเขาก็กำลังห่วงดาวมากด้วย”“นี่มันอะไรกัน”ศีรษะเธอปวดหนึบ สิ้นเรี่ยวแรงจนเหมือนกับร่างกายละลายติดเก้าอี้“ฉันล้มหัวฟาด ความทรงจำกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โน้ตบอกว่าเป็นแฟนฉัน”“ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ ฉันตื่นมาในโรงพยาบาลก็เห็นโน้ตแล้ว”เอาล่ะสิ ...ฉัตรบรรณคิด ดูท่าว่าญาติเขาอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง“โน้ตมันทำอะไรคุณ”“ก็...ดูแล แล้วพาฉันมาพักฟื้นที่นี่”เธอหน้าปั้นยาก ก่อนตอบ“แล้วจำได้ไหม ทำอะไรถึงล้ม”“โน้ตบอกว่ารดน้ำต้นไม้อยู่แล้วลื่น”แสดงว่าชวินทร์อยู่กับเธอตลอดหลังเนตรายื่นใบลาออก ร้ายนักเชียวญาติเขา“เขาโกหกฉันทำไม”“ผมก็ไม่รู้”ฉัตรบรรณมีคำตอบ แต่ไ
ชวินทร์ปล่อยเนตราขึ้นไปพักผ่อน เธอลับสายตาไปได้ไม่เท่าไรมือถือเขาก็ดังขึ้น“โน้ตอยู่ที่ไหน”รัชนีถามเสียงเย็น“คุณแม่มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”คนไม่คาดคิดโทรมา นี่ฉัตรบรรณคาบข่าวไปฟ้องหรือยังไง“ลูกบอกแม่ว่าอยู่คอนโด แม่ให้คนไปดูก็ไม่เห็น”“ผมมาทำธุระส่วนตัวครับ”“ไปกับใคร อยู่ที่ไหน”นางรุกไล่“อยู่กับเพื่อนครับ”“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“โน้ตโตแล้วนะครับ”เขาโอด“คนบางคนโตแต่ตัว ยังทำอะไรเป็นเด็กๆ”นึกภาพออกเลยว่าขณะนี้ผู้เป็นแม่คงกำลังค้อนเขาอยู่แน่ๆ“ผมไม่ทำให้คุณแม่เสื่อมเสียหรอกครับ”“งั้นก็รีบกลับมากรุงเทพฯซะ”ชวินทร์รับคำ พลางคาดโทษฉัตรบรรณอยู่ในใจ หมอนั่นรู้ว่าทำอะไรเขาไม่ได้จึงเข้าทางแม่ ไม่รู้ท่านรู้เรื่องเนตราตื้นลึกหนาบางขนาดไหนเขาขอเวลาอีกหน่อย ค่อยพาเธอกลับไปส่งบ้าน ค่อยๆ บอกความจริง และคุยกันถึงอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร...ขอแค่อีกหน่อย“โน้ตว่ายังไงบ้างคะคุณแม่”ดุลยาเก็บความร้อนใจไว้ไม่มิด ขณะเจมิลลายกชาขึ้นดื่ม เธอระวังทุกกิริยาเพราะแม่ของฉัตรบรรณก็อยู่ด้วย“รับแต่ว่าครับๆ ใครก็ได้ละลายยาลมเพิ่มให้ฉันหน่อย”แล้วรัชนีก็ทิ้งหลังพิงโซฟาทรงหลุยห์“ตาโน้ตนี่ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้ใหญ่”
“โน้ต อย่านะ!”เนตรากอดแขนชวินทร์ไว้แน่น สุชัจจ์ได้ที ดีดตัวลุกขึ้นเหวี่ยงหมัดหวังโจมตีใบหน้า เธอมาขวางไว้จึงโดนลูกหลงเต็มๆ ร่วงลงไปกองกับพื้น“ดาว!”สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน ชวินทร์อยู่ใกล้กว่า ปรี่เข้าประคองร่างเล็กที่ใบหน้าช้ำไปข้างหนึ่ง มีเลือดซึม บริเวณมุมปาก“พี่อาร์มพอก่อนค่ะ อย่าใช้กำลัง”ในปากเธอร้าวเหมือนจะแตก ส่วนที่โดนลูกหลงชาวาบแล้วค่อยทวีความปวด มือใหญ่คลำรอยบนแก้มทะนุถนอม ตาเข้ม กัดฟันกรอด ฮึดฮัดจะลุกขึ้นเอาคืน เนตราเกาะแขนเขาแน่นเป็นตุ๊กแก“พอแล้วโน้ต อย่ามีเรื่องกันอีกเลย โอ้ย!”เธอเสียงอู้อี้ แล้วยกมือลูบแก้ม เพราะแขนเขาไหวมากระทบส่วนที่ปวด ชวินทร์ชะงักกึก“เจ็บมากเหรอ เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาลนะ ยัยบ้าเอ๊ย! เอาตัวมาขวางทำไม”ปากบ่น แต่สุชัจจ์เห็นความอาทรในดวงตาชายหนุ่ม“อย่ามาทำตัวอันธพาลแถวนี้”ประกอบกับท่าทีตัดพ้อของหญิงสาว เขาไม่ใช่คนโง่จนคิดไม่ออก“มาว่ากันได้ยังไง ฉันเอายามาให้นะ หมอนี่ต่างหากที่กวนตีนก
“เธอจะโทรไปหาใครก็โทรเลย ฉันจะได้บอกทุกคนเรื่องของเรา”เขาแสยะยิ้ม“ไม่มีเรื่องของเรา”“เรื่องหัวหินแล้วก็เช้าวันนั้นที่ตลาด ไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะช้าเกินไป”เนตราหน้าซีด ในสมองคำนวณสิ่งที่เกิดขึ้นประจำทุกเดือนอย่างกังวล“ปฏิเสธหมอนั่นไปซะ มันไม่ใช่คนใจดีพอจะเลี้ยงลูกคนอื่นหรอก”“พี่อาร์มไม่เลวเหมือนคุณ!”“พนันกันไหมล่ะ จะให้ผมบอกหรือให้ดาวบอก”เขากอดอกยียวน เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นต่อ“ชั่วที่สุด”อยากบริภาษให้แรงกว่านี้ แต่สมองตื้อไปหมด“ผมยอมรับผลของการกระทำ ดาวล่ะ”อาจจะผิดจากที่คิดได้เมื่อครู่ แต่เขารู้สึกสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เธอจะไม่ตอบตกลงแต่งงานกับสุชัจจ์ในเร็ววันนี้แน่“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”“บางทีดาวอาจจะได้เห็นทั้งหน้าผมทั้งหน้าลูกตลอดชีวิตเลยก็ได้”ชวินทร์หัวเราะ สตาร์ทรถออกไปอาการปวดหัวกลับมาอีกครา เธอเดินไปมาในบ้านเหมือนหนูติดจั่น ชวินทร์
การอาบน้ำนอกจากช่วยให้เนตราสดชื่น ยังขจัดเมฆหมอกที่รบกวนจิตใจในหลายวันนี้มลายหายไปด้วย เธอเข้าใจจุดประสงค์ของชวินทร์แล้วเขาต้องการปกป้องฉัตรบรรณ แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา เขาจึงเล่นตามน้ำ สวมรอยว่าเป็นแฟนเธอ จนเลยเถิดถึงขนาดมีอะไรกัน ...นำความร้าวรานมาสู่เธออีกคราเสียงกดออดหน้าบ้านดึงสติกลับสู่ปัจจุบัน เธอรีบสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ ออกมาดูแขกในยามสาย สุชัจจ์ยืนยิ้มพร้อมในมือมีถุงของใบเขื่อง“พี่เดาถูกจริงๆ ว่าดาวยังไม่กลับไปทำงาน”“ไม่เป็นไร คุณแปงบอกแล้วว่าสบายใจเมื่อไรค่อยไป”เนตราเคยโกหกเขาว่าเริ่มเบื่องานเพราะทำมาตั้งหกปีแล้ว เลยอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือหางานใหม่“วันนี้พี่อาร์มไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ”สุชัชจ์ทำงานบริษัทรถยนต์อยู่ในตำแหน่งฝ่ายขายอาวุโส“จะเข้าบ่ายๆ นะจ๊ะ พี่เอาขนมจากญี่ปุ่นมาฝาก”ก่อนเกิดอุบัติเหตุ สุชัชจ์ไปญี่ปุ่นกับบริษัท เขายังไลน์มาถามเธอเลยว่าอยากได้เครื่องสำอางไหม“ขอบคุณค่ะ”แฟนเธอเป็นคนน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณแปงค่ะ”เธอรวบรวมความกล้า เข้ามายืนตรงหน้าเจ้านาย“เรื่อง?”ฉัตรบรรณมองลอดแว่น นิ้วพรมไปตามคีย์บอร์ดโน้ตบุค“มีข่าวเรื่องฉัน คิดว่าคุณแปงคงจะรู้แล้ว”เจ้านายชะงัก“ผมไม่อยากสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณ ถ้ามันไม่ได้มีญาติผมอย่างโน้ตมาเกี่ยวด้วย”ความเงียบเคลื่อนมาเป็นเจ้าเรือนในห้องนั้น ต่างคนมองตา เนตราใจเสีย หน้าเหลือสองนิ้ว เจ้านายรู้เรื่องแล้วจริงๆ ...แต่รู้แค่ไหนกันล่ะ“ถ้าดาวไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไร”ฉัตรบรรณยกมือขึ้นประสานวางเหนือโน้ตบุคที่ปิดลง ห้วงเวลาแห่งความยากลำบากมาถึง สมองสรรหาคำพูดอย่างหนักเพื่ออธิบายเรื่องเมื่อหกปีที่แล้ว“ฉันเคยนอนกับคุณโน้ตค่ะ”เนตราเม้มริมฝีปาก รอฟังว่าเขาจะถามอะไรต่อ ฉัตรบรรณเพียงมองเธอนิ่ง“แต่ฉันไม่ได้แย่งคุณโน้ตมาจากคุณแจงนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาทั้งคู่”ให้เป็นเหตุผลนี้จะดีกว่า เขาเมาสุรา แค่เธอเมารัก“แล้วเราก็ไม่ได้คบกันด้วย”
“เล่ามาเถอะค่ะเจ้ ก่อนที่คุณแปงรู้เองแล้วมันจะเป็นเรื่อง”เนตราเลือกเจ้านายมาอ้าง ปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนร่าย“ดาวเคยแย่งคุณโน้ตมาจากแฟนเก่าเขาใช่ไหม”“พี่ไปเอาข่าวมาจากไหน”เธอตาโต ในอกบีบรัดแน่นแทบระเบิด“ลือกัน ตั้งแต่เมื่อคืน เจ้ก็ฟังเขามาอีกที”มือกำแน่นเล็บจิกกลางฝ่ามือ จนน่ากลัวจะเป็นแผล“แล้วจริงไหม...หือ”เธอวางโทรศัพท์ลง สูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่นึกเลยว่าผลการกระทำในคืนนั้นจะมาหลอกหลอนเพียงนี้ ข่าวแพร่มาที่ทำงานได้อย่างไร“บอกป้าหวานให้ชงกาแฟเข้มๆ ให้ผมถ้วยหนึ่ง”ฉัตรบรรณละจากการคุยมือถือ สั่งเธอก่อนเดินเข้าห้องไป แม่บ้านเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟ ปรายตาดูเธอที่หน้าเครียดอยู่ กำลังจะขยับปาก เจ้านายก็เปิดประตูเรียก“ดาวมานี่หน่อย”ท้ายทอยเธอชาวาบ เลือดในกายแข็งไปหมด ฉัตรบรรณรู้เรื่องข่าวแล้วหรืออย่างไร“ช่วยดูให้หน่อยว่างานสัปดาห์นี้มีอะไรเลื่อนไปได้บ้าง ผมจะไปพัทยาเย็นวันศุก
ร่างในเสื้อคอปาดแขนยาวขาว กระโปรงทรงดินสอสีแดง เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเนตรา“คุณแปงอยู่ไหม”เจมิลลาสวมแว่นกันแดดสีชา เสียงนิ่ง ยากจะเดาความรู้สึก“กำลังคุยกับฝ่ายดีเวลล็อปเปอร์อยู่ค่ะ คงสักพักถึงจะเสร็จ”“แล้วคุณดาวไม่ประชุมด้วยเหรอคะ”ศีรษะปกคลุมด้วยผมย้อมสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลัง ชะเง้อไปมองทางห้องทำงานคนรัก“เรื่องระบบฉันไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวคุณแปงก็ย่อให้ฟังอีกที แล้วค่อยทำรายงานการประชุมส่ง ระหว่างนี้รอรับโทรศัพท์ดีกว่าค่ะ”เธอผายมือไปทางชุดรับแขกขนาดกะทัดรัดหน้าห้อง“เชิญคุณเจมี่นั่งรอก่อนนะคะ”“อยากคุยกับคุณดาวมากกว่า”“คะ”“ดื่มกาแฟ คุยกันตามประสาผู้หญิงน่ะค่ะ”เจมิลลายิ้ม เดินไปนั่งที่ชุดรับแขก คนรักของฉัตรบรรณเป็นคนน่ารัก และเนตรารู้จักเพียงผิวเผิน ขนาดจะมาจิบกาแฟเม้าท์มอยนี่ก็ไม่เคย“มาสิคะ”อีกฝ่ายเร่ง เลื่อนแว่นคาดศีรษะ พยักหน้าไปยังเก้าอี้ตัวข้างกัน“คุณ
“ดาวซื้อไอ้นั่นมาหรือยัง”ฉัตรบรรณยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน ยกนิ้วขึ้น ทำท่าจะพูดอะไรแต่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ชวินทร์นั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามบนตักมีโน้ตบุค แสดงกราฟข้อมูล“สายชาร์ตไอแพ็ดอันใหม่ซื้อให้แล้วค่ะ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะอันกลาง”เธอเอาแฟ้มงานต้องอนุมัติด่วนมาให้เขาเซ็น“บ่ายสองวันนี้...เลื่อนสัมภาษณ์นะคะ ฉันเลยจองสปาที่คุณเจมี่เคยแนะนำไปไว้ให้ เธอดีใจมาก เดี๋ยวจะให้คนเอาแบล๊คไทน์ออกงานคืนนี้ไปให้ที่นั่นเลยค่ะ จะได้ไปรับคุณเจมี่ทันเวลา”เนตราเอ่ยชื่อสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในต้นประโยค แล้วจบท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวข้องเจมิลลา...คู่หมั้นเขา“เลขาฯมึงรู้งานดีจังว่ะแปง”ชวินทร์ชมเหมือนเยาะ เพราะมีเสียงหึตามมาด้วย“แหงล่ะ เลขาฯดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ”ฉัตรบรรณเปิดลิ้นชักหาของที่ต้องการ แล้วก็เจอจริงๆ“ว่างๆ ขอยืมตัวไปใช้ตอนทำโปรเจ็คบ้างสิ”ตาคมปลาบราวกับจะเฉือนเธอเป็นชิ้นๆ“เรื่องอะไร เลขาฯก็หาเองสิ”“เรื่องอย่างนี้มันต้
เนตรากะพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงงุนจากนิทรารมย์ออก กายค่อยขยับคลายความเมื่อยขบแดดยามเช้าส่องลอดกระจกหน้าต่างเข้ามา เธอเผลอหลับกลางห้องรับแขก ท่ามกลางอัลบั้มรูปที่เปิดกางหกปี...เธอเคยคิดว่าตัวเองก้าวผ่านเรื่องเขามาแล้ว แต่ชวินทร์ยังตามตอแยเธอไม่เลิก หลอกหลอนทั้งในความจริงและความฝันใครล่ะจะคิดว่าเธอ ชวินทร์ ดุลยา จะมาเจอกันที่บริษัทของฉัตรบรรณเนตราได้งานเลขาฯด้วยฉัตรบรรณให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างเธอ แรกๆ งานเต็มไปด้วยความขัดข้อง แต่หลายปีถัดไปอะไรก็เข้าที่เข้าทางฉัตรบรรณเป็นเจ้านายที่ดีและเนตราก็รักงานที่ทำอยู่ กระทั่งฉัตรบรรณไปเจรจาเป็นพันธมิตรกับนรธิปคนทั้งบริษัทดีใจมากที่ได้สัญญาธุรกิจนี้ เพราะบริษัทฉัตรบรรณเป็นสตาร์ทอัพแอปพลิเคชันเกี่ยวร้านอาหารการได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายธุรกิจมากมาย เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นวันเซ็นสัญญามีนักข่าวมาทำข่าวเยอะ และที่สำคัญคือการปรากฏตัวของดุลยา...ในฐานะคนรักของนรธิป เนตราจำได้ในวินาทีนั้นเอง นรธิปคือคนที่จูบกับดุลยาในคืนงานเลี้ยงอำลาหลังจากที
เธอยังพอมีเพื่อนอีกหลายคนให้ถาม สุดท้ายเนตราก็หาเบอร์โทรดุลยามาจนได้ เธอหลบแอบมาโทรในห้องน้ำ“สวัสดีค่ะ”เสียงรับสายไม่ใช่ดุลยา“เบอร์แจงหรือเปล่าคะ”“จากไหนคะ”ปลายทางถามเรียบเฉย ราวกับถามคำถามนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้ง“จากดาว...เนตราค่ะ”“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”“จะคุยเรื่องเมื่อคืนกับโน้ตค่ะ”ฝั่งนั้นเงียบไป ก่อนกลับมา“คุณแจงไม่สะดวกคุยค่ะ”สายตัดไปทันที มีหรือที่เนตราจะยอมแพ้ เธอโทรกลับไปสองหน ได้คำตอบเดียวกันทั้งสองครั้ง“ขอคุยกับแจงหน่อยค่ะ บอกเขาว่าฉันอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น”เธออ้อนวอน ปลายสายเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงหนึ่ง“ว่ามา” ดุลยา!“ฉันอยากอธิบายเรื่องเมื่อคืน”“เรื่องที่เธอนอนกับแฟนฉันนะเหรอ”ริมฝีปากเนตราสั่น ไม่คิดว่าดุลยาจะตรงขนาดนี้ โอเค...เธอนอนกับชวินทร์จริง แต่ดุลยาเรียกเขาว่าแฟนนั้นไม่ถูก เพราะตัวเองจูบกับ