แน่นอนว่าการเข้าวังหลวงมาในครั้งนี้ เป้าหมายแรกไม่ใช่การเข้ามาค้นหาจุดเริ่มต้นของการเกิดโศกนาฏกรรมในชาติก่อน แต่มันคือการที่นางจะได้เข้ามาพบกับสหายรักอีกครา
หยางจินจิน องค์หญิงรองผู้นี้ชาติที่แล้วคือสหายรักของนาง
ยามที่นางเข้าวังหลวงมา ก็มักจะมีหยางจินจินที่สามารถพูดคุยด้วยได้ แม้ว่าหยางจิ่งจะไม่ชอบใจที่นางสนทนากับหยางจินจินเท่าใดนัก แต่ทว่านางหาได้ใส่ใจไม่ ทุกคราที่นางไม่สบายใจก็จะมีหยางจินจินที่รับฟังนาง
องค์หญิงผู้ไร้เดียงสานางนี้ ชาติที่แล้วกลับพบจุดจบที่น่าเวทนาเหลือเกิน ยามมีชีวิตอยู่ก็ลำบากมากพอแล้ว กลับถูกพี่ชายเช่นหยางจิ่งกลั่นแกล้งและสร้างความลำบากให้เสมอ เพียงเพราะไม่ชอบหน้าและอยากหาที่ระบายอารมณ์
นางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รู้ข่าวว่าหยางจินจินถูกสังหารตายในคืนเข้าหอ นางร้องไห้จนทำสิ่งใดไม่ถูก กินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันจนถึงขั้นล้มป่วย
ต้นเหตุมันมาจากหยางจิ่ง ที่สนับสนุนฝ่าบาทให้ส่งหยางจินจินไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่แคว้นฉี
คนผู้นั้นช่างน่ารังเกียจและน่าชิงชังเหลือเกิน!!!
"แม่นาง เจ้าช่วยรับผิงกั๋วในมือของข้าที ข้ากำลังจะลงไปแล้ว โอ๊ะ!!!"
โจวหว่านหรูยังไม่ทันได้ตกปากรับคำ ก็ต้องตกใจไม่น้อย เมื่อหยางจินจินเกิดพลาดท่าพลัดตกลงมาจากต้นไม้ นางรีบวิ่งถลาเข้าไปรับร่างบางระหงของหยางจินจินเอาไว้ ก่อนที่พวกนางทั้งสองจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น หยางจินจินนอนทับตัวของโจวหว่านหรูเอาไว้ นั่นทำเอานางเจ็บจนต้องเบ้หน้า ในขณะที่หยางจินจินตกใจลนลานจนทำสิ่งใดไม่ถูก
"แม่นาง ข้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจนะ!!!"
"ไม่เป็นอันใดเพคะองค์หญิง หม่อมฉันไม่เป็นอันใด"
หยางจินจินรีบพยุงโจวหว่านหรูขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"แม่นาง เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าเป็นองค์หญิง"
โจวหว่านหรูเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบ
"เอ่อ หม่อมฉันคาดเดาน่ะเพคะ สตรีที่จะแต่งกายงดงามเช่นนี้ได้ นอกจากพระสนมแล้ว คงจะต้องเป็นองค์หญิงแน่นอน ถึงจะเป็นนางกำนัลในวังแต่คงไม่แต่งตัวงดงามเช่นนี้ ไม่ทราบว่าหม่อมฉันเดาถูกหรือไม่เพคะ"
หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย นางไม่ได้สงสัยสิ่งใดอีก อีกทั้งยังช่วยหยิบเอาเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนศีรษะของโจวหว่านหรูออกอีกด้วย
"ข้าไม่ได้ตั้งใจน่ะ เจ้าเจ็บหรือไม่?"
"ไม่เจ็บเพคะ"
โจวหว่านหรูเอ่ยตอบ พลางจ้องมองหยางจินจินอย่างอ่อนโยน ชาติที่แล้วตอนที่พวกนางพบกันคราแรกไม่ใช่ที่นี่
คล้ายว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว
"ข้ามอบให้เจ้า ตอบแทนที่เจ้าช่วยข้า รับไปสิ"
โจวหว่านหรูจ้องมองผิงกั๋วในมือของหยางจินจินคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้
"ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง"
"อืม ว่าแต่เจ้าไม่ใช่นางกำนัลในวังหลวงสินะ การแต่งกายก็ดูงามสง่า อ้อ หรือว่าเจ้าเป็นคุณหนูที่เข้ามาคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนของข้า ใช่หรือไม่?"
"ใช่เพคะ"
"ดีจริง ข้าถูกชะตากับเจ้ามากเลย หวังว่าเจ้าจะได้รับเลือกมาเป็นสหายเล่าเรียนของข้านะ"
"เพคะองค์หญิง"
"เจ้าชื่ออันใด ข้าชื่อหยางจินจิน"
"หม่อมฉันชื่อโจวหว่านหรูเพคะ"
หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าพลางยิ้มตาหยี ก่อนจะหันไปมองอีกทางหนึ่ง พลันเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ
"เสด็จพี่ ท่านมาได้เช่นไรเพคะ?"
โจวหว่านหรูนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมอง และพบกับหยางจิ่งที่กำลังเดินเข้ามาพอดี หยางจิ่งเองก็มีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบกับโจวหว่านหรูอยู่กับหยางจินจินที่นี่
เขาจำได้ ชาติที่แล้วนางสนิทสนมกับน้องสาวผู้นี้ของเขามาก แต่ชาติก่อนนั้นโจวหว่านหรูไม่ได้เข้าวังมาเป็นสหายเล่าเรียนของหยางจินจิน พวกนางทั้งสองพบกันหลังจากที่โจวหว่านหรูแต่งเข้ามาเป็นชายาเอกของเขาแล้ว ยามนั้นโจวหว่านหรูสงสารหยางจินจินจึงมอบขนมให้น้องสาวผู้นี้ของเขาอยู่บ่อยครั้ง จนพวกนางเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
นี่ก็นับเป็นเรื่องที่ผิดแปลกไปจากชาติก่อนเช่นเดียวกัน
โจวหว่านหรูย่อกายทำความเคารพหยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่เพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี"
หยางจิ่งเอ่ยกับโจวหว่านหรูอย่างนอบน้อม โจวหว่านหรูพลันขมวดคิ้วมุ่นแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เป็นหยางจินจินที่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"เสด็จพี่ ท่านไปที่ใดมาหรือเพคะ?"
"ข้าเพิ่งกลับมาจากเล่าเรียนกับท่านอาจารย์"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบสายตาขึ้นมองหยางจิ่งคราหนึ่ง
นางหูฝาดไปใช่หรือไม่ คนเช่นหยางจิ่งน่ะหรือจะเล่าเรียนเหมือนคนอื่นเขา
หากบอกว่าวัน ๆ เอาแต่ดื่มสุราเมามายหัวทิ่มแล้วไปทุบตีขันทีนางยังจะเชื่อมากกว่า!!!
หยางจิ่งแอบมองดูท่าทีที่ครุ่นคิดของโจวหว่านหรู ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขา หยางจิ่งลอบยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"เจ้ามาทำอันใดที่นี่จินเอ๋อร์ คงไม่ได้แอบมาปีนต้นไม้อีกกระมัง"
"เสด็จพี่ ช่างรู้ทันข้าไปเสียทุกอย่างจริง ๆ ข้าปีนต้นไม้จริง ๆ เพคะ แต่ทว่าเกิดพลัดตกลงมา โชคดีได้โจวหว่านหรูมาช่วยเอาไว้ทันเพคะ จึงไม่บาดเจ็บ"
"อืม"
โจวหว่านหรูยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ เมื่อใดกันที่สองพี่น้องคู่นี้สนทนากันอย่างรักใคร่ปรองดองเช่นนี้ มิใช่ว่าหยางจิ่งต้องไล่ตะเพิดหยางจินจินไปให้พ้นหูพ้นตาเขาหรอกหรือ
นี่มันเรื่องใดกันเนี่ย!!!
"คล้ายว่าคุณหนูโจวจะมีเรื่องให้คิดหลายเรื่องเลยสินะ"
โจวหว่านหรูพลันได้สติกลับคืนมา นางจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยตอบ
"ทูลองค์ชาย หม่อมฉันไม่ได้คิดสิ่งใดเพคะ"
"อ้อ เช่นนั้นหรือ"
"เพคะ"
"จากกันนานไปหลายสิบปี เจ้าคงลืมพี่ชายเช่นข้าไปแล้วกระมัง ต้นไม้ต้นนี้ข้าเคยพลัดตกลงมาเช่นเดียวกัน เป็นเจ้าที่ช่วยข้าและพาข้ากลับตำหนัก เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ หวานหว่าน"
โจวหว่านหรูพลันอึ้งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกยามนี้สับสนมึนงงยิ่งนัก
เขาจำได้ด้วยหรือ ชาติก่อนนางไม่เคยเห็นเขาจะเอ่ยถึงเรื่องราวในวัยเด็กเลยแม้แต่น้อย
"พวกท่านสองคนรู้จักกันด้วยหรือ โอ้วว เช่นนั้นพวกเราก็มีวาสนาต่อกันแล้ว"
หยางจินจินเอ่ยอย่างตื่นเต้น ส่วนโจวหว่านหรูนั้นไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เดิมทีนางกับหยางจินจินไม่ได้พบกันในยามยังวัยเยาว์ เนื่องจากหยางจินจินในตอนนั้นป่วยหนักและร่างกายไม่สู้ดี จึงไม่ได้ออกมาด้านนอก เพียงรักษาตัวอยู่แต่ในตำหนักเท่านั้น กว่าจะได้พบกันก็เป็นยามที่นางเข้าวังมาเป็นพระชายาเอกแล้ว
โจวหว่านหรูนั้นรู้สึกว่ามันแปลกมาก นางมองหยางจิ่งอย่างหวาดระแวงคราหนึ่ง แต่ทว่าหยางจิ่งกลับยิ้มให้นาง ก่อนจะเอ่ย
"ใช่แล้ว รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ใช่หรือไม่หวานหว่าน?"
"เอ่อ หม่อมฉันออกมานานแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อนเพคะ มิเช่นนี้อาจจะถูกตำหนิเอาได้"
โจวหว่านหรูคิดหาทางลงให้ตนเอง นางไม่อยากอยู่ที่นี่นานมากนัก เพราะไม่อยากถูกสายตาแปลกประหลาดของหยางจิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด
แต่ทว่าหยางจินจินกลับยื่นมือมารั้งแขนของนางเอาไว้เสียก่อน
"จะรีบไปที่ใดเล่า มีข้ากับเสด็จพี่อยู่ หมัวหมัวเหล่านั้นไม่กล้าต่อว่าเจ้าหรอก ไหน ๆ ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น มิสู้พวกเราไปนั่งดื่มชาที่สวนดอกเหมยกันดีหรือไม่?"
"เอ่อ"
"ไปเถิดน่า"
โจวหว่านหรูถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ให้ตายเถิด นางไม่น่าเดินออกมาเลย จะปฏิเสธก็เกรงว่าจะเสียน้ำใจของหยางจินจิน นางจึงทำได้เพียงเดินตามหยางจินจินไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นางถูกหยางจินจินพามาที่สวนดอกเหมยในอุทยานหลวง ที่นี่มีศาลารับลมอยู่หลังหนึ่ง หยางจิ่งเองก็ติดตามมาด้วย เขาให้นางกำนัลนำชาชั้นดีและของว่างมามากมาย โจวหว่านหรูไม่รู้จะทำเช่นไร จึงทำได้เพียงนั่งดื่มชาอยู่กับสองพี่น้องคู่นี้อย่างกระอักกระอ่วนใจ
"มานั่งรับลมกันหรือ ขอข้านั่งด้วยคนสิ"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเสียงของผู้มาใหม่จึงรีบหันไปมอง ก่อนจะกำถ้วยชาในมือแน่น แววตาของนางเย็นชาขึ้นมาชั่วขณะ
คนผู้นั้นมาแล้ว คนที่ทำให้นางต้องเลือกตายอยู่ท่ามกลางกองไฟ ทำให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ของนางไปตายในสนามรบ ทำให้ตระกูลโจวของนางต้องล่มสลายตายยกตระกูล
องค์ชายรองหยางเฉิง!!!
หยางจิ่งที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงหันไปมองหยางเฉิงคราหนึ่ง เขาลอบกำหมัดแน่น ในใจคิดอยากจะฆ่าน้องชายร่วมบิดาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อให้สาสมกับสิ่งชั่วช้าที่หยางเฉิงทำกับเขาและเสด็จพ่อ วางยาบิดาตนเอง สังหารพี่ชายตนเอง และทำให้ให้โจวหว่านหรูต้องฆ่าตัวตาย!!!แม้จะเกลียดชังหยางเฉิงจนแทบอยากจะดื่มเลือดกินเนื้อ แต่ทว่าหยางจิ่งจำต้องทำทุกอย่างให้ไร้พิรุธ เขาปรับสีหน้าตนให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้หยางเฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติในชาติก่อนหยางเฉิงยอมเขาทุกอย่าง เขาเองก็วางตนใหญ่โตข่มเหงหยางเฉิง เพราะฉินกุ้ยเฟยตัวดีสั่งสอนเขาในทางไม่ดี บอกว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท ว่าที่ฮ่องเต้เป่ยฉินในภายภาคหน้า เขาไม่จำเป็นต้องเห็นหัวผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่จะต้องก้มหัวให้เขา ยามนั้นเขาหลงคิดว่าฉินกุ้ยเฟยรักเขาเหมือนบุตรแท้ ๆ ยามที่เขารังแกหยางเฉิงก็ไม่ตำหนิ อีกทั้งยังเข้าข้างเขา เขาอยากทำสิ่งใดก็ไม่เคยขัดใจเลยสักครา อีกทั้งยังออกรับแทนเขายามที่ถูกเสด็จพ่อตำหนิแต่ความจริงแล้วมันคือกับดัก กับดักที่หลอกให้เขาตายใจ เขาถูกขุนนางยื่นฎีกาว่าทำตัวไม่เหมาะสม รังแกพี่น้อง ไม่สนใจเล่าเรียน ทุบตีรังแกคนที่ด้อยกว่าทุกอย่างล้วนเป็นแ
ด้านหยางเฉิงนั้นหลังจากที่แยกตัวออกมาจากหยางจิ่งแล้ว เขาจึงมุ่งหน้ามาที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยมารดาของตน ฉินกุ้ยเฟยที่เห็นว่าลูกรักมาหาก็ดีใจไม่น้อย รีบให้นางกำนัลนำชาร้อนและของว่างมาให้หยางเฉิง ก่อนจะไล่เหล่าข้ารับใช้ออกไปด้านนอกจนหมด เมื่อในตำหนักเหลือเพียงพวกนางสองคนแม่ลูกแล้ว นางจึงเอ่ยถามหยางเฉิงทันที"ผู้ใดทำให้อาเฉิงของแม่อารมณ์เสียมากัน"ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่บุตรชายของตนอย่างรักใคร่ หยางเฉิงในยามนี้นั้นสลัดทิ้งท่าทีองค์ชายรองผู้สง่างามและจิตใจดีออกไปจนหมดสิ้น แววตาของเขาดุดัน เขากำมือตนเองแน่น ก่อนจะเอ่ยกับมารดาของตน"เสด็จแม่ ข้าเกลียดหยางจิ่ง!!!""ช้าก่อน อย่าส่งเสียงดังไปสิ ใจเย็น ๆ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ"หยางเฉิงควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว เขาอยากจะหาใครสักคนมาระบายความเกลียดชังนี้ออกไป"อาเฉิง""เสด็จแม่ หยางจิ่งดูแปลกไปพ่ะย่ะค่ะ ลูกพูดจายุแยงให้มันโมโหเหมือนทุกครา แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกับหยางจินจินอีกด้วย"ฉินกุ้ยเฟยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ระยะนี้นางไม่ได้ใส่ใจหยางจิ่งเท่าใดนัก แม้เขาจะมาพบนางแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกไปมิใช่หรือ"เ
เมื่อออกจากวังหลวงมาแล้ว โจวหว่านหรูก็พบกับโจวอวี้หานและเย่หยวนที่กำลังยืนรอนางอยู่หน้าประตูวังหลวงพร้อมกับรถม้าของจวนตระกูลโจว โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่งชาตินี้นางจะเก็บเกี่ยวทุกความอบอุ่นและความรักจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนทางข้างหน้าเป็นเช่นไรนางเองยังไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางจะพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อปกป้องคนในตระกูลโจวให้ปลอดภัยให้ได้"น้องเล็ก"โจวอวี้หานที่เห็นว่าน้องสาวของตนออกมาแล้วก็ดีใจไม่น้อย ช่วงเวลาที่โจวหว่านหรูไม่อยู่ที่จวนนั้น ภายในจวนดูเงียบเหงาไม่น้อยเลย"พี่ใหญ่""ท่านพ่อท่านแม่ให้พี่มารอรับเจ้า อีกทั้งยังมอบตั๋วเงินมาไม่น้อยเลย ท่านพ่อบอกว่าอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้าคงจะเบื่อเป็นแน่ จึงอยากให้เจ้าได้ผ่อนคลาย"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้น พี่ใหญ่พาข้าไปเดินเล่นที่ตลาดทีเถิด ข้าอยากจะผ่อนคลายเสียหน่อย""ได้สิ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด""เจ้าค่ะ"โจวหว่านหรูก้าวเดินเข้ามาในรถม้า โจวอวี้หานตามน้องสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วย ก่อนจะเร่งเดินทางไปที่ตลาดทันทีเมื่อมาถึงตลาด โจวหว่านหร
ยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าจึงค่อนข้างแจ่มใสไม่น้อยเลย เจียงหมิงเจ๋อออกมาเดินเล่นรับลมอยู่ที่ใต้ต้นดอกเหมยไม่ไกลจากที่พักของเขามากนัก เขาปรายตามองเหล่าทหารที่ติดตามอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่เย็นชา แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังส่งเสียงไอออกมาเป็นระยะเหล่าทหารที่ได้เห็นเช่นนั้นก็นึกดูแคลนเจียงหมิงเจ๋อไม่น้อย องค์ชายขี้โรคเช่นนี้ฝ่าบาทจะรับเอาไว้เป็นตัวประกันทำไมกัน ใช้ประโยชน์ใดไม่ได้ อีกไม่นานก็คงจะป่วยตายอยู่ในวังนี้กระมังเจียงหมิงเจ๋อมีหรือจะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นดูแคลนตน แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า ทำได้เพียงอดทนเท่านั้นเขาคร้านจะใส่ใจกับทหารชั้นต่ำเหล่านั้น จึงทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่ดูแคลนของพวกมันเสีย ก่อนจะหันมาเอ่ยถามแม่นมเถียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"มีข่าวส่งมาหรือไม่แม่นม?""ทูลองค์ชาย ยังไม่มีเลยเพคะ""คนของเราที่แฝงตัวเข้ามาเล่า""ยามนี้ยังไม่กล้ากระทำการสิ่งใดเพคะ เนื่องจากวังหลวงคุ้มกันแน่นหนา คนของเราจะทำสิ่งใดก็ลำบากไม่น้อยเลย"เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น หนทางที่เขาจะหนีไปได้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เสียหรอกเมื่
เจียงหมิงเจ๋อเก็บสายตาของตนกลับคืน ก่อนจะเดินกลับมาที่พักของตน เมื่อมาถึงก็พบกับนางกำนัลน้อยผู้หนึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามาให้เขา เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะยกมันขึ้นมากินด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ในใจนึกค่อนขอดไม่น้อยหลังถูกจับมาเป็นเชลยเขาได้ยินว่าแคว้นเยี่ยนและแคว้นเป่ยฉินทำสัญญายุติสงคราม แคว้นเยี่ยนยินยอมเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเป่ยฉิน ทั้งยังยินยอมส่งของมีค่าและอาวุธอีกมากมายมาที่เป่ยฉิน เนื่องจากแคว้นเยี่ยนของเขามีเหมืองแร่เหล็กที่สามารถหลอมออกมาเป็นอาวุธชั้นดีได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายบัดซบของเขา จึงทำให้แคว้นเยี่ยนจำต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เจียงหยงหลางยอมยุติสงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างสุขสบายบนบัลลังก์ต่อไป ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินก็ได้อาวุธชั้นดีในราคาที่ไม่สูงมาก บางครายังได้ของบรรณาการชั้นดีที่แคว้นเยี่ยนส่งมาให้อยู่เสมออีกด้วยต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่คนที่ทุกข์ที่สุดกลับเป็นเขา!!เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น ก่อนจะเงยหน้าไปมองนางกำนัลน้อยผู้นั้น พร้อมกับพยักหน้าคราหนึ่ง นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีที่ไร้พิรุธเมื่อนางกำนั
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามนางกำนัลผู้นั้นว่ายามนี้หยางจินจินอยู่ที่ใด เมื่อได้ความแล้วเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที เมื่อมาถึงเขาก็พบกับหยางจินจินที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา ใบหน้ามีหยดน้ำตาเปียกปอน หยางจิ่งหันไปมองฉินกุ้ยเฟยที่นั่งอยู่ข้างกายเสด็จพ่อของเขา ก็เห็นว่ายามนี้ฉินกุ้ยเฟยกำลังจ้องมองหยางจินจินด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจเท่าใดนักฮ่องเต้หยางหลิงไท่ที่เห็นพระโอรสของตน ก็รีบเอ่ยถามทันที"จิ่งเอ๋อร์ เจ้ามาก็ดี มาดูสิ่งที่น้องสาวตัวดีของเจ้าทำเอาไว้!!!"ฉินกุ้ยเฟยจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่เย็นชาคราหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นางได้ยินมาว่าระยะนี้หยางจิ่งและหยางจินจินดูสนิทสนมกันดี อีกทั้งหยางจิ่งก็ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าแต่ก่อน นี่คือสิ่งที่นางแปลกใจและสั่งให้คนตามดูมาตลอดจากการจับตาดูมาหลายวัน นางก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่หยางเฉิงบอกนางก่อนหน้านี้แล้ว คล้ายว่าหยางจิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริง ๆหยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามบิดาของตนทันที"จินเอ๋อร์ทำสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง
ไป๋อี๋ซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่เย็นเยียบพลางขมวดคิ้วมุ่น คนผู้นี้รู้ได้เช่นไรว่านางคิดจะทำสิ่งใดแววตาที่มองนางด้วยความเกลียดชังสลับกับการตัดพ้อต่อว่านั่นมันหมายความว่าเช่นไรกัน!!!หยางจิ่งจ้องมองไป๋อี๋ซินอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเห็นว่าท่าทีที่คิดจะสังหารเขาเมื่อครู่พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น นางมองน้องชายของตนที่ยามนี้ถูกเขาจับตัวเอาไว้ด้วยแววตาที่ร้อนรน ก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา"ปล่อยน้องชายข้า หากท่านอยากได้สิ่งใด ข้าจะทำตามที่ท่านขอ"หยางจิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง วันนี้เขาได้รู้ธาตุแท้ของสตรีนางนี้ด้วยตาตนเองแล้ว นางยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดจริง ๆหยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย"หากข้าให้เจ้าหักหลังบุรุษที่เจ้ารัก เจ้าก็ยินยอมทำใช่หรือไม่?"ไป๋อี๋ซินเม้มริมฝีปากแน่น นางไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกไป แต่ทว่ากลับจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่ระแวดระวัง บุรุษผู้นี้รู้ได้เช่นไรกันว่านางมีคนรักอยู่?เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะน้องชายป่วยหนัก นางไร้หนทางจะหาเงินมารักษา จึงใช้ความงามของตนเข้าไปทำงานร่ายรำที่หอคณิกา นางไม่ได้ขายเรือน
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยางจิ่งก็เดินออกมาจากเรือนของไป๋อี๋ซิน ก่อนจะยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง แล้วจึงหันไปเอ่ยกับหวังซุน“ประคองข้า”“ประคองทำไมพ่ะย่ะค่ะ”หวังซุนงงงันไม่น้อย ก่อนหน้านี้องค์ชายก็พาเขาเดินย้อนไปย้อนมา เข้าร้านสุรา แวะโรงพนัน ก่อนจะอ้อมไปตามทางเดินจนมาถึงที่อยู่ของไป๋อี๋ซิน มาครานี้ยังแกล้งเมาอีก“เราไม่รู้ว่าจะมีคนของหยางเฉิงอยู่แถวนี้หรือไม่ รีบประคองเร็วเข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”หวังซุนพยักหน้าด้วยความมึนงง ก่อนจะรีบตรงเข้าไปประคองหยางจิ่งทันที หยางจิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็แกล้งทำเป็นเมาจนเดินโซเซ พูดไม่เป็นภาษา แล้วเดินตามทางไปเรื่อยเปื่อยหลายวันก่อนเขาสั่งให้หวังซุนไปตามหาหมอปรุงยาพิษผู้หนึ่ง ที่อาศัยอยู่บนภูเขาด้านหลังวัดไป๋หวา เขาจำได้ว่าในชาติก่อน ตอนเดินทางไปวัดไป๋หวาพร้อมกับเสด็จพ่อเพื่อกราบขอพรพระโพธิสัตว์ เสด็จพ่อของเขาชอบไหว้พระขอพรเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปที่วัดไป๋หวาทุก ๆ ปี เคยได้ยินว่ามีหมอเทวดาผู้หนึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการปรุงยารักษาคน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาพิษและยาถอนพิษ ฝีมือนั้นเก่งกาจจนแทบหาตัวจับยาก แต่ทว่าราคาค่อนข้างแพงไปเสียหน่อย หากต้อง
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห