หยางจิ่งที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงหันไปมองหยางเฉิงคราหนึ่ง เขาลอบกำหมัดแน่น ในใจคิดอยากจะฆ่าน้องชายร่วมบิดาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อให้สาสมกับสิ่งชั่วช้าที่หยางเฉิงทำกับเขาและเสด็จพ่อ
วางยาบิดาตนเอง สังหารพี่ชายตนเอง และทำให้ให้โจวหว่านหรูต้องฆ่าตัวตาย!!!
แม้จะเกลียดชังหยางเฉิงจนแทบอยากจะดื่มเลือดกินเนื้อ แต่ทว่าหยางจิ่งจำต้องทำทุกอย่างให้ไร้พิรุธ เขาปรับสีหน้าตนให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้หยางเฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติ
ในชาติก่อนหยางเฉิงยอมเขาทุกอย่าง เขาเองก็วางตนใหญ่โตข่มเหงหยางเฉิง เพราะฉินกุ้ยเฟยตัวดีสั่งสอนเขาในทางไม่ดี บอกว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท ว่าที่ฮ่องเต้เป่ยฉินในภายภาคหน้า เขาไม่จำเป็นต้องเห็นหัวผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่จะต้องก้มหัวให้เขา ยามนั้นเขาหลงคิดว่าฉินกุ้ยเฟยรักเขาเหมือนบุตรแท้ ๆ ยามที่เขารังแกหยางเฉิงก็ไม่ตำหนิ อีกทั้งยังเข้าข้างเขา เขาอยากทำสิ่งใดก็ไม่เคยขัดใจเลยสักครา อีกทั้งยังออกรับแทนเขายามที่ถูกเสด็จพ่อตำหนิ
แต่ความจริงแล้วมันคือกับดัก กับดักที่หลอกให้เขาตายใจ
เขาถูกขุนนางยื่นฎีกาว่าทำตัวไม่เหมาะสม รังแกพี่น้อง ไม่สนใจเล่าเรียน ทุบตีรังแกคนที่ด้อยกว่า
ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของฉินกุ้ยเฟยทั้งหมด นางเสแสร้งทำให้เสด็จพ่อเห็นใจที่ต้องทนกับคนนิสัยเสียเช่นเขา
ยามนี้เขารู้แล้ว หากนางรักเขาเหมือนบุตรแท้ ๆ นางย่อมไม่สั่งสอนเขาในทางที่ไม่ดีเช่นนี้
หยางจิ่งแค่นเสียงเหอะในลำคอ เขาต้องพยายามเป็นอย่างมากที่จะควบคุมอารมณ์ตนเอง
ไม่ต่างจากโจวหว่านหรูที่อยากจะลุกขึ้นเดินเข้าไปบีบคอหยางเฉิงให้ตายเช่นเดียวกัน
"น้องรอง มานั่งก่อนสิ พวกเราเพียงออกมาชมดอกเหมยและหิมะกันเท่านั้น เห็นว่าบรรยากาศดีจึงนั่งดื่มชาเสียเลย"
หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน หยางเฉิงเองก็ยิ้มตอบเขาเช่นเดียวกัน ก่อนจะหันมามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง
"แม่นางท่านนี้คือ"
"นางคือคุณหนูโจว เข้าวังมาคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียน บังเอิญได้พบเจอกันและรู้ว่าเป็นคนรู้จักกันมาแต่วัยเยาว์ ข้าจึงชวนนางมานั่งเป็นเพื่อนหยางจินจิน"
หยางจิ่งเอ่ยกับหยางเฉิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่สนิทและไม่ห่างเหิน หยางเฉิงจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง หัวใจของเขาพลันสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด สตรีนางนี้ช่างงดงามน่าค้นหาเหลือเกิน
โจวหว่านหรูทำเหมือนไม่ได้เห็นสายตาหลงใหลที่มองมาของหยางเฉิง นางยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หยางจินจิน
ด้านหยางจินจินเองไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับหยางเฉิงมากนัก แต่ไหนแต่ไรพี่รองของนางก็เป็นพวกไม่ยุ่งกับผู้ใด วัน ๆ อ่านแต่ตำราหาความรู้ นาน ๆ ทีจะได้พบเจอกันสักครา
หยางจิ่งรับรู้ได้ถึงท่าทีที่หยางเฉิงมีต่อโจวหว่านหรูก็รู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เขาจึงเอ่ยถามหยางเฉิงเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที
"น้องรอง วันนี้ลมใดหอบเจ้ามากัน ทุกคราเห็นอยู่แต่ในห้องตำรา"
หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะเอ่ย
"อยู่กับตำรานานไปก็รู้สึกเบื่อน่ะพ่ะย่ะค่ะ เลยออกมาเดินเล่น เอ่อ เมื่อครู่ข้าได้ยินเหล่าขันทีเอ่ยว่า เอ่อ..."
หยางเฉิงมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจไม่กล้าเอ่ย หยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยถาม
"ทำไมหรือ"
"จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เล่ามาเถิด"
"เสด็จพี่ท่านอย่าโมโหไปเล่า ขันทีและองครักษ์พวกนั้นบอกว่า ท่านเอาแต่ดื่มสุรา วันนี้เห็นว่าไปเรียนกับท่านอาจารย์เพียงครู่เดียวก็กลับออกมาแล้ว คงจะไม่ได้เรื่องอีกตามเคย เสด็จพี่ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจเป็นแน่ ข้าเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด พวกเขารับใช้พวกเรามานาน ท่านอย่าถือสาเลย"
หยางเฉิงเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน หยางจิ่งที่เห็นเช่นนั้นแทบอยากจะลุกขึ้นตบมือให้หยางเฉิงและบอกว่า เจ้าช่างเสแสร้งได้อย่างแนบเนียนยิ่งนัก หลังจากนั้นก็ยกเท้าถีบน้องชายบัดซบผู้นี้ออกไปจากศาลารับลมเสีย
แต่เขาต้องอดทนไว้ ทั้งที่อยากทุบตีหยางเฉิงใจจะขาด!!!
"เสด็จพี่"
"ช่างเถิด ข้าไม่ได้สนใจมานานแล้ว คำพูดเหล่านั้นข้าชินชาเสียแล้ว แต่ข้าขอบใจเจ้ามากนะที่มาบอกข้า ขันทีพวกนั้นคงเห็นว่าระยะนี้ข้าไม่ได้ทุบตีพวกเขากระมัง จึงมีความกล้าขึ้นมา โอ้ว น้องรอง ข้าคล้ายเห็นตัวอันใดไม่ทราบได้มันเกาะหลังเจ้า อยู่นิ่ง ๆ ก่อน"
"โอ๊ะ!!!"
หยางเฉิงสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกหยางจิ่งใช้มือตีเข้ามาที่กลางหลังของเขาอย่างเต็มแรง เขาแทบจะสำลักชาร้อนออกมาอยู่แล้ว
หยางเฉิงลอบกัดฟันกรอด นึกอยากจะต่อยหน้าหยางจิ่งสักครา แต่ทว่าเมื่อได้เห็นหน้าตาของหยางจิ่งดูไม่มีทีท่าว่าจะกลั่นแกล้งเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงต้องระงับโทสะตนลงท้องไปเสีย
หยางเฉิงข่มโทสะตนก่อนจะจ้องมองหยางจิ่งด้วยความสงสัย ทุกคราที่หยางจิ่งรู้ว่ามีคนต่อว่าตนลับหลัง จะต้องไปจัดการคิดบัญชีกับคนผู้นั้นด้วยการสั่งโบยจนตาย
แต่ครานี้กลับบอกว่าช่างมันเถิด อีกทั้งยังรั้งรอเวลาอีกด้วย
หยางเฉิงพยายามเก็บท่าทีสงสัยเอาไว้ หยางจิ่งยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะยกยิ้มมุมปากตนคราหนึ่ง
อีกไม่นานเจ้าจะโดนมากกว่าตบหลังเป็นแน่!!!
หยางเฉิงยกถ้วยชาขึ้นดื่มอีกครา ก่อนจะเอ่ยกับหยางจิ่ง
"เสด็จพี่ทรงมีเมตตานัก ไม่เอาความกับขันทีต่ำต้อย อีกทั้งยังห่วงใยน้องชายเช่นข้าอีก หากเสด็จพ่อรู้จะต้องทรงดีพระทัยเป็นแน่"
โจวหว่านหรูลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ดูก็รู้แล้วว่าหยางเฉิงกัดฟันเอ่ยออกมา!!!
ให้ตายเถิด!! หยางจิ่ง เหตุใดท่านไม่ตบที่กลางศีรษะเขาเลยเล่า!!!
แม้ในใจจะเกลียดชังหยางเฉิงเพียงใด แต่เรื่องที่พี่น้องกำลังเล่นสงครามประสาทกัน นางคงจะไม่ยุ่ง ยามนี้นางจะต้องเริ่มต้นหาที่ทางสักที่เพื่อพาตระกูลโจวของนางหลบหนีจากการนองเลือดที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้
เวลาผ่านล่วงเลยไปราวครึ่งชั่วยาม โจวหว่านหรูเห็นว่าตนออกมานานมากแล้ว จึงขอตัวกลับก่อน ระหว่างทางที่นางกำลังจะเดินกลับที่พักของตนนั้นก็พบกับเจียงหมิงเจ๋ออีกครั้ง
โจวหว่านหรูอยากจะหันหลังเดินหนีเหลือเกิน แต่ทว่านางทำเช่นนั้นไม่ได้ ทางนี้คือทางเดียวที่นางจะสามารถเดินกลับที่พักได้ มันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงทำเป็นไม่สนใจเขา แต่ทว่าเพราะนางรีบร้อนเกินไปจนไม่ทันระวัง จึงเดินสะดุดก้อนหินและล้มลงไปนั่งที่พื้นหญ้าทันที
โจวหว่านหรูลอบสบถด่าทอตนเองในใจเป็นพันครั้ง
ให้ตายเถอะ!!! เดินมาครึ่งค่อนวันไม่ล้ม แต่มาล้มเวลานี้
เจียงหมิงเจ๋อเอียงคอมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับแม่นมของตน
"ไปช่วยพยุงคุณหนูท่านนั้นเถิด"
"เพคะองค์ชาย"
แม่นมรีบเข้ามาช่วยประคองโจวหว่านหรูทันที โจวหว่านหรูยิ้มให้แม่นมผู้นั้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ"
เจียงหมิงเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตนพลางไอออกมาอย่างหนัก
โจวหว่านหรูที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ครุ่นคิดในใจ
ความชั่วติดคอหรือไร จึงไอไม่หยุดเช่นนั้น?
แม้ในใจจะลอบก่นด่าเขา แต่ว่าโจวหว่านหรูกลับมีสีหน้าปกติยิ่ง เจียงหมิงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นจับที่กลางอกของตน คล้ายคนเหนื่อยหอบ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับโจวหว่านหรู
"คุณหนูท่านนี้รู้ได้เช่นไรว่าข้าคือองค์ชาย"
โจวหว่านหรูแสร้งยิ้มให้เจียงหมิงเจ๋อเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
"สถานะของท่านเป็นที่ล่วงรู้กันทั่วทั้งเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉิน อีกอย่างที่วังหลวงแห่งนี้มีองค์ชายเพียงสองพระองค์ ซึ่งหม่อมฉันเคยพบหน้าพวกเขามาแล้ว เพียงได้เห็นพระองค์ หม่อมฉันก็คาดเดาได้แล้วว่าพระองค์คือผู้ใดเพคะ"
"แม่นางช่างฉลาดยิ่งนัก"
โจวหว่านหรูเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ นางไม่อยากจะสนทนากับเจียงหมิงเจ๋อมากนัก จึงขอแยกตัวออกมาทันที
เจียงหมิงเจ๋อมองตามโจวหว่านหรูไปจนลับสายตา ก่อนจะเก็บสายตาตนกลับมา พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
คิดว่าเขาสังเกตท่าทีนางไม่ออกหรือ
ท่าทีรังเกียจแต่เก็บอาการนั่นมันคือสิ่งใดกัน?
นี่เขาพบคนที่เสแสร้งเก่งเช่นเดียวกับเขาแล้วใช่หรือไม่
น่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านหยางเฉิงนั้นหลังจากที่แยกตัวออกมาจากหยางจิ่งแล้ว เขาจึงมุ่งหน้ามาที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยมารดาของตน ฉินกุ้ยเฟยที่เห็นว่าลูกรักมาหาก็ดีใจไม่น้อย รีบให้นางกำนัลนำชาร้อนและของว่างมาให้หยางเฉิง ก่อนจะไล่เหล่าข้ารับใช้ออกไปด้านนอกจนหมด เมื่อในตำหนักเหลือเพียงพวกนางสองคนแม่ลูกแล้ว นางจึงเอ่ยถามหยางเฉิงทันที"ผู้ใดทำให้อาเฉิงของแม่อารมณ์เสียมากัน"ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่บุตรชายของตนอย่างรักใคร่ หยางเฉิงในยามนี้นั้นสลัดทิ้งท่าทีองค์ชายรองผู้สง่างามและจิตใจดีออกไปจนหมดสิ้น แววตาของเขาดุดัน เขากำมือตนเองแน่น ก่อนจะเอ่ยกับมารดาของตน"เสด็จแม่ ข้าเกลียดหยางจิ่ง!!!""ช้าก่อน อย่าส่งเสียงดังไปสิ ใจเย็น ๆ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ"หยางเฉิงควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว เขาอยากจะหาใครสักคนมาระบายความเกลียดชังนี้ออกไป"อาเฉิง""เสด็จแม่ หยางจิ่งดูแปลกไปพ่ะย่ะค่ะ ลูกพูดจายุแยงให้มันโมโหเหมือนทุกครา แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกับหยางจินจินอีกด้วย"ฉินกุ้ยเฟยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ระยะนี้นางไม่ได้ใส่ใจหยางจิ่งเท่าใดนัก แม้เขาจะมาพบนางแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกไปมิใช่หรือ"เ
เมื่อออกจากวังหลวงมาแล้ว โจวหว่านหรูก็พบกับโจวอวี้หานและเย่หยวนที่กำลังยืนรอนางอยู่หน้าประตูวังหลวงพร้อมกับรถม้าของจวนตระกูลโจว โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่งชาตินี้นางจะเก็บเกี่ยวทุกความอบอุ่นและความรักจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนทางข้างหน้าเป็นเช่นไรนางเองยังไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางจะพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อปกป้องคนในตระกูลโจวให้ปลอดภัยให้ได้"น้องเล็ก"โจวอวี้หานที่เห็นว่าน้องสาวของตนออกมาแล้วก็ดีใจไม่น้อย ช่วงเวลาที่โจวหว่านหรูไม่อยู่ที่จวนนั้น ภายในจวนดูเงียบเหงาไม่น้อยเลย"พี่ใหญ่""ท่านพ่อท่านแม่ให้พี่มารอรับเจ้า อีกทั้งยังมอบตั๋วเงินมาไม่น้อยเลย ท่านพ่อบอกว่าอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้าคงจะเบื่อเป็นแน่ จึงอยากให้เจ้าได้ผ่อนคลาย"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้น พี่ใหญ่พาข้าไปเดินเล่นที่ตลาดทีเถิด ข้าอยากจะผ่อนคลายเสียหน่อย""ได้สิ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด""เจ้าค่ะ"โจวหว่านหรูก้าวเดินเข้ามาในรถม้า โจวอวี้หานตามน้องสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วย ก่อนจะเร่งเดินทางไปที่ตลาดทันทีเมื่อมาถึงตลาด โจวหว่านหร
ยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าจึงค่อนข้างแจ่มใสไม่น้อยเลย เจียงหมิงเจ๋อออกมาเดินเล่นรับลมอยู่ที่ใต้ต้นดอกเหมยไม่ไกลจากที่พักของเขามากนัก เขาปรายตามองเหล่าทหารที่ติดตามอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่เย็นชา แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังส่งเสียงไอออกมาเป็นระยะเหล่าทหารที่ได้เห็นเช่นนั้นก็นึกดูแคลนเจียงหมิงเจ๋อไม่น้อย องค์ชายขี้โรคเช่นนี้ฝ่าบาทจะรับเอาไว้เป็นตัวประกันทำไมกัน ใช้ประโยชน์ใดไม่ได้ อีกไม่นานก็คงจะป่วยตายอยู่ในวังนี้กระมังเจียงหมิงเจ๋อมีหรือจะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นดูแคลนตน แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า ทำได้เพียงอดทนเท่านั้นเขาคร้านจะใส่ใจกับทหารชั้นต่ำเหล่านั้น จึงทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่ดูแคลนของพวกมันเสีย ก่อนจะหันมาเอ่ยถามแม่นมเถียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"มีข่าวส่งมาหรือไม่แม่นม?""ทูลองค์ชาย ยังไม่มีเลยเพคะ""คนของเราที่แฝงตัวเข้ามาเล่า""ยามนี้ยังไม่กล้ากระทำการสิ่งใดเพคะ เนื่องจากวังหลวงคุ้มกันแน่นหนา คนของเราจะทำสิ่งใดก็ลำบากไม่น้อยเลย"เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น หนทางที่เขาจะหนีไปได้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เสียหรอกเมื่
เจียงหมิงเจ๋อเก็บสายตาของตนกลับคืน ก่อนจะเดินกลับมาที่พักของตน เมื่อมาถึงก็พบกับนางกำนัลน้อยผู้หนึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามาให้เขา เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะยกมันขึ้นมากินด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ในใจนึกค่อนขอดไม่น้อยหลังถูกจับมาเป็นเชลยเขาได้ยินว่าแคว้นเยี่ยนและแคว้นเป่ยฉินทำสัญญายุติสงคราม แคว้นเยี่ยนยินยอมเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเป่ยฉิน ทั้งยังยินยอมส่งของมีค่าและอาวุธอีกมากมายมาที่เป่ยฉิน เนื่องจากแคว้นเยี่ยนของเขามีเหมืองแร่เหล็กที่สามารถหลอมออกมาเป็นอาวุธชั้นดีได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายบัดซบของเขา จึงทำให้แคว้นเยี่ยนจำต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เจียงหยงหลางยอมยุติสงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างสุขสบายบนบัลลังก์ต่อไป ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินก็ได้อาวุธชั้นดีในราคาที่ไม่สูงมาก บางครายังได้ของบรรณาการชั้นดีที่แคว้นเยี่ยนส่งมาให้อยู่เสมออีกด้วยต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่คนที่ทุกข์ที่สุดกลับเป็นเขา!!เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น ก่อนจะเงยหน้าไปมองนางกำนัลน้อยผู้นั้น พร้อมกับพยักหน้าคราหนึ่ง นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีที่ไร้พิรุธเมื่อนางกำนั
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามนางกำนัลผู้นั้นว่ายามนี้หยางจินจินอยู่ที่ใด เมื่อได้ความแล้วเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที เมื่อมาถึงเขาก็พบกับหยางจินจินที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา ใบหน้ามีหยดน้ำตาเปียกปอน หยางจิ่งหันไปมองฉินกุ้ยเฟยที่นั่งอยู่ข้างกายเสด็จพ่อของเขา ก็เห็นว่ายามนี้ฉินกุ้ยเฟยกำลังจ้องมองหยางจินจินด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจเท่าใดนักฮ่องเต้หยางหลิงไท่ที่เห็นพระโอรสของตน ก็รีบเอ่ยถามทันที"จิ่งเอ๋อร์ เจ้ามาก็ดี มาดูสิ่งที่น้องสาวตัวดีของเจ้าทำเอาไว้!!!"ฉินกุ้ยเฟยจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่เย็นชาคราหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นางได้ยินมาว่าระยะนี้หยางจิ่งและหยางจินจินดูสนิทสนมกันดี อีกทั้งหยางจิ่งก็ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าแต่ก่อน นี่คือสิ่งที่นางแปลกใจและสั่งให้คนตามดูมาตลอดจากการจับตาดูมาหลายวัน นางก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่หยางเฉิงบอกนางก่อนหน้านี้แล้ว คล้ายว่าหยางจิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริง ๆหยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามบิดาของตนทันที"จินเอ๋อร์ทำสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง
ไป๋อี๋ซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่เย็นเยียบพลางขมวดคิ้วมุ่น คนผู้นี้รู้ได้เช่นไรว่านางคิดจะทำสิ่งใดแววตาที่มองนางด้วยความเกลียดชังสลับกับการตัดพ้อต่อว่านั่นมันหมายความว่าเช่นไรกัน!!!หยางจิ่งจ้องมองไป๋อี๋ซินอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเห็นว่าท่าทีที่คิดจะสังหารเขาเมื่อครู่พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น นางมองน้องชายของตนที่ยามนี้ถูกเขาจับตัวเอาไว้ด้วยแววตาที่ร้อนรน ก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา"ปล่อยน้องชายข้า หากท่านอยากได้สิ่งใด ข้าจะทำตามที่ท่านขอ"หยางจิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง วันนี้เขาได้รู้ธาตุแท้ของสตรีนางนี้ด้วยตาตนเองแล้ว นางยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดจริง ๆหยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย"หากข้าให้เจ้าหักหลังบุรุษที่เจ้ารัก เจ้าก็ยินยอมทำใช่หรือไม่?"ไป๋อี๋ซินเม้มริมฝีปากแน่น นางไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกไป แต่ทว่ากลับจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่ระแวดระวัง บุรุษผู้นี้รู้ได้เช่นไรกันว่านางมีคนรักอยู่?เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะน้องชายป่วยหนัก นางไร้หนทางจะหาเงินมารักษา จึงใช้ความงามของตนเข้าไปทำงานร่ายรำที่หอคณิกา นางไม่ได้ขายเรือน
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยางจิ่งก็เดินออกมาจากเรือนของไป๋อี๋ซิน ก่อนจะยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง แล้วจึงหันไปเอ่ยกับหวังซุน“ประคองข้า”“ประคองทำไมพ่ะย่ะค่ะ”หวังซุนงงงันไม่น้อย ก่อนหน้านี้องค์ชายก็พาเขาเดินย้อนไปย้อนมา เข้าร้านสุรา แวะโรงพนัน ก่อนจะอ้อมไปตามทางเดินจนมาถึงที่อยู่ของไป๋อี๋ซิน มาครานี้ยังแกล้งเมาอีก“เราไม่รู้ว่าจะมีคนของหยางเฉิงอยู่แถวนี้หรือไม่ รีบประคองเร็วเข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”หวังซุนพยักหน้าด้วยความมึนงง ก่อนจะรีบตรงเข้าไปประคองหยางจิ่งทันที หยางจิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็แกล้งทำเป็นเมาจนเดินโซเซ พูดไม่เป็นภาษา แล้วเดินตามทางไปเรื่อยเปื่อยหลายวันก่อนเขาสั่งให้หวังซุนไปตามหาหมอปรุงยาพิษผู้หนึ่ง ที่อาศัยอยู่บนภูเขาด้านหลังวัดไป๋หวา เขาจำได้ว่าในชาติก่อน ตอนเดินทางไปวัดไป๋หวาพร้อมกับเสด็จพ่อเพื่อกราบขอพรพระโพธิสัตว์ เสด็จพ่อของเขาชอบไหว้พระขอพรเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปที่วัดไป๋หวาทุก ๆ ปี เคยได้ยินว่ามีหมอเทวดาผู้หนึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการปรุงยารักษาคน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาพิษและยาถอนพิษ ฝีมือนั้นเก่งกาจจนแทบหาตัวจับยาก แต่ทว่าราคาค่อนข้างแพงไปเสียหน่อย หากต้อง
เฉินป๋อเหวินที่เห็นหยางจิ่งก็ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะทำความเคารพอย่างนอบน้อม เพราะเขาติดตามท่านพ่อเข้าวังหลวงอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ได้พบหน้าหยางจิ่งอยู่บ้างในบางครา แต่เพราะเขาเป็นเพียงบุตรชายตระกูลคหบดี ส่วนหยางจิ่งเป็นถึงองค์ชาย อีกทั้งด้วยวัยที่ห่างกันทำให้เขาไม่ได้สนิทสนมกับหยางจิ่งมากเท่าใดนัก เขาเองไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองหลวง เนื่องจากชอบตามท่านพ่อไปค้าขายนอกเมืองตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่เหมือนกับโจวอวี้หานที่เป็นเพื่อนเล่นวัยเดียวกันกับหยางจิ่งมาตั้งแต่วัยเด็ก หยางจิ่งเพียงพยักหน้าให้เฉินป๋อเหวิน ก่อนจะปรายตามองกล่องอาหารในมือของเฉินป๋อเหวินคราหนึ่งโจวหว่านหรูที่เห็นว่าเฉินป๋อเหวินมาหา นางก็ยิ้มให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ป๋อเหวิน เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?"เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยตอบนางอย่างสนิทสนม"สักพักแล้ว พอข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่จึงรีบมาพบเจ้า ข้านำขนมมาให้เจ้าด้วยนะ เจ้าหิวแล้วหรือไม่?"หยางจิ่งจ้องมองคนทั้งสองที่สนทนากันอย่างสนิทสนมด้วยแววตาที่ไม่พอใจ แต่ทว่าไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติโจวอวี้หานที่ได้เห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมาทันที"ไหน ๆ ก็มากันแล้ว ไปนั่งเล่นกัน
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห