นิญาดามาถึงสำนักงาน สิ่งแรกที่ทำ คือ รีบโทรศัพท์ ติดต่อขอโอนค่ามัดจำ กับรีสอร์ต ก่อนที่หัวหน้าจะจับได้ ว่ายังไม่ได้โอนมัดจำ
เมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีปรากฏการโอนเงินเรียบร้อย หล่อนก็ยิ้มอย่างเบาใจ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยรอแค่ประชาสัมพันธ์โครงการให้อาจารย์สมัครเข้าอบรม
จากนั้น นิญาดาก็รีบสะสางงานหลักต่อนิ้วเล็ก ๆ ของนิญาดาพลิ้วไหวบรรเลงลงบนแป้นพิมพ์ อย่างชำนาญ แปดชั่วโมงของการทำงานในช่วงใกล้ปิดงบประมาณ มันช่างน้อยนัก รู้ตัวอีกที ก็หมดเวลาทำงานเพื่อน ๆ ในสำนักงานกลับกันหมดแล้ว
“นิญาดา”
เสียงหนักแน่น น่าเกรงขามดังขึ้น
หล่อนหันขวับไปยังต้นเสียงทันที
“.. เข้ามาหาอาจารย์ด้วย...”
ต้นเสียงเอ่ยต่อ
คนที่เรียกชื่อจริงของหล่อน.. มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คนนั้นคือ “รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย” ผู้ที่มีอำนาจลงนามสั่งให้คนทั้งมหาวิทยาลัยทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้และเป็นท่านประธานสูงสุดของสำนักงานวิจัยแห่งนี้
หญิงสาวผู้ถูกเรียกรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องรองอธิการบดี เมื่อพบกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้า หล่อนกระพุ่มไหว้อย่างเคารพตามธรรมเนียมผู้น้อยต้องไหว้ผู้ใหญ่
“นั่งลงสิ...”
เสียงเบาสั่ง แต่ยังคงความน่าเกรงขาม วันนี้ใบหน้าของรองอธิการบดีปรากฏริ้วหมอง ปากเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรงขยับเอ่ยขึ้น
“โอนเงินค่ามัดจำโรงแรม ไปแล้วใช่ไหม?”
“คะ?”
เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากนิญาดา สมองที่เหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน กำลังประมวลว่า ‘ท่านรองฯ ถามถึงอะไร?’
“ที่เธอจะจัดอบรม...”
เสียงหนักเอ่ย
“อ๋อ..”
คนจะจัดอบรมเพิ่งนึกออกจึงตอบไปว่า
“ค่ะ โอนมัดจำเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ปัง !
ท่านรองอธิการบดีโยนแฟ้มโครงการลงบนโต๊ะเสียงดังปัง เวลานี้ความโกรธได้ปะทะขึ้นแล้ว ท่านจึงไม่เห็นว่าบัดนี้สาวน้อยผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับหน้าซีด ปากสั่นระริก
“เธอโอนไปได้ยังไง!!!... ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา!! ข้ามหัวผู้หลักผู้ใหญ่!!!”
ท่านรองฯ ตวาดเสียงดังด้วยความโมโห ความเกรี้ยวกราดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
คลื่นแห่งความเกรี้ยวกราด มันพุ่งเข้าไปทิ่มแทงหัวใจของนิญาดาจนสั่นสะท้าน แม้ร่างบางจะนั่งบนเก้าอี้ แต่กลับรู้สึกจมดิ่งลงก้นเหวมืดดำ เคว้งคว้างฉับพลัน
ตลอดสามปีแห่งการทำงาน หล่อนได้รับคำชมเชยเสมอมา ไม่ว่างานนั้นจะเล็กหรือใหญ่ หล่อนทำทุก ๆ อย่างได้ดีเสมอ แต่ในวันนี้ กลับถูกผู้เป็นใหญ่ตำหนิอย่างรุนแรง -ทำอะไรไม่ปรึกษาผู้ใหญ่- เสียงเฉียบจากผู้บังคับบัญชายังคงกรีดแทงหัวใจซ้ำ ๆ
ก้อนแห่งความเสียใจของคนตัวเล็กที่ทุ่มเททั้งหัวใจให้กับการทำงานมันจุกที่ลำคอ นิญาดาต้องกลืนก้อนแข็ง ๆ ให้ตกลงข้างใน
“...เงินเกือบแสน เธอคิดว่ามันคุ้มแล้วเหรอ กับการอบรมที่ไม่ตอบตัวชี้วัดของมหาวิทยาลัย!! จัดไปก็ไร้ประโยชน์!!!”
สิ้นเสียงของท่านรองมีเพียงความเงียบเข้าครอบงำคนถูกตำหนินั่งนิ่ง หากมีคำใดหลุดออกมามันคงออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ท่วมท้น
ท่านรองฯ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพ่นออกมายาว ๆ ราวกับว่า กำลังพยายามไล่ความโกรธที่ปะทุขึ้นให้หายไปกับลมหายใจนั้น
นิญาดาก้มหน้ามองมือที่ประสานไว้บนตักปลายเล็บจิกลงบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ เพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน
เธอไม่เคยเห็นท่านรองฯ โมโหใครเท่าวันนี้ สิ่งที่ฉันทำมันผิดมากใช่ไหม ? ทำไมถึงได้ถูกตำหนิว่า ข้ามหัวผู้ใหญ่ ? ในเมื่อทุกโครงการที่เธอเป็นคนเขียนขอทุนมาได้ ก่อนจัดอบรมทุกครั้ง เธอก็เพียงแค่เสนอท่านรองฯ ให้รับทราบเท่านั้นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่ทำไมวันนี้ ท่านรองฯ ถึงโมโหมากมายขนาดนั้น เธอไม่เข้าใจ
“อีกแค่สามอาทิตย์. เธอจะหาอาจารย์มาเข้าร่วมอบรมได้ตามเป้าที่เธอวางไว้ได้ไหม?!”
แม้เสียงจะเบาลง แต่ยังคงเจือด้วยความขัดเคืองใจ
นิญาดาเงยหน้าขึ้น สบตา แล้วฝืนยิ้ม เพื่อให้ก้อนแข็ง ๆ ไหลลงสู่กลางใจ
“ทันค่ะ”
เสียงตอบแผ่วเบา เพราะน้ำตาที่เริ่มปริ่ม
“สี่สิบคน!!! ห้ามเอาคนในสำนักงานไปเด็ดขาด!! ที่ใส่ชื่อมาก็ลบซะ!!”
สมองที่กำลังมึนงง เหมือนถูกทุบด้วยค้อน สะดุดที่คำว่า
-ชื่อคนในสำนักงาน-
เมื่อวานหล่อนนั่งแก้เอกสารที่หัวหน้าให้แก้ไข และมั่นใจว่าไม่ได้แนบรายชื่อคนในสำนักงานไปแน่ ๆ นอกจากทีมวิทยากร
“ไม่เอาคนในสำนักงานไปแน่ ๆ ค่ะ หนูมั่นใจว่าไม่มีชื่อคนของสำนักงานในเอกสาร”
ท่านรองฯ พลิกหน้ากระดาษโครงการไปมา แล้วสุดท้ายก็เอ่ยเสียงเบา
“ไม่มี ก็ดี...”
บัดนี้ นิญาดารู้แล้วว่า ใครกันที่ทำให้ท่านรองฯ โมโหหล่อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่หัวหน้า ! นางงูพิษที่ชอบฉกด้านหลังลูกน้องที่ไร้ทางสู้ !
“.... และโปรแกรมเที่ยวก็ตัดออก ! เดี๋ยวสำนักงานอื่นเขาจะว่าเอาได้ ว่าสำนักงานเราเอาเงินหลวงไปละลายทิ้ง !”
“ไม่มีโปรแกรมเที่ยวค่ะ อาจารย์ลองดูในกำหนดการอีกทีนะคะ”
นิญาดาตอบท่านรองฯ ทันที เพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าที่โครงการอบรมของเธอไม่ผ่านการอนุมัติจากท่านรองฯ เกิดจากการใส่ไฟของนางยักษ์ล้วน ๆ
ท่านรองฯ พยายามไล่ดูกำหนดการอบรมว่ามีโปรแกรมเที่ยวในการอบรมหรือไม่ ? ทุกอย่างเริ่มแจ่มชัด ท่านรองฯ ไม่ได้เห็นตัวโครงการที่หล่อนเขียนขึ้นจริง ๆ แต่กลับเชื่อเพียงลมปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสำนักงาน
ลมปากที่พ่นออกมาไม่ใช่สีขาวแน่ ๆ แต่ต้องแต่งเติมสาดสีเน่า ๆ ขนาดไหนหนอ ถึงสามารถเป่าหูท่านรองฯ ให้คุกรุ่นได้ขนาดนี้ !
เมื่อพลิกกี่รอบ ๆ ก็ไม่เจอสิ่งที่ต้องการหา ท่านรองฯ จึงหยิบดินสอขึ้นจรดลงบนกระดาษ
“งั้นก็ไปแก้... คำถูกคำผิดมา ตรวจทานอีกรอบแล้วกัน”
“ค่ะ”
นิญาดารับคำ พร้อมยื่นมือรับเอกสารคืนอย่างอ่อนแรง
“แก้เสร็จแล้วเสนอมาใหม่ คราวหน้าจะทำอะไร ก็ให้เข้ามาปรึกษาก่อน”
“ค่ะ”
หล่อนรับแฟ้มเอกสารโครงการคืน
ร่างบางที่เคยเดินกระฉับกระเฉง บัดนี้ แม้แต่แรงลากขากลับมาที่โต๊ะทำงานยังแทบจะไม่มี
วางแฟ้ม....
ปิดคอมพิวเตอร์....
แล้วเดินออกจากสำนักงาน... ด้วยดวงใจที่อ่อนล้า พร้อมกับเสียงตะโกนก้องในใจ
‘เลิกเถอะ!!!’
‘พอกันที!!!!’
น้ำใส ๆ ไหลหยาดหยดอาบแก้มน้อยอย่างเงียบ ๆ แต่ในหัวของหล่อนกลับมีเสียงตะโกนร่ำไห้ตอกย้ำความเจ็บปวดว่า
‘มึงจะทำโครงการดี ๆ ให้คนเขาด่าเล่นทำไมวะ ?’
‘เลิกสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิดี ๆ เอาแค่ใครก็ได้... เหมือนที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน !’
‘เลิกทำจริง ๆ แล้วเอารายชื่อผีมาเบิกเงินหลวงกิน!... เหมือนที่นางยักษ์ทำอย่างไรล่ะ !’
‘เลิกคิด เลิกทำสิ่งใหม่ ๆ..... แล้วปล่อยให้อาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยอยู่ในกะลาครอบ!!!!’
แม้ตะวันลาลับขอบฟ้า แต่หยาดน้ำตา กลับรื้นขึ้นมาไม่ขาดสาย พรุ่งนี้จะมีแรงทุ่มเทให้กับงานอีกไหมหนอ หรือจะยอมละทิ้งอุดมการณ์ แล้วล่องลอยไปกับสายน้ำสีขุ่นในสังคม
แสงอรุณยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดรับลม แสงแรกของวันใหม่เข้ามาคลอเคลียปลุกนิญาดาให้ตื่นจากการหลับใหลเหมือนเช่นทุกวัน ทุกชีวิตกำลังเริ่มเคลื่อนไหว ตามวิถีทางแห่งตนเช้าวันนี้ ข้าราชการวัยเกษียณทั้งคู่ออกไปที่ไร่ก่อนลูกสาวจะตื่น นิญาดาจึงอนุญาตให้ตนเองเหลวไหลสักวัน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอกลับนอนเอนกายบนเก้าอี้หวายตรงระเบียงบ้าน ทอดสายตามองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายกาแฟในแก้วที่เคยส่งไอร้อนหอมกรุ่นบัดนี้ กลับเย็นชืด ไม่พร่องลงแม้แต่น้อย คราบน้ำตายังคงปรากฏอยู่บนใบหน้านวลลออ เหตุการณ์ถูกตำหนิจากท่านรองฯ เมื่อวาน มันยังคงแจ่มชัดในหัวจนแทบไม่อยากเข้าสำนักงานแสงแดดที่เริ่มแผดกล้าขึ้นรบเร้าให้ร่างบางค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้หวาย แม้จะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ต้องออกโบยบิน จนกว่าจะสิ้นลม มันคือ หน้าที่ของมนุษย์กินเงินเดือนอย่างเธอ !08.50 น.นิญาดาเหลือบดูนาฬิกาบนผนังห้อง พร้อม ๆ กับหัวหน้าสำนักงานจ้องคนมาสายจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้าหล่อนจ้องตากลับไม่ยอมหลบพร้อมกับยกมือไหว้ แต่ไม่ยิ้มเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะหัวหน้า”นิญาดาทักทายเสียงแข็ง เพราะยังคงเสียใจและผิดหวังกับการกระทำของผู้ที
อะไรที่หล่อนอยากได้ หล่อนต้องทำให้ได้ แค่ข้อมูลผู้ชายเพียงคนเดียวมีหรือเด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจะหามันมาไม่ได้!ไม่นานนักข้อมูลของเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้าก็ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ชื่อเต็ม ๆ คือ “ผศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาไฟฟ้า อายุสามสิบเจ็ดปี สถานภาพโสด ชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ ข้อมูลครบเมื่อได้ข้อมูลมาเรียบร้อย นิญาดารีบส่งอีเมลเชิญเป้าหมายเข้าร่วมงานอบรมที่หล่อนกำลังจะจัดขึ้นทันทีนิญาดาปรบมือให้ตัวเองเบา ๆ ก่อนจะลงมือทำงานพร้อมกับฮัมเพลงออกมาเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีจากนี้ก็แค่รอ รอ......ให้สุดที่รักของหัวหน้าเดินเข้ามาติดกับ แล้วเธอก็จะได้แก้แค้นอย่างสาสม ! เช้าวันรุ่งขึ้นนิญาดารีบเช็กอีเมลทันที แต่กลับไม่ปรากฏเมลของคนที่กำลังรอคอย ดวงตาคู่งามจับจ้องใบรายชื่อผู้ที่ลงทะเบียนเข้าอบรม ไม่ว่าจะดูกี่รอบ ๆ ก็ไม่ปรากฏชื่อ “ผศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” เลยสักนิด สุดที่รักของหัวหน้า เครื่องมือชิ้นเอกในการแก้แค้น“นิ! นิญาดา มาหาพี่หน่อย!”เสียงของนางช้างยักษ์ ร้องแปร๋นลั่นห้อง อย่างวางอำนาจแทรกเข้ามาในโสตประสาทแม้จะไม่อยากไปหา แต่
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายอาจารย์ตั้งแต่เช้าตรู่ จนบัดนี้ผ่านไปสามสิบกว่าท่าน จนเหงือกเริ่มจะแห้ง แข้งขาที่วิ่งขึ้นวิ่งลงรถบัสคันใหญ่เพื่อแจกป้ายชื่อบ้าง พาอาจารย์ขึ้นไปนั่งรอบนรถบ้าง เริ่มจะล้า “พี่นิขอป้ายชื่อหน่อยจ้า”เสียงน้องภีมร้องเรียกแจ้ว ๆ อยู่ด้านล่าง นิญาดาจึงรีบวิ่งลงไปด้วยความรีบร้อน ยังไม่ทันที่เท้าจะก้าวลงจากรถก็สะดุดเท้าตัวเอง“กรี๊ดดดดดดด”นิญาดาร้องเสียงหลง ร่างบอบบางคะมำไปข้างหน้า พรึบ!เธอกระแทกกับแผงอกกว้างของใครบางคน มือเล็กคว้าคล้องคอชายตรงหน้าไว้โดยอัตโนมัติ มือหนารวบเอวอรชรไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้น อกอิ่มนุ่มนิ่มเบียดเสียดกับอกแน่นล่ำสัน เนื้อแกร่งร้อนระอุ ความเร่าร้อนที่แฝงเร้นในกายชายหนุ่มกระตุ้นเลือดในกายสาวให้เดือดพล่าน ใบหน้าคนในอ้อมกอดร้อนผะผ่าวแดงก่ำ ดวงตาคู่งามที่ตื่นตระหนกด้วยความตกใจเมื่อครู่ สบกับดวงตานิ่งล้ำลึกเนิ่นนาน“เอ่อ อะ แฮ่ม!”ภีมถลาเข้ามาหาคนทั้งคู่ นิญาดาได้สติรีบคลายมือออก มือใหญ่จึงปล่อยเอวบางเช่นกัน“สวัสดีคร้า ท่านอาจารย์เตชิน”ภีมสาวในร่างชายส่งเสียงแหลมปรี๊ดทักทายผู้มาใหม่“สวัสดีค่ะ อาจารย์เตชิน” นิ
นิญาดารวบช้อน แล้วรีบกลืนไอติมให้ละลายลงคอ แล้วกรอกตามด้วยน้ำเปล่า“หนูขอตัว ไปดูความเรียบร้อยในห้องประชุมก่อนนะคะ”หล่อนขออนุญาตพี่เกด ก่อนวิ่งตามอาจารย์ออกไปภีมมองตามหญิงสาวที่วิ่งออกไปแล้วหันมาสบตากับสาวใหญ่ยิ้ม ๆ อย่าง “รู้กัน”แผนการขั้นต่อไปของนิญาดา คือ ต้องปรากฏตัวให้เป้าหมายรู้จัก ! นิญาดาแกล้งเดินเฉียดใกล้กลุ่มของอาจารย์เตชินด้วยใจระทึก“เดี๋ยวสิ คุณนิ”หนึ่งในแก๊งหนุ่ม ๆ อาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ร้องเรียก‘Yes!!! เป็นไปตามแผน!!’ นิญาดายิ้มน้อย ๆ อย่างลิงโลดในใจก่อนหันไปยังผู้เรียก พร้อมกับแววตาใสซื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยกระทำมา“คะ?”“ทำไมถึงได้จัดงานอบรมนี้ขึ้นล่ะครับ?”อาจารย์หนุ่มหนึ่งในกลุ่มนั้นถามขึ้น“คือ อยากจะเติมไฟให้อาจารย์ค่ะ เชิญศาสตราจารย์เก่ง ๆ มาพูดให้ฟัง เผื่อว่าจะได้พลังใจดี ๆ กลับไปค่ะ”แววตาผู้ตอบฉายแววมุ่งมั่น ย้ำว่าสิ่งที่เธอพูดและทำมาจากความตั้งใจจริง ๆ“แล้ว ทำไมถึงได้เชิญพวกผมล่ะครับ?”หล่อนเหลือบมองหัวหน้าภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตามด้วยรองหัวหน้าภาควิชา ไล่ไปจนถึงอาจารย์ทุกคนของภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มารวมตัวอยู่ที่นี่เกินกว่าครึ่งของภาค
“โต๊ะนี้ คงเป็นโต๊ะที่โชคดีมากนะครับ ที่มีโอกาสได้นั่งทานข้าวกับสาวสวยที่สุดในค่ำคืนนี้”ดร. พงษ์ เลิศปัญญา เพื่อนสนิทของเตชิน เอ่ยทักขึ้นเป็นคนแรก เพราะมีเชื้อจีน ผิวพรรณจึงขาวเนียน บวกกับความมีอารมณ์ขันจึงทำให้ใบหน้าเด็กกว่าวัย แม้ว่าจะล่วงเข้าวัยสามสิบแปดปี“ขอบคุณค่ะอาจารย์พงษ์ ยินดีเช่นกันที่มีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกับหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า”หล่อนยิ้มหวานให้หนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นผู้บริหาร และยังไม่ลืมที่จะโปรยรอยยิ้มแสนหวานนั้นมายังอาจารย์เตชินซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่เขากลับเฉย แววตาคมกริบนิ่งลึก ยากที่จะอ่านความรู้สึก“ขอบใจมาก นะจ๊ะน้องภีม”นิญาดา กระซิบภีมพร้อมกับขยิบตาให้เป็นเชิงรู้กันว่า การที่หล่อนได้มานั่งข้าง อาจารย์เตชินไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้อย่างตั้งใจล้วน ๆ “เรื่องแบบนี้ ไว้ใจสุดสวยอย่างภีมได้เลยจ้ะ พี่สาว”ภีมยกแก้วไวน์ชนแก้วกับนิญาดาฉลองให้กับการเริ่มต้นแผนการฉกดวงใจของหัวหน้าที่ส่อแววว่าจะไปได้สวยส่วน “พี่ปัญญ์” คนที่หัวหน้าส่งมาคอยคุมพวกเธอ น้องภีมมอบหมายให้พี่เกดจัดการ หากเหลียวดูโต๊ะข้าง ๆ จะเห็นสาวสูงวัย ผมถูกรวบมวยไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อยต
“อืม ใช่ครับ เรียกได้ว่าเป็นซากุระสุดท้ายที่บานให้เชยชมก่อนที่จะร่วงหมดทั้งประเทศ เหมือนกับ...”เขาหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด ดูเหมือนมีม่านบางอย่างเกิดขึ้นในแววตาคมกริบคู่นั้นคิ้วเรียวงามของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อเขาหยุดพูดไปเฉย ๆ หล่อนจึงชวนคุยต่อ เพื่อดำเนินการไปตามแผนที่วางเอาไว้“ฉันฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะไปเที่ยวญี่ปุ่น อยากเห็นซากุระสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่พอกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ก็เหมือนว่าชีวิตจะยุ่งทุกวัน ฮ่า ๆ”“ชอบซากุระ?”คำถามสั้นเช่นเคย แต่คนฟังกลับรู้สึกยินดีที่เขายังโต้ตอบบ้าง“ค่ะ ซากุระ ซูชิ ออนเซ็น ชอบทุก ๆ อย่างที่เป็นญี่ปุ่น ถ้าวันไหนไปญี่ปุ่น จะขอนอนแช่ออนเซ็นดูฟูจิให้หนำใจไปเลย !”ชายหนุ่มมองแววตาเพ้อฝันของคนเล่า ยิ้มลึก“แล้วอาจารย์ล่ะคะ?”“ครับ”หญิงสาวเลิกคิ้วสูง คำว่า “ครับ” คือ ชอบหรือไม่ชอบ ราวกับว่าเขาพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งก้าวล่วงเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขามากเกินไปความเจ็บแปลบ แล่นสู่หัวใจดวงน้อย นิญาดาต้องเตือนตัวเองอีกครั้ง เขาคือเครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น! เรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่จำเป็
“เออ พี่ลืมบอกพวกเธออีกหนึ่งเรื่อง”“อะไร้ เจ๊!”ภีมหน้าเครียด“มะ เมื่อก่อน อาจารย์เตชิน เคยได้ฉายาว่า คาสโนวาตัวพ่อ!”“อุ๊ปส์”ภีมหน้าเหวอ จะบุกเข้าไปช่วยพี่สาวตอนนี้ ก็กลัวจะได้ดูหนังสด แต่ถ้าไม่ช่วยเขาก็จะรู้สึกผิด เพราะแผนการอ่อยผู้ชายครั้งนี้ เขาเป็นคนวางแผนให้หญิงสาวทั้งหมด“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราไปแอบฟังที่ประตูกันเถอะ ถ้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือค่อยบุก!”“ถ้าไม่”ภีมถามกลับอย่างสยอง“ก็แยกย้ายสิจ๊ะ”แล้วสองร่างก็แนบหูเข้ากับประตูห้องต้นเหตุอือ... อ่า อือ... อะทั้งคู่ได้ยินเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากข้างในชัดเจน หน้าของทั้งคู่แดงก่ำแดง ต่างสบตาอย่างรู้กัน แล้วค่อย ๆ ย่องหายกลับห้องใครห้องมัน อย่างรู้สถานการณ์ปัง ! ทันทีที่ประตูปิดลง ชายหนุ่มผลักหญิงสาวในอ้อมกอดดันเข้าชิดผนังห้อง แล้วมือใหญ่ที่แข็งราวคีมเหล็กยึดข้อมือเล็กติดกำแพงปากหนาประกบกลีบปากบางไม่ยอมห่าง จูบรุนแรง ไม่อ้อยอิ่งอย่างคนหิวโหย เรียวลิ้นร้อนของชายหนุ่มซอนไซ้ คลอเคล้าอย่างเร่งร้อน ดูดดื่มจนสาวน้อยในกำแพงกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากไม่เพราะเขาตรึงหล่อนไว้กับผนัง ร่างบางคงพับลงพื้นเพราะไฟสว
ปากร้ายร้อนระอุ ขบเม้มปากบาง ลิ้นร้ายซอกไซ้กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กอย่างผู้ช่ำชอง แล้วละออก โลมเล้าไล่เลียเรื่อยลงมาที่พวงแก้วนวล ซุกไซ้คอขาวผ่องอย่างเร่งเร้า ปลายลิ้นสากไล้วนลงมาตรงเนินอกอวบอัด ดูด ขบ เน้นเบา ๆ“... อือ.... อะ.... อา....”เสียงร้องครางเบาหวิว ร่างบางดิ้นทุรนทุรายภายใต้อ้อมกอด เนื้อเนียนนุ่มเสียดสีกล้ามเนื้อหนา ยิ่งเหมือนการเติมเชื้อไฟสวาทเร่งเร้าให้เขาระเบิดเพลิงราคะมากยิ่งขึ้นมือเรียวแกร่งของชายหนุ่มเคล้าคลึงสะโพกบีบเน้นหนั่นเนื้อกลมกลึงอย่างหนักหน่วง มืออีกข้างกระชับเอวคอดแน่น ไฟราคะในกายหนุ่มโหมแรงอย่างต่อเนื่อง ดวงตาคมดุดันวาวโรจน์ เมื่อซุกไซ้ทรวงอกสล้างจนสาแก่ใจเขาจึงตวัดร่างบางอุ้มพาไปที่เตียงเขาปล่อยร่างอ่อนระทวยลงบนเตียงนุ่ม แล้วปลดตะขอกางเกงของตนเอง รูดออกจากตัว พร้อมทั้งกระชากเสื้อออกอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าร่างนวลผ่องนั้นจะหายไปนิญาดารวบรวมสติอันน้อยนิด พลิกขยับตัวคลานหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อป้องกันตัวจากชายหนุ่ม โคมไฟอยู่แค่เอื้อมแต่ด้วยฤทธิ์ของเหล้าบวกกับการเล้าโลมเมื่อครู่จึงทำให้สมองของหล่อนยังคงมึนงง การเคลื่อนไหวช้ากว่าที่ควรจะเป็น มือน้อยเก
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ
ดร. พงษ์ ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับจ้องตาภีมราวกับจะกลืนกินหนุ่มน้อยเข้าไปทั้งตัว“คิดถึง”หนุ่มน้อยกล่าวเบา ๆ เอียงอาย“อะไรนะ? ไม่ได้ยิน”ดร. พงษ์ โน้มตัวเอียงแก้มเข้ามาใกล้คนหน้าแดงเพราะอายจุ๊บ!ภีมหอมเข้าไปที่แก้มขาว ๆ ของคนช่างแกล้งทีหนึ่ง ดอกเตอร์หนุ่มฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ย“ชื่นใจจังเลย”“ช่วงนี้ที่รักเหมือนจะซูบไปนะ กินข้าวเยอะ ๆ แล้วพักผ่อนบ้าง”ภีมตักผัดผักกุ้งสดใส่จานให้ชายผู้เป็นที่รัก ขณะเอ่ยออกปากอย่างห่วงใย“ขอบคุณคร้าบบบบบบ...... ถึงจะซูบอย่างไร แต่ถ้าได้กำลังใจดี ๆ แบบนี้ รับรองยังขย้ำเสือได้สบาย ๆ”ดอกเตอร์หนุ่มตาพราวระยับ ภีมฟาดมือลงไหล่แน่นของเขาเบา ๆ แล้วเอ็ดแก้เขิน“ทำเป็นพูดเล่นไป ภีมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ แล้วอาจารย์เตชินเป็นอย่างไรบ้าง”“แผลตามร่างกายอะ หายแล้ว... แต่แผลในใจนี่สิ คงลึกน่าดู ลึกกว่าเหวซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าจะดึงมันขึ้นมาไหวไหม สภาพมันตอนนี้ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน จนอาม้ามันขอให้ผมไปเยี่ยมมันบ่อย ๆ เพราะกลัวมันจะคิดสั้น ก่อนจะได้แต่งงานกับอรนุช”ภีมมอง ดร. พงษ์ ที่พรั่งพรูความอัดอั้นตันใจออกมา หาก ดร. พงษ์ยังไม่สามารถดึ
ภีมและ ดร. พงษ์เดินกลับมาเห็นนิญาดาร้องไห้ออกมาจากห้องคนไข้พอดี“อุ้ย! “ภีมอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นนิญาดาสะอื้นจนตัวโยน เขาถลาเข้าไปประคองเมื่อเห็นร่างบางเดินโซเซแทบจะล้มทั้งยืน“คุณนิ เป็นอะไรไปครับ แล้วทำไมถึงออกมาจากห้องครับ”นิญาดาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แล้วส่ายหัวภีมสบตากับ ดร. พงษ์ และเมื่อมองผ่านช่องกระจกตรงประตูห้องพักคนไข้เข้าไป เขาเห็นอาม้า พี่สาว พี่เขยของอาจารย์เตชิน รวมถึงอรนุชก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่นิ รอที่นี่เดี๋ยวนะ ภีมขอไปเอากระเป๋าในห้องสักครู่ เดี๋ยวภีมไปส่งพี่ที่บ้าน”ภีมบอกหญิงสาว แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกับ ดร. พงษ์ สักครู่ใหญ่ภีมจึงออกมาพร้อมกระเป๋าแล้วไปส่งนิญาดาที่บ้าน “นิ… นิ...ร้องไห้ทำไม บอกพี่ซิ” ชายหนุ่มกอดร่างบางไว้แนบอก หญิงสาวจะรู้บ้างไหมว่าเสียงหัวใจที่เธอได้ยินมันเต้นด้วยความรักที่มีต่อเธอทั้งหมดแล้วหญิงสาวในอ้อมแขนก็ขยับตัวออกห่าง... เลื่อนมือประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ยืดตัวขึ้นเพื่อจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขา... ริมฝีปากอิ่มนุ่มส่งผ่านความอบอุ่นให้ไหลซาบซ่านเข้าสู่กลางใจเขา.... เขาจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นแต่แล้วหญิงสาวที่เ
ภีมพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดรับสาย และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร ปลายสายก็ส่งเสียงร้อนรน“รถอาจารย์เตชินแหกโค้ง พลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทาง!!!”“อ๊าย! .... ตายแล้ว” เสียงอุทานตกใจดังลั่นของภีม ทำให้นิญาดาชะงักมือที่เก็บของลงกล่อง มองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างฉงนภีมสบตากับนิญาดาในขณะที่ฟังเสียงรายงานสถานการณ์จากปลายสาย“รถยับเยินมาก ตอนนี้ไอ้ชินอยู่ที่โรงพยาบาลXXXXX”“อืม เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”เมื่อกดวางสาย ภีมมองนิญาดาอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง.... แล้วพยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุด“รถอาจารย์พลิกคว่ำ ชนต้นไม้ยับ”ได้ยินเพียงเท่านั้น ร่างบางก็แทบทรุดลงกับพื้น ราวกับว่าถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างกะทันหัน นิญาดาเกาะขอบโต๊ะเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปภีมอาสาขับรถพานิญาดามาถึงโรงพยาบาล เพราะสภาพจิตใจของหญิงสาวตอนนี้ไม่สมควรแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ดร. พงษ์แจ้งข่าวให้เขารับทราบเป็นระยะ ๆ ข่าวล่าสุดที่ได้รับแจ้งคือ อาจารย์เตชินออกจากห้องฉุกเฉินย้ายมาที่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วเมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้าไปพบ ดร. พงษ์ ที่คอยทั้งคู่อยู่ในห้องคนเจ็บ ภีมถลาเข้าไปจับมือชายหนุ่มบีบเพื่อปลอบประโลมค่ำคืนนี้