ปากร้ายร้อนระอุ ขบเม้มปากบาง ลิ้นร้ายซอกไซ้กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กอย่างผู้ช่ำชอง แล้วละออก โลมเล้าไล่เลียเรื่อยลงมาที่พวงแก้วนวล ซุกไซ้คอขาวผ่องอย่างเร่งเร้า ปลายลิ้นสากไล้วนลงมาตรงเนินอกอวบอัด ดูด ขบ เน้นเบา ๆ
“... อือ.... อะ.... อา....”
เสียงร้องครางเบาหวิว ร่างบางดิ้นทุรนทุรายภายใต้อ้อมกอด เนื้อเนียนนุ่มเสียดสีกล้ามเนื้อหนา ยิ่งเหมือนการเติมเชื้อไฟสวาทเร่งเร้าให้เขาระเบิดเพลิงราคะมากยิ่งขึ้น
มือเรียวแกร่งของชายหนุ่มเคล้าคลึงสะโพกบีบเน้นหนั่นเนื้อกลมกลึงอย่างหนักหน่วง มืออีกข้างกระชับเอวคอดแน่น ไฟราคะในกายหนุ่มโหมแรงอย่างต่อเนื่อง ดวงตาคมดุดันวาวโรจน์ เมื่อซุกไซ้ทรวงอกสล้างจนสาแก่ใจเขาจึงตวัดร่างบางอุ้มพาไปที่เตียง
เขาปล่อยร่างอ่อนระทวยลงบนเตียงนุ่ม แล้วปลดตะขอกางเกงของตนเอง รูดออกจากตัว พร้อมทั้งกระชากเสื้อออกอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าร่างนวลผ่องนั้นจะหายไป
นิญาดารวบรวมสติอันน้อยนิด พลิกขยับตัวคลานหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อป้องกันตัวจากชายหนุ่ม โคมไฟอยู่แค่เอื้อมแต่ด้วยฤทธิ์ของเหล้าบวกกับการเล้าโลมเมื่อครู่จึงทำให้สมองของหล่อนยังคงมึนงง การเคลื่อนไหวช้ากว่าที่ควรจะเป็น มือน้อยเกือบจะคว้าโคมไฟไว้ได้ แต่แล้ว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ร่างบางร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ เมื่อถูกมือแกร่งดึงข้อเท้า กระชากหล่อนให้กลับมานอนหงายใต้อกแกร่งอีกครั้ง
“ว้าย ปล่อย!”
คนในอ้อมกอดตาลุกวาวด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ภายใต้ร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำเป็นมัด ๆ ประดับด้วยเม็ดเหงื่อพราวพราย รูปลักษณ์ของเขาช่างสง่าชวนให้หลงใหลทั้งนอกและใน เอวสอบเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้องแกร่งเรียบไร้ไขมัน แก่นความเป็นชายชูชัน กำยำ
“กรี๊ด”
สาวน้อยเผลอกรีดร้องออกมาอย่างตกใจกับสิ่งที่เห็น เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นความเป็นชายอย่างแท้จริง แก่นกายเต่งเต็มไปด้วยพลังบุรุษยิ่งใหญ่กว่าชายใด หัวใจของสาวน้อยเต้นรัว ขนอ่อนลุกซู่ทั่วกาย มันคือความกลัวของสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยต้องมือชายใด
“ปล่อย! คนบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ในเมื่อเขาไม่ให้เกียรติ หล่อนก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเขาอาจารย์อีกต่อไป
“อย่าดัดจริตหน่อยเลย! ทำยังกับว่าไม่เคย”
เขาเหยียดปากหยามหล่อน แค่มือใหญ่ข้างเดียวก็สามารถรวบมือน้อยที่รัวทุบอกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ ตาคู่งามลุกโชนด้วยความโมโห
“จะเคยไม่เคย มันก็เรื่องของฉัน! ปล่อยฉัน! ปล่อย.... ปอ...”
กำแพงกล้ามเนื้อทาบทับร่างบาง แนบชิดทุกสรรพางค์ ปากเรียวร้อนประกบปากบางเพื่อกลบเสียงที่เขาไม่อยากได้ยิน
ปากร้อนเคล้าให้หล่อนเผยอปากรับจูบอันช่ำชองโดยไม่ยาก ลิ้นร้อนแทรกลึกเข้าไปในโพรงปากหวาน กวาดต้อนเรียวลิ้นเล็กไม่ประสาอย่างชำนาญ เรียกเสียงครางแผ่วหวานจากสาวน้อยได้อีกครั้ง
“...อา...”
มือเรียวแกร่งอีกข้างถลกชุดเดรสบางเบาขึ้นไปที่คอระหง เผยให้เห็นก้อนเนื้ออวบ เนียน ขาวผ่อง ที่ถูกห่อหุ้มด้วยลูกไม้สีขาวชั้นดี
สายตาคมกริบโลมเลียก้อนเนื้ออวบอัดภายใต้ลูกไม้ แรงหอบหายใจทำให้มันกระเพื่อมขึ้นลง ทำเอาไฟตัณหาของชายหนุ่มลุกโชน ริมฝีปากเขาฉกลงมาคลอเคลียเนินอกที่ร้อนผ่าวจนแทบระเบิด เขาอยากจะเห็นอกสล้างอย่างยั้งใจไม่ไหว มือซุกซนอีกข้างสอดเข้าปลดตะขอลูกไม้อย่างเชี่ยวชาญ
“ยะ... อย่า”
ร่างน้อยสั่นระริก ส่งเสียงห้ามเบาหวิว ไปกับเพลิงสวาทที่กัดกินกายหล่อน
“หือ...”
ชายหนุ่มอุทาน เมื่อเห็นอกสล้างขาวผ่อง อวบเต็งเผยโฉมยั่วยวนต่อหน้าเขา ดอกบัวทั้งสองชูชันอย่างเชื้อเชิญ ปลุกเร้าไฟตัณหาให้แผดเผามากยิ่งขึ้น
สายตาคมวาววับ เชยชมเรือนร่างสวยงามของสาวน้อย เอวคอดของหญิงสาวรับกับสะโพกผาย ผมยาวสีดำสนิทแผ่กระจายด้านหลังเกือบถึงสะโพก ร่างบางงดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัว
แก่นกายของเขาตื่นตัวเต็มที่ทันทีที่เห็นร่างกลมกลึงได้สัดส่วนของหล่อนที่เหลือเพียงบิกินีลูกไม้ตัวจิ๋ว แล้วมือหนาก็ตะปบลงบนดอกบัวตูมชูชัน บีบเคล้นดอกบัวอวบ อึ๋ม ครัด เกร็งของเจ้าหล่อนอย่างหนักหน่วง เร้ากระแสไฟฟ้าให้แล่นแปลบปลาบ ซ่านซ่าไปทั่วร่างบาง
บัวตูมดอกนี้แข็งเป็นไตราวกับไม่เคยต้องมือภมรตัวใด
- หรือว่าเธอจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องจริง ๆ -
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของชายหนุ่มที่แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้เพราะเพลิงสวาทมันท่วมท้นใจ
ใบหน้าหล่อเหลาก้มไปเชยชมดอกบัวตูมอีกข้าง จมูกโด่งเป็นสันแนบลึกเข้าไปในเนื้อผ่อง สูดสัมผัสกลิ่นกายสาวที่หอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว ราวกับกลิ่นหอมของดอกซากุระ ทำให้เขาหลงใหลจนอยากจะกลืนกินหล่อนทั้งเนื้อทั้งตัว ปากระอุโฉบลงบนเนื้ออ่อนไวเท่าความคิด ขบ ดูดยอดบัวตูมสีชมพูระเรื่อ ลิ้นร้ายตวัดเล้าโลมอย่างหิวกระหาย
“... อือ..... อา........”
เสียงครางแผ่วระโหย ร่างบางแอ่นหยัดอกอวบส่ายไปมา มือน้อยที่ถูกปล่อยเป็นอิสระเกาะจิกแผ่นหลังแกร่งอย่างซ่านกระสัน
ปากร้ายร้อนระอุ ละจากยอดบัวตูม ค่อย ๆ พรมจูบจากเนินออกอิ่ม โลมเล้าด้วยเรียวลิ้น ขบกัดประทับรอยรักแสดงความเป็นเจ้าของไว้ทั่วเรือนร่างอันงดงามนี้
มือเรียวแกร่งเลื่อนลงมาลูบไล้ขาอ่อนกลมกลึง แล้วเกี่ยวเอาบิกินีตัวจิ๋วให้หลุดออกจากร่างงามซึ่งเป็นปราการชิ้นสุดท้าย เผยให้เห็นกุหลาบป่าสีแดงระเรื่อปกคลุมด้วยเส้นไหมบางเบา ทั่วทั้งสรรพางค์บุรุษเพศสั่นระริก ปวดหนึบเท่าทวีคูณ
“...หือ... อา...”
เขาแกร่งหอบหายใจแรง ในขณะที่ร่างบางยังคงอ่อนระทวยกับความรัญจวนที่เขาปรนเปรอให้อย่างถึงใจด้วยความชำนาญการของคาสโนวาตัวพ่อ
เขาแยกเรียวขาหล่อน ออก
“ยะ... อย่า... หือ”
นิญาดาส่งเสียงห้ามกระเส่า เบาหวิว ความรู้สึกต้องการเขาอย่างรุนแรงมีมากกว่าความกระดากอาย ราวกับว่าหล่อนถูกเขาวางยา ให้เสพติด หล่อนต้องการเขามากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
ชายหนุ่มที่ลุกไหม้ไปด้วยไฟแห่งราคะไม่ฟังเสียงทัดทานใด ๆ เขาผนึกอุ้งปากร้อนระอุอย่างละเมียดลงที่ขาอ่อนด้านในใกล้พุ่มกุหลาบป่า เพื่อค่อย ๆ เรียกความเสียวซ่านให้เกิดขึ้น กระแสไฟสวาทแล่นแปลบปลาบทั่วร่างหญิงสาว วิ่งเข้าสู่หัวใจจนทำให้มันเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก มือน้อยสอดเข้าใต้ผมดกดำอยากจะดึงทึ้งออกด้วยความทรมาน แต่เรี่ยวแรงของหล่อนกลับปลิวหายไปกับเพลิงที่เขาค่อย ๆ โหม มือน้อยสั่นระริกกลายเป็นเคล้าคลึงกดศีรษะใหญ่ด้วยความระโหย
“อะ... อา....”ร่างบางแอ่น หยัดสะโพกครวญคราง เมื่อจมูกโด่งคมสันบดลึก ถูกไถกับตุ่มเกสรกุหลาบงาม ปากร้อนผนึกกินดอกไม้ทั้งกลีบ ลิ้นสากซอนไซ้ โลมเลียกลีบกุหลาบอย่างช่ำชอง ความเสียวซ่านแผ่ไปทั้งกายสาวจนน้ำค้างชุ่มฉ่ำเต็มกลีบมือใหญ่ช้อนสะโพกกลมกลึง บีบเน้น ในขณะที่ปากหนาขบเม้มหนักหน่วง ลิ้นสากระอุสอดแทรกโลมเลียตุ่มเกสร กลืนกินกลีบดอกอย่างหิวกระหาย จนร่างบางบิดเร่าแตกสลายกลายเป็นดวงดาวขาวพร่างไปกับปากและลิ้นดุดัน หล่อนก็ยิ่งครางเสียงดัง“...อ๊า.....”ร่างบางที่กำลังถูกไฟสวาทเข้าครอบงำจนหล่อนเองจำเสียงตนไม่ได้ จิตใจเธอวาบหวามไปกับการเคลื่อนไหวของลิ้นร้ายจนไม่ได้ยินอะไร ลมพายุลูกใหญ่กำลังอื้ออึงเต็มสองหู ความเสียวซ่านอันแปลกประหลาดพุ่งกระจายไปทั่วร่างก่อนจะมุ่งหน้าสู่กึ่งกลางกายสร้างความหวานไหวให้หล่อนอ่อนเปลี้ยราวกับร่างกายไร้กระดูก“...หึ... หึ...”ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างเหิมเกริม ยินดีที่เรียกเสียงครางจากคนรั้นได้“แค่นี้... ก็ร้องจนถึงสวรรค์.. ต่อจากนี้...คือ บทเรียนจากคาสโนวา!”มือหนาประคองแก่นกายกำยำร้อนจนแทบจะระเบิด จ่อ... ถู... ไถ ที่กุหลาบงามอันชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานร่างน้อยบิ
เกิดความเจ็บแปลบที่หว่างขา มือเล็กแตะร่องน้อยกลางกายของตน สัมผัสได้ถึงของเหลวหนืด เมื่อยกปลายนิ้วขึ้นดู หล่อนก็แทบจะกรีดออกมา เลือดสีแดงเข้มติดที่ปลายนิ้ว! ดวงตากลมโตเพ่งพินิจร่างกายตนอย่างละเอียด เนื้อขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยจูบที่เขาฝากไว้เป็นจ้ำ ๆหล่อนถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม พ่อกับแม่เลี้ยงดูหล่อนอย่างดี แม้แต่รอยขีดข่วนยังแทบจะไม่มี แล้วเขาเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำให้หล่อนเจ็บทั้งกายและใจ ดวงตาคู่สวยลุกวาวจ้องร่างแกร่งที่ยังคงหลับสนิทคนที่ทำให้เธอเจ็บ ก็คือ คนที่นอนหลับตาพริ้มนั่น!คนที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ ก็คือคนที่นอนนิ่งอย่างสบายบนเตียงนั่น!เขาทำให้หล่อนเจ็บระบมไปทั้งกาย แต่เขากลับหลับสบายบนเตียงของหล่อน!!! ความเสียใจบวกกับความโกรธพุ่งจี๊ดแล่นสู่สมอง กำปั้นน้อยของเจ้าของเตียงพุ่งใส่คนที่ยังหลับตาพริ้ม“อ๊าย!”มือเรียวแกร่งคว้าข้อมือหล่อนได้ทันที่จะชกลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ร่างหนาลุกขึ้นแล้วกระชากร่างบางเข้าแนบอก พร้อมกับซุกจมูกโด่งฝังแก้มนวล สูดกลิ่นกายสาวอ่อน ๆ เหมือนดอกซากุระ ที่ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้เสมอ“ปล่อย!” ร่างสวยเปล่าเปลือยดิ้นขลุกขลักในอ
หล่อนเริ่มตัวสั่นแล้วอ่อนระทวยไปทั้งร่างกับสัมผัสของมือแกร่ง แต่แสนอบอุ่น เธอต้องเอนกายเบียดชิดกำแพงเพื่อใช้เป็นหลักยึดร่างไว้ไม่ให้ร่างที่อ่อนปวกเปียกไหลไปกองกับพื้น ขนอ่อนในกายสาวลุกซู่จนต้องร้องห้าม“หยุด! ฉันอาบน้ำเองเป็น!”“เงียบ!”เสียงทุ้ม ไม่ได้ตวาดแต่ทรงอำนาจ เขาไม่ใช่เจ้านายหล่อน แต่ทำไมหล่อนต้องกลัว นี่คือคำตอบที่หล่อนเองก็ตอบไม่ได้ และยอมตามใจเขาเสมอมือแกร่งแทรกลึกเข้าหว่างขาเนียน จนถึงกลีบกุหลาบ น้ำอุ่นไหลอาบจากศีรษะผ่านหน้าอกชูชัน ไหลลงมาสู่หว่างขาความอุ่นซ่านเข้าไปพร้อมกับปลายนิ้วแกร่งหากแต่สัมผัสนั้นอ่อนโยนเหนือคณนา ปลายนิ้วอุ่นซ่านค่อย ๆ คลี่กลีบกุหลาบงาม ให้น้ำอุ่นได้ชำระคาบมลทินที่เขากระทำไว้ขาของสาวน้อยเริ่มอ่อนระทวยลงอีกครั้ง จวนเจียนจะยืนไม่ไหวจนต้องจับไหล่กำยำไว้ ใบหน้าสวยแหงนหงายจนหลังแอ่น เมื่อนิ้วแกร่งถูไถเกสรกุหลาบ“ยะ.... อย่า... อา”ความมัวเมา ซ่านกระสันกำลังครอบงำหล่อนอีกครั้ง หล่อนหัวหมุนกับการเคลื่อนไหวของมือแกร่งและนิ้วร้าย กุหลาบงามเป่งด้วยความถวิลหา กลีบกุหลาบกลืนกินนิ้วแกร่งอย่างร้ายกาจ “อื้อ ยะ อย่า คะ อาจารย์ อื้ออออออ”“คุณบอก..
คนถูกถามกลืนกาแฟอย่างยากเย็นราวกับว่ามันเป็นของแข็ง แล้วเม็ดน้ำตาก็ร่วงแหมะลง เล่นเอาคนถามใจคอไม่ดี“เฮ้ย! พี่นิเป็นอะไร?”มือเรียวบางของภีมเขย่าแขนคนที่น้ำตาร่วง“..เขา... เขา... ฮือ...”นิญาดาพยายามจะตอบ แต่มันช่างยากเย็น คำตอบมันละลายหายไปกับเสียงสะอื้นเบา ๆ พี่เกดโน้มเข้ามากอดคนสะอึกสะอื้นจนตัวโยน มือหนึ่งโอบรอบศีรษะสาวน้อยเข้าแนบอก อีกมือลูบหลังที่สั่นสะท้านปลอบเบา ๆ“ใจเย็น... นิ ใจเย็น... พี่รู้”คนเป็นพี่ใหญ่ปลอบในฐานะผู้ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน“พี่นิ อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนคือครั้งแรกของพี่!”ภีมกระซิบถาม ส่งผลให้ร่างบางสะอื้นหนักยิ่งขึ้น เพราะเสียใจกับความบริสุทธิ์ที่หล่อนอุตส่าห์เฝ้าถนอมไว้ให้เจ้าบ่าวในคืนวันวิวาห์ แต่กลับต้องมาสูญเสียให้ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันง่าย ๆ ภายในคืนเดียว !พี่เกดฟาดมือลงบ่าคนปากมากเต็มแรง อีกฝ่ายจึงหยุดพูด คนถูกตีหน้าเบ้ ผู้มีประสบการณ์ประเมินจากอาการของคนในอ้อมแขนคงพอจะเดาได้ว่า นิญาดาคงจะเสียสาวให้กับอาจารย์หนุ่มครั้งแรกเป็นแน่แท้โชคดีที่กลุ่มของนิญาดานั่งอยู่ด้านในสุดตรงมุมของห้องอาหาร จึงไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่น ๆภีมอาสาไปเ
หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ ซอยส้นสูงสีแดงสดก้าวฉับ ๆ เข้ามาในสำนักงาน ผมสลวยสีดำเงางามสะบัดไปมาตามจังหวะก้าวเดิน ดวงตากลมโตแต่งเติมด้วยอายแชโดว์เพิ่มความหวานซ่อนเปรี้ยวให้ดวงตาคู่งาม หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้อง 08.30 น. เวลาตอกบัตรเข้างานพอดิบพอดี ปากบางแต้มด้วยสีแดงกุหลาบกระตุกยิ้มพร้อมมองสบตาสาวใหญ่ที่กำลังมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า“สวัสดีค่ะพี่ณี”นิญาดา สาวสวยประจำสำนักงานทักทายเสียงใสอย่างมีจริตจะก้านพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าแววตาถมึงทึงของหัวหน้าสำนักงานจ้องสาวน้อยที่ทักทายเพียงแวบเดียว แล้วสะบัดหน้าบูดบึ้งนั้นหันไปสนใจกับงานตรงหน้าอีกครั้งหนึ่งสาวสวยยักไหล่ คิดในใจ ‘ก็ช่างปะไรต่างคนต่างอยู่’แล้วขายาวเรียวนวลเนียนภายใต้กระโปรงสีแดงแปร๊ดรัดรูปอย่างสาวออฟฟิศสมัยใหม่ก็ก้าวไปที่โต๊ะประจำตำแหน่งอย่างเคยชิน สายตาคู่งามก็หลุบต่ำลงเมื่อเห็นหนังสือราชการที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจทำเมื่อวานกว่ายี่สิบฉบับ ถูกขีดฆ่า แก้ไขด้วยปากกาสีแดงเป็นปื้น ๆเฮ่อ !นิญาดาพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วทิ้งร่างอรชรบอบบางลงบนเก้าอี้แม้จะถูกกลั่นแกล้งจนเคยชิน แต่ก็ยังอดเหนื่
เมื่อเธอได้หัวข้อการอบรมแล้ว กิจกรรมต่าง ๆ หัวข้อบรรยายย่อย ก็พรั่งพรูออกมาอย่างง่ายดาย‘วิทยากร... แน่นอน!!! ต้องเป็นคนที่ทุกคนต้องร้องว้าว!’เมื่อเรียวเริ่มละเลงลงบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อีกครั้งเพื่อค้นหารายชื่อและประวัติผู้ทรงคุณวุฒิที่เหมาะสมสำหรับการเป็นวิทยากรที่ดีที่สุดในงานอบรมดวงตาเป็นประกายสดใสของเธอจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กะพริบ หญิงสาวมีความสุขกับการทำงานที่ท้าทาย แม้จะเจออุปสรรคบ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเธอ‘คนนี้เลย! ศ. ดำรง ผู้ที่ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุด ในประเทศไทย !’นิญาดาตาลุกวาวเมื่อค้นเจอชื่อวิทยากรคลิกนิญาดาคลิกปุ่มกดส่งอีเมลเพื่อทาบทามศาสตราจารย์ดำรงค์ทันทีที่ค้นเจอจากนั้นเรื่องที่เธอจะต้องจัดการต่อไป คือ สถานที่จัดอบรม และต้องเป็นที่ที่สวยงามน่าไปมากที่สุด ซึ่งคงหนีไม่พ้น “รีสอร์ตเดอะเบสต์ออร์คิด”รีสอร์ตหรูท่ามกลางธรรมชาติที่แสนจะโรแมนติกนิญาดาหลับตาพริ้มฝันหวานถึงที่นอนนุ่มท่ามกลางป่าเขาริมน้ำตก ในขณะกำลังค้นหาข้อมูลโรงแรมในอินเทอร์เน็ต หล่อนมักมีความสุขกับการทำงานเสมอเช้าวันต่อมานิญาดาเปิดเมล ด้วยใจระทึก-ผมยินดีเป็นวิทยากร
เช้าตรู่ของวันใหม่นิญาดามาถึงสำนักงาน สิ่งแรกที่ทำ คือ รีบโทรศัพท์ ติดต่อขอโอนค่ามัดจำ กับรีสอร์ต ก่อนที่หัวหน้าจะจับได้ ว่ายังไม่ได้โอนมัดจำเมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีปรากฏการโอนเงินเรียบร้อย หล่อนก็ยิ้มอย่างเบาใจ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยรอแค่ประชาสัมพันธ์โครงการให้อาจารย์สมัครเข้าอบรมจากนั้น นิญาดาก็รีบสะสางงานหลักต่อนิ้วเล็ก ๆ ของนิญาดาพลิ้วไหวบรรเลงลงบนแป้นพิมพ์ อย่างชำนาญ แปดชั่วโมงของการทำงานในช่วงใกล้ปิดงบประมาณ มันช่างน้อยนัก รู้ตัวอีกที ก็หมดเวลาทำงานเพื่อน ๆ ในสำนักงานกลับกันหมดแล้ว “นิญาดา”เสียงหนักแน่น น่าเกรงขามดังขึ้นหล่อนหันขวับไปยังต้นเสียงทันที“.. เข้ามาหาอาจารย์ด้วย...”ต้นเสียงเอ่ยต่อคนที่เรียกชื่อจริงของหล่อน.. มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คนนั้นคือ “รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย” ผู้ที่มีอำนาจลงนามสั่งให้คนทั้งมหาวิทยาลัยทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้และเป็นท่านประธานสูงสุดของสำนักงานวิจัยแห่งนี้หญิงสาวผู้ถูกเรียกรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องรองอธิการบดี เมื่อพบกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้า หล่อนกระพุ่มไหว้อย่างเคารพตามธรรมเนียมผู้น้อยต้องไหว้ผู้ใหญ่“นั่งลงสิ...”เสียงเบาสั่ง แต่ยังคงความน่าเกร
แสงอรุณยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดรับลม แสงแรกของวันใหม่เข้ามาคลอเคลียปลุกนิญาดาให้ตื่นจากการหลับใหลเหมือนเช่นทุกวัน ทุกชีวิตกำลังเริ่มเคลื่อนไหว ตามวิถีทางแห่งตนเช้าวันนี้ ข้าราชการวัยเกษียณทั้งคู่ออกไปที่ไร่ก่อนลูกสาวจะตื่น นิญาดาจึงอนุญาตให้ตนเองเหลวไหลสักวัน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอกลับนอนเอนกายบนเก้าอี้หวายตรงระเบียงบ้าน ทอดสายตามองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายกาแฟในแก้วที่เคยส่งไอร้อนหอมกรุ่นบัดนี้ กลับเย็นชืด ไม่พร่องลงแม้แต่น้อย คราบน้ำตายังคงปรากฏอยู่บนใบหน้านวลลออ เหตุการณ์ถูกตำหนิจากท่านรองฯ เมื่อวาน มันยังคงแจ่มชัดในหัวจนแทบไม่อยากเข้าสำนักงานแสงแดดที่เริ่มแผดกล้าขึ้นรบเร้าให้ร่างบางค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้หวาย แม้จะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ต้องออกโบยบิน จนกว่าจะสิ้นลม มันคือ หน้าที่ของมนุษย์กินเงินเดือนอย่างเธอ !08.50 น.นิญาดาเหลือบดูนาฬิกาบนผนังห้อง พร้อม ๆ กับหัวหน้าสำนักงานจ้องคนมาสายจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้าหล่อนจ้องตากลับไม่ยอมหลบพร้อมกับยกมือไหว้ แต่ไม่ยิ้มเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะหัวหน้า”นิญาดาทักทายเสียงแข็ง เพราะยังคงเสียใจและผิดหวังกับการกระทำของผู้ที