“จัดมาค่ะคุณน้อง” นิญาดายักคิ้วให้กับเหล่านักแสดง เรื่องการแสดงเป็นเรื่องที่ตนถนัดเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเรียนเก่งจนได้เกียรตินิยมแล้ว เธอยังเป็นนางเอกละครเวทีของมหาวิทยาลัยอีกด้วยก่อนที่เป้าหมายในการแก้เผ็ดจะเดินออกมาจากในห้องครัว เหล่านักแสดงละครก็สลายตัวนั่งประจำที่ของตน ตาของภีมที่ไวดุจเหยี่ยวแลเห็นเงาใหญ่ไหวไกล ๆ จากประตูห้องครัว คงเดาได้ไม่ยาก ว่าอีกสักพักร่างหนาอวบอูมก็จะเดินออกมาจากห้องครัว คนต้นคิดการแสดงจึงเริ่มต้นเล่นละครทันที“อุ้ย! ตายแล้วววววว”ภีมแกล้งอุทานลั่นห้อง และได้ผล สมาชิกทุกคนในห้องหยุดทำงานแล้วจ้องหล่อนเป็นตาเดียว“เด็ดมากกกกกก ข่าวดังที่สุดในรอบยี่สิบปีเลยนะเนี่ย!”ภีมลากเสียงเล่นฉากใหญ่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี“อะไร อะไร”พี่เกดลุกจากโต๊ะถลาเข้ามาหาภีมที่โต๊ะ.... เริ่มเล่นละครอีกคน“พี่เกดดูสิ!”เจ้าของโต๊ะชี้ให้คนเป็นพี่ดูภาพบางอย่างใน เฟซบุ๊กของนิญาดา“ว้าย!”คนเป็นพี่แกล้งอุทานเสียงดังพอกัน เสียงนั้นร้องเรียกให้สาวใหญ่อีกคนเดินเฉียดเข้ามาใกล้โต๊ะภีม แววตาภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะของพี่ปัญญ์อยากรู้อยากเห็นเต็มท
แม้จะเอ่ยว่าขอร้อง แต่น้ำเสียง คือ คำสั่งดวงตาโปนอวบจ้องจับผิดของหัวหน้ากวาดไล่เรียงลูกน้องทีละคนตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ นิญาดา ผู้ที่สวมเดรสสั้นสีแดงนั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะการประชุม ตาคมกริบของหัวหน้าจับจ้องที่หล่อน“เราเป็นสำนักงานในมหาวิทยาลัย จำเป็นจะต้องแต่งกาย ให้เรียบร้อยเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักศึกษา กระโปรงต้องคลุมเข่า ใครจะใส่กางเกงจะต้องมีเสื้อสูทสวมทับ สีของเสื้อผ้าไม่ควรใส่สีสดจนเกินไป”ประโยคสุดท้ายของหัวหน้าเน้นหนัก แววตาจับจ้องที่สาวชุดแดง ราวกับจะสื่อถึงนิญาดาเป็นพิเศษหัวใจดวงน้อยเริ่มบีบ มือเริ่มสั่น เม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่าหัวหน้าสำนักงานเริ่มจะเล่นงานเธออีกครั้ง“ปากกับเล็บ ก็ควรจะทาเป็นสีสุภาพ ไม่ใช่สีแดงสด”คนทาปากสีแดงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เริ่มรู้แล้วว่า การเรียกประชุมครั้งนี้ ต้องการเล่นงานหล่อนแน่ ๆ“ค่ะ”“ครับ”เสียงตอบรับเบา ๆ พร้อมกับการพยักหน้ารับทราบของผู้ใต้บังคับบัญชาที่นั่งรายล้อมในโต๊ะประชุม“งานมหกรรมวิจัยแห่งชาติที่กรุงเทพปีนี้ นิญาดาไม่ต้องไปนะ พี่จะให้ปัญญ์ไปแทน”สาวใหญ่ที่สวมแว่นหนาเตอะ รวบผมตรึงไว้ด้านหลัง ยิ้มพร้อมก้มศีรษ
ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มที่เดินหลังตรง คอตั้ง มือกำหมัดแน่นราวกับว่ากำลังพยายามสะกดอารมณ์ตนอย่างสุดกลั้น ยิ่งเขาได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของคู่หนุ่มสาวที่เขาเจอเมื่อครู่ ความเดือดดาลยิ่งทวีความรุนแรง‘ไร้ยางอาย! กอดผู้ชายไม่เว้นแม้แต่ในสถานศึกษา!’เขาโง่เองที่เฝ้าคิดถึงเพียงแค่หล่อน! เขาโง่เอง!เกลียดตัวเองที่เชื่อว่าหล่อนไร้เดียงสา แล้วรู้สึกผิดที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ สุดท้ายหล่อนก็เริงร่ากับผู้ชายคนใหม่! เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ‘โธ่เว้ย!’อาจารย์หนุ่มตะโกนก้องในใจ สับสนเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ผู้หญิงเพียงคนเดียวจะทำให้เขาหัวหมุนได้ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? เกลียด หรือ หึง ?เช้านี้เขามีสอนที่อาคารปฏิบัติการทางไฟฟ้าที่อยู่อีกตึกหนึ่ง อาจารย์เตชินจึงหลับตาพยายามสลัดภาพบาดใจเมื่อครู่ออกจากสมอง แล้วเดินอย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ทันคาบสอนณ ห้องเรียนภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ แม้นักศึกษาจะมากถึงร้อยกว่าคน แต่ทั้งห้องกลับเงียบกริบ เพราะอาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์วิศวกรรมไฟฟ้า ขึ้นชื่อลือชาอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัย เรื่อง ความเจ้าระเบียบร่างสูงสง่า รูปร่างได้สัดส่วนชวนมอง บ
ติ่ง!เสียงจากลิฟต์ ส่งสัญญาณเตือนเมื่อถึงชั้นที่หนึ่งประตูลิฟต์ค่อย ๆ เปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับทั้งคู่ผละออกจากกันร่างสูงของอาจารย์หนุ่มยืนพิงผนังลิฟต์ด้านในสุด หอบหายใจด้วยอารมณ์โกรธปนกับไฟสวาทที่ลุกโชนเมื่อครู่ เสื้อเชิ้ตหลุดออกมานอกชายกางเกงในขณะที่หญิงสาวหน้าซีด ริมฝีปากปากบวมเจ่อเพราะแรงบดขยี้เมื่อครู่ ใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก สองขาพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมด ก้าวออกจากลิฟต์ในขณะที่นักศึกษากรูกันเข้ามาแทนที่เธอนิญาดาเดินออกมาพ้นเขตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทั้งหัวใจและสมองยังอื้ออึง ราวกับว่าเมื่อครู่หล่อนแค่ฝันไป เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวสู่ชั้นหก อาจารย์หนุ่มก้าวออกมาเป็นคนสุดท้าย ในขณะที่เสียงจอแจของนักศึกษาเริ่มหายไปเข้าสู่ห้องเรียนต่าง ๆปลายนิ้วเรียวสัมผัสที่ริมฝีปากของตนเอง บทรักเพียงชั่วครู่ แต่สามารถทำอารมณ์ของเขาให้เตลิดไปแสนไกลทำไม เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น เขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้แม้แต่น้อย ยิ่งเจอเธอ เขาก็ยิ่งหลงใหล คลั่งไคล้เธอมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นนี่เขาห่างจากผู้หญิงมานาน จนเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆแล้วสองขากำยำก็พาร่างสง่าเข้ามาในห้
อ๊ากกกกกก! “ไอ้ชิน!!! หยุด!!” หมัดของเขาถูกมือแกร่งยั้งไว้ก่อนที่จะกระแทกเข้าใบหน้ายับเยินนั้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงร้องห้ามของเพื่อนสนิทคนที่ถูกรั้งหมัดฮึดฮัด หอบหายใจถี่ ใบหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดบนใบหน้าเต้นตุบ ๆ ไฟโทสะยังคงคุกรุ่น“ปล่อย! กูจะฆ่ามัน!”อาจารย์เตชินตะโกนสุดเสียงอย่างเดือดดาลดร. พงษ์ ทั้งผลักทั้งกดเขาติดกำแพง ดันเอาไว้ไม่ให้ร่างแกร่งที่แข็งขืนลุกโชนด้วยไฟโทสะเข้าจู่โจมอีกฝ่ายเด็กหนุ่มที่ถูกต่อยจนสะบักสะบอมหน้าโชกไปด้วยเลือดถอยหลังกรูดชิดกำแพงอีกฝั่ง พร้อมกับว่าที่เจ้าสาวของอาจารย์เสียงฝีเท้านับสิบคู่วิ่งตึงตังออกันที่หน้าประตูห้องพัก ใครสักคนดึงผ้าห่มคลุมร่างเปลือยของคู่หนุ่มสาว เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่าที่เจ้าสาวสะอึกสะอื้นสั่นระริกพร้อมกับยกมือขึ้นท่วมหัว“หนูขอโทษค่ะ อาจารย์”เช้าวันรุ่งขึ้นอาจารย์เตชินถูกคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เรียกเข้าห้องเย็นแทนการเข้าเรือนหอ วันที่เขาควรจะเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขมากที่สุด กลับเป็นวันที่เขาอยากจะหายจากโลกนี้ไปมากที่สุดร่างท้วม ผมขาวโพลนทั้งศีรษะบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกองแฟ้มเอกสาร รอยยับย่นบนใบหน้าบ
นิญาดาได้แค่ยิ้มเจื่อน ๆ เพราะเคยฟังเพื่อนสนิทบ่นเรื่องนี้นับสิบรอบ“เสียดาย! ถ้ารู้ว่าจะไล่ฉันออก ฉันคงเก็บหลักฐานไว้หมดแล้วส่งให้อธิการดู จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!”“อะ... ข้าวมาแล้ว กิน ๆ จะได้มีแรงไฟต์ กับนางยักษ์ต่อ”นิญาดา เลื่อนจานข้าวผัดกะเพราหมูกรอบไข่ดาว ให้คนที่อารมณ์กำลังขึ้น“เธอก็รู้นี่ นิว่า นางยักษ์มันชั่วแค่ไหน จำวันที่ฉันจัดอบรมแต่งหน้าได้ไหม”“หืม...”“นางไปซื้อเครื่องสำอางตามตลาดนัด อันละสิบยี่สิบบาท หมดไม่ถึงพัน แล้วเอาสำเนาบัตรใครไม่รู้มาอ้างเป็นช่างแต่งหน้า แล้วเบิกแบบเหมาจ่ายตั้งหลายหมื่น!”“หืม... ตอนนี้นางก็ซื้อคอนโดได้แล้วนะ รู้สึกจะสองล้านกว่าแน่ะ”นิญาดา รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่เคยสงสัยเลยว่า ทำไมพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งเล็ก ๆ ถึงมีเงินเป็นล้านซื้อคอนโด ขับรถหรู“ขอให้ไฟไหม้คอนโดมัน!”“ฮ่า ๆ เอ่อ สงสารคนที่อยู่คอนโดนั้น ต้องโดนไฟไหม้เพราะนางยักษ์”คนขอให้ไฟไหม้ หัวเราะคิกคัก เมื่ออาหารเริ่มค่อนจาน ท้องเริ่มอิ่ม อารมณ์จึงเริ่มดีขึ้น“นิ ฉันพูดตรง ๆ นะ คนอย่างนางยักษ์ รอให้นรกลงโทษ มันไม่ทันหรอก พวกเรานี่แหละ จะถูกนางเล่นงานจนน่วมซะก่อน”นุ้ยลดเสียงลง
เมื่อถึงลานจอดรถด้านนอกพับร่างสูงสง่าของอาจารย์เตชินสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นลมหายใจออกแรง ๆ ราวกับจะขับไล่กลิ่นคาวคละคลุ้งของเหล้าผสมบุหรี่ของด้านในผับออกจากร่างกายให้หมด22.00 น. ผับเพิ่งจะเริ่มครึกครื้นแต่เขาต้องรีบออกมาเพราะทนความคาวของผู้หญิงไม่ไหวผู้หญิงที่เขาเลือกมาเพื่อทดแทนใครบางคนที่เขาคอยจะโหยหาจนถึงวินาทีนี้ ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นใครก็ได้ เพียงแค่สนองความเป็นชายของเขาเหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา แต่สุดท้ายเขากลับพบว่า แม้ปากของสาวคนไหนจะยั่วยวน แต่ไม่หวานลิ้นเท่าเธอคนนั้น แม้กลิ่นหอมจากกายสาวคนใดจะหอมฟุ้ง แต่ไม่ตราตรึงเท่ากลิ่นซากุระแสนละมุนของเธอคนนั้น แม้หญิงสาวคนใดจะเซ็กซี่สักปานใด ก็ไม่ทำให้เขาสั่นสะท้านเท่ากับร่างบางที่น่าทะนุถนอมของเธอคนนั้นร่างกายของเขามันยอมรับใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากเธอคนนั้น “นิญาดา”7.00 น.เมื่อหัวหน้าสั่งไม่ให้ใส่ชุดสีสดมาทำงาน นิญาดาจึงเลือกใส่ชุดเดรสสีชมพูหวาน แต่งด้วยลูกไม้ระบายสีขาว ไม่ว่าหล่อนจะอยู่ในชุดไหนก็ไม่ทำให้ความงดงามที่ได้สัดส่วนของหล่อนลดลงแม้แต่น้อยวันนี้ หล่อนตั้งใจมาทำงานเช้าเป็นพิเศษเพื่อจะได้สำรวจโต๊ะเป้าหมาย หาหลักฐานก
"คุณจะไปกับผมดี ๆ หรือจะให้ผม... อุ้ม”ชายที่ทำให้ใจหล่อนสั่นไหว โน้มเข้ามากระซิบข้างหู จนเธอต้องรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกมาจากสำนักงาน ก่อนที่เขาจะเห็นว่าหล่อนหน้าแดงแค่ไหนชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินตามสาวน้อยที่เขินหน้าแดงออกไป ทั้งคู่ ไม่รู้เลยว่า ยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่จับจ้องเขาทั้งคู่ อย่างมาดร้าย“นิ! รอด้วย”ขายาว ๆ ก้าวพรวดเดียวถึงตัวหล่อน พร้อมกับมือแกร่งรวบเอวสาวน้อยเข้าชิด จนหล่อนต้องชะงักแล้วดันคนมือไวออกห่าง“อาจารย์! ปล่อยนิเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”“เห็นแล้วไง?”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน! ปล่อย”คนถูกโอบเอวเริ่มขึ้นเสียง“คุณเป็นเมียผม”คนถูกเรียกว่าเมียตาวาวโรจน์“หยุด! พูดคำนี้นะ!”“หรือไม่จริง ผมจำได้ทุกสัดส่วนของคุณ แม้แต่กลิ่นกายหอม ๆ ราวกับดอกซากุระผมก็จำได้ดี”เขาก้มลงกระซิบแผ่วข้างหู นิญาดาทั้งโกรธ ทั้งอาย โกรธที่เขายกเหตุการณ์ที่เธออยากจะลืมขึ้นมาย้ำ! โกรธตัวเองที่ง่ายกับเขา!“การที่คุณนอนกับฉันแค่คืนเดียว มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นเจ้าของฉันทั้งชีวิต!”ร่างเล็กผลักร่างสูงให้ห่างออก แต่สู้แรงเขาไม่ไหว มือแกร่งลากร่างบางไปยังรถบีเอ็มสีขาวที่
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ
ดร. พงษ์ ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับจ้องตาภีมราวกับจะกลืนกินหนุ่มน้อยเข้าไปทั้งตัว“คิดถึง”หนุ่มน้อยกล่าวเบา ๆ เอียงอาย“อะไรนะ? ไม่ได้ยิน”ดร. พงษ์ โน้มตัวเอียงแก้มเข้ามาใกล้คนหน้าแดงเพราะอายจุ๊บ!ภีมหอมเข้าไปที่แก้มขาว ๆ ของคนช่างแกล้งทีหนึ่ง ดอกเตอร์หนุ่มฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ย“ชื่นใจจังเลย”“ช่วงนี้ที่รักเหมือนจะซูบไปนะ กินข้าวเยอะ ๆ แล้วพักผ่อนบ้าง”ภีมตักผัดผักกุ้งสดใส่จานให้ชายผู้เป็นที่รัก ขณะเอ่ยออกปากอย่างห่วงใย“ขอบคุณคร้าบบบบบบ...... ถึงจะซูบอย่างไร แต่ถ้าได้กำลังใจดี ๆ แบบนี้ รับรองยังขย้ำเสือได้สบาย ๆ”ดอกเตอร์หนุ่มตาพราวระยับ ภีมฟาดมือลงไหล่แน่นของเขาเบา ๆ แล้วเอ็ดแก้เขิน“ทำเป็นพูดเล่นไป ภีมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ แล้วอาจารย์เตชินเป็นอย่างไรบ้าง”“แผลตามร่างกายอะ หายแล้ว... แต่แผลในใจนี่สิ คงลึกน่าดู ลึกกว่าเหวซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าจะดึงมันขึ้นมาไหวไหม สภาพมันตอนนี้ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน จนอาม้ามันขอให้ผมไปเยี่ยมมันบ่อย ๆ เพราะกลัวมันจะคิดสั้น ก่อนจะได้แต่งงานกับอรนุช”ภีมมอง ดร. พงษ์ ที่พรั่งพรูความอัดอั้นตันใจออกมา หาก ดร. พงษ์ยังไม่สามารถดึ
ภีมและ ดร. พงษ์เดินกลับมาเห็นนิญาดาร้องไห้ออกมาจากห้องคนไข้พอดี“อุ้ย! “ภีมอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นนิญาดาสะอื้นจนตัวโยน เขาถลาเข้าไปประคองเมื่อเห็นร่างบางเดินโซเซแทบจะล้มทั้งยืน“คุณนิ เป็นอะไรไปครับ แล้วทำไมถึงออกมาจากห้องครับ”นิญาดาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แล้วส่ายหัวภีมสบตากับ ดร. พงษ์ และเมื่อมองผ่านช่องกระจกตรงประตูห้องพักคนไข้เข้าไป เขาเห็นอาม้า พี่สาว พี่เขยของอาจารย์เตชิน รวมถึงอรนุชก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่นิ รอที่นี่เดี๋ยวนะ ภีมขอไปเอากระเป๋าในห้องสักครู่ เดี๋ยวภีมไปส่งพี่ที่บ้าน”ภีมบอกหญิงสาว แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกับ ดร. พงษ์ สักครู่ใหญ่ภีมจึงออกมาพร้อมกระเป๋าแล้วไปส่งนิญาดาที่บ้าน “นิ… นิ...ร้องไห้ทำไม บอกพี่ซิ” ชายหนุ่มกอดร่างบางไว้แนบอก หญิงสาวจะรู้บ้างไหมว่าเสียงหัวใจที่เธอได้ยินมันเต้นด้วยความรักที่มีต่อเธอทั้งหมดแล้วหญิงสาวในอ้อมแขนก็ขยับตัวออกห่าง... เลื่อนมือประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ยืดตัวขึ้นเพื่อจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขา... ริมฝีปากอิ่มนุ่มส่งผ่านความอบอุ่นให้ไหลซาบซ่านเข้าสู่กลางใจเขา.... เขาจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นแต่แล้วหญิงสาวที่เ
ภีมพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดรับสาย และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร ปลายสายก็ส่งเสียงร้อนรน“รถอาจารย์เตชินแหกโค้ง พลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทาง!!!”“อ๊าย! .... ตายแล้ว” เสียงอุทานตกใจดังลั่นของภีม ทำให้นิญาดาชะงักมือที่เก็บของลงกล่อง มองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างฉงนภีมสบตากับนิญาดาในขณะที่ฟังเสียงรายงานสถานการณ์จากปลายสาย“รถยับเยินมาก ตอนนี้ไอ้ชินอยู่ที่โรงพยาบาลXXXXX”“อืม เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”เมื่อกดวางสาย ภีมมองนิญาดาอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง.... แล้วพยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุด“รถอาจารย์พลิกคว่ำ ชนต้นไม้ยับ”ได้ยินเพียงเท่านั้น ร่างบางก็แทบทรุดลงกับพื้น ราวกับว่าถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างกะทันหัน นิญาดาเกาะขอบโต๊ะเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปภีมอาสาขับรถพานิญาดามาถึงโรงพยาบาล เพราะสภาพจิตใจของหญิงสาวตอนนี้ไม่สมควรแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ดร. พงษ์แจ้งข่าวให้เขารับทราบเป็นระยะ ๆ ข่าวล่าสุดที่ได้รับแจ้งคือ อาจารย์เตชินออกจากห้องฉุกเฉินย้ายมาที่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วเมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้าไปพบ ดร. พงษ์ ที่คอยทั้งคู่อยู่ในห้องคนเจ็บ ภีมถลาเข้าไปจับมือชายหนุ่มบีบเพื่อปลอบประโลมค่ำคืนนี้