“โต๊ะนี้ คงเป็นโต๊ะที่โชคดีมากนะครับ ที่มีโอกาสได้นั่งทานข้าวกับสาวสวยที่สุดในค่ำคืนนี้”
ดร. พงษ์ เลิศปัญญา เพื่อนสนิทของเตชิน เอ่ยทักขึ้นเป็นคนแรก เพราะมีเชื้อจีน ผิวพรรณจึงขาวเนียน บวกกับความมีอารมณ์ขันจึงทำให้ใบหน้าเด็กกว่าวัย แม้ว่าจะล่วงเข้าวัยสามสิบแปดปี “ขอบคุณค่ะอาจารย์พงษ์ ยินดีเช่นกันที่มีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกับหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า” หล่อนยิ้มหวานให้หนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นผู้บริหาร และยังไม่ลืมที่จะโปรยรอยยิ้มแสนหวานนั้นมายังอาจารย์เตชินซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่เขากลับเฉย แววตาคมกริบนิ่งลึก ยากที่จะอ่านความรู้สึก“ขอบใจมาก นะจ๊ะน้องภีม”
นิญาดา กระซิบภีมพร้อมกับขยิบตาให้เป็นเชิงรู้กันว่า การที่หล่อนได้มานั่งข้าง อาจารย์เตชินไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้อย่างตั้งใจล้วน ๆ “เรื่องแบบนี้ ไว้ใจสุดสวยอย่างภีมได้เลยจ้ะ พี่สาว” ภีมยกแก้วไวน์ชนแก้วกับนิญาดาฉลองให้กับการเริ่มต้นแผนการฉกดวงใจของหัวหน้าที่ส่อแววว่าจะไปได้สวย ส่วน “พี่ปัญญ์” คนที่หัวหน้าส่งมาคอยคุมพวกเธอ น้องภีมมอบหมายให้พี่เกดจัดการ หากเหลียวดูโต๊ะข้าง ๆ จะเห็นสาวสูงวัย ผมถูกรวบมวยไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อยตลอดเวลา หล่อนกำลังดื่มด่ำกับรสชาติแปลกใหม่ของเหล้าปั่นเพิ่มชอต หรือก็คือการเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ดี ๆ นี่เอง ซึ่งพี่เกดบรรจงคัดสรรมาให้โดยเฉพาะ และคาดว่าอีกไม่นานพี่ปัญญ์คงจะเมาแล้วถูกพี่เกดลากเข้าไปเก็บไว้ให้ไกลจากนั้นแผนการที่วางเอาไว้ก็ไร้ขวากหนามอย่างสิ้นเชิง “อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ ท่านศาสตราจารย์ดำรงค์ อาหารอร่อยไหมคะ” นิญาดาวางแก้วลงแล้วพูดคุยกับวิทยากรคนเก่ง อย่างเป็นกันเอง “อร่อยทุกอย่างเลยครับ นาน ๆ ทีออกมาต่างจังหวัด ได้สูดอากาศดี ๆ รู้สึกว่าอายุยืนขึ้นเยอะเลย” ศาสตราจารย์ดำรงผู้ที่เคยได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดเมื่อยี่สิบปีก่อน แม้จะล่วงเข้าวัยห้าสิบปี แต่ยังกระฉับกระเฉง ผมแสกข้างหวีเรียบไปด้านหนึ่ง บ่งบอกถึงความสุภาพ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเสริมให้ดูฉลาดยิ่งขึ้น นิญาดายิ้มรับก่อนหันไปที่ชายหนุ่มอีกคน “ได้ยินว่า อ. เตชิน ได้ทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่น จนจบปริญญาเอก” เสียงกังวานใสของหล่อนดึงให้เขาหันมาสบตาดวงกลมโต เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สามารถหักห้ามใจให้หลงไปกับมนต์เสน่ห์ของเธอได้ จนเขาต้องเผลอยิ้มรับโดยไม่รู้ตัว “อ้าว เหรอ?! ผมก็จบจากญี่ปุ่น” ศาสตราจารย์ดำรงค์ อุทานอย่างดีใจที่ได้พบศิษย์ร่วมสถาบันเดียวกัน ทั้งจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจากประเทศญี่ปุ่น“ครับ”
อาจารย์เตชิน ยิ้มอย่างนอบน้อมตามรูปแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ต้องให้ความเคารพผู้อาวุโสเป็นอันดับแรก “บ้านผม พี่สาวเป็นหมอ ผมก็เลยอยากจะฉีกแนวดูบ้าง จึงลงเอยที่วิศวะ พอเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้สองสามปี ก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศญี่ปุ่นครับ” เสียงทุ้มเล่าเรียบ ๆ “อาจารย์เป็นรองศาสตราจารย์หรือยังครับ” ผู้อาวุโสชวนคุยเรื่องความก้าวหน้าในหน้าที่การงานต่อ “ตอนนี้ ผมยื่นเรื่องขอตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ ไว้แล้วครับ” “งั้นผมขอแสดงความยินดีล่วงหน้าแล้วกันนะ” ศาสตราจารย์ดำรงค์ ยิ้มยินดีอย่างจริงใจ ในขณะที่นิญาดานั่งฟังเงียบ ๆ พร้อมกับบันทึกข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อแผนการฉกดวงใจหัวหน้าไว้ในหัว “ขอบคุณครับ” ว่าที่รองศาสตราจารย์ กล่าวขอบคุณศาสตราจารย์ “ยินดีด้วยเช่นกันค่ะ แบบนี้ต้องฉลองให้ท่านอาจารย์ล่วงหน้านะคะ” มือเรียวบางแต่งแต้มด้วยเล็บสีแดงกุหลาบของสาวสวยวาดประคองแก้วไวน์ชูขึ้นอย่างผู้ชำนาญงานสังสรรค์ในสังคมชั้นสูง แววตาพราวเสน่ห์ร้อนแรงของหล่อนสะกดให้ชายหนุ่มยกแก้วบรรจุน้ำอมฤตสีเหลืองนวลชนกับแก้วของหญิงสาวราวกับต้องมนต์ ดวงตาคู่งาม แลสบสายตาคมกริบ แค่แก้วสองใบกระทบกันเพียงเบา ๆ กระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็นแล่นเข้าสู่ในใจของทั้งคู่ ชายหนุ่มกระดกของเหลวหมดในคราเดียวคล้ายจะดับความเร่าร้อนที่พลันพุ่งขึ้นในกาย หัวใจของเขาเริ่มจะทรยศผู้เป็นนาย นิญาดาวางแก้วเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปทาบทับกับมือใหญ่ที่จับมือแก้วที่เหลือเพียงน้ำแข็ง เจ้าของมือตาวาว เขม่นมองคล้ายจะดุแม่สาวตัวดี แต่คนตัวดีกลับไม่มีทีท่าเคอะเขินหรือมีทีท่าที่แสดงว่าตั้งใจจะให้ท่าเขาแม้แต่นิดเดียว กิริยาท่าทางนั้น ดูเป็นธรรมชาติ การแตะมือก็เพียงแค่เป็นเรื่องบังเอิญ “เดี๋ยวเติมให้นะคะ” “ครับ” เสียงตอบรับของชายหนุ่มเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งที่หล่อนบรรจงหยิบลงแก้วเสียอีกผิดกับชายหนุ่มอีกคนโพล่งขึ้นอย่างออดอ้อน “คุณนิครับ แก้วผมก็หมดแล้วครับ เติมให้ผมด้วยสิครับ” นิญาดายิ้มหวานแต่ยังไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยคำใด เสียงแจ้ว ๆ ของภีมก็แทรกขึ้นว่า “สำหรับ ดร. พงษ์ สุดหล่อของเรา เดี๋ยวภีมบริการให้เต็มที่เลยคร่า” ไม่พูดเปล่า ภีมลุกขึ้นมาหยิบแก้ว ดร. พงษ์ ไปทันที สาวน้อยในร่างชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูหวานยิ่งทำให้ร่างชายอรชรอ้อนแอ้นยิ่งขึ้น ภีมเติมโซดา เหล้า ตามด้วยน้ำแข็งอย่างคนเชี่ยวชาญ เสียงเพลง เสียงหัวเราะพูดคุยค่อย ๆ เบาลงเพราะผู้เข้าร่วมอบรมแต่ละโต๊ะต่างทยอยกันกลับไปยังห้องพัก เหลือเพียงโต๊ะของนิญาดาเท่านั้นที่ยังคงมีเสียงหัวเราะอยู่เนือง ๆ เมื่อศาสตราจารย์ดำรงค์ขอตัวกลับแล้ว ภีมจึงค่อย ๆ ขยับมานั่งข้าง ดร. พงษ์ ไม่ว่าภีมจะเล่าเรื่องอะไร ดูเหมือนว่าจะทำให้ ดร. หนุ่มขำได้ทุกเรื่อง ยกเว้น อาจารย์เตชิน ยังคงรักษาใบหน้าที่สงบเรียบเฉยเช่นเดิม “อาจารย์เตชินคะ ถ้าเราไปญี่ปุ่นช่วงเดือนพฤษภาคม เราควรไปที่ภาคไหนของญี่ปุ่นคะ ถึงจะเจอซากุระ” นิญาดาชวนคุย “คุณจะไปเที่ยวเหรอ?” “ค่ะ” “ถ้าผมบอก ต้องมีของฝากเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยบอกนะ” แม้เสียงจะราบเรียบ แต่แววตาของชายหนุ่มกลับฉายแววเจ้าเล่ห์ นี่อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์น้ำเมาหรือเปล่านะ? จึงทำให้ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมเอ่ยวาจาหยอกเย้าเช่นนั้นออกมา ปากสีแดงราวกับกลีบกุหลาบของหญิงสาวแย้มยิ้ม พร้อมกับเสียงหัวเราะอันสดใส “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาอะไรดีคะ?”“หึ ๆ ผมล้อเล่นนะครับ”
ปากเรียวได้รูปยกขึ้นนิด ๆ หัวเราะในลำคออย่างเหนือกว่า “อ๋อ ค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ใบหน้าละมุน แก้มแดงสุกเปล่งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หัวเราะกลบเกลื่อนอย่างโล่งใจ “ถ้าเราอยากเห็นซากุระในเดือนห้าให้ไปที่ฮอกไกโด” “ว้าว ดีจังเลยนะคะ ที่จะได้เห็นซากุระในเดือนห้าด้วย ฉันนึกว่าจะไม่ได้เห็นเสียแล้ว เพราะซากุระบานปลายเดือนสามพอล่วงเข้าเดือนสี่ก็ร่วงหมดแล้ว”“อืม ใช่ครับ เรียกได้ว่าเป็นซากุระสุดท้ายที่บานให้เชยชมก่อนที่จะร่วงหมดทั้งประเทศ เหมือนกับ...”เขาหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด ดูเหมือนมีม่านบางอย่างเกิดขึ้นในแววตาคมกริบคู่นั้นคิ้วเรียวงามของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อเขาหยุดพูดไปเฉย ๆ หล่อนจึงชวนคุยต่อ เพื่อดำเนินการไปตามแผนที่วางเอาไว้“ฉันฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะไปเที่ยวญี่ปุ่น อยากเห็นซากุระสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่พอกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ก็เหมือนว่าชีวิตจะยุ่งทุกวัน ฮ่า ๆ”“ชอบซากุระ?”คำถามสั้นเช่นเคย แต่คนฟังกลับรู้สึกยินดีที่เขายังโต้ตอบบ้าง“ค่ะ ซากุระ ซูชิ ออนเซ็น ชอบทุก ๆ อย่างที่เป็นญี่ปุ่น ถ้าวันไหนไปญี่ปุ่น จะขอนอนแช่ออนเซ็นดูฟูจิให้หนำใจไปเลย !”ชายหนุ่มมองแววตาเพ้อฝันของคนเล่า ยิ้มลึก“แล้วอาจารย์ล่ะคะ?”“ครับ”หญิงสาวเลิกคิ้วสูง คำว่า “ครับ” คือ ชอบหรือไม่ชอบ ราวกับว่าเขาพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งก้าวล่วงเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขามากเกินไปความเจ็บแปลบ แล่นสู่หัวใจดวงน้อย นิญาดาต้องเตือนตัวเองอีกครั้ง เขาคือเครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น! เรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่จำเป็
“เออ พี่ลืมบอกพวกเธออีกหนึ่งเรื่อง”“อะไร้ เจ๊!”ภีมหน้าเครียด“มะ เมื่อก่อน อาจารย์เตชิน เคยได้ฉายาว่า คาสโนวาตัวพ่อ!”“อุ๊ปส์”ภีมหน้าเหวอ จะบุกเข้าไปช่วยพี่สาวตอนนี้ ก็กลัวจะได้ดูหนังสด แต่ถ้าไม่ช่วยเขาก็จะรู้สึกผิด เพราะแผนการอ่อยผู้ชายครั้งนี้ เขาเป็นคนวางแผนให้หญิงสาวทั้งหมด“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราไปแอบฟังที่ประตูกันเถอะ ถ้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือค่อยบุก!”“ถ้าไม่”ภีมถามกลับอย่างสยอง“ก็แยกย้ายสิจ๊ะ”แล้วสองร่างก็แนบหูเข้ากับประตูห้องต้นเหตุอือ... อ่า อือ... อะทั้งคู่ได้ยินเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากข้างในชัดเจน หน้าของทั้งคู่แดงก่ำแดง ต่างสบตาอย่างรู้กัน แล้วค่อย ๆ ย่องหายกลับห้องใครห้องมัน อย่างรู้สถานการณ์ปัง ! ทันทีที่ประตูปิดลง ชายหนุ่มผลักหญิงสาวในอ้อมกอดดันเข้าชิดผนังห้อง แล้วมือใหญ่ที่แข็งราวคีมเหล็กยึดข้อมือเล็กติดกำแพงปากหนาประกบกลีบปากบางไม่ยอมห่าง จูบรุนแรง ไม่อ้อยอิ่งอย่างคนหิวโหย เรียวลิ้นร้อนของชายหนุ่มซอนไซ้ คลอเคล้าอย่างเร่งร้อน ดูดดื่มจนสาวน้อยในกำแพงกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากไม่เพราะเขาตรึงหล่อนไว้กับผนัง ร่างบางคงพับลงพื้นเพราะไฟสว
ปากร้ายร้อนระอุ ขบเม้มปากบาง ลิ้นร้ายซอกไซ้กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กอย่างผู้ช่ำชอง แล้วละออก โลมเล้าไล่เลียเรื่อยลงมาที่พวงแก้วนวล ซุกไซ้คอขาวผ่องอย่างเร่งเร้า ปลายลิ้นสากไล้วนลงมาตรงเนินอกอวบอัด ดูด ขบ เน้นเบา ๆ“... อือ.... อะ.... อา....”เสียงร้องครางเบาหวิว ร่างบางดิ้นทุรนทุรายภายใต้อ้อมกอด เนื้อเนียนนุ่มเสียดสีกล้ามเนื้อหนา ยิ่งเหมือนการเติมเชื้อไฟสวาทเร่งเร้าให้เขาระเบิดเพลิงราคะมากยิ่งขึ้นมือเรียวแกร่งของชายหนุ่มเคล้าคลึงสะโพกบีบเน้นหนั่นเนื้อกลมกลึงอย่างหนักหน่วง มืออีกข้างกระชับเอวคอดแน่น ไฟราคะในกายหนุ่มโหมแรงอย่างต่อเนื่อง ดวงตาคมดุดันวาวโรจน์ เมื่อซุกไซ้ทรวงอกสล้างจนสาแก่ใจเขาจึงตวัดร่างบางอุ้มพาไปที่เตียงเขาปล่อยร่างอ่อนระทวยลงบนเตียงนุ่ม แล้วปลดตะขอกางเกงของตนเอง รูดออกจากตัว พร้อมทั้งกระชากเสื้อออกอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าร่างนวลผ่องนั้นจะหายไปนิญาดารวบรวมสติอันน้อยนิด พลิกขยับตัวคลานหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อป้องกันตัวจากชายหนุ่ม โคมไฟอยู่แค่เอื้อมแต่ด้วยฤทธิ์ของเหล้าบวกกับการเล้าโลมเมื่อครู่จึงทำให้สมองของหล่อนยังคงมึนงง การเคลื่อนไหวช้ากว่าที่ควรจะเป็น มือน้อยเก
“อะ... อา....”ร่างบางแอ่น หยัดสะโพกครวญคราง เมื่อจมูกโด่งคมสันบดลึก ถูกไถกับตุ่มเกสรกุหลาบงาม ปากร้อนผนึกกินดอกไม้ทั้งกลีบ ลิ้นสากซอนไซ้ โลมเลียกลีบกุหลาบอย่างช่ำชอง ความเสียวซ่านแผ่ไปทั้งกายสาวจนน้ำค้างชุ่มฉ่ำเต็มกลีบมือใหญ่ช้อนสะโพกกลมกลึง บีบเน้น ในขณะที่ปากหนาขบเม้มหนักหน่วง ลิ้นสากระอุสอดแทรกโลมเลียตุ่มเกสร กลืนกินกลีบดอกอย่างหิวกระหาย จนร่างบางบิดเร่าแตกสลายกลายเป็นดวงดาวขาวพร่างไปกับปากและลิ้นดุดัน หล่อนก็ยิ่งครางเสียงดัง“...อ๊า.....”ร่างบางที่กำลังถูกไฟสวาทเข้าครอบงำจนหล่อนเองจำเสียงตนไม่ได้ จิตใจเธอวาบหวามไปกับการเคลื่อนไหวของลิ้นร้ายจนไม่ได้ยินอะไร ลมพายุลูกใหญ่กำลังอื้ออึงเต็มสองหู ความเสียวซ่านอันแปลกประหลาดพุ่งกระจายไปทั่วร่างก่อนจะมุ่งหน้าสู่กึ่งกลางกายสร้างความหวานไหวให้หล่อนอ่อนเปลี้ยราวกับร่างกายไร้กระดูก“...หึ... หึ...”ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างเหิมเกริม ยินดีที่เรียกเสียงครางจากคนรั้นได้“แค่นี้... ก็ร้องจนถึงสวรรค์.. ต่อจากนี้...คือ บทเรียนจากคาสโนวา!”มือหนาประคองแก่นกายกำยำร้อนจนแทบจะระเบิด จ่อ... ถู... ไถ ที่กุหลาบงามอันชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานร่างน้อยบิ
เกิดความเจ็บแปลบที่หว่างขา มือเล็กแตะร่องน้อยกลางกายของตน สัมผัสได้ถึงของเหลวหนืด เมื่อยกปลายนิ้วขึ้นดู หล่อนก็แทบจะกรีดออกมา เลือดสีแดงเข้มติดที่ปลายนิ้ว! ดวงตากลมโตเพ่งพินิจร่างกายตนอย่างละเอียด เนื้อขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยจูบที่เขาฝากไว้เป็นจ้ำ ๆหล่อนถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม พ่อกับแม่เลี้ยงดูหล่อนอย่างดี แม้แต่รอยขีดข่วนยังแทบจะไม่มี แล้วเขาเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำให้หล่อนเจ็บทั้งกายและใจ ดวงตาคู่สวยลุกวาวจ้องร่างแกร่งที่ยังคงหลับสนิทคนที่ทำให้เธอเจ็บ ก็คือ คนที่นอนหลับตาพริ้มนั่น!คนที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ ก็คือคนที่นอนนิ่งอย่างสบายบนเตียงนั่น!เขาทำให้หล่อนเจ็บระบมไปทั้งกาย แต่เขากลับหลับสบายบนเตียงของหล่อน!!! ความเสียใจบวกกับความโกรธพุ่งจี๊ดแล่นสู่สมอง กำปั้นน้อยของเจ้าของเตียงพุ่งใส่คนที่ยังหลับตาพริ้ม“อ๊าย!”มือเรียวแกร่งคว้าข้อมือหล่อนได้ทันที่จะชกลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ร่างหนาลุกขึ้นแล้วกระชากร่างบางเข้าแนบอก พร้อมกับซุกจมูกโด่งฝังแก้มนวล สูดกลิ่นกายสาวอ่อน ๆ เหมือนดอกซากุระ ที่ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้เสมอ“ปล่อย!” ร่างสวยเปล่าเปลือยดิ้นขลุกขลักในอ
หล่อนเริ่มตัวสั่นแล้วอ่อนระทวยไปทั้งร่างกับสัมผัสของมือแกร่ง แต่แสนอบอุ่น เธอต้องเอนกายเบียดชิดกำแพงเพื่อใช้เป็นหลักยึดร่างไว้ไม่ให้ร่างที่อ่อนปวกเปียกไหลไปกองกับพื้น ขนอ่อนในกายสาวลุกซู่จนต้องร้องห้าม“หยุด! ฉันอาบน้ำเองเป็น!”“เงียบ!”เสียงทุ้ม ไม่ได้ตวาดแต่ทรงอำนาจ เขาไม่ใช่เจ้านายหล่อน แต่ทำไมหล่อนต้องกลัว นี่คือคำตอบที่หล่อนเองก็ตอบไม่ได้ และยอมตามใจเขาเสมอมือแกร่งแทรกลึกเข้าหว่างขาเนียน จนถึงกลีบกุหลาบ น้ำอุ่นไหลอาบจากศีรษะผ่านหน้าอกชูชัน ไหลลงมาสู่หว่างขาความอุ่นซ่านเข้าไปพร้อมกับปลายนิ้วแกร่งหากแต่สัมผัสนั้นอ่อนโยนเหนือคณนา ปลายนิ้วอุ่นซ่านค่อย ๆ คลี่กลีบกุหลาบงาม ให้น้ำอุ่นได้ชำระคาบมลทินที่เขากระทำไว้ขาของสาวน้อยเริ่มอ่อนระทวยลงอีกครั้ง จวนเจียนจะยืนไม่ไหวจนต้องจับไหล่กำยำไว้ ใบหน้าสวยแหงนหงายจนหลังแอ่น เมื่อนิ้วแกร่งถูไถเกสรกุหลาบ“ยะ.... อย่า... อา”ความมัวเมา ซ่านกระสันกำลังครอบงำหล่อนอีกครั้ง หล่อนหัวหมุนกับการเคลื่อนไหวของมือแกร่งและนิ้วร้าย กุหลาบงามเป่งด้วยความถวิลหา กลีบกุหลาบกลืนกินนิ้วแกร่งอย่างร้ายกาจ “อื้อ ยะ อย่า คะ อาจารย์ อื้ออออออ”“คุณบอก..
คนถูกถามกลืนกาแฟอย่างยากเย็นราวกับว่ามันเป็นของแข็ง แล้วเม็ดน้ำตาก็ร่วงแหมะลง เล่นเอาคนถามใจคอไม่ดี“เฮ้ย! พี่นิเป็นอะไร?”มือเรียวบางของภีมเขย่าแขนคนที่น้ำตาร่วง“..เขา... เขา... ฮือ...”นิญาดาพยายามจะตอบ แต่มันช่างยากเย็น คำตอบมันละลายหายไปกับเสียงสะอื้นเบา ๆ พี่เกดโน้มเข้ามากอดคนสะอึกสะอื้นจนตัวโยน มือหนึ่งโอบรอบศีรษะสาวน้อยเข้าแนบอก อีกมือลูบหลังที่สั่นสะท้านปลอบเบา ๆ“ใจเย็น... นิ ใจเย็น... พี่รู้”คนเป็นพี่ใหญ่ปลอบในฐานะผู้ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน“พี่นิ อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนคือครั้งแรกของพี่!”ภีมกระซิบถาม ส่งผลให้ร่างบางสะอื้นหนักยิ่งขึ้น เพราะเสียใจกับความบริสุทธิ์ที่หล่อนอุตส่าห์เฝ้าถนอมไว้ให้เจ้าบ่าวในคืนวันวิวาห์ แต่กลับต้องมาสูญเสียให้ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันง่าย ๆ ภายในคืนเดียว !พี่เกดฟาดมือลงบ่าคนปากมากเต็มแรง อีกฝ่ายจึงหยุดพูด คนถูกตีหน้าเบ้ ผู้มีประสบการณ์ประเมินจากอาการของคนในอ้อมแขนคงพอจะเดาได้ว่า นิญาดาคงจะเสียสาวให้กับอาจารย์หนุ่มครั้งแรกเป็นแน่แท้โชคดีที่กลุ่มของนิญาดานั่งอยู่ด้านในสุดตรงมุมของห้องอาหาร จึงไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่น ๆภีมอาสาไปเ
หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ ซอยส้นสูงสีแดงสดก้าวฉับ ๆ เข้ามาในสำนักงาน ผมสลวยสีดำเงางามสะบัดไปมาตามจังหวะก้าวเดิน ดวงตากลมโตแต่งเติมด้วยอายแชโดว์เพิ่มความหวานซ่อนเปรี้ยวให้ดวงตาคู่งาม หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้อง 08.30 น. เวลาตอกบัตรเข้างานพอดิบพอดี ปากบางแต้มด้วยสีแดงกุหลาบกระตุกยิ้มพร้อมมองสบตาสาวใหญ่ที่กำลังมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า“สวัสดีค่ะพี่ณี”นิญาดา สาวสวยประจำสำนักงานทักทายเสียงใสอย่างมีจริตจะก้านพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าแววตาถมึงทึงของหัวหน้าสำนักงานจ้องสาวน้อยที่ทักทายเพียงแวบเดียว แล้วสะบัดหน้าบูดบึ้งนั้นหันไปสนใจกับงานตรงหน้าอีกครั้งหนึ่งสาวสวยยักไหล่ คิดในใจ ‘ก็ช่างปะไรต่างคนต่างอยู่’แล้วขายาวเรียวนวลเนียนภายใต้กระโปรงสีแดงแปร๊ดรัดรูปอย่างสาวออฟฟิศสมัยใหม่ก็ก้าวไปที่โต๊ะประจำตำแหน่งอย่างเคยชิน สายตาคู่งามก็หลุบต่ำลงเมื่อเห็นหนังสือราชการที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจทำเมื่อวานกว่ายี่สิบฉบับ ถูกขีดฆ่า แก้ไขด้วยปากกาสีแดงเป็นปื้น ๆเฮ่อ !นิญาดาพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วทิ้งร่างอรชรบอบบางลงบนเก้าอี้แม้จะถูกกลั่นแกล้งจนเคยชิน แต่ก็ยังอดเหนื่