Share

บทที่ 4

หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างต่อเนื่องของเขาเผยออกมาทั้งแผ่น

ตงฟางจิ่งหลับตา กัดฟันตำหนิด้วยความโกรธอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “เจ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้เจ้าได้สวย[1]แน่!”

เชอะ นางจะกลัวหรือ?

“สวย? ตอนนี้ข้าก็สวยดีนะ”

เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคาง กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา มือหยกยังคงลูบไล้อยู่บนหน้าอกของเขาเหมือนเอาคืน

เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขายิ่งแข็ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เหตุใดท่านอ๋องคนนี้ถึงหยอกเล่นหน่อยก็ไม่ได้เลย?

แต่ว่านางไม่ได้มีเจตนาหยอกเขาเล่น หลังจากเจตนายิ้มในดวงตาลดลงไม่น้อย เฟิ่งเชียนอวี่ก็หยิบเข็มฝังเข็มที่เอามาจากห้องทดลองเมื่อครู่มา

สายตาจับจ้องเส้นชีพจรหลักหลายจุดบนหน้าอกของเขา พลันพลิกฝ่ามือ ก็แทงลงไปอย่างชำนาญ!

ร่างกายตงฟางจิ่งสั่นเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดคิ้วย่นเป็นภูเขาแม่น้ำโดยไม่รู้ตัว

“เจ้า…กำลังทำอะไร!”

“ช่วยชีวิตท่าน” ดวงตาหงส์เฟิ่งเชียนอวี่กลับสู่ความสุขุม สีหน้าสยบ หยิบเข็มฝังเข็มขึ้นก็แทงลงไป

บนหน้าผากตงฟางจิ่งมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวโผล่ออกมาแล้ว

ช่วยชีวิต? เขาจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร!

“เจ้า หากกล้าทำอะไรไม่ดีกับข้า ข้ารับรองว่า…ทั้งตระกูลเฟิ่งของเจ้า ไม่รอดสักคนแน่นอน! ...อ๊า!”

“หนวกหูชะมัด!”

เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเพิ่มกำลังที่มือให้หนักขึ้นเล็กน้อย

เวลาที่นางรักษาคน แตกต่างจากความเหลาะแหละยามปกติโดยสิ้นเชิง ในทางตรงกันข้าม นางให้ความเคารพต่อเรื่องสำคัญอย่างการทำหน้าที่รักษาคนเสมอ

แม้แต่ในยุคปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงทีและดียิ่งขึ้น นางถึงกับร่วมวิจัยชุดเครื่องมือทางการแพทย์พกติดตัวร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง

ชุดเครื่องมือทางการแพทย์ประเภทนี้ ก็คือการฝังชิปทางการแพทย์ลงในสมองของมนุษย์ เพื่อให้แพทย์สามารถรับยาที่ต้องการได้ทุกเมื่อสะดวก

นางถึงขั้นเสนอตัว ให้เอาตัวเองมาทำการทดลอง

ตอนนี้ดูเหมือนว่าชิปทางการแพทย์จะฝังเข้าไปในสมองของนางได้สำเร็จแล้ว

เพียงแต่นางคนเดิมอาจจะตายแล้ว หลังจากนั้นวิญญาณก็ข้ามมิติมาถึงสถานที่บ้าบอแห่งนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ…

“ก๊อกๆ”

ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก

เฟิ่งเชียนอวี่แน่นหน้าอก ได้ยินเพียงเด็กรับใช้กล่าวถาม “ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้ยินเสียงต่อสู้จากข้างใน ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรหรือไม่ขอรับ?”

ตงฟางจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตากวาดผ่านเฟิ่งเชียนอวี่

เวลานี้บนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียว หน้าอกที่ขาวเนียนก็มีเข็มฝังอยู่เต็มไปหมด แม้เจ็บปวดมาก แต่ว่า…

หลังจากฝังเข็ม ร่างกายของเขาอบอุ่นขึ้นจริงๆ สามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยแล้ว

ดวงตาสีดำขรึมลงเล็กน้อย ตงฟางจิ่งพ่นลมออกมา เขากล่าวเสียงดัง “ไม่มีอะไร”

“เช่นนั้นข้าน้อยไปแล้วขอรับ”

หูได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างนอกค่อยๆ ห่างออกไป เฟิ่งเชียนอวี่ก็โล่งอก นางมองตงฟางจิ่งที่กึ่งหลับตาแวบหนึ่ง ถามเขาเสียงเบา “นี่ มีคนรู้เรื่องพิษเหมันต์หรือไม่?”

ตงฟางจิ่งกวาดมองนางแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีแค่เจ้า”

หัวใจเฟิ่งเชียนอวี่สั่นสะท้าน แม้แต่มือที่ถือเข็มก็สั่นตามไปด้วย

เช่นนั้น นางเป็นคนแรกที่รู้ความลับของเขา…

สีหน้านางดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างน่าประหลาด “แค่ก เช่นนั้นท่านเป็นโรคนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”

ตงฟางจิ่งเม้มริมฝีปากบางแน่น เขาหลับตาลง เหมือนกับเหนื่อยมากแล้ว

นานแค่ไหนแล้ว?

ปีนี้เขาอายุยี่สิบเอ็ด โรคนี้หรือ เกรงว่าอยู่กับเขามาเกือบสิบปีแล้ว

สิบปีก่อน…

นึกถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ร่างกายตงฟางจิ่งเกิดความหนาวเย็นถึงกระดูกอีกครั้ง

เฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา นางก้มหน้าก้มตาดึงเข็มฝังเข็มให้เขา ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย

“ใช่แล้ว คนที่มาลอบสังหารท่านเมื่อครู่ น่าจะไม่รู้ว่าท่านถูกพิษเหมันต์กระมัง? ไม่เช่นนั้น พวกเขาต้องอาศัยตอนที่ท่านพิษกำเริบ เอาชีวิตของท่านแน่นอน! เอ๋ แต่ว่า…”

เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว เอียงศีรษะครุ่นคิด “ท่านไปผูกความแค้นมาหรือ? เหตุใดจึงมีคนมาลอบสังหาร…โอ๊ย!”

พูดยังไม่ทันจบ ร่างกายก็ถูกผลักตกจากเตียง

เฟิ่งเชียนอวี่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น เส้นผมสยายบนชุดเพ้าสีแดง เงยหน้าขึ้น มองตงฟางจิ่งอย่างไม่เข้าใจ

เวลานี้ตงฟางจิ่งกึ่งลุกขึ้นนั่ง ดวงตาที่เย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงเฉยเมยไร้ความอบอุ่น

“เรื่องมาก คืนนี้เจ้านอนห้องรับแขก”

“ฮะ??”

เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตามองเขา

นางยังคิดว่าคืนนี้จะกอดเขานอนด้วยซ้ำ!

อีกอย่าง นางเพิ่งช่วยชีวิตของเขา เขาไม่พูดขอบคุณสักคำ เหตุใดยังมาไล่นางไปนอนห้องรับแขกอีก?!

“ตงฟางจิ่ง ท่านทำเช่นนี้เขาเรียกข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อ…”

ยังไม่ทันได้พูดคำว่าสะพานออกมา ก็ถูกสายตาที่เยือกเย็นของเขาบังคับให้กลืนกลับเข้าไป

ได้ยินเพียงเขากล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้าไม่ไป ข้าก็เรียกคน ‘เชิญ’ เจ้าออกไป”

เขาจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘เชิญ’

ชาติชายไม่กล้ำกลืนความเสียเปรียบตรงหน้า

เฟิ่งเชียนอวี่หดคอ  ลุกขึ้นจากพื้นแต่โดยดี “เชอะ นอนห้องรับแขกก็นอนห้องรับแขก ใครอยากจะไปนอนกับท่าน?...”

เสียงดังเอี๊ยด ประตูถูกนางปิด

ตงฟางจิ่งกลับจ้องประตูบานนั้น ค่อยๆ หรี่ตาลง

แม้ว่าเฟิ่งเชียนอวี่แม่นางสามของตระกูลเฟิ่ง ไม่ได้เพียบพร้อมและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงเหมือนแม่นางรอง แต่เหตุใดพฤติกรรมจึงไม่สงวนตัวเช่นนี้?

และยังมียาที่นางให้ครั้งก่อน รวมถึงของที่ใช้รักษาให้เขาในครั้งนี้…

แววตาที่เย็นชาของตงฟางจิ่งลึกล้ำ

กลับกันเฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้คิดมากเหมือนตงฟางจิ่ง

นางพุ่งเข้าไปในห้องรับแขก ก็นอนจนถึงรุ่งสาง

วันถัดมายังถูกสาวใช้ปลุกให้ตื่นด้วย

“พระชายา ควรลุกได้แล้วเจ้าค่ะ”

เฟิ่งเชียนอวี่กลับขมวดคิ้ว กอดผ้าห่มพลิกตัวไปหนึ่งที “นี่ยังเช้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ให้ข้านอนอีกห้านาที…”

ชุ่ยเตี๋ยไม่เข้าใจคำศัพท์ยุคปัจจุบันในคำพูดของเฟิ่งเชียนอวี่ “พระชายา ฮองเฮาเรียกท่านกับท่านอ๋องเข้าวังเจ้าค่ะ”

“อืม เรียกก็ปล่อยให้เรียกไปเถอะ เกี่ยวอะไรกับข้า…อะไรนะ!!”

ม่านตาเฟิ่งเชียนอวี่ขยาย ดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที

ฮองเฮาเรียกนางเข้าวัง?!!

แต่ แต่นางจำได้ ฮองเฮาเคยพบเฟิ่งหลิงหลง!!

ถ้านางไป ก็ความแตกแล้วไม่ใช่หรือ?!!

ถ้าหากเรื่องนี้ความแตก นางยังจะสามารถรักษาศีรษะไว้ได้หรือ?

ทองแปดพันตำลึงของนางยังไม่ทันได้ใช้เลย ชีวิตน้อยๆ ก็ต้องดับลงเช่นนี้ มันจะไม่น่าสังเวชไปหน่อยหรือ?

แต่นางควรหาข้ออ้างอะไรมาบ่ายเบี่ยงดี…

“พระชายา ให้ชุ่ยเตี๋ยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านเถอะเจ้าค่ะ”

เฟิ่งเชียนอวี่กลับเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง “ไม่ต้องให้เจ้าช่วย!”

“ออกไป! ข้าทำเองได้!”

หลังจากชุ่ยเตี๋ยออกไป เฟิ่งเชียนอวี่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เข็มฝังเข็มในแขนเสื้อก็ร่วงลงมาที่ฝ่ามือ…

ตงฟางจิ่งกำลังรออยู่ข้างนอก

ดวงตาที่เย็นชาของเขาหรี่ลง จ้องประตูบานนั้น ริมฝีปากกลับเผยอขึ้น

ตอนนี้นางน่าจะปวดหัวมาก กำลังคิดแผนจะบ่ายเบี่ยงเรื่องเข้าวังอย่างไรแน่นอน

เมื่อตงฟางจิ่งคิดเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น

“เอี๊ยด…”

ตงฟางจิ่งเพ่งมองไป หลังจากมองเห็นเฟิ่งเชียนอวี่ สายตากลับขรึมลงกะทันหัน

เห็นเพียงใบหน้าทรงไข่ของนาง เวลานี้มีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมด!

เฟิ่งเชียนอวี่กัดริมฝีปาก มือลูบผื่นแดงบนใบหน้าของตัวเอง ทำหน้าตาน่าสงสารมาก “หลิงหลงก็ไม่รู้ว่าหน้าเป็นอะไร…น่าจะเป็นเพราะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว เป็นภูมิแพ้กระมัง”

ภูมิแพ้? จะบังเอิญเช่นนี้เลย?

ตงฟางจิ่งฟังแล้วยิ้มอย่างเย็นชาในใจ

หากไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าทักษะการแพทย์ของนางล้ำเลิศ เกรงว่าเวลานี้ก็ถูกนางหลอกแล้ว

____________________

[1] ได้สวยแน่ ภาษาจีนเป็นการข่มขู่ ความหมายประมาณว่าเจอดีแน่

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status