Share

บทที่ 4

Author: จิ้งเยี่ยน
หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างต่อเนื่องของเขาเผยออกมาทั้งแผ่น

ตงฟางจิ่งหลับตา กัดฟันตำหนิด้วยความโกรธอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “เจ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้เจ้าได้สวย[1]แน่!”

เชอะ นางจะกลัวหรือ?

“สวย? ตอนนี้ข้าก็สวยดีนะ”

เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคาง กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา มือหยกยังคงลูบไล้อยู่บนหน้าอกของเขาเหมือนเอาคืน

เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขายิ่งแข็ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เหตุใดท่านอ๋องคนนี้ถึงหยอกเล่นหน่อยก็ไม่ได้เลย?

แต่ว่านางไม่ได้มีเจตนาหยอกเขาเล่น หลังจากเจตนายิ้มในดวงตาลดลงไม่น้อย เฟิ่งเชียนอวี่ก็หยิบเข็มฝังเข็มที่เอามาจากห้องทดลองเมื่อครู่มา

สายตาจับจ้องเส้นชีพจรหลักหลายจุดบนหน้าอกของเขา พลันพลิกฝ่ามือ ก็แทงลงไปอย่างชำนาญ!

ร่างกายตงฟางจิ่งสั่นเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดคิ้วย่นเป็นภูเขาแม่น้ำโดยไม่รู้ตัว

“เจ้า…กำลังทำอะไร!”

“ช่วยชีวิตท่าน” ดวงตาหงส์เฟิ่งเชียนอวี่กลับสู่ความสุขุม สีหน้าสยบ หยิบเข็มฝังเข็มขึ้นก็แทงลงไป

บนหน้าผากตงฟางจิ่งมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวโผล่ออกมาแล้ว

ช่วยชีวิต? เขาจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร!

“เจ้า หากกล้าทำอะไรไม่ดีกับข้า ข้ารับรองว่า…ทั้งตระกูลเฟิ่งของเจ้า ไม่รอดสักคนแน่นอน! ...อ๊า!”

“หนวกหูชะมัด!”

เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเพิ่มกำลังที่มือให้หนักขึ้นเล็กน้อย

เวลาที่นางรักษาคน แตกต่างจากความเหลาะแหละยามปกติโดยสิ้นเชิง ในทางตรงกันข้าม นางให้ความเคารพต่อเรื่องสำคัญอย่างการทำหน้าที่รักษาคนเสมอ

แม้แต่ในยุคปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงทีและดียิ่งขึ้น นางถึงกับร่วมวิจัยชุดเครื่องมือทางการแพทย์พกติดตัวร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง

ชุดเครื่องมือทางการแพทย์ประเภทนี้ ก็คือการฝังชิปทางการแพทย์ลงในสมองของมนุษย์ เพื่อให้แพทย์สามารถรับยาที่ต้องการได้ทุกเมื่อสะดวก

นางถึงขั้นเสนอตัว ให้เอาตัวเองมาทำการทดลอง

ตอนนี้ดูเหมือนว่าชิปทางการแพทย์จะฝังเข้าไปในสมองของนางได้สำเร็จแล้ว

เพียงแต่นางคนเดิมอาจจะตายแล้ว หลังจากนั้นวิญญาณก็ข้ามมิติมาถึงสถานที่บ้าบอแห่งนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ…

“ก๊อกๆ”

ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก

เฟิ่งเชียนอวี่แน่นหน้าอก ได้ยินเพียงเด็กรับใช้กล่าวถาม “ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้ยินเสียงต่อสู้จากข้างใน ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรหรือไม่ขอรับ?”

ตงฟางจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตากวาดผ่านเฟิ่งเชียนอวี่

เวลานี้บนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียว หน้าอกที่ขาวเนียนก็มีเข็มฝังอยู่เต็มไปหมด แม้เจ็บปวดมาก แต่ว่า…

หลังจากฝังเข็ม ร่างกายของเขาอบอุ่นขึ้นจริงๆ สามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยแล้ว

ดวงตาสีดำขรึมลงเล็กน้อย ตงฟางจิ่งพ่นลมออกมา เขากล่าวเสียงดัง “ไม่มีอะไร”

“เช่นนั้นข้าน้อยไปแล้วขอรับ”

หูได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างนอกค่อยๆ ห่างออกไป เฟิ่งเชียนอวี่ก็โล่งอก นางมองตงฟางจิ่งที่กึ่งหลับตาแวบหนึ่ง ถามเขาเสียงเบา “นี่ มีคนรู้เรื่องพิษเหมันต์หรือไม่?”

ตงฟางจิ่งกวาดมองนางแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีแค่เจ้า”

หัวใจเฟิ่งเชียนอวี่สั่นสะท้าน แม้แต่มือที่ถือเข็มก็สั่นตามไปด้วย

เช่นนั้น นางเป็นคนแรกที่รู้ความลับของเขา…

สีหน้านางดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างน่าประหลาด “แค่ก เช่นนั้นท่านเป็นโรคนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”

ตงฟางจิ่งเม้มริมฝีปากบางแน่น เขาหลับตาลง เหมือนกับเหนื่อยมากแล้ว

นานแค่ไหนแล้ว?

ปีนี้เขาอายุยี่สิบเอ็ด โรคนี้หรือ เกรงว่าอยู่กับเขามาเกือบสิบปีแล้ว

สิบปีก่อน…

นึกถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ร่างกายตงฟางจิ่งเกิดความหนาวเย็นถึงกระดูกอีกครั้ง

เฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา นางก้มหน้าก้มตาดึงเข็มฝังเข็มให้เขา ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย

“ใช่แล้ว คนที่มาลอบสังหารท่านเมื่อครู่ น่าจะไม่รู้ว่าท่านถูกพิษเหมันต์กระมัง? ไม่เช่นนั้น พวกเขาต้องอาศัยตอนที่ท่านพิษกำเริบ เอาชีวิตของท่านแน่นอน! เอ๋ แต่ว่า…”

เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว เอียงศีรษะครุ่นคิด “ท่านไปผูกความแค้นมาหรือ? เหตุใดจึงมีคนมาลอบสังหาร…โอ๊ย!”

พูดยังไม่ทันจบ ร่างกายก็ถูกผลักตกจากเตียง

เฟิ่งเชียนอวี่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น เส้นผมสยายบนชุดเพ้าสีแดง เงยหน้าขึ้น มองตงฟางจิ่งอย่างไม่เข้าใจ

เวลานี้ตงฟางจิ่งกึ่งลุกขึ้นนั่ง ดวงตาที่เย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงเฉยเมยไร้ความอบอุ่น

“เรื่องมาก คืนนี้เจ้านอนห้องรับแขก”

“ฮะ??”

เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตามองเขา

นางยังคิดว่าคืนนี้จะกอดเขานอนด้วยซ้ำ!

อีกอย่าง นางเพิ่งช่วยชีวิตของเขา เขาไม่พูดขอบคุณสักคำ เหตุใดยังมาไล่นางไปนอนห้องรับแขกอีก?!

“ตงฟางจิ่ง ท่านทำเช่นนี้เขาเรียกข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อ…”

ยังไม่ทันได้พูดคำว่าสะพานออกมา ก็ถูกสายตาที่เยือกเย็นของเขาบังคับให้กลืนกลับเข้าไป

ได้ยินเพียงเขากล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้าไม่ไป ข้าก็เรียกคน ‘เชิญ’ เจ้าออกไป”

เขาจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘เชิญ’

ชาติชายไม่กล้ำกลืนความเสียเปรียบตรงหน้า

เฟิ่งเชียนอวี่หดคอ  ลุกขึ้นจากพื้นแต่โดยดี “เชอะ นอนห้องรับแขกก็นอนห้องรับแขก ใครอยากจะไปนอนกับท่าน?...”

เสียงดังเอี๊ยด ประตูถูกนางปิด

ตงฟางจิ่งกลับจ้องประตูบานนั้น ค่อยๆ หรี่ตาลง

แม้ว่าเฟิ่งเชียนอวี่แม่นางสามของตระกูลเฟิ่ง ไม่ได้เพียบพร้อมและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงเหมือนแม่นางรอง แต่เหตุใดพฤติกรรมจึงไม่สงวนตัวเช่นนี้?

และยังมียาที่นางให้ครั้งก่อน รวมถึงของที่ใช้รักษาให้เขาในครั้งนี้…

แววตาที่เย็นชาของตงฟางจิ่งลึกล้ำ

กลับกันเฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้คิดมากเหมือนตงฟางจิ่ง

นางพุ่งเข้าไปในห้องรับแขก ก็นอนจนถึงรุ่งสาง

วันถัดมายังถูกสาวใช้ปลุกให้ตื่นด้วย

“พระชายา ควรลุกได้แล้วเจ้าค่ะ”

เฟิ่งเชียนอวี่กลับขมวดคิ้ว กอดผ้าห่มพลิกตัวไปหนึ่งที “นี่ยังเช้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ให้ข้านอนอีกห้านาที…”

ชุ่ยเตี๋ยไม่เข้าใจคำศัพท์ยุคปัจจุบันในคำพูดของเฟิ่งเชียนอวี่ “พระชายา ฮองเฮาเรียกท่านกับท่านอ๋องเข้าวังเจ้าค่ะ”

“อืม เรียกก็ปล่อยให้เรียกไปเถอะ เกี่ยวอะไรกับข้า…อะไรนะ!!”

ม่านตาเฟิ่งเชียนอวี่ขยาย ดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที

ฮองเฮาเรียกนางเข้าวัง?!!

แต่ แต่นางจำได้ ฮองเฮาเคยพบเฟิ่งหลิงหลง!!

ถ้านางไป ก็ความแตกแล้วไม่ใช่หรือ?!!

ถ้าหากเรื่องนี้ความแตก นางยังจะสามารถรักษาศีรษะไว้ได้หรือ?

ทองแปดพันตำลึงของนางยังไม่ทันได้ใช้เลย ชีวิตน้อยๆ ก็ต้องดับลงเช่นนี้ มันจะไม่น่าสังเวชไปหน่อยหรือ?

แต่นางควรหาข้ออ้างอะไรมาบ่ายเบี่ยงดี…

“พระชายา ให้ชุ่ยเตี๋ยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านเถอะเจ้าค่ะ”

เฟิ่งเชียนอวี่กลับเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง “ไม่ต้องให้เจ้าช่วย!”

“ออกไป! ข้าทำเองได้!”

หลังจากชุ่ยเตี๋ยออกไป เฟิ่งเชียนอวี่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เข็มฝังเข็มในแขนเสื้อก็ร่วงลงมาที่ฝ่ามือ…

ตงฟางจิ่งกำลังรออยู่ข้างนอก

ดวงตาที่เย็นชาของเขาหรี่ลง จ้องประตูบานนั้น ริมฝีปากกลับเผยอขึ้น

ตอนนี้นางน่าจะปวดหัวมาก กำลังคิดแผนจะบ่ายเบี่ยงเรื่องเข้าวังอย่างไรแน่นอน

เมื่อตงฟางจิ่งคิดเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น

“เอี๊ยด…”

ตงฟางจิ่งเพ่งมองไป หลังจากมองเห็นเฟิ่งเชียนอวี่ สายตากลับขรึมลงกะทันหัน

เห็นเพียงใบหน้าทรงไข่ของนาง เวลานี้มีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมด!

เฟิ่งเชียนอวี่กัดริมฝีปาก มือลูบผื่นแดงบนใบหน้าของตัวเอง ทำหน้าตาน่าสงสารมาก “หลิงหลงก็ไม่รู้ว่าหน้าเป็นอะไร…น่าจะเป็นเพราะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว เป็นภูมิแพ้กระมัง”

ภูมิแพ้? จะบังเอิญเช่นนี้เลย?

ตงฟางจิ่งฟังแล้วยิ้มอย่างเย็นชาในใจ

หากไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าทักษะการแพทย์ของนางล้ำเลิศ เกรงว่าเวลานี้ก็ถูกนางหลอกแล้ว

____________________

[1] ได้สวยแน่ ภาษาจีนเป็นการข่มขู่ ความหมายประมาณว่าเจอดีแน่

Related chapters

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 5

    “สภาพนี้ของหลิงหลง เกรงว่าจะทำให้ฮองเฮาตกใจ” เฟิ่งเชียนอวี่แสร้งกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสังเวช “หรือไม่รอหลิงหลงเป็นผื่นหายแล้ว ค่อยไปขอขมาฮองเฮา?” “ไม่จำเป็นแล้ว”ตงฟางจิ่งหรี่ตายิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มจางๆ กลับทำให้เฟิ่งเชียนอวี่แอบตกใจ“คิดว่าเสด็จแม่ก็คงไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้มากนัก ถ้าหากพระชายากังวลจริงๆ…”ดวงตาที่เยือกเย็นของตงฟางจิ่งขยับเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็คว้ามือของเฟิ่งเชียนอวี่!เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งร้อง ‘อ๊ะ’ ผ้าไหมที่อยู่ในแขนเสื้อก็ถูกเขาแย่งไปแล้ว ครู่ต่อมา คลุมบนใบหน้านาง!เขามองตรงไปที่นาง กลิ่นอายที่ไม่อนุญาตให้แสดงความคิดเห็นสายหนึ่งแผ่ออกมาในเวลานี้ “ถ้าหากพระชายาถือสา สามารถใช้ผ้าไหมปิดผื่นแดงไว้ พระชายาคิดว่าเป็นอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่ถูกเขาถามจนหนังตากระตุก คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องขี้โรคคนนี้จะมีแรงมากเช่นนี้ ถึงกับทำให้นางไม่กล้าโต้แย้งอีก!นางแอบร้องทุกข์ระทมในใจ กลับทำได้เพียงสวมผ้าไหมแต่โดยดี “แค่ก…ท่านอ๋อง ฉลาดหลักแหลม”ระหว่างทางเข้าวัง เฟิ่งเชียนอวี่กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นที่เป็นลูกอนุภรรยาจวนอัครเสนาบดี ฮองเฮาย่อมไม่เคยพบนาง แ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 6

    “เจ้าหลอกข้า?”สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ไม่อาจคาดเดาได้ หน้าเขียวหน้าแดง เมื่อนึกถึงท่าทางดัดจริต หลอกลวงของตนเองที่แสดงต่อหน้าเขา อันที่จริงถูกเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพลิงโทสะเพราะถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ“ว่าอะไรนะ?” ตงฟางจิ่งขมวดคิ้วนางกัดฟันกรอด “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเป็นใคร”เฮอะ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ใส่ใจ “แปลกใจมากงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เจ้าโง่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เหมือนกับเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”น่ารังเกียจ หลอกนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังด่านางอีก?เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนหัวร้อนทันที หรี่ตากัดฟัน พูดจาข่มขู่ทันที “ท่านอ๋อง ข้าขอเตือนท่านเอาไว้จะพูดจาหรือทำอะไรก็ควรจะให้มันพอประมาณ อย่าลืมเสียละ ว่าท่านมีความลับที่เป็นจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า”คนทั้งโลกต่างรู้ว่าท่านอ๋องหกเป็นคนขี้โรคที่ไร้ซึ่งหนทางรักษา แต่นางรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหมอนี่เพียงแค่โดนพิษเหมันต์เท่านั้น แล้วฝีมือก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าตงฟางจิ่งผู้นี้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้มานานหลายปี ความลับที่ไม่สามารถเปิดนี้ได้ถูกนางรู้เข้าแล้ว นางสามารถใ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 7

    ทันทีที่ร่างกายของตงฟางจิ่งโงนเงน ก็ล้มลงบนที่นอนความหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านออกมา นางหนาวจนตัวสั่นระริกเฟิ่งเชียนอวี่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็พิษเหมันต์กำเริบ มิน่าล่ะถึงได้มีท่าทางเหมือนจะตายแบบนั้น ทำให้นางคิดไปเองว่าเจอผีเสื้อชั้นในของตงฟางจิ่งได้เปียกชุ่มไปหมด จนแนบเนื้อ จากสายตาของเฟิ่งเชียนอวี่มองไป จึงสามารถมองเห็นเค้าโครงแผ่นหลังที่แข็งแกร่งและเรียบเนียนได้นางตาสว่างทันที กระแอมเบา ๆ พยุงเขาขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่รู้ไม่ชี้ ฉวยโอกาสใช้มือลูบขึ้นลงแอบแต๊ะอั๋งเขาตงฟางจิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายไม่มีความรู้สึก ใบหน้าอันหล่อเหลาแข็งทื่อ กัดฟัน กล่าวอย่างลำบาก“เจ้า บังอาจ”เฟิ่งเชียนอวี่กลอกตาใส่ ไม่ใส่ใจ ตงฟางจิ่งตอนที่พิษกำเริบก็เป็นเหมือนกับเสือกระดาษ นางจะกลัวทำไม“หื่นกระหายอะไร ท่านพิษเหมันต์กำเริบ พูดจาให้น้อยที่สุด ไม่กลัวเหนื่อยตายหรือไร”หลังจากที่นางสัมผัสจนพอใจแล้ว ทันทีที่พลิกข้อมือ ยาเม็ดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ เฟิ่งเชียนอวี่ยัดเข้าไปในปากของเขาทันที ในเวลาเดียวกันก็สงสัย“พิษเหมันต์ของท่านเพิ่งจะกำเริบเมื่อวาน เหตุใ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 8

    นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการ จำเป็นต้องหนีให้พ้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายสมัยโบราณที่มีภรรยาหลายคน สวยงามโดดเด่น ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อย แต่งงานออกไปต้องให้ความสำคัญกับสามีเป็นอันดับหนึ่ง ถูกขังอยู่ในเรือน ไม่มีอิสระ นางเป็นคนยุคสมัยใหม่ จะยอมรับได้ที่ไหนกันเฟิ่งเชียนอวี่เอาแต่คิดหาทางออกในวันข้างหน้า เวลาก็ผ่านไปอีกวันแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น นางไปที่ห้องหนังสือที่เรือนด้านหน้า เพื่อหาตงฟางจิ่ง“ท่านอ๋อง กำลังทำอะไรหรือ” นางกล่าวอย่างยิ้มแย้มตงฟางจิ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน สวมชุดปักลายหม่างสีเงิน เข็มขัดหยกสีขาว แขนเสื้อปักลายต้นไผ่ บุคลิกเย็นยะเยือก ท่าทางเที่ยงตรง หน้าตาหล่อเหลา “มีเรื่องอันใด?”เฟิ่งเชียนอวี่เดินเข้ามา วางยาแอสไพรินเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะทำงาน สีหน้าจริงจัง “ครั้งก่อนยาที่ให้ท่านอ๋องไว้ ท่านอ๋องน่าจะกินหมดแล้ว ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อเอาอันใหม่มาให้”ตงฟางจิ่งหยุดชะงัก กวาดตามองยาแวบหนึ่ง ในที่สุดดวงตาที่เย็นชาก็หยุดอยู่ที่ตัวของนาง ริมฝีปากบางเผยอออก“เจ้ามีฝีมือการรักษาด้วยหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมืออย่างถ่อมตัว “นิดหน่อยน่า”ตงฟางจิ่งหร

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 9

    ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยเขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”น่าเกลียดเป็นพิเศษตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัยเฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยนางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 10

    เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตนอีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้วหลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง“มีธุระอันใดอีก?”ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนางเฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยันถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!เฟิ่งเชียนอว

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 11

    ภายในบ่อนการพนันค่อนข้างครึกครื้น สถานที่กว้างใหญ่วางโต๊ะพนันเอาไว้มากมาย มีเกมหลากหลายประเภท ทั้งลูกเต๋า ไพ่ปายโกว พนันม้าที่ควรจะมีก็มีหมดแต่ละโต๊ะพนันต่างก็ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยเสียงครื้นเครงเฟิ่งเชียนอวี่แต่งกายเหมือนคุณชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง เมื่อเข้าประตูมาก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลได้ทันที ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ต่างก็พากันมองสบตากันมีแกะอ้วนตัวหนึ่งเข้ามาแล้วเมื่อเทียบกับท่าทีอันสูงส่ง ของเฟิ่งเชียนอวี่ สาวใช้ทั้งสองกลับดูเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูอันน่าเกรงขาม คอยยืนอยู่ข้างพระชายาของพวกนางทั้งซ้ายและขวา แล้วก้าวเดินตามไป คอยจับจ้องไปรอบๆ ด้วยใบหน้าระแวดระวังในตอนนี้ ผู้ดูแลบ่อนพนันคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ค่อยๆ โค้งกายประสานมือ “คุณชายท่านนี้ดูสง่างามไม่ธรรมดา ดูแล้วมีโชคสวรรค์สรรค์สร้าง จะลองลงเล่นสักสองตาหรือไม่?”เฟิ่งเชียนอวี่เม้มริมฝีปาก “ตกลง มีสถานที่ที่สะอาด กว่านี้หรือไม่?”“มี มีขอรับ เชิญท่านขึ้นชั้นบนได้เลย” ผู้ดูแลเดินนำทางไปด้วยความกระตือรือร้นสีหน้าของสาวใช้ทั้งสองแดงก่ำ พวกนางไม่คิดเลยว่า พระชายาไม่เพียงแต่จะเข้ามา

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 12

    สาวใช้ทั้งสองเองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าก็แสร้งทำเป็นกล้าหาญลุกขึ้นมา“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”“พวกเจ้านี้ช่างกล้าเสียจริงๆ รู้หรือไม่ว่าคุณชายของข้าเป็นใครกัน?”หากว่าไม่เอ่ยถึงน้ำเสียงที่สั่นเหมือนตะแกรงของพวกนางแล้ว เช่นนั้นแล้วก็คงพอจะดูมีพลังอยู่บ้างเฟิ่งเชียนอวี่ดูหมดคำที่จะเอ่ยออกมาผู้ดูแลยิ้มเย็นออกมา “ข้าจะไปสนใจว่าพวกเจ้าเป็นใครไปทำไมกัน กล้าที่จะมาก่อเรื่องในบ่อนพนันซื่อไห่ของพวกเรา แล้วทำไมถึงได้ไม่สืบมาก่อนว่าเจ้านายของบ่อนพนันของพวกเราเป็นใครกัน”เขาเอ่ยออกมาพลางพร้อมมองไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ “คุณชายท่านนี้ ท่านให้ร้ายชื่อเสียงของบ่อนพนันของพวกเราอย่างโจ่งแจ้ง ความเสียหายคราวนี้ อย่างไรเสียก็คงต้องคิดบัญชี”เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก บีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งขึ้นมา“เจ้าจะคิดบัญชีอย่างไร?”หญิงสาวอย่างพวกนางสามคน ตอนนี้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มชายอันธพาล จะรีบพุ่งตัวออกไปคงจะเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่นี้ทว่าเฟิ่งเชียนอวี่เองก็ไม่คิดเลยว่า บ่อนการพนันแห่งนี้ทำไมถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ การกระทำของพวกเขาไม่ต่างจากการปล้นกันแบบโจ่งแจ้ง แล้ว

Latest chapter

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 212

    “ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 211

    “รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 210

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 209

    ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 208

    “พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 207

    บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 206

    “...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 205

    “เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 204

    “เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status