Share

บทที่ 8

Author: จิ้งเยี่ยน
นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการ จำเป็นต้องหนีให้พ้น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายสมัยโบราณที่มีภรรยาหลายคน สวยงามโดดเด่น ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อย แต่งงานออกไปต้องให้ความสำคัญกับสามีเป็นอันดับหนึ่ง ถูกขังอยู่ในเรือน ไม่มีอิสระ นางเป็นคนยุคสมัยใหม่ จะยอมรับได้ที่ไหนกัน

เฟิ่งเชียนอวี่เอาแต่คิดหาทางออกในวันข้างหน้า เวลาก็ผ่านไปอีกวันแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น นางไปที่ห้องหนังสือที่เรือนด้านหน้า เพื่อหาตงฟางจิ่ง

“ท่านอ๋อง กำลังทำอะไรหรือ” นางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

ตงฟางจิ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน สวมชุดปักลายหม่างสีเงิน เข็มขัดหยกสีขาว แขนเสื้อปักลายต้นไผ่ บุคลิกเย็นยะเยือก ท่าทางเที่ยงตรง หน้าตาหล่อเหลา

“มีเรื่องอันใด?”

เฟิ่งเชียนอวี่เดินเข้ามา วางยาแอสไพรินเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะทำงาน สีหน้าจริงจัง “ครั้งก่อนยาที่ให้ท่านอ๋องไว้ ท่านอ๋องน่าจะกินหมดแล้ว ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อเอาอันใหม่มาให้”

ตงฟางจิ่งหยุดชะงัก กวาดตามองยาแวบหนึ่ง ในที่สุดดวงตาที่เย็นชาก็หยุดอยู่ที่ตัวของนาง ริมฝีปากบางเผยอออก

“เจ้ามีฝีมือการรักษาด้วยหรือ?”

เฟิ่งเชียนอวี่โบกมืออย่างถ่อมตัว “นิดหน่อยน่า”

ตงฟางจิ่งหรี่ตา “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเฟิ่งจะเชี่ยวชาญด้านการรักษา”

นางอดไม่ได้ที่จะใจเต้น กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ท่านอ๋อง ไม่มีใครสามารถรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับโลกได้ เรื่องที่ท่านไม่เคยได้ยินยังมีมากมายนะ”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามีฝีมือการรักษาได้อย่างไรนั้นไม่สำคัญ ท่านอ๋องรู้ไว้เพียงแค่ว่า ข้ามียาที่สามารถช่วยคลายอาการกำเริบพิษเหมันต์ของท่านได้ สามารถกำจัดพิษให้ท่านได้อย่างหายขาด ก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ”

ตงฟางจิ่งจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “เจ้าจะกำจัดพิษอย่างไร?”

เฟิ่งเชียนอวี่หุบยิ้ม กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่างแรก ต้องการเลือดของท่านอ๋องสักเล็กน้อย เพื่อให้ข้านำไปศึกษา”

นางอยากจะนำอุปกรณ์จากในห้องทดลองออกมาซะเลย เพื่อตรวจร่างกายทั้งหมดของตงฟางจิ่ง แบบนั้นจะยิ่งละเอียดกว่าเดิม

แต่วิธีการแบบนี้ทำได้แค่เพียงคิดเท่านั้น ด้วยนิสัยที่ขี้ระแวงของตงฟางจิ่ง แม้ว่าเขาจะยอมให้ความร่วมมือ ปิดตาของเขา ก็มีความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะถูกเปิดเผย ไม่เสี่ยงจะดีกว่า

คนโบราณมีข้อห้ามบางอย่างเกี่ยวกับเลือด เฟิ่งเชียนอวี่เองก็มีความไม่มั่นใจอยู่หน่อย ๆ เช่นกัน ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือไม่

แต่โชคดีที่ เหมือนกับตงฟางจิ่งไม่ได้คิดอะไรจุกจิก เพียงแค่หยุดชะงักเล็กน้อย แล้วก็ตอบตกลง

เฟิ่งเชียนอวี่ดูดตัวอย่างเลือดออกมาเล็กน้อย แล้วก็ออกไปอย่างอดรนทนไม่ไหว

นางกลับไปที่เรือนชิงหลาน ไล่พวกสาวใช้ทั้งหมดออกไป ปิดประตูห้อง ทันทีที่คิด ก็ถือตัวอย่างเลือดเดินเข้าไปในห้องทดลอง

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองห้องทดลองอันใหญ่โต ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่แสนทันสมัย ภายในใจเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ

จะมัวชักช้าไม่ได้ นางหยิบเสื้อคลุมสีขาว ผ้าปิดจมูกและถุงมือที่ใช้ในทางการแพทย์ออกมาจากด้านในตู้ฆ่าเชื้อ เมื่อสวมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ออร่าของนางก็เปลี่ยนไป หยิบตัวอย่างเลือดขึ้นมาแล้วเดินไปยังด้านหน้าอุปกรณ์ทดลอง เริ่มดำเนินการ

อุปกรณ์ทั้งหมดในนี้สามารถต่อไฟได้ แหล่งกำเนิดของไฟฟ้านอกจากการกักเก็บของตัวมันเอง ก็คือพลังงานจลน์

ชิปที่ฝังอยู่ภายในร่างกายของนาง ขอเพียงแค่นางแขนขาขยับ แม้ว่าจะแค่เดิน ก็สามารถชาร์จแบตอุปกรณ์ทั้งหมดของห้องทดลองได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลปัญหาด้านการใช้พลังงาน

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองข้อมูลต่าง ๆที่แสดงผลอยู่บนอุปกรณ์

สิ่งที่เรียกพิษเหมันต์ ตามวิธีการทางการแพทย์แผนจีน อันที่จริงก็คือพลังหยางในร่างกายอ่อนแอลง พลังหยินเพิ่มขึ้น การหมุนเวียนของเลือดไม่ราบรื่น ทำให้เกิดการอุดตัน

เมื่อกลุ่มอาการเย็นตกค้างอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน ก็จะก่อให้เกิดความผิดปกติของโครงกระดูก กล้ามเนื้อข้อต่อทั่วร่างกายจะเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ผู้ที่มีอาการรุนแรง เมื่อไอเย็นเข้าสู่ปอด การเกิดอาการเป็นลมอย่างกะทันหันทุกเมื่อถือเป็นเรื่องปกติ

ในยุคสมัยปัจจุบัน ก็มีอาการประเภทนี้ แน่นอนว่า ผู้ป่วยจำนวนมากเป็นเพศหญิง อย่างไรก็ตาม เดิมทีร่างกายของเพศหญิงก็แฝงไปด้วยความเย็น

อาการของตงฟางจิ่งเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างบางอย่าง แต่วิธีการแก้ไขส่วนมากก็แทบจะไม่ต่างกัน

ตำรับยาแผนจีนจำนวนมากในยุคสมัยปัจจุบัน ก็คือการผสมผสานยาแผนโบราณกับยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน

เฟิ่งเชียนอวี่นั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ ตั้งสมาธิครุ่นคิด เคาะแป้นพิมพ์ที่เป็นชื่อสมุนไพรจีนแต่ละแถวออกมาอย่างรวดเร็ว

นางรู้แล้วว่าควรจะต้องรักษายังไง ไม่ยาก แต่ก็มีความยุ่งยากนิดหน่อย

วันต่อมา เฟิ่งเชียนอวี่ใบหน้าแฝงไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง เดินเชิดหน้าไปหาตงฟางจิ่งที่ห้องหนังสืออีกครั้ง

“ข้ารู้แล้วว่าควรจะรักษาพิษเหมันต์ของท่านอย่างไร”

ทันทีที่นางเข้ามาก็ตรงเข้าประเด็นทันที ตงฟางจิ่งหรี่ตา แต่สีหน้ากลับไปไม่มีความรู้สึกใด ๆ

“งั้นหรือ? ลองว่ามา”

เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน นั่งลงด้วยตนเอง จ้องมองเขาที่ค่อย ๆแสยะยิ้ม “ท่านอ๋องหก พวกเรามาคุยกันเถอะ”

“ข้าสามารถช่วยกำจัดพิษเหมันต์ให้ท่านได้อย่างสิ้นซาก แต่มีข้อแม้”

ตงฟางจิ่งจิบชาอึกหนึ่ง “ว่ามา”

“ท่านอ๋องหก การแต่งงานของพวกเราทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะจับพลัดจับผลู เดิมทีพระชายาของท่านไม่ใช่ข้า แน่นอนว่า ไม่ว่าจะอย่างไร การได้รู้จักกันก็ถือว่าเป็นวาสนา”

“ดังนั้น ข้าช่วยกำจัดพิษให้ท่าน ท่านคืนอิสระให้ข้า พวกเราเลิกแล้วต่อกัน เป็นอย่างไร?”

ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที กล่าวเสียงเรียบ “เจ้าหมายความว่า อยากให้ข้าปลดเจ้า?”

เฟิ่งเชียนอวี่อึดอัดหัวใจขึ้นมาทันที เกือบจะระงับความโมโหเอาไว้ไม่อยู่ นางฮึบเอาไว้ แสยะยิ้ม กล่าวเตือน “กฎหมายของแคว้นตงเยว่ หากสามีภรรยาไม่ลงรอยกัน สามารถแยกทางกันได้”

ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนี่ คิดอะไรน่ะ จะปลดภรรยา?

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว กล่าวพึมพำ “เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องหก กลายเป็นสะใภ้หลวง จัดบันทึกในหนังสือลำดับญาติของราชวงศ์ แล้ว ทั้งเคยก่อความวุ่นวายตอนเข้าวังหลวงเมื่อวันก่อน ยังผ่านพระเนตรของฮ่องเต้แล้วอีกด้วย”

“ข้ากับเจ้ามีความรักอันลึกซึ้งต่อกัน เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าแทนพี่สาว โดยที่ไม่สนใจเรื่องที่ชื่อเสียงจะเสียหาย เรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งราชสำนักและวังหลัง แต่แล้วก็กลับจะแยกทางกับข้า? เหตุผลล่ะ?”

ในขณะที่ตงฟางจิ่งกำลังพูด ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเห็นสะใภ้หลวงเป็นอะไร? เจ้าอยากจะเป็นก็เอา ไม่อยากเป็นก็ไม่เอาอย่างนั้นหรือ?”

เฟิ่งเชียนอวี่เม้มปาก นางย่อมรู้ว่า ในสมัยโบราณ เมื่อมีความเกี่ยวพันกันกับราชวงศ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดพ้นไปได้ นี่คือความแตกต่างจากการแต่งงานของชาวบ้านทั่วไป

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะยังไงล่ะ?

ก็นางไม่อยากถูกกักขังเอาไว้ในสถานแห่งนี้ไปชั่วชีวิต เหมือนกับหญิงสาวยุคสมัยโบราณคนอื่น ๆ ที่ทุกคนต้องเอาแต่คลุกอยู่ในเรือนลึก ใช้ชีวิตที่ไร้อิสระและสิทธิมนุษยชน

เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จ้องมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ท่านอ๋อง เหมือนกับว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาที่ข้าควรครุ่นคิด นอกเสียจากท่านไม่อยากกำจัดพิษเหมันต์”

ตงฟางจิ่งหรี่ดวงตาอย่างอันตราย “เจ้ากำลังข่มขู่ข้า”

นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ก็แค่กำลังบรรยายเรื่องจริงเท่านั้น”

“ท่านอ๋อง ท่านเองก็ไม่ต้องข่มขู่ข้าหรอก เรื่องการแยกทางแบบนี้ ทำได้ง่าย แล้วก็ทำได้ยากเช่นกัน ข้าเชื่อว่า ท่านอ๋องจะต้องมีหนทาง”

“อย่างไรเสีย การร่วมมือกันครั้งนี้สำหรับท่านอ๋องแล้ว ไม่มีความเสียหายใด ๆ ยังสามารถกำจัดการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ยุ่งยากใจมานานหลายปีได้ในครั้งเดียว ก็นับว่าคุ้มค่ามาก ไม่ใช่หรือ”

ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเอาแต่พูดว่าสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องพิษเหมันต์ของข้าได้ มีหลักฐานหรือไม่? คงจะไม่ได้คิดว่าแค่พูดปากเปล่า ข้าก็จะเชื่อหรอกกระมัง”

เฟิ่งเชียนอวี่ยักไหล่ทั้งสองข้าง “ข้อนี้ง่ายมาก แค่ทดสอบก็จะรู้เอง”

ในขณะที่นางพูด ก็หยิบใบสั่งยาฉบับหนึ่งที่คัดลอกเอาไว้ตั้งนานแล้วออกมาจากด้านในแขนเสื้อแล้วยื่นให้ “นี่เป็นสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ในการแช่สมุนไพรครั้งที่หนึ่ง ท่านอ๋องเตรียมไว้ให้ครบ พวกเราสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ”

เฟิ่งเชียนอวี่วางแผนมาเป็นอย่างดี ย่อมมีความมั่นใจในตนเองและสุขุม

แต่ว่า...

Related chapters

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 9

    ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยเขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”น่าเกลียดเป็นพิเศษตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัยเฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยนางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 10

    เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตนอีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้วหลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง“มีธุระอันใดอีก?”ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนางเฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยันถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!เฟิ่งเชียนอว

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 11

    ภายในบ่อนการพนันค่อนข้างครึกครื้น สถานที่กว้างใหญ่วางโต๊ะพนันเอาไว้มากมาย มีเกมหลากหลายประเภท ทั้งลูกเต๋า ไพ่ปายโกว พนันม้าที่ควรจะมีก็มีหมดแต่ละโต๊ะพนันต่างก็ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยเสียงครื้นเครงเฟิ่งเชียนอวี่แต่งกายเหมือนคุณชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง เมื่อเข้าประตูมาก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลได้ทันที ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ต่างก็พากันมองสบตากันมีแกะอ้วนตัวหนึ่งเข้ามาแล้วเมื่อเทียบกับท่าทีอันสูงส่ง ของเฟิ่งเชียนอวี่ สาวใช้ทั้งสองกลับดูเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูอันน่าเกรงขาม คอยยืนอยู่ข้างพระชายาของพวกนางทั้งซ้ายและขวา แล้วก้าวเดินตามไป คอยจับจ้องไปรอบๆ ด้วยใบหน้าระแวดระวังในตอนนี้ ผู้ดูแลบ่อนพนันคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ค่อยๆ โค้งกายประสานมือ “คุณชายท่านนี้ดูสง่างามไม่ธรรมดา ดูแล้วมีโชคสวรรค์สรรค์สร้าง จะลองลงเล่นสักสองตาหรือไม่?”เฟิ่งเชียนอวี่เม้มริมฝีปาก “ตกลง มีสถานที่ที่สะอาด กว่านี้หรือไม่?”“มี มีขอรับ เชิญท่านขึ้นชั้นบนได้เลย” ผู้ดูแลเดินนำทางไปด้วยความกระตือรือร้นสีหน้าของสาวใช้ทั้งสองแดงก่ำ พวกนางไม่คิดเลยว่า พระชายาไม่เพียงแต่จะเข้ามา

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 12

    สาวใช้ทั้งสองเองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าก็แสร้งทำเป็นกล้าหาญลุกขึ้นมา“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”“พวกเจ้านี้ช่างกล้าเสียจริงๆ รู้หรือไม่ว่าคุณชายของข้าเป็นใครกัน?”หากว่าไม่เอ่ยถึงน้ำเสียงที่สั่นเหมือนตะแกรงของพวกนางแล้ว เช่นนั้นแล้วก็คงพอจะดูมีพลังอยู่บ้างเฟิ่งเชียนอวี่ดูหมดคำที่จะเอ่ยออกมาผู้ดูแลยิ้มเย็นออกมา “ข้าจะไปสนใจว่าพวกเจ้าเป็นใครไปทำไมกัน กล้าที่จะมาก่อเรื่องในบ่อนพนันซื่อไห่ของพวกเรา แล้วทำไมถึงได้ไม่สืบมาก่อนว่าเจ้านายของบ่อนพนันของพวกเราเป็นใครกัน”เขาเอ่ยออกมาพลางพร้อมมองไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ “คุณชายท่านนี้ ท่านให้ร้ายชื่อเสียงของบ่อนพนันของพวกเราอย่างโจ่งแจ้ง ความเสียหายคราวนี้ อย่างไรเสียก็คงต้องคิดบัญชี”เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก บีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งขึ้นมา“เจ้าจะคิดบัญชีอย่างไร?”หญิงสาวอย่างพวกนางสามคน ตอนนี้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มชายอันธพาล จะรีบพุ่งตัวออกไปคงจะเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่นี้ทว่าเฟิ่งเชียนอวี่เองก็ไม่คิดเลยว่า บ่อนการพนันแห่งนี้ทำไมถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ การกระทำของพวกเขาไม่ต่างจากการปล้นกันแบบโจ่งแจ้ง แล้ว

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 13

    สีหน้าของผู้ดูแลเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองไปยังท่าทีเย็นชาจนไม่อาจต่อรองใดได้อีก จึงทำได้เพียงกัดฟันยอมรับมันแน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดว่า ท่านอ๋องผู้สง่างามจะไม่รักษาคำพูด และก็หมายความว่า หากว่าเขาแพ้จริงๆ แล้ว เช่นนั้นมือคู่นั่นของตนเอง...ในใจของผู้ดูแลหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก ดวงตาดุร้าย ลอบกัดฟัน อย่างจะต้องชนะเท่านั้นเฟิ่งเชียนอวี่ลูบคาง ดวงตากลอกไปมา ในเมื่อตงฟางจิ่งเอ่ยออกมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่เพียงแต่สามารถเล่นพนันเท่านั้น แต่ยังเก่งอีกด้วย?นางเลิกคิ้วขึ้น น่าสนใจเข้าอีกแล้ว แล้วคอยรอชมการแสดงเถิดในเมื่อเป็นเรื่องของการพนันแล้ว และในเมื่อเป็นถึงผู้ดูแลของบ่อนพนันที่สามารถมาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีความสามารถมากกว่าทุกคนอย่างน้อย ทักษะการพนันก็ไม่เป็นรองใครผู้ดูแลนั่งลงบนตำแหน่งหลัก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้วยลูกเต๋าในมือของเขาเขย่าไปมาอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้นที่มาพร้อมกับเสียงดังปึงปัง“ท่านอ๋องวางเดิมพันได้แล้ว” เขาเอ่ยออกมาเสียงขรึมตงฟางจิ่งวางทองคำแท่งหนึ่งเดิมพันไปทางด้านต่ำดวงตาของเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกายเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 14

    ชายหนุ่มนั่งล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่ด้านล่างเวที แต่ละคนต่างก็คอยจับจ้องไม่ยอมหันเหสายตาไปที่ใด สายตาหรี่เล็ก จนแทบทนไม่ไหวที่จะกระโจนขึ้นไป ขาดก็เพียงแค่น้ำลายไหลออกมาเท่านั้นด้านบนนั้นห้อมล้อมไปด้วยห้องส่วนตัว แขกด้านในนั้นไม่ใช่คนที่ใจกว้างมีน้ำใจนัก เป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาเฟิ่งเชียนอวี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้นนางยังคงแต่งกายเป็นคุณชายดังเก่า คนด้านข้างที่คอยรับใช้อยู่ ยังคงเป็นหลิวซูและอิ้งเสวี่ยที่แต่งกายเป็นเด็กรับใช้เดิมทีเฟิ่งเชียนอวี่เพียงแค่ได้ยินว่าทางฝั่งถนนทิศตะวันตกในเมืองหลวงนั้น มีร้านอาหารเปิดใหม่ ในนั้นมีเป็ดย่างที่เป็นเอกลักษณ์รสชาติอร่อยมากเป็นพิเศษ นางจึงคิดอยากจะลองชิมดูสุดท้ายแล้วผ่านตรอกดอกไม้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางถูกตึกสีแดงงดงามหลังนั้นดึงดูดสายตาเข้า หอนางโลมในยุคสมัยโบราณหากว่าไม่เข้าไปเดินเล่นสักครั้งก็คงจะน่าเสียดายนักสาวใช้ที่น่าสงสารทั้งสองอย่างหลิวซูและอิ้งเสวี่ย บทเรียนจากบ่อนพนันยังไม่ทันจางหายไป ก็มาถูกเจ้านายที่ไม่มีขีดจำกัดอย่างเฟิ่งเชียนอวี่มากระตุ้นความเครียดขึ้นมาอีกครั้ง“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ตกตะลึงกันไป ของอร่อยมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เพลิดเพล

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 15

    หานจวิ้นใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีก็ควรจะเป็นเช่นนั้น “แน่นอน สหายศึกษาของข้าก็เหมือนเป็นตัวแทนของข้า มีอะไรจะไม่ได้กัน”ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้หน้าไม่อายเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะลอบสบถด่าออกมานางมองไปที่คนอื่นๆ พบว่าแม้แต่แม่เล้าเองก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกมา ช่างหมดคำพูดเสียจริงๆ“นี่ ไอ้น้อง หากว่าเจ้าทำไม่ได้ก็รีบออกไปเสีย อย่าได้มายุ่งวุ่นวายต่อหน้าข้าอีก” หานจวิ้นมองไปยังเฟิ่งเชียนอวี่ ท่าทีเต็มไปด้วยความไม่เกรงใจเฟิ่งเชียนอวี่หรี่ตาลง ยิ้มเยาะเย้ยออกมา เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เรียกหลิวซูสาวใช้ของตนเองออกมา “ข้าจะพูดออกมา เจ้ามาเขียน”นางเขียนออกมาเองได้ ทว่าตัวอักษรของนางคงไม่อาจจะรับได้จริงๆ ให้หลิวซูมาช่วยนางเขียนออกมาคงจะดีกว่าไม่นาน บทกวีสองบทก็ถูกปล่อยออกมาทางด้านของหานจวิ้น เป็นสหายศึกษาของเขาที่เป็นคนเขียนสายน้ำกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นในวันแสงแดดสดใส น้ำไหลผ่านทางลาดด้านตะวันตก เป็นระลอกคลื่นน้ำชื่นชมกับหยดน้ำ ถวิลหาลอยไปมาเพื่อดมกลิ่นหอมในหอหงซิ่วมีคนรู้หนังสืออยู่ไม่น้อย กวีบทนี้ถือได้ว่าธรรมดาไม่พิเศษใด วาทศิลป์นั้นดูจะผิวเผินจนเกินไป ไม่อ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 16

    พลันสีหน้าหัวหน้าทหารแข็งทื่อ ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เห็นได้ชัดว่าป้ายคำสั่งนี้เป็นของจริง เขากล้าลงมือกับคนของจวนอ๋องเสียที่ไหนเขามองสีหน้าที่ดุร้ายของหานจวิ้น ขนลุกซู่จนรีบกล่าว “คุณชายหาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออาการบาดเจ็บของท่าน ข้าน้อยจะส่งคนไปเชิญหมอเดี๋ยวนี้ขอรับ”สีหน้าหานจวิ้นเปลี่ยนทันที ระบายความแค้นกับเฟิ่งเชียนอวี่ ย่อมไม่สำคัญเท่ารักษาดวงตาของเขา เขากัดฟันกล่าว “เช่นนั้นเจ้ายังไม่รีบไปอีก”แม้ในใจไม่ได้คาดหวัง แต่ก็ยังคิดว่าเผื่อจะโชคดี“ขอรับๆ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”ในใจหัวหน้าทหารโล่งอก เขาสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเฝ้าอยู่ที่นี่ แล้วรีบพาคนสนิทสองสามคนออกจากหอหงซิ่วด้านหนึ่งเป็นคนของจวนอ๋องหก ด้านหนึ่งเป็นคุณชายของจวนมหาราชครู ฝั่งไหนเขาก็ล่วงเกินไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแทรกแซงได้แล้วเขาสั่งให้คนสนิทคนหนึ่งไปแจ้งข่าวที่จวนมหาราชครู คนหนึ่งไปแจ้งข่าวที่จวนอ๋อง คนหนึ่งไปตามหมอ ส่วนเขาจำเป็นต้องไปรายงานผู้บังคับบัญชาเดี๋ยวนี้ภายในหอหงซิ่ว เฟิ่งเชียนอวี่สะกิดหลิวซู กล่าวเสียงเบา “ตามสถานะแล้ว ข้าควรจะใหญ่กว่าหานจวิ้นกระมัง?”หลิวซูพยักหน้า “มันแน่อ

Latest chapter

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 212

    “ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 211

    “รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 210

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 209

    ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 208

    “พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 207

    บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 206

    “...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 205

    “เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 204

    “เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status