ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยเขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”น่าเกลียดเป็นพิเศษตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัยเฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยนางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเ
เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตนอีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้วหลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง“มีธุระอันใดอีก?”ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนางเฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยันถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!เฟิ่งเชียนอว
ภายในบ่อนการพนันค่อนข้างครึกครื้น สถานที่กว้างใหญ่วางโต๊ะพนันเอาไว้มากมาย มีเกมหลากหลายประเภท ทั้งลูกเต๋า ไพ่ปายโกว พนันม้าที่ควรจะมีก็มีหมดแต่ละโต๊ะพนันต่างก็ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยเสียงครื้นเครงเฟิ่งเชียนอวี่แต่งกายเหมือนคุณชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง เมื่อเข้าประตูมาก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลได้ทันที ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ต่างก็พากันมองสบตากันมีแกะอ้วนตัวหนึ่งเข้ามาแล้วเมื่อเทียบกับท่าทีอันสูงส่ง ของเฟิ่งเชียนอวี่ สาวใช้ทั้งสองกลับดูเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูอันน่าเกรงขาม คอยยืนอยู่ข้างพระชายาของพวกนางทั้งซ้ายและขวา แล้วก้าวเดินตามไป คอยจับจ้องไปรอบๆ ด้วยใบหน้าระแวดระวังในตอนนี้ ผู้ดูแลบ่อนพนันคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ค่อยๆ โค้งกายประสานมือ “คุณชายท่านนี้ดูสง่างามไม่ธรรมดา ดูแล้วมีโชคสวรรค์สรรค์สร้าง จะลองลงเล่นสักสองตาหรือไม่?”เฟิ่งเชียนอวี่เม้มริมฝีปาก “ตกลง มีสถานที่ที่สะอาด กว่านี้หรือไม่?”“มี มีขอรับ เชิญท่านขึ้นชั้นบนได้เลย” ผู้ดูแลเดินนำทางไปด้วยความกระตือรือร้นสีหน้าของสาวใช้ทั้งสองแดงก่ำ พวกนางไม่คิดเลยว่า พระชายาไม่เพียงแต่จะเข้ามา
สาวใช้ทั้งสองเองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าก็แสร้งทำเป็นกล้าหาญลุกขึ้นมา“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”“พวกเจ้านี้ช่างกล้าเสียจริงๆ รู้หรือไม่ว่าคุณชายของข้าเป็นใครกัน?”หากว่าไม่เอ่ยถึงน้ำเสียงที่สั่นเหมือนตะแกรงของพวกนางแล้ว เช่นนั้นแล้วก็คงพอจะดูมีพลังอยู่บ้างเฟิ่งเชียนอวี่ดูหมดคำที่จะเอ่ยออกมาผู้ดูแลยิ้มเย็นออกมา “ข้าจะไปสนใจว่าพวกเจ้าเป็นใครไปทำไมกัน กล้าที่จะมาก่อเรื่องในบ่อนพนันซื่อไห่ของพวกเรา แล้วทำไมถึงได้ไม่สืบมาก่อนว่าเจ้านายของบ่อนพนันของพวกเราเป็นใครกัน”เขาเอ่ยออกมาพลางพร้อมมองไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ “คุณชายท่านนี้ ท่านให้ร้ายชื่อเสียงของบ่อนพนันของพวกเราอย่างโจ่งแจ้ง ความเสียหายคราวนี้ อย่างไรเสียก็คงต้องคิดบัญชี”เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก บีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งขึ้นมา“เจ้าจะคิดบัญชีอย่างไร?”หญิงสาวอย่างพวกนางสามคน ตอนนี้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มชายอันธพาล จะรีบพุ่งตัวออกไปคงจะเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่นี้ทว่าเฟิ่งเชียนอวี่เองก็ไม่คิดเลยว่า บ่อนการพนันแห่งนี้ทำไมถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ การกระทำของพวกเขาไม่ต่างจากการปล้นกันแบบโจ่งแจ้ง แล้ว
สีหน้าของผู้ดูแลเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองไปยังท่าทีเย็นชาจนไม่อาจต่อรองใดได้อีก จึงทำได้เพียงกัดฟันยอมรับมันแน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดว่า ท่านอ๋องผู้สง่างามจะไม่รักษาคำพูด และก็หมายความว่า หากว่าเขาแพ้จริงๆ แล้ว เช่นนั้นมือคู่นั่นของตนเอง...ในใจของผู้ดูแลหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก ดวงตาดุร้าย ลอบกัดฟัน อย่างจะต้องชนะเท่านั้นเฟิ่งเชียนอวี่ลูบคาง ดวงตากลอกไปมา ในเมื่อตงฟางจิ่งเอ่ยออกมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่เพียงแต่สามารถเล่นพนันเท่านั้น แต่ยังเก่งอีกด้วย?นางเลิกคิ้วขึ้น น่าสนใจเข้าอีกแล้ว แล้วคอยรอชมการแสดงเถิดในเมื่อเป็นเรื่องของการพนันแล้ว และในเมื่อเป็นถึงผู้ดูแลของบ่อนพนันที่สามารถมาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีความสามารถมากกว่าทุกคนอย่างน้อย ทักษะการพนันก็ไม่เป็นรองใครผู้ดูแลนั่งลงบนตำแหน่งหลัก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้วยลูกเต๋าในมือของเขาเขย่าไปมาอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้นที่มาพร้อมกับเสียงดังปึงปัง“ท่านอ๋องวางเดิมพันได้แล้ว” เขาเอ่ยออกมาเสียงขรึมตงฟางจิ่งวางทองคำแท่งหนึ่งเดิมพันไปทางด้านต่ำดวงตาของเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกายเ
ชายหนุ่มนั่งล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่ด้านล่างเวที แต่ละคนต่างก็คอยจับจ้องไม่ยอมหันเหสายตาไปที่ใด สายตาหรี่เล็ก จนแทบทนไม่ไหวที่จะกระโจนขึ้นไป ขาดก็เพียงแค่น้ำลายไหลออกมาเท่านั้นด้านบนนั้นห้อมล้อมไปด้วยห้องส่วนตัว แขกด้านในนั้นไม่ใช่คนที่ใจกว้างมีน้ำใจนัก เป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาเฟิ่งเชียนอวี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้นนางยังคงแต่งกายเป็นคุณชายดังเก่า คนด้านข้างที่คอยรับใช้อยู่ ยังคงเป็นหลิวซูและอิ้งเสวี่ยที่แต่งกายเป็นเด็กรับใช้เดิมทีเฟิ่งเชียนอวี่เพียงแค่ได้ยินว่าทางฝั่งถนนทิศตะวันตกในเมืองหลวงนั้น มีร้านอาหารเปิดใหม่ ในนั้นมีเป็ดย่างที่เป็นเอกลักษณ์รสชาติอร่อยมากเป็นพิเศษ นางจึงคิดอยากจะลองชิมดูสุดท้ายแล้วผ่านตรอกดอกไม้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางถูกตึกสีแดงงดงามหลังนั้นดึงดูดสายตาเข้า หอนางโลมในยุคสมัยโบราณหากว่าไม่เข้าไปเดินเล่นสักครั้งก็คงจะน่าเสียดายนักสาวใช้ที่น่าสงสารทั้งสองอย่างหลิวซูและอิ้งเสวี่ย บทเรียนจากบ่อนพนันยังไม่ทันจางหายไป ก็มาถูกเจ้านายที่ไม่มีขีดจำกัดอย่างเฟิ่งเชียนอวี่มากระตุ้นความเครียดขึ้นมาอีกครั้ง“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ตกตะลึงกันไป ของอร่อยมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เพลิดเพล
หานจวิ้นใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีก็ควรจะเป็นเช่นนั้น “แน่นอน สหายศึกษาของข้าก็เหมือนเป็นตัวแทนของข้า มีอะไรจะไม่ได้กัน”ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้หน้าไม่อายเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะลอบสบถด่าออกมานางมองไปที่คนอื่นๆ พบว่าแม้แต่แม่เล้าเองก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกมา ช่างหมดคำพูดเสียจริงๆ“นี่ ไอ้น้อง หากว่าเจ้าทำไม่ได้ก็รีบออกไปเสีย อย่าได้มายุ่งวุ่นวายต่อหน้าข้าอีก” หานจวิ้นมองไปยังเฟิ่งเชียนอวี่ ท่าทีเต็มไปด้วยความไม่เกรงใจเฟิ่งเชียนอวี่หรี่ตาลง ยิ้มเยาะเย้ยออกมา เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เรียกหลิวซูสาวใช้ของตนเองออกมา “ข้าจะพูดออกมา เจ้ามาเขียน”นางเขียนออกมาเองได้ ทว่าตัวอักษรของนางคงไม่อาจจะรับได้จริงๆ ให้หลิวซูมาช่วยนางเขียนออกมาคงจะดีกว่าไม่นาน บทกวีสองบทก็ถูกปล่อยออกมาทางด้านของหานจวิ้น เป็นสหายศึกษาของเขาที่เป็นคนเขียนสายน้ำกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นในวันแสงแดดสดใส น้ำไหลผ่านทางลาดด้านตะวันตก เป็นระลอกคลื่นน้ำชื่นชมกับหยดน้ำ ถวิลหาลอยไปมาเพื่อดมกลิ่นหอมในหอหงซิ่วมีคนรู้หนังสืออยู่ไม่น้อย กวีบทนี้ถือได้ว่าธรรมดาไม่พิเศษใด วาทศิลป์นั้นดูจะผิวเผินจนเกินไป ไม่อ
พลันสีหน้าหัวหน้าทหารแข็งทื่อ ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เห็นได้ชัดว่าป้ายคำสั่งนี้เป็นของจริง เขากล้าลงมือกับคนของจวนอ๋องเสียที่ไหนเขามองสีหน้าที่ดุร้ายของหานจวิ้น ขนลุกซู่จนรีบกล่าว “คุณชายหาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออาการบาดเจ็บของท่าน ข้าน้อยจะส่งคนไปเชิญหมอเดี๋ยวนี้ขอรับ”สีหน้าหานจวิ้นเปลี่ยนทันที ระบายความแค้นกับเฟิ่งเชียนอวี่ ย่อมไม่สำคัญเท่ารักษาดวงตาของเขา เขากัดฟันกล่าว “เช่นนั้นเจ้ายังไม่รีบไปอีก”แม้ในใจไม่ได้คาดหวัง แต่ก็ยังคิดว่าเผื่อจะโชคดี“ขอรับๆ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”ในใจหัวหน้าทหารโล่งอก เขาสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเฝ้าอยู่ที่นี่ แล้วรีบพาคนสนิทสองสามคนออกจากหอหงซิ่วด้านหนึ่งเป็นคนของจวนอ๋องหก ด้านหนึ่งเป็นคุณชายของจวนมหาราชครู ฝั่งไหนเขาก็ล่วงเกินไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแทรกแซงได้แล้วเขาสั่งให้คนสนิทคนหนึ่งไปแจ้งข่าวที่จวนมหาราชครู คนหนึ่งไปแจ้งข่าวที่จวนอ๋อง คนหนึ่งไปตามหมอ ส่วนเขาจำเป็นต้องไปรายงานผู้บังคับบัญชาเดี๋ยวนี้ภายในหอหงซิ่ว เฟิ่งเชียนอวี่สะกิดหลิวซู กล่าวเสียงเบา “ตามสถานะแล้ว ข้าควรจะใหญ่กว่าหานจวิ้นกระมัง?”หลิวซูพยักหน้า “มันแน่อ