Share

บทที่ 9

ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อย

เขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”

เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”

ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”

น่าเกลียดเป็นพิเศษ

ตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัย

เฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้

ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่

เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย

นางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?

ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเฉพาะ สมุนไพรส่วนใหญ่ในใบสั่งยาไม่นับว่าหายากสักเท่าไหร่ มีอยู่สองชนิดที่หายากหน่อย ในจวนก็มีพอดีเช่นกัน

พ่อบ้านนำสมุนไพรทั้งหมดมาอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องหนังสือ เด็กรับใช้เตรียมถังแช่น้ำและน้ำร้อนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เฟิ่งเชียนอวี่ลูบคาง ส่ายหน้า “ไม่ได้ การแช่สมุนไพรนี้อย่างน้อยต้องแช่หนึ่งชั่วยาม”

หนึ่งชั่วยามในสมัยโบราณ ก็เท่ากับสองชั่วโมง

“ในช่วงเวลานี้ จะต้องรักษาอุณหภูมิของน้ำให้สมดุล แม้ว่าจะเข้ามาเติมน้ำร้อนเป็นครั้งคราว ก็จะทำให้อุณหภูมิของน้ำขาดความคงที่ ฤทธิ์ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่”

ตงฟางจิ่งปัดมืออย่างสุขุม ครู่ต่อมา ภายในห้องหนังสือก็มีเงาเดาสี่เงาปรากฏขึ้น เฟิ่งเชียนอวี่ตกใจมาก แต่เมื่อมองดูอย่างชัดเจนแล้ว คนชุดดำทั้งสี่คนกำลังคุกเข่าข้างเดียว เรียงแถวอยู่ตรงหน้า

“พวกเขาสามารถใช้กำลังภายในพัดไฟได้อย่างต่อเนื่อง สองคนพัดไฟ ก่อนหน้าที่จะใช้กำลังภายในจนหมด อีกสองคนก็เข้ามาแทนที่” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างสงบนิ่ง

เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้าง กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พยักหน้า “ดี เป็นวิธีการที่ดี สุดยอด เหอะ ๆ”

โอ้โฮ นี่ก็คือองครักษ์ลับในซีรีส์ใช่ไหม มาอย่างไร้เงาไปอย่างไร้ร่องรอย วรยุทธ์สูงส่ง กำลังภายในแข็งแกร่ง ราวกับเป็นเงา

หัวใจของนางเต้นโครมคราม รู้สึกเร้าใจและตื่นเต้น คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้เห็นตัวเป็น ๆ แล้ว ในเวลาเดียวก็แอบคิดอยู่ภายในใจ

ตงฟางจิ่งคนนี้มีแม้กระทั่งองครักษ์ลับ ลักษณะดูเหมือนกับท่านอ๋องทั่วไปที่ไหนกันละ อิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน จุ ๆ

เฟิ่งเชียนอวี่กะพริบตา สำรวมอาการ จ้องมององครักษ์ลับสองคนที่ยืนอยู่ข้างถังอาบน้ำ ยื่นมือออกมาอย่างรวดเร็ว พลังลับกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านอยู่ภายในห้อง น้ำในถังเริ่มเดือดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เฟิ่งเชียนอวี่มองดูด้วยความประหลาดใจ

ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงในสมัยปัจจุบันจะยอดเยี่ยมมาก แต่วรยุทธ์ของยุคโบราณ ก็น่าทึ่งมากเช่นกัน

ตงฟางจิ่งถอดชุดด้านนอกออก ก้าวเข้าไปในถัง

เฟิ่งเชียนอวี่รีบนำสมุนไพรที่กองอยู่ด้านข้าง โยนใส่เข้าไปทีละอย่างตามลำดับ พร้อมกล่าวเตือน

“ท่านอ๋อง ถึงแม้ว่าอุณหภูมิของน้ำนี้จะสูง แต่ก็ไม่ทำลายผิวหนัง อีกเดี๋ยวทันทีที่ยาฤทธิ์ออกฤทธิ์ จะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ท่านอดทนสักหน่อยนะ”

ตงฟางจิ่งไม่ได้พูดอะไร ค่อย ๆ หลับตาที่เย็นยะเยือกลง

สิบกว่าปีมานี้ ทุกครั้งที่พิษเหมันต์กำเริบ ความเจ็บปวดเข้ากระดูกนั้นเขาต้องเผชิญมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว

ความเจ็บเล็กน้อยแค่นี้จะทำอะไรได้

หวังเพียงแต่ว่าเฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้หลอกลวงเขา หากเป็นตามที่ผู้หญิงคนนี้พูดจริง ว่าวิธีการของนาง สามารถกำจัดพิษนี้ได้

เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที

เป็นดังเช่นเฟิ่งเชียนอวี่กล่าวเอาไว้ หลังจากแช่สมุนไพรไปได้ประมาณสิบกว่านาที ทั่วทั้งร่างกายก็เริ่มรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆราวกับถูกเข็มทิ่มแทง และเหมือนว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ตลอดขั้นตอน ตงฟางจิ่งไม่ขยับเลยสักนิดแม้กระทั่งคิ้ว ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรเลย

เฟิ่งเชียนอวี่รู้สึกนับถือ คนแน่จริง ๆ

เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปเร็วมาก ตงฟางจิ่งกระโดดออกจากในถังพร้อมตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำสมุนไพร

เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ตงฟางจิ่งจ้องมองนางด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนย้ายกำลังภายในผ่านเส้นเลือดดำทั่วทั้งร่างกาย

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ พิษเหมันต์จำกัดการเคลื่อนย้ายกำลังภายในของเขามาตลอด พลังสิบส่วนสามารถใช้ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น โดยปกติการเคลื่อนย้ายกำลังภายใน มักจะมาพร้อมกับความติดขัด แล้วก็มีความแสบร้อนตามมา

แต่ตอนนี้...

ตงฟางจิ่งสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกติดขัดในอดีต ลดลงไปมากกว่าครึ่ง อีกทั้งยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกด้วย

พลังสิบส่วน สามารถใช้ได้หกส่วนแล้ว

ถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาแค่เพียงขั้นเดียว แต่ผลลัพธ์ชัดเจนมาก ว่าการแช่สมุนไพรนี้มีประโยชน์ มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

เฟิ่งเชียนอวี่พูดแล้วว่า นี่เป็นเพียงใบสั่งยาชุดที่หนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ยังมีอีกชุด ถ้าหากแช่จนจบสมบูรณ์ ก็จะต้อง...

ตงฟางจิ่งเม้มปาก มือทั้งสองข้างแอบสั่นเทาเล็กน้อย

ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าพิษเหมันต์ของร่างกายหมดหนทางรักษา นอกจากการสกัดเอาไว้ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว สามารถมีชีวิตรอดไปวัน ๆ เท่านั้น ตอนนี้สวรรค์กลับประทานโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้เขา

แม้ว่าจะเป็นตงฟางจิ่ง ก็ยากที่จะจิตใจสงบ

เขาหลับตา แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความแจ่มชัดในดวงตาได้ถูกสะกดเอาไว้หมดแล้ว จ้องมองเฟิ่งเชียนอวี่ ยื่นมือออกไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“ใบสั่งยาที่เหลือ”

เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้วทันที ยิ้มอย่างลำพองใจ “ได้ผลใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าข้ามีหนทางแก้ไข ตอนนี้เชื่อแล้วละสิ”

นางจ้องมองมือที่อยู่ตรงหน้า ข้อกระดูกนิ้วมือที่เด่นชัด สีผิวที่ขาวราวกับหยก แม้ว่าบริเวณข้อต่อจะไม่มีรอยย่น จ้องมองอย่างหน้าชื่นตาบาน

เฟิ่งเชียนอวี่พยายามสะกดความอยากจะยื่นมือไปจับ กระแอมเบา ๆ “คำขอของข้ายังเป็นข้อนั้น อยากได้ใบสั่งยานั้นง่ายมาก เอาหนังสือแยกทางมาแลก”

ตงฟางจิ่งจ้องมองนางเงียบ ๆ อยู่ครู่ใหญ่ ค่อย ๆ ชักมือกลับ หยิบเสื้อคลุมด้านนอกออกมา แล้วสวมอย่างไม่รีบร้อน

“ไม่มีทาง”

คำสั้น ๆ เพียงสามคำ แต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของการต่อต้าน

เฟิ่งเชียนอวี่ยืนตะลึง กล่าวอย่างเหลือเชื่อ “เพราะอะไร?”

นางคิดไม่ถึงจริง ๆว่าตงฟางจิ่งจะปฏิเสธ?

เห็นกันอยู่ชัด ๆว่าใบสั่งยานี้ได้ผล? เห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยากจะกำจัดพิษเหมันต์ ตอนนี้เป็นโอกาส นางเพียงแค่อยากจะได้หนังสือแยกทางเดียวเท่านั้น

ทำไมถึงปฏิเสธ?

ตงฟางจิ่งกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าเอ่ยปากขอเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องแยกทางนั้นเป็นไปไม่ได้”

เฟิ่งเชียนอวี่กัดฟัน “ข้ามีข้อเรียกร้องข้อนี้เพียงข้อเดียว”

“เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเจรจากันแล้ว”

นางเบิกตากว้าง ยิ้มด้วยความโมโหทันที “ไม่มีอะไรต้องเจรจาใช่หรือไม่ ได้สิ ท่านอ๋องผู้อวดดี ข้านับถือ หวังว่าตอนที่พิษเหมันต์ของท่านอ๋องกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ยังจะอวดดีแบบนี้ได้อยู่นะ ฮึ”

เฟิ่งเชียนอวี่หันหลังกลับด้วยความโมโหแล้วเดินจากไป ภาพเบื้องหลังที่ราวกับกำลังมีเพลิงลุกโหม

ตงฟางจิ่งจ้องมองภาพเบื้องหลังของนางที่เดินออกไป ดวงตาที่ล้ำลึกเต็มไปด้วยความเงียบสงัด

เฟิ่งเชียนอวี่กลับมาที่เรือนชิงหลานด้วยสีหน้าโมโห จิบน้ำเย็นสี่ห้าถ้วยในคราวเดียว เพลิงโทสะในทรวงอกยังคงไม่ลดลงไปแม้แต่นิดเดียว

พวกสาวใช้ภายในเรือนมองหน้ากันไปมา

หลิวซูเดินเข้ามาหาอย่างระวัง “พระชายา? ดื่มน้ำเย็นมากไปเกรงว่าจะทำให้ท้องไส้ไม่สบาย บ่าวจะไปเปลี่ยนเป็นน้ำอุ่นให้ท่านดีหรือไม่?”

เฟิ่งเชียนอวี่โบกมืออย่างอารมณ์ไม่ดี “น้ำอุ่นอะไร เอาน้ำเย็นมา”

อะไรนะ?

หลิวซูรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูท่าทางของเฟิ่งเชียนอวี่ ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง

เฟิ่งเชียนอวี่กระดกน้ำเย็นลงไปอีกสองแก้ว ความรู้สึกใจเย็นจากภายในสู่ภายนอก เพลิงโทสะภายในใจถึงได้ลดลงไปเล็กน้อย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status