หลายวันต่อจากนั้น เฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้ออกจากจวน อยู่แต่ในเรือนทุกวัน ให้สาวใช้หาของเล่นใหม่ๆ มาให้นางเล่น แล้วก็ทำยาผงต่างๆภายในห้อง เฟิ่งเชียนอวี่มองขวดหยกดินเผาสิบกว่าใบตรงหน้า ข้างในล้วนเป็นผลงานในช่วงไม่กี่วันนี้ของนางเมื่อก่อนนางเป็นถึงดอกเตอร์แพทยศาสตร์ชั้นนำของประเทศเฮช ภายในประเทศมีสถาบันวิจัยทางการแพทย์เฉพาะทาง ครอบคลุมทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตก นางในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านการวิจัยไม่กี่คน มีอำนาจสูงมากเช่นกันอะไรที่เกี่ยวข้องกับยา แค่นางเอ่ยปาก ก็มีคนหามาให้นางโดยเฉพาะมรดกยาจีนตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ วัตถุโบราณอย่างหนังสือผ้าไหม หนังสือผ้าแพร และรวมถึงหนังสือต้นฉบับที่ แล้วก็หวงตี้เน่ยจิง[1] เปิ่นเฉ่ากังมู่[2]ต่างๆ ที่ถูกขุดพบ ล้วนไม่รู้ว่าถูกนางเปิดอ่านแล้วกี่รอบด้วยพรสวรรค์ทางการแพทย์ของนาง ได้รับการยกระดับจากพื้นฐานเดิม สำหรับการวิจัยและผลิต ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไรภายในขวดดินเผาที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้มีทั้งยาเม็ดและยาผง มีทั้งยารักษาและยาพิษลองจินตนาการดูว่าถ้าหากต่อไปมีคนกล้ามาปิดล้อมนาง นางก็สาดยาผงออกไปหนึ่งกำมือ ต้องเป็นภาพที่ล้มระเนระนาดในพริบตาแน่
เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า นางรู้จักภาษาสันสกฤต นั่นเป็นเพราะนางมีปู่ที่ชื่นชอบวรรณกรรมโบราณกับวัฒนธรรมทางศาสนาพุทธมากอินเดียนับถือศาสนาพุทธมาโดยตลอด โบสถ์พุทธมีรากฐานที่ลึกซึ้ง ย่อมเป็นเป้าหมายในการวิจัยของปู่นางด้วยเช่นกัน ภาษาแรกของอินเดียก็คือภาษาสันสกฤตเฟิ่งเชียนอวี่เติบโตมากับปู่ตั้งแต่เด็ก เมื่อได้เห็นได้ยินทุกวัน นางอ่านภาษาสันสกฤตได้ก็ไม่แปลกแต่คุณหนูสามของจวนอัครเสนาบดีรู้จักภาษาสันสกฤต เช่นนั้นก็น่าแปลกแล้ว แต่ตงฟางจิ่งไม่ได้พูดออกมา“เจ้าอ่านที่ข้าเขียนทั้งหมดหนึ่งรอบ” ตงฟางจิ่งกล่าวเฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก “ทำไม ไม่เชื่อว่าข้ารู้จักหรือ อ่านก็อ่าน”นางเดิมอ้อมโต๊ะ เริ่มอ่านตั้งแต่บรรทัดแรก“มรรคมีสามรัตนะ ฟ้า ดิน มนุษย์ มนุษย์มีสามรัตนะ แก่นแท้ ปราณ จิตวิญญาณผันกระดูกควรยึดตามคัมภีร์ล้างไขกระดูก ขัดเกลาแก่นแท้ หลอมปราณ แปรผันสู่เทพ บุรุษคือผู้ใช้กำปั้น วิชาเป็นตาย เมื่อเข้าถึงย่อมรู้แจ้ง…”เฟิ่งเชียนอวี่อ่านทีละบรรทัดโดยไม่สนใจคนอื่น ไม่สังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของคนในห้องหนังสือเลย“เป็นอย่างไร อ่านไม่ผิดกระมัง” เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้วตงฟางจิ่งเม้มปาก “ดีมาก ดูเหมือนพระ
ตงฟางจิ่งค่อนข้างสงบ ยังมีอารมณ์วิเคราะห์ให้นางฟัง “อาการบาดเจ็บของหานจวิ้น แม้แต่หมอหลวงในวังก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถรักษา? ใครจะเชื่อ?”“หากไม่มีข้า เกรงว่าเจ้าไม่สามารถเข้าประตูใหญ่ของจวนหานด้วยซ้ำ ข้ารับประกันทักษะการแพทย์ของเจ้า ก็ต้องรับความเสี่ยงเช่นกัน”“ท่าน…” เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว“พระชายาเลือกเอง ระหว่างไม่ได้ค่าตอบแทนแม้แต่แดงเดียว หรือได้ค่าตอบแทนห้าส่วน” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเชื่องช้าเฟิ่งเชียนอวี่จ้องเขาเขม็ง อัดอั้นอยู่ครึ่งค่อนวันจึงจะเอ่ยปาก “สองส่วน”ตงฟางจิ่งไม่ได้สนใจนาง“สามส่วน…”ตงฟางจิ่งยังคงไม่สนใจเขาเฟิ่งเชียนอวี่อยากหมุนกายเดินจากไปอย่างสง่างาม แต่เท้าของนางกลับไม่ขยับ แม้แบ่งครึ่งหนึ่งมันทำให้นางปวดใจมากแต่ก็เหมือนกับที่หมอนี่พูด เขาไม่พานางไป นางก็จะไม่ได้แม้แต่แดงเดียวชั่วขณะ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เหี่ยวลงเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ ยอมประนีประนอมแล้วคราวนี้ตงฟางจิ่งเหมือนนึกถึงอะไร “หนังสือต้นฉบับภาษาสันสกฤตที่ข้าพูดเมื่อครู่ ถ้าหากพระชายาตอบตกลง ข้าก็จะยอมถอยส่วนสองส่วนก็ใช่ว่าจะไม่ได้”สีหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เดี๋ยวมืดเด
เฟิ่งเชียนอวี่มองตัวเองในกระจกสัมฤทธิ์ ลูบหนวดไม่กี่เส้นที่อยู่ใต้คาง กระแอมเสียงหนาทีหนึ่ง จงใจทำให้เสียงทุ้มต่ำ หันไปหาตงฟางจิ่ง พลันสะบัดแส้ ประสานมืออย่างยิ้มแย้ม “คำนับท่านอ๋อง”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย “เลิกลูบได้แล้ว หนวดหลุดแล้ว”“ฮะ? จริงหรือ?”พลันเฟิ่งเชียนอวี่ตกใจ รีบลูบแล้วลูบอีกอีกครั้ง เมื่อเห็นตงฟางจิ่งเดินไปแล้วก็รีบตามไป“นี่ ท่านอ๋องรอข้าด้วยสิ หนวดนี่กันน้ำหรือไม่ ถ้าหากหลุดจริงๆ จะทำอย่างไร? ท่านอ๋อง…”ในเมืองหลวง ถนนทุกสายสร้างติดกัน จวนของขุนนางในราชสำนัก แบ่งตามลำดับขั้น จากต่ำไปสูง ตำแหน่งของการสร้างจวนก็ไล่จากชานเมืองสู่ใจกลางเมืองหลวงลำดับขั้นยิ่งต่ำ ที่ตั้งของจวนก็ยิ่งอยู่ห่างออกไป ลำดับขั้นยิ่งสูง จวนก็ยิ่งใกล้ใจกลางเมืองหลวงอย่างเช่นตงฟางจิ่งที่เป็นอ๋องหกคนนี้ ในฐานะที่เป็นลูกหลานของราชวงศ์ ระยะห่างของจวนกับวังหลวง ด้วยความเร็วในการนั่งรถม้า ใช้แค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วนี่ก็คือความแตกต่างของสถานะมหาราชครูหานเป็นขุนนางขั้นห้า ทำงานในสำนักราชบัณฑิต รถม้าของจวนอ๋องต้องใช้เวลาถึงหนึ่งก้านธูปจึงจะถึงหนึ่งก้านธูปของยุคโบราณ เท่ากับประมาณครึ่งชั่วโ
สำหรับอาจารย์ที่เฟิ่งเชียนอวี่พูดถึง ตงฟางจิ่งยอมเชื่อ อย่างไรก็ตาม นี่จึงจะสามารถอธิบายได้ว่าทักษะการแพทย์ที่แปลกประหลาดของนางมาจากที่ไหนแต่เฟิ่งเชียนอวี่บอกว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนของอาจารย์เลย ตงฟางจิ่งกลับไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ผู้หญิงคนนี้ยอมบอกแต่โดยดีสิถึงจะแปลกตงฟางจิ่งสั่งให้คนขับรถม้าเปลี่ยนเส้นทาง ไปที่คุกหลวงกรมราชทัณฑ์แทนนักโทษที่กรมราชทัณฑ์กักขัง นอกจากขุนนางบางส่วนที่ถูกสั่งจองจำ ที่เหลือก็เป็นคนในยุทธภพที่เป็นภัยและกระทำความผิดร้ายแรงขุนนางของกรมราชทัณฑ์คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องหกจะมา ต่างพากันออกมาต้อนรับ “พวกเราคำนับท่านอ๋อง”“ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบคุณท่านอ๋อง”เฟิ่งเชียนอวี่กวาดมองโดยรอบอย่างอยากรู้อยากเห็น นี่ก็คือคุกหลวงของกรมราชทัณฑ์ในยุคโบราณหรือ ได้ยินมาว่าในวังหลวงยังมีคุกสวรรค์ที่ใหญ่กว่านี้ ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรตงฟางจิ่งให้ขุนนางทั้งหลายนำหนังสือหลักฐานของนักโทษที่มีโทษประหาร และได้มีราชโองการให้ตัดศีรษะหลังฤดูใบไม้ผลิร่วงออกมาดูโดยตรงหนึ่งในขุนนางลังเลครู่หนึ่ง รวบรวมความกล้าสอบถาม “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องอยากทำอะไรหรือขอรับ?”อ
เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้าแล้วเดินเข้าไป นางมองหลิวต้านอย่างเย็นชา สำหรับคนชั่วที่ทำร้ายเด็กเช่นนี้ น่าเกลียดชังที่สุดนางแตะหลิวต้านพลิกตัวกลับมา นั่งยองๆ เปิดหนังตาของเขา ตรวจดูอย่างละเอียดครู่หนึ่งดวงตาของหลิวต้านขุ่นมัว และถึงขั้นมีจุดสีเหลืองจางๆ ที่ขอบ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากระจกตาของเขา ไม่ได้มีสุขภาพที่ดีมากนักแต่เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนคน หานจวิ้นคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร นางไม่ได้ใจดีถึงขั้นพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้อีกฝ่าย สามารถทำให้เขามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้งก็ดีมากแล้วเฟิ่งเชียนอวี่มองข้ามตงฟางจิ่งที่อยู่ข้างๆ ล้วงเครื่องมือสองสามอย่างออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง หลังจากนั้นก็เอากระจกตาของหลิวต้านออกมาแช่ในยาน้ำอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง เสร็จแล้ว”ตงฟางจิ่งมองทักษะที่เรียกได้ว่าคล่องแคล่วสวยงามของนาง มีความประหลาดใจสายหนึ่งแลบผ่านแววตา พยักหน้าก็พาเฟิ่งเชียนอวี่จากไปคนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลหานต่อหน้าประตูจวนตระกูลหานเฟิ่งเชียนอวี่ลงจากรถม้าตามหลังตงฟางจิ่ง ยามเฝ้าประตูของจวนย่อมสามารถมองสถานะของรถม้าออกในปราดเดียว รีบเข้าไปรายงานทันทีไม่นา
“ท่านนักพรตสามารถรักษาลูกชายข้าจริงๆ?” มหาราชครูหานกล่าวถามอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยเฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว “เรื่องนี้แน่นอน”“เยี่ยมไปเลย ลูกข้ามีทางรักษาแล้ว ท่านอ๋อง บุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าน้อยไม่รู้ควรตอบแทนอย่างไร”มหาราชครูหานไม่คิดว่าตงฟางจิ่งที่เป็นถึงท่านอ๋องจะมาหลอกเขาเล่น ดังนั้นอารมณ์จึงเป็นตื่นเต้นมากจริงๆตงฟางจิ่งโบกมือ “ข้าเป็นแค่คนกลาง คนที่มีความสามารถจริงๆ คือนักพรตท่านนี้”“ขอรับๆ ไม่ทราบว่านามของท่านนักพรตคือ?”แววตาเฟิ่งเชียนอวี่สั่นไหวเล็กน้อย “ข้าแซ่เฟิง”พูดถึงก็บังเอิญ เดิมทีนางก็ชื่อเชียนอวี่ เพียงแต่เป็นเฟิงเชียนอวี่ มาถึงยุคโบราณ ก็ยังชื่อเดิม แต่นามสกุลเปลี่ยนไปแล้วท่าทางของมหาราชเกรงใจมาก “ที่แท้ก็คือนักพรตเฟิง ไม่ทราบว่าท่านรักษาลูกชายข้า ต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าชนิดใดบ้าง ข้าจะได้เตรียมล่วงหน้าได้สะดวก”เฟิ่งเชียนอวี่ล้วงกระดาษแผ่นออกจากแขนเสื้ออย่างคล้อยตาม มีชื่อสมุนไพรยี่สิบกว่าชนิดเขียนอยู่บนนั้นสมุนไพรเหล่านี้มีราคาสูงมาก ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินไม่น้อยจึงจะซื้อได้นี่เป็นของที่เฟิ่งเชียนอวี่เตรียมไว้ล่วงหน้านานแล้ว ที่จริงรักษาหานจวิ้นไม่จำเ
เฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก “แน่นอน”มหาราชครูหานปลื้มปีติกับสิ่งที่เกินความคาดหมายมาก เขาคำนับขอบคุณเฟิ่งเชียนอวี่โดยตรง“นักพรตเฟิงเป็นผู้วิเศษจริงๆ ท่านวางใจได้ ท่านเหนื่อยทั้งที ค่าตอบแทนไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน”สีหน้าเฟิ่งเชียนอวี่ถึงจะดูดีขึ้นมาก นางมาครั้งนี้ ก็เพื่อคำนี้ไม่ใช่หรือเสร็จงานแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่ตามตงฟางจิ่งออกจากจวนหาน พร้อมกับมีทองคำเพิ่มมาอีกสองพันตำลึงเวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วมากตงฟางจิ่งในฐานะท่านอ๋องหก ข่าวที่พานักพรตหมอเทวดาไปจวนหาน ถูกคนมากมายในเมืองหลวงให้ความสนใจเดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ผู้คนได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว พวกเขาพลางคาดเดาจุดประสงค์ของท่านอ๋องหก พลางจับตาดูการเคลื่อนไหวของจวนตระกูลหานไม่นาน ข่าวที่ตาขวาของหานจวิ้นจวนหานหายดีได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงไม่มีความลับอะไร ช่วงก่อนหน้านี้ พระชายาอ๋องหกแต่งกายเป็นชายไปเที่ยวหอนางโลม ได้เกิดการโต้เถียงกับคุณชายของมหาราชครูหาน หานจวิ้นยังได้รับบาดเจ็บที่ตาขวา กลายเป็นคนตาบอดเรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานที่คึกคักอย่างหอหงซิ่ว มีคนมากมายเช่นนั้นดูอยู่ อย่างไรก็ปิดไม่อ
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ