“ท่านนักพรตสามารถรักษาลูกชายข้าจริงๆ?” มหาราชครูหานกล่าวถามอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยเฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว “เรื่องนี้แน่นอน”“เยี่ยมไปเลย ลูกข้ามีทางรักษาแล้ว ท่านอ๋อง บุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าน้อยไม่รู้ควรตอบแทนอย่างไร”มหาราชครูหานไม่คิดว่าตงฟางจิ่งที่เป็นถึงท่านอ๋องจะมาหลอกเขาเล่น ดังนั้นอารมณ์จึงเป็นตื่นเต้นมากจริงๆตงฟางจิ่งโบกมือ “ข้าเป็นแค่คนกลาง คนที่มีความสามารถจริงๆ คือนักพรตท่านนี้”“ขอรับๆ ไม่ทราบว่านามของท่านนักพรตคือ?”แววตาเฟิ่งเชียนอวี่สั่นไหวเล็กน้อย “ข้าแซ่เฟิง”พูดถึงก็บังเอิญ เดิมทีนางก็ชื่อเชียนอวี่ เพียงแต่เป็นเฟิงเชียนอวี่ มาถึงยุคโบราณ ก็ยังชื่อเดิม แต่นามสกุลเปลี่ยนไปแล้วท่าทางของมหาราชเกรงใจมาก “ที่แท้ก็คือนักพรตเฟิง ไม่ทราบว่าท่านรักษาลูกชายข้า ต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าชนิดใดบ้าง ข้าจะได้เตรียมล่วงหน้าได้สะดวก”เฟิ่งเชียนอวี่ล้วงกระดาษแผ่นออกจากแขนเสื้ออย่างคล้อยตาม มีชื่อสมุนไพรยี่สิบกว่าชนิดเขียนอยู่บนนั้นสมุนไพรเหล่านี้มีราคาสูงมาก ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินไม่น้อยจึงจะซื้อได้นี่เป็นของที่เฟิ่งเชียนอวี่เตรียมไว้ล่วงหน้านานแล้ว ที่จริงรักษาหานจวิ้นไม่จำเ
เฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก “แน่นอน”มหาราชครูหานปลื้มปีติกับสิ่งที่เกินความคาดหมายมาก เขาคำนับขอบคุณเฟิ่งเชียนอวี่โดยตรง“นักพรตเฟิงเป็นผู้วิเศษจริงๆ ท่านวางใจได้ ท่านเหนื่อยทั้งที ค่าตอบแทนไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน”สีหน้าเฟิ่งเชียนอวี่ถึงจะดูดีขึ้นมาก นางมาครั้งนี้ ก็เพื่อคำนี้ไม่ใช่หรือเสร็จงานแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่ตามตงฟางจิ่งออกจากจวนหาน พร้อมกับมีทองคำเพิ่มมาอีกสองพันตำลึงเวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วมากตงฟางจิ่งในฐานะท่านอ๋องหก ข่าวที่พานักพรตหมอเทวดาไปจวนหาน ถูกคนมากมายในเมืองหลวงให้ความสนใจเดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ผู้คนได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว พวกเขาพลางคาดเดาจุดประสงค์ของท่านอ๋องหก พลางจับตาดูการเคลื่อนไหวของจวนตระกูลหานไม่นาน ข่าวที่ตาขวาของหานจวิ้นจวนหานหายดีได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงไม่มีความลับอะไร ช่วงก่อนหน้านี้ พระชายาอ๋องหกแต่งกายเป็นชายไปเที่ยวหอนางโลม ได้เกิดการโต้เถียงกับคุณชายของมหาราชครูหาน หานจวิ้นยังได้รับบาดเจ็บที่ตาขวา กลายเป็นคนตาบอดเรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานที่คึกคักอย่างหอหงซิ่ว มีคนมากมายเช่นนั้นดูอยู่ อย่างไรก็ปิดไม่อ
ตงฟางจิ่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ “นักพรตตรวจชีพให้หม่อมฉันแต่อาการป่วยของหม่อมฉันทิ้งเอาไว้นานจนเกินไป แม้ว่าจะเป็นนักพรต ก็หมดหนทางเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฮ่องเต้เทียนหยวนได้ยิน ก็รู้สึกหมดหวังทันที แต่ก็อยู่ในการคาดเดาเช่นกัน อาการป่วยของเจ้าหกเป็นมานานสิบกว่าปีแล้ว โรคเรื้อรังนี้ จะสามารถรักษาได้อย่างง่ายดายเสียที่ไหนกันละ? เฮ้อ“จิ่งเอ๋อร์อย่าได้ทุกข์ใจไป ใต้หล้านี้คนมีความสามารถมากมาย เราเชื่อว่า สุขภาพของเจ้าจะต้องมีหนทางรักษาจนหายดีได้แน่นอน”ฮ่องเต้เทียนหยวนทำได้แค่เพียงพูดปลอบใจตงฟางจิ่งเท่านั้นตงฟางจิ่งนิ่งเงียบไม่พูดจาเมื่อฮ่องเต้เทียนหยวนเห็นดังนั้น ก็ไม่อยากจะหารือหัวข้อนี้อีกต่อไป “จิ่งเอ๋อร์ นักพรตท่านนั้นยังอยู่ที่จวนของเจ้าหรือไม่?”ตงฟางจิ่งกล่าว “หม่อมฉันกับนักพรตเฟิงได้เจอกันโดยบังเอิญ หม่อมฉันบังเอิญช่วยชีวิตนักพรตเอาไว้ นักพรตจิตใจเมตตา ต้องการจะตอบแทนหม่อมฉันถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรักษาอาการป่วยของหม่อมฉันได้อย่างหายขาด แต่ก็ช่วยปรับสมดุลสุขภาพร่างกายของหม่อมฉันพอไหวพ่ะย่ะค่ะ”“นักพรตไม่ได้อยู่ในจวน ไปเก็บสมุนไพรที่บริเวณใกล้ ๆกับภูเขาอวิ๋นเสีย
“ในเมื่อเจ้าชอบพอคุณหนูสามเฟิ่งคนนั้น เราก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว แต่ว่าทางที่ดีควรจะดูแลพระชายาของเจ้าให้ดี เป็นหญิงเป็นนาง ทั้งยังเป็นพระชายาผู้สง่าผ่าเผย แต่กลับปลอมตัวเป็นชายไปเที่ยวหอนางโลม? มีอย่างที่ไหนกัน ทำตัวเหลวไหลจริง ๆ”ฮ่องเต้เทียนหยวนพูดไป ก็อดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าเคร่งขรึมตงฟางจิ่งพยักหน้า “เชียนเชียนเพียงแค่นิสัยรักสนุกไปหน่อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเองก็ตามใจจนเกินไป เสด็จพ่อทรงวางพระทัย ว่าจะไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้เทียนหยวนโบกมือ “เอาละ สุขภาพของเจ้าไม่แข็งแรง รีบกลับจวนไปพักผ่อนเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทูลลา”ตงฟางจิ่งออกจากห้องทรงพระอักษร เส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังประตูเสินอู่ ก็เจอเข้ากับอ๋องสามและอ๋องห้าพอดีอ๋องสามตงฟางเย่า สวมชุดสีแดงเข้ม ห้อยหยกรูปนกกระเรียนบินอยู่บริเวณเอว มือถือพัดพับ ที่พัดมีก้อนหินสีฟ้าอมเขียวที่มูลค่าไม่ธรรมดาห้อยอยู่ เดินไปแกว่งไป ท่าทางสง่างามอ๋องห้าตงฟางฉี่ สวมชุดปักลายหม่างสีดำ ห้อยตราประทับอยู่บริเวณเอว มือถือลูกประคำไม้กฤษณาเส้นหนึ่งอยู่ เดินอย่างผ่าเผย หน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดาเมื่อทั้งสองคนเห็นต
เรื่องที่แพร่ออกมาตอนหลังว่า เจ้าหกกับลูกของอนุภรรยาคนนั้นรักกันมาตั้งนานแล้ว เรื่องแต่งงานแทนจึงเป็นเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่เชื่อเลยสักนิดถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ก็เพื่อไว้หน้าเจ้าหกก็เท่านั้น จึงจงใจเผยแพร่ออกไปก็เท่านั้น“ปกติน้องหกมักจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน ยากที่จะได้เจอสักครั้ง วันนี้ได้เจอกัน พวกเราพี่น้องกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีหรือไม่?” ตงฟางฉี่เสนอความคิดเห็นตงฟางจิ่งเหลือบมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “ความหวังดีของพี่สามกับพี่ห้าข้ารับเอาไว้ด้วยใจแล้ว แต่ว่าสุขภาพของข้าไม่แข็งแรง ไม่เป็นไรดีกว่า”เมื่อทั้งสองคนได้ยินก็ไม่สนใจ ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก ร่างกายอ่อนแอ คลุกอยู่ภายในจวนมาหลายปี ปรากฏตัวน้อยมาก นิสัยก็เย็นชาเหมือนน้ำแข็งมาโดยตลอดตงฟางเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยิ้ม “น้องหก ได้ยินมาว่าที่จวนของเจ้ามีนักพรตเฟิง ฝีมือการรักษาน่ามหัศจรรย์ แม้แต่ตาที่บอดของหานจวิ้นก็สามารถหายกลับเป็นปกติได้?”“เรื่องนี้จริงหรือไม่?”เมื่อตงฟางฉี่ได้ยิน หัวใจหวั่นไหวทันที แล้วก็มองตงฟางจิ่งตงฟางจิ่งหยักห
เรือนชิงหลาน เฟิ่งเชียนอวี่ให้สาวใช้ยกเก้าอี้สนมเอก[1]ออกมาข้างนอก ตนเองนอนอยู่ด้านบน กำลังอาบแดดอย่างเกียจคร้าน ปากบ่นพึมพำ“เบื่อ น่าเบื่อเหลือเกิน...”หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยสบตากันแวบหนึ่ง เดินมาข้างหน้า“พระชายา บ่าวร้องเพลงให้ท่านฟังดีหรือไม่”“ใช่เจ้าค่ะ พระชายา บ่าวยังเล่าเรื่องตลกเป็นนะเจ้าคะ ท่านฟังแก้เบื่อได้”เฟิ่งเชียนอวี่มุ่ยปาก เล่าเรื่องตลก? จะยังมีอะไรน่าขำไปกว่ามุกตลกสมัยใหม่ที่หลากหลายพวกนั้นอีกเหรอไง? ช่างเถอะนางครุ่นคิด “หรือว่า พวกเราออกไปเที่ยวเล่นที่นอกจวนกันเถอะ ถนนทิศตะวันออกกับถนนทิศใต้ทางด้านนั้น มีสถานที่อีกมากมายที่ยังไม่ได้เลยนะ”สาวใช้ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย“พระชายา ท่านดูสิเจ้าคะว่าวันนี้แดดแรงมากแค่ไหน ถ้าออกไปละก็ ถ้าหากไม่ระวังตากแดดจนดำ ถ้าแบบนั้นก็จะไม่สวยเอานะเจ้าคะ”“ถูกต้องเจ้าค่ะพระชายา หรือไม่พวกเราค่อยไปเดินเที่ยวกันวันหลังนะเจ้าคะ รอให้อากาศเย็นสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะมองบน “ตอนนี้เพิ่งจะเดือนห้า รอให้อากาศเย็นสบาย อย่างน้อยก็ต้องเดือนสิบนู่นพวกเจ้าไม่อยากออกไปกับข้าก็พูดมาตรง ๆ ก็จบแล้ว”สาวใช้ทั้งสองคนเม้มปาก กล่าว
สาวใช้ทั้งสองหยุดชะงัก กัดริมฝีปากไม่กล้าเอ่ยปากพูด ขี้ขลาดไปทันที ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ไปพูดไป เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเฟิ่งเชียนอวี่ ก็ยิ้มอย่างดีใจทันที ลากแม่นางที่อยู่ด้านข้างให้ลุกขึ้น“ขอบพระคุณคุณชาย ท่านเป็นคนดีมากจริง ๆ”“คุณชาย ข้าชื่อเหลิ่งหนิง ท่านนี้คือพี่สาวของข้า ชื่อว่าเหลิ่งหาน ต่อจากนี้พวกข้าสองพี่น้องก็คือคนของคุณชายแล้ว”“ช้าก่อน คือว่า ข้าออกเงินสิบตำลึงแล้ว แต่พวกเจ้าสองคนก็ช่างมันเถอะ ที่จวนของข้าไม่ขาดแคลนสาวใช้” เฟิ่งเชียนอวี่รีบปฏิเสธเหลิ่งหนิงกล่าวพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ “คุณชาย ท่านรับเลี้ยงพวกเราเอาไว้ไม่ขาดทุน พวกเราทำเป็นทุกอย่าง แล้วก็ยังต่อสู้เป็นด้วย”เฟิ่งเชียนอวี่ตกตะลึง ประหลาดใจ “พวกเจ้าต่อสู้เป็นด้วย?”“ถูกต้อง ข้ากับพี่สาวของข้าเก่งกาจมาก วิชาตัวเบาอาวุธลับ ศิลปะการต่อสู้สิบแปดชนิด ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย” เหลิ่งหนิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มเฟิ่งเชียนอวี่ดวงตาเปล่งประกาย “เก่งกาจขนาดนี้”นางครุ่นคิด จ้องมองกำแพงสูงที่อยู่ตรงหน้าของตรอกนี้ ชี้ไปที่มัน “เจ้าลองแสดงให้ดูหน่อย ว่าสามารถใช้วิชาตัวเบา พาข้าข้ามจากตรงนี้ไปได้หรือไม่?”นัยน์ตา
หลิวซูเม้มปาก ค่อยๆ ขยับเข้ามาคำนับทั้งสอง นางกล่าวอย่างระมัดระวัง “ใต้เท้าเหลิ่งหาน ใต้เท้าเหลิ่งหนิง เหตุใดพวกท่าน พวกท่าน…”เหลิ่งหานกล่าวอย่างเรียบเฉย “ก็แค่ทำงานตามคำสั่ง ระวังปากของเจ้า อย่าเผลอหลุดปากล่ะ”“เจ้าค่ะ” หลิวซูไม่กล้ามีความคิดเห็นใดๆเหลิ่งหนิงกับเหลิ่งหานสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็พาหลิวซูไปจวนอ๋องอย่างใจเย็นพวกนางสองคนเป็นคนของตงฟางจิ่ง ในบรรดาองครักษ์ลับที่เป็นกองกำลังของตงฟางจิ่ง ส่วนใหญ่เป็นองครักษ์ลับชาย องครักษ์ลับหญิงมีน้อยมาก พวกนางสองคนก็คือสองในนั้นครั้งนี้ ท่านอ๋องส่งพวกนางมาติดตามพระชายา ต่อไปค่อยปกป้องความปลอดภัยของพระชายาอย่างใกล้ชิด แต่ต้องเก็บตัวตนของพวกนางไว้เป็นความลับส่วนจะได้รับความเชื่อใจจากพระชายาอย่างไร ทำให้พระชายารับพวกนางไว้ ก็ขึ้นอยู่กับพวกนางแล้วด้วยเหตุนี้จึงมีละครขายตัวทำศพบิดาในวันนี้เฟิ่งเชียนอวี่รอเหลิ่งหานสองพี่น้องอยู่ที่เรือนชิงหลาน เมื่อมาถึงก็แนะนำสถานะของตัวเองให้พวกนางรู้จัก“หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยเป็นสาวใช้ข้างกายของข้า พวกเจ้าสองคนก็เป็นองครักษ์หญิงข้างกายของข้าก็แล้วกัน ต่อไปข้าไปที่ไหน ก็ตามข้าไปด้วย”“เจ้าค่ะ พระ