เรื่องที่แพร่ออกมาตอนหลังว่า เจ้าหกกับลูกของอนุภรรยาคนนั้นรักกันมาตั้งนานแล้ว เรื่องแต่งงานแทนจึงเป็นเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่เชื่อเลยสักนิดถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ก็เพื่อไว้หน้าเจ้าหกก็เท่านั้น จึงจงใจเผยแพร่ออกไปก็เท่านั้น“ปกติน้องหกมักจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน ยากที่จะได้เจอสักครั้ง วันนี้ได้เจอกัน พวกเราพี่น้องกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีหรือไม่?” ตงฟางฉี่เสนอความคิดเห็นตงฟางจิ่งเหลือบมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “ความหวังดีของพี่สามกับพี่ห้าข้ารับเอาไว้ด้วยใจแล้ว แต่ว่าสุขภาพของข้าไม่แข็งแรง ไม่เป็นไรดีกว่า”เมื่อทั้งสองคนได้ยินก็ไม่สนใจ ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก ร่างกายอ่อนแอ คลุกอยู่ภายในจวนมาหลายปี ปรากฏตัวน้อยมาก นิสัยก็เย็นชาเหมือนน้ำแข็งมาโดยตลอดตงฟางเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยิ้ม “น้องหก ได้ยินมาว่าที่จวนของเจ้ามีนักพรตเฟิง ฝีมือการรักษาน่ามหัศจรรย์ แม้แต่ตาที่บอดของหานจวิ้นก็สามารถหายกลับเป็นปกติได้?”“เรื่องนี้จริงหรือไม่?”เมื่อตงฟางฉี่ได้ยิน หัวใจหวั่นไหวทันที แล้วก็มองตงฟางจิ่งตงฟางจิ่งหยักห
เรือนชิงหลาน เฟิ่งเชียนอวี่ให้สาวใช้ยกเก้าอี้สนมเอก[1]ออกมาข้างนอก ตนเองนอนอยู่ด้านบน กำลังอาบแดดอย่างเกียจคร้าน ปากบ่นพึมพำ“เบื่อ น่าเบื่อเหลือเกิน...”หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยสบตากันแวบหนึ่ง เดินมาข้างหน้า“พระชายา บ่าวร้องเพลงให้ท่านฟังดีหรือไม่”“ใช่เจ้าค่ะ พระชายา บ่าวยังเล่าเรื่องตลกเป็นนะเจ้าคะ ท่านฟังแก้เบื่อได้”เฟิ่งเชียนอวี่มุ่ยปาก เล่าเรื่องตลก? จะยังมีอะไรน่าขำไปกว่ามุกตลกสมัยใหม่ที่หลากหลายพวกนั้นอีกเหรอไง? ช่างเถอะนางครุ่นคิด “หรือว่า พวกเราออกไปเที่ยวเล่นที่นอกจวนกันเถอะ ถนนทิศตะวันออกกับถนนทิศใต้ทางด้านนั้น มีสถานที่อีกมากมายที่ยังไม่ได้เลยนะ”สาวใช้ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย“พระชายา ท่านดูสิเจ้าคะว่าวันนี้แดดแรงมากแค่ไหน ถ้าออกไปละก็ ถ้าหากไม่ระวังตากแดดจนดำ ถ้าแบบนั้นก็จะไม่สวยเอานะเจ้าคะ”“ถูกต้องเจ้าค่ะพระชายา หรือไม่พวกเราค่อยไปเดินเที่ยวกันวันหลังนะเจ้าคะ รอให้อากาศเย็นสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะมองบน “ตอนนี้เพิ่งจะเดือนห้า รอให้อากาศเย็นสบาย อย่างน้อยก็ต้องเดือนสิบนู่นพวกเจ้าไม่อยากออกไปกับข้าก็พูดมาตรง ๆ ก็จบแล้ว”สาวใช้ทั้งสองคนเม้มปาก กล่าว
สาวใช้ทั้งสองหยุดชะงัก กัดริมฝีปากไม่กล้าเอ่ยปากพูด ขี้ขลาดไปทันที ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ไปพูดไป เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเฟิ่งเชียนอวี่ ก็ยิ้มอย่างดีใจทันที ลากแม่นางที่อยู่ด้านข้างให้ลุกขึ้น“ขอบพระคุณคุณชาย ท่านเป็นคนดีมากจริง ๆ”“คุณชาย ข้าชื่อเหลิ่งหนิง ท่านนี้คือพี่สาวของข้า ชื่อว่าเหลิ่งหาน ต่อจากนี้พวกข้าสองพี่น้องก็คือคนของคุณชายแล้ว”“ช้าก่อน คือว่า ข้าออกเงินสิบตำลึงแล้ว แต่พวกเจ้าสองคนก็ช่างมันเถอะ ที่จวนของข้าไม่ขาดแคลนสาวใช้” เฟิ่งเชียนอวี่รีบปฏิเสธเหลิ่งหนิงกล่าวพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ “คุณชาย ท่านรับเลี้ยงพวกเราเอาไว้ไม่ขาดทุน พวกเราทำเป็นทุกอย่าง แล้วก็ยังต่อสู้เป็นด้วย”เฟิ่งเชียนอวี่ตกตะลึง ประหลาดใจ “พวกเจ้าต่อสู้เป็นด้วย?”“ถูกต้อง ข้ากับพี่สาวของข้าเก่งกาจมาก วิชาตัวเบาอาวุธลับ ศิลปะการต่อสู้สิบแปดชนิด ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย” เหลิ่งหนิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มเฟิ่งเชียนอวี่ดวงตาเปล่งประกาย “เก่งกาจขนาดนี้”นางครุ่นคิด จ้องมองกำแพงสูงที่อยู่ตรงหน้าของตรอกนี้ ชี้ไปที่มัน “เจ้าลองแสดงให้ดูหน่อย ว่าสามารถใช้วิชาตัวเบา พาข้าข้ามจากตรงนี้ไปได้หรือไม่?”นัยน์ตา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”“คุณหนูสามตามพวกเรากลับไปเถอะ!!”เฟิ่งเชียนอวี่ตกใจจนฝีเท้าเคลื่อนไหวเร็วขึ้น “ข้าไม่กลับ!! ข้าไม่แต่งกับท่านอ๋องหก!!”หนังสือสัญญาแต่งงานของฝ่าบาทระบุอย่างชัดเจน ให้พี่สาวของนางแต่งงานกับท่านอ๋องหก แล้วตอนนี้พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาบังคับนางแต่งงานแทน?“อ๊ะ!...”ทันใดนั้นเท้าลื่น ทั้งร่างตกลงมาจากหน้าผา!ความรู้สึกไร้น้ำหนักสายหนึ่งถาโถมเข้ามา ใต้หน้าผามืดสนิทท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เฟิ่งเชียนอวี่กลัวจนสิ้นใจเสียงดังปัง หยดน้ำสาดกระเซ็น! ศพของนางตกลงไปในน้ำพุร้อนที่อยู่ใต้หน้าผาท่ามกลางไอร้อนที่พวยพุ่ง ชายคนหนึ่งแช่อยู่ในน้ำพุร้อนครึ่งตัว แผ่นหลังพิงโขดหิน จ้องผิวน้ำที่สงบไร้คลื่น จากนั้นก็ว่ายเข้าไปน้ำอุ่นทะลักเข้าไปในปากและจมูก จู่ๆ ใบหน้าเล็กที่ไร้ปฏิกิริยาของเฟิ่งเชียนอวี่ก็ย่น และสำลักฟองน้ำแม่งเอ้ย ใครโยนเธอลงมาแช่น้ำเนี่ย?!วินาทีต่อมา พละกำลังสายหนึ่งกระชากท้ายทอยของนาง ฉูดนางขึ้นมาโดยตรง! เฟิ่งเชียนอวี่ลืมตาขึ้นอย่างสับสน“เจ้าเป็นใคร?” ใบหน้าชายคนนี้ใสเปล่งปลั่งราวหยก คิ้วบางขมวดแน่น ดวงตาที่เหมือนผลึกแก้วจ้องนางเขม็ง มีกลิ่นอายของการพิจารณา
เพียงแต่น่าเสียดายมาก ในความทรงจำของเจ้าของร่าง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหน้าตาของท่านอ๋องหกคนนี้ ท่านอ๋องที่ไม่มีอำนาจอย่างเขา เฟิ่งหลิงหลงไม่มองข่าวลือบอกว่าท่านอ๋องหกคนนี้เกิดมาก็มีความบกพร่องโดยกำเนิด ต้องกินยาตลอดปี งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ในวังก็ไม่เคยเข้าร่วม เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิดอย่างตาเป็นประกาย จวนตระกูลเฟิ่งในเวลานี้ วุ่นวายไปหมดนานแล้วเฟิ่งหลิงหลงเดินวนอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ ใบหน้าที่งดงามก็ย่นยู่เป็นซาลาเปา“จบแล้วๆ!! ตอนนี้เฟิ่งเชียนอวี่ตายแล้ว ใครจะมาช่วยข้าแต่งงานกับไอ้คนขี้โรคนั่น?” นางน้ำตาคลอเบ้า มองไปทางฮูหยินใหญ่ มารดาของนางอย่างน่าเวทนา “ท่านแม่ ข้าจะเป็นพระชายารัชทายาท จะแต่งงานกับท่านอ๋องหกไม่ได้นะ…”“หลิงหลงเจ้าใจเย็นๆ ให้แม่ลองคิดดูก่อน” ฮูหยินใหญ่รวบรวมสมาธิครุ่นคิด แต่ศีรษะแทบระเบิดเพราะเสียงเอะอะของนางนานแล้ว จะมีแผนรับมือภายใต้ความตื่นตระหนกได้อย่างไร “หรือไม่…หรือไม่ พวกเราลองไปหารือกับรัชทายาท?”เพิ่งสิ้นเสียง จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะที่ถากถางสายหนึ่งดังขึ้น “รัชทายาท? รัชทายาทชอบพี่หญิงจริงๆ หรือ?”เสียงนี้…เฟิ่งหลิงหลงแน่นหน้าอกฉับพลัน ม่านตาขยายใหญ
ตงฟางจิ่งกำผ้ามงคลไว้ เผยอมุมปากหัวเราะอย่างเย็นชา “ที่แท้เป็นเจ้า”ใบหน้าเล็กเฟิ่งเชียนอวี่แดงทันทีร้องตะโกนในใจ : ข้าไม่ใช่! ข้าเปล่า! พูดเหลวไหล!!ขากรรไกรล่างถูกเขาบีบฉับพลันเฟิ่งเชียนอวี่ถูกบังคับให้จ้องตาเขา ตงฟางจิ่งก้มมองนาง ดวงตาที่เยือกเย็นลึกไม่อาจหยั่ง “เจ้าคือเฟิ่งหลิงหลงจริงหรือ?”หัวใจเฟิ่งเชียนอวี่สั่นสะท้านความแตกแล้วหรือ?เป็นไปไม่ได้นี่นา! ตงฟางจิ่งไม่เคยพบนางกับเฟิ่งหลิงหลงจึงจะถูก!เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มตอบ มุมปากชาเล็กน้อย “แน่ แน่นอนสิ! เหตุใดท่านอ๋องจึงสงสัยเรื่องนี้?”ความถากถางที่มุมปากของตงฟางจิ่งยิ่งเข้มข้นแล้วเรื่องแต่งงานแทนของตระกูลเฟิ่ง ที่จริงสายลับของเขามารายงานนานแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้ถือสามากนักผู้หญิงที่แต่งเข้ามา แซ่อะไร ชื่ออะไร ลูกสาวบ้านไหน เขาไม่ได้ใส่ใจเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งเชียนอวี่ที่แต่งงานแทนคนนี้ จะเป็นผู้หญิงที่เจอใต้หน้าผาในวันนั้น…ซิ้ดเบาๆ ทีหนึ่ง มือที่บีบขากรรไกรล่างของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลูบไล้เพียงแต่มือเย็นเล็กน้อย ไร้ความอบอุ่น“ข้าแค่ได้ยินมาว่าเฟิ่งหลิงหลง คุณหนูรองจวนอัครเสนาบดีเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมใน
หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างต่อเนื่องของเขาเผยออกมาทั้งแผ่นตงฟางจิ่งหลับตา กัดฟันตำหนิด้วยความโกรธอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “เจ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้เจ้าได้สวย[1]แน่!”เชอะ นางจะกลัวหรือ?“สวย? ตอนนี้ข้าก็สวยดีนะ”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคาง กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา มือหยกยังคงลูบไล้อยู่บนหน้าอกของเขาเหมือนเอาคืนเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขายิ่งแข็ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เหตุใดท่านอ๋องคนนี้ถึงหยอกเล่นหน่อยก็ไม่ได้เลย?แต่ว่านางไม่ได้มีเจตนาหยอกเขาเล่น หลังจากเจตนายิ้มในดวงตาลดลงไม่น้อย เฟิ่งเชียนอวี่ก็หยิบเข็มฝังเข็มที่เอามาจากห้องทดลองเมื่อครู่มาสายตาจับจ้องเส้นชีพจรหลักหลายจุดบนหน้าอกของเขา พลันพลิกฝ่ามือ ก็แทงลงไปอย่างชำนาญ!ร่างกายตงฟางจิ่งสั่นเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดคิ้วย่นเป็นภูเขาแม่น้ำโดยไม่รู้ตัว“เจ้า…กำลังทำอะไร!”“ช่วยชีวิตท่าน” ดวงตาหงส์เฟิ่งเชียนอวี่กลับสู่ความสุขุม สีหน้าสยบ หยิบเข็มฝังเข็มขึ้นก็แทงลงไปบนหน้าผากตงฟางจิ่งมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวโผล่ออกมาแล้วช่วยชีวิต? เขาจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร!“เจ้า หากกล้าทำอะไรไม่ดีกับข้า ข้ารับรองว่า…ทั
“สภาพนี้ของหลิงหลง เกรงว่าจะทำให้ฮองเฮาตกใจ” เฟิ่งเชียนอวี่แสร้งกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสังเวช “หรือไม่รอหลิงหลงเป็นผื่นหายแล้ว ค่อยไปขอขมาฮองเฮา?” “ไม่จำเป็นแล้ว”ตงฟางจิ่งหรี่ตายิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มจางๆ กลับทำให้เฟิ่งเชียนอวี่แอบตกใจ“คิดว่าเสด็จแม่ก็คงไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้มากนัก ถ้าหากพระชายากังวลจริงๆ…”ดวงตาที่เยือกเย็นของตงฟางจิ่งขยับเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็คว้ามือของเฟิ่งเชียนอวี่!เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งร้อง ‘อ๊ะ’ ผ้าไหมที่อยู่ในแขนเสื้อก็ถูกเขาแย่งไปแล้ว ครู่ต่อมา คลุมบนใบหน้านาง!เขามองตรงไปที่นาง กลิ่นอายที่ไม่อนุญาตให้แสดงความคิดเห็นสายหนึ่งแผ่ออกมาในเวลานี้ “ถ้าหากพระชายาถือสา สามารถใช้ผ้าไหมปิดผื่นแดงไว้ พระชายาคิดว่าเป็นอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่ถูกเขาถามจนหนังตากระตุก คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องขี้โรคคนนี้จะมีแรงมากเช่นนี้ ถึงกับทำให้นางไม่กล้าโต้แย้งอีก!นางแอบร้องทุกข์ระทมในใจ กลับทำได้เพียงสวมผ้าไหมแต่โดยดี “แค่ก…ท่านอ๋อง ฉลาดหลักแหลม”ระหว่างทางเข้าวัง เฟิ่งเชียนอวี่กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นที่เป็นลูกอนุภรรยาจวนอัครเสนาบดี ฮองเฮาย่อมไม่เคยพบนาง แ