Share

บทที่ 10

เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตน

อีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้ว

หลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้

ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง

“มีธุระอันใดอีก?”

ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนาง

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”

ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยัน

ถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!

เฟิ่งเชียนอวี่ตะโกนด่าในใจ นางจ้องเขาด้วยสีหน้ามืดมน

“ไม่หย่าก็ได้ แต่ยังไงก็ยังคงคำเดิม ใบสั่งยาของข้ามีมูลค่า จะให้เปล่า ๆไม่ได้”

“ใบสั่งยาทั้งหมดห้าแผ่น แผ่นแรกถือว่าเป็นการทดลอง ให้ท่านโดยไม่คิดเงิน ที่เหลืออีกสี่แผ่น แลกกับข้อเรียกร้องสี่ข้อ แต่เมื่อข้าเอ่ยปากขอ ท่านอ๋องจะต้องรับปาก”

สายตาของตงฟางจิ่งถึงได้หยุดมองที่นาง เผยอริมฝีปากบาง “ได้”

เมื่อเฟิ่งเชียนอวี่เห็นเขาตอบตกลง เพลิงโทสะภายในใจถึงได้ลดลงไปอีกนิด หยิบกระดาษสี่แผ่นออกมาจากด้านในแขนเสื้อพร้อมโยนไปให้อย่างอารมณ์ไม่ดี

ตงฟางจิ่งหยิบขึ้นมา อ่านทุกแผ่นอย่างละเอียดมาก

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ถึงแม้ว่าใบสั่งแต่ละแผ่นจะแตกต่างกัน แต่สมุนไพรทั้งหมด ส่วนมากพบเห็นได้ทั่วไป ต่อให้มีสมุนไพรที่หายากอยู่ไม่กี่อย่าง ขอเพียงแค่ยอมจ่ายเงิน ก็สามารถหาซื้อได้

“ใช้การอย่างไร?” เขาหันไปมองเฟิ่งเชียนอวี่

เฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก “ข้าเขียนหมายเลขลงบนใบสั่งยาแล้ว ก็ดำเนินการตามหมายเลข แช่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง แช่หมดก็พอแล้ว”

นางพูดจบก็ตบโต๊ะ “ข้อเรียกร้องข้อแรกของข้า ต่อไปห้ามควบคุมการออกจากจวนของข้า”

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว “ได้”

เฟิ่งเชียนอวี่บรรลุเป้าหมายของตนแล้วก็ออกไป

ทันทีที่นางกลับไปถึงเรือนชิงหลาน ก็สั่งให้หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยสองคนทำงาน

“ไปหาเสื้อผ้าผู้ชายมาสักสองสามชุด อีกเดี๋ยวพวกเจ้าสองจนออกไปนอกจวนเดินเที่ยวตลาดด้วยกันกับข้า”

หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

“พระชายา แต่ทางด้านท่านอ๋อง...”

นางโบกมือ “ทางด้านตงฟางจิ่งไม่ใช่ปัญหา อย่างไรเสียตอนนี้ข้าสามารถออกจากจวนได้อย่างอิสระแล้ว”

เฟิ่งเชียนอวี่เลือกชุดคลุมสีขาวมาชุดหนึ่ง หลิวซูช่วยแต่งตัวให้นาง มือทั้งสองข้างของอิ้งเสวี่ยทำผมทำมวยผู้ชายให้นางอย่างชำนาญ กวานหยกอันหนึ่ง พัดพับอันหนึ่ง คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ

นางยืนอยู่ด้านหน้ากระจกสัมฤทธิ์ พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ถึงแม้ว่าหลิวซูกับอิ้งเสวี่ยจะไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดพระชายาของตนออกนอกจวนไปเที่ยวตลาด จะต้องแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่พวกนางทำได้แค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น

ในไม่ช้า สาวใช้ทั้งสองคนก็แปลงโฉมเป็นเด็กรับใช้เช่นกัน

ทันทีที่ทั้งสามคนกำลังจะออกจากเรือน ชุ่ยเตี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกสวน เมื่อเห็นการแต่งกายของเฟิ่งเชียนอวี่ก็ตกตะลึงทันที “พระชายา นี่ท่านทำอะไร?”

เฟิ่งเชียนอวี่เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบเฉย “ไม่ใช่ธุระกงการของเจ้า ไปทำงานของเจ้าเถอะ”

ชุ่ยเตี๋ยไฉนเลยจะเชื่อฟัง นางรีบหลุบตาลงกล่าว “พระชายา ท่านกำลังจะออกจากจวนหรือ พาชุ่ยเตี๋ยไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ”

นางถูกจัดให้มาปรนนิบัติอยู่ข้างกายของเฟิ่งเชียนอวี่ จุดประสงค์เพื่ออะไร ชุ่ยเตี๋ยรู้อยู่แก่ใจยิ่ง

วันนี้คุณหนูสามแต่งกายเป็นผู้ชายออกจากเรือน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร นางจำเป็นต้องตามไปด้วยถึงจะถูก

เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็น”

ชุ่ยเตี๋ยรีบกล่าว “พระชายา อย่างไรเสียก็ให้บ่าวตามไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ บ่าวตามออกจากจวนอัครเสนาบดีพร้อมกันกับท่าน มีบ่าวอยู่ จะต้องดูแลความปลอดภัยของพระชายาได้แน่”

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองนางอย่างเย็นชา “ชุ่ยเตี๋ย เจ้าเอาแต่พล่ามว่าบ่าวอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ข้าว่าเจ้าทำตัวไม่เหมือนกับบ่าวเลยสักนิด คิดไม่ถึงว่าจะเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของข้าด้วย?”

“บ่าวไม่กล้า”

“ข้าว่าเจ้าอาจหาญมาก เป็นแค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง โต้เถียงข้าผู้เป็นเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงถึงความไม่เคารพ ในเมื่ออวดดีขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ลดขั้นไปเป็นสาวใช้ขั้นสอง ฝึกจนหัวอ่อนเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากัน”

ชุ่ยเตี๋ยตกใจ รีบเงยหน้าขึ้น พูดหลุดปากออกไป “คุณหนูสาม ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้”

เฟิ่งเชียนอวี่สีหน้าเย็นชาทันที “บังอาจ”

“คุณหนูสามอะไร ข้าเป็นพระชายาอ๋องหก หลิวซู ตบปากนาง”

“เจ้าค่ะ”

หลิวซูก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าสองฉาดอย่างรุนแรง

“ใครก็ได้ ชุ่ยเตี๋ยหมิ่นเบื้องสูงครั้งแล้วครั้งเล่า ลดขั้นเป็นสาวใช้ขั้นสามทันที ต่อไปให้เป็นคนใช้ที่เรือนด้านหลัง ไม่อนุญาตให้นางเข้าใกล้เรือนด้านหน้าแม้แต่ก้าวเดียว” เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวออกคำสั่งทันที

เรือนทุกหลังล้วนมีเรือนด้านหลัง โดยทั่วไปจะเป็นสถานที่จัดเก็บสิ่งของจุกจิก

หญิงรับใช้เฒ่าสองคนตอบรับ สาวเท้ายาวไปข้างหน้า ซ้ายคนขวาคนพยายามลากตัวชุ่ยเตี๋ยออกไป

เฟิ่งเชียนอวี่ฉวยโอกาสนำชุ่ยเตี๋ยผู้เป็นสายลับของจวนอัครเสนาบดีสลัดออกไป อารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่น้อยทันที พาสาวใช้ทั้งสองคนออกจากจวน

เมืองหลวงมีอาณาเขตกว้างขวาง ทั้งยังอยู่ภายใต้การปกครองของโอรสสวรรค์ ย่อมเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของแคว้นตงเยว่

เฟิ่งเชียนอวี่เดินเล่นไปบนถนนด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก เห็นอะไรก็ต้องเข้าไปลูบเข้าไปจับอย่างสงสัย ที่นี่คือหน้าตาดั้งเดิมที่สุดของเมืองเก่า

ทันทีที่นางเหลือบตาไปมอง ก็จ้องเอาไว้แล้ว

ก็เห็นหน้าร้านของร้านค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ดูไม่สะดุดตา แต่ด้านนอกประตูมีป้ายผ้าสีขาวแขวนอยู่ เขียนคำว่าบ่อนเอาไว้ตัวโต ๆ

นี่คือบ่อนการพนันในสมัยโบราณงั้นหรือ?

เฟิ่งเชียนอวี่ดวงตาเปล่งประกายทันที สาวเท้าเดินเข้าไปทางบ่อนการพนันทันที ผลปรากฏว่า ทันทีที่นางเหยียบขั้นบันได ก็พบว่าตนขยับไม่ได้อีก

นางค่อย ๆก้มหน้าลงไป ก็เห็นด้านล่างแขนทั้งสองข้างของตนเอง ถูกมือสีขาวนุ่มคู่หนึ่ง จับเอาไว้แน่นหนาอย่างละข้าง

เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว “หลิวซู อิ้งเสวี่ย เจ้าสองคนทำอะไรน่ะ?”

สีหน้าของสาวใช้ทั้งสองคนตกใจมาก ใบหน้าเล็กตึงเครียด

“พระชายา ท่านเข้าไปไม่ได้”

“ใช่เจ้าค่ะพระชายา ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้หญิงควรจะมา หากท่านอ๋องทราบเข้าจะต้องบันดาลโทสะแน่”

เฟิ่งเชียนอวี่มองบน ตงฟางจิ่งจะทำไม ยุ่งอะไรกับนางด้วย

“ข้าก็แค่อยากจะเข้าไปดู ดูจบก็ออกมา พอใจหรือไม่”

สาวใช้ทั้งสองคนส่ายหน้าอย่างเร็ว

“ไม่ได้เจ้าค่ะพระชายา บ่อนการพนันปะปนทั้งคนดีคนเลว ด้านในทั้งหมดล้วนเป็นผู้ชาย ท่านจะเข้าไปได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ถูกต้อง ท่านเป็นสตรีผู้มีฐานะสูงศักดิ์ จะเข้าไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอบายมุขเช่นนี้ได้อย่างไร”

พวกนางตกใจจนแทบแย่จริง ๆ ไม่คิดอย่างเด็ดขาดเลยว่าพระชายาของตนจะใจกล้าขนาดนี้ ผู้หญิงทั่วไป อย่าว่าแต่เข้าไป เลยไม่แม้แต่จะกล้ามองสถานที่แบบนี้ด้วยซ้ำ

เฟิ่งเชียนอวี่จนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง ก็แค่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งไม่ใช่หรือไง อย่าทำหน้าตาตกใจขนาดนี้ได้ไหม

“ตอนนี้ไม่มีพระชายา มีเพียงคุณชาย ตอนนี้พวกเราแต่งกายเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง มีอะไรต้องกลัว”

สาวใช้ทั้งสองคนยังคงส่ายหน้า บีบให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมให้นางเข้าไป

เฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ “เอาละ ๆ ข้าไม่เข้าไป”

พวกนางถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ผลปรากฏว่า ทันทีที่คลายมือออก เฟิ่งเชียนอวี่ก็ใส่เกียร์หมา วิ่งปรู๊ดเข้าไปเองคนเดียว

หลิวซูกับอิ้งเสวี่ยตกใจหน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง รีบวิ่งตามเข้าไปข้างในติด ๆ โดยที่ไม่สนใจอีกแล้ว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status