แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: จิ้งเยี่ยน
ทันทีที่ร่างกายของตงฟางจิ่งโงนเงน ก็ล้มลงบนที่นอน

ความหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านออกมา นางหนาวจนตัวสั่นระริก

เฟิ่งเชียนอวี่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็พิษเหมันต์กำเริบ มิน่าล่ะถึงได้มีท่าทางเหมือนจะตายแบบนั้น ทำให้นางคิดไปเองว่าเจอผี

เสื้อชั้นในของตงฟางจิ่งได้เปียกชุ่มไปหมด จนแนบเนื้อ จากสายตาของเฟิ่งเชียนอวี่มองไป จึงสามารถมองเห็นเค้าโครงแผ่นหลังที่แข็งแกร่งและเรียบเนียนได้

นางตาสว่างทันที กระแอมเบา ๆ พยุงเขาขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่รู้ไม่ชี้ ฉวยโอกาสใช้มือลูบขึ้นลงแอบแต๊ะอั๋งเขา

ตงฟางจิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายไม่มีความรู้สึก ใบหน้าอันหล่อเหลาแข็งทื่อ กัดฟัน กล่าวอย่างลำบาก

“เจ้า บังอาจ”

เฟิ่งเชียนอวี่กลอกตาใส่ ไม่ใส่ใจ ตงฟางจิ่งตอนที่พิษกำเริบก็เป็นเหมือนกับเสือกระดาษ นางจะกลัวทำไม

“หื่นกระหายอะไร ท่านพิษเหมันต์กำเริบ พูดจาให้น้อยที่สุด ไม่กลัวเหนื่อยตายหรือไร”

หลังจากที่นางสัมผัสจนพอใจแล้ว ทันทีที่พลิกข้อมือ ยาเม็ดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ เฟิ่งเชียนอวี่ยัดเข้าไปในปากของเขาทันที ในเวลาเดียวกันก็สงสัย

“พิษเหมันต์ของท่านเพิ่งจะกำเริบเมื่อวาน เหตุใดวันนี้ถึงกำเริบอีกแล้วละ?” แบบนี้มันจะบ่อยเกินไปแล้ว

ตงฟางจิ่งหลับตาไม่สนใจนาง แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง เวลาที่พิษกำเริบยิ่งสั้นลงเรื่อย ๆ หมายความว่าพิษเหมันต์ภายในร่างกายใกล้จะระงับเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

สำหรับเขาแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน

ถูกเขามองข้าม เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่สนใจเช่นกัน กำลังลูบกล้ามเนื้อที่ยังคงเย็นเฉียบและแข็งปังของเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ดูท่าฤทธิ์ของยาตัวนี้มีจำกัด

ถ้าไม่อยากให้พิษกำเริบอีก ยังไงก็ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอของพิษชนิดนี้ถึงจะได้

เฟิ่งเชียนอวี่กำลังครุ่นคิด อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ กล่าวพึมพำ “ท่านห้ามตายเป็นอันขาด”

ตงฟางจิ่งได้ยิน สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย นับว่าผู้หญิงคนนี้ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง ผลปรากฏว่าครู่ต่อมา คำพูดของเฟิ่งเชียนอวี่ทำให้สีหน้าของเขาเย็นชากลับไปเป็นภูเขาน้ำแข็งอีกครั้ง

“อย่างน้อยก็อย่าเพิ่งตายตอนนี้...” นางยังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังไม่ชัดเจน

สีหน้าของตงฟางจิ่งดูแย่มาก เต็มไปด้วยความอึมครึม ถ้าหากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะตอนนี้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาคงจะต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้ดี ๆเสียหน่อย

......

เช้าวันรุ่งขึ้น เฟิ่งเชียนอวี่ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เรียกสาวใช้ที่ชื่อหลิวซูที่อยู่ด้านข้างมาหา

เฟิ่งเชียนอวี่แต่งเข้ามา ทางจวนอ๋องได้จัดเตรียมสาวใช้ที่ชื่อหลิวซูกับอิ้งเยว่จำนวนสองคนเอาไว้คอยรับใช้นางในเรือนชิงหลาน สาวใช้ขั้นสองจำนวนสี่คน สาวใช้ขั้นสามจำนวนสิบสองคน ยังมีสาวใช้สูงวัยที่ทำงานหยาบและสาวใช้ที่ร่างกายบึกบึนอีกหลายคน

“พระชายา” หลิวซูคำนับอย่างนอบน้อม

เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวถาม “ที่นี่มีหนังสืออะไรที่น่าอ่านบ้างหรือไม่ ข้าไม่มีอะไรทำ อยากจะหาอะไรฆ่าเวลาเสียหน่อย”

“มีเจ้าค่ะ บ่าวจะไปนำมาให้ท่าน”

ในไม่ช้า หลิวซูก็ยกลังไม้ที่ประณีตลังหนึ่งเดินเข้ามา

ทันทีที่นางเปิดดู มุมปากก็กระตุก

ด้านในนี้ทั้งหมดเป็นหนังสือจริง ๆ แถมยังมีไม่น้อยอีกด้วย แต่เมื่อลองพลิกดู ทั้งหมดเป็นคัมภีร์กตัญญูคุณธรรมของสตรี ข้อห้ามของสตรี คำสั่งสอนของสตรี คัมภีร์กตัญญู แม้แต่คัมภีร์พระไตรปิฎกก็ยังมีอยู่หลายเล่ม

ลึกลงไปด้านล่างอีก ก็คือบทละครพื้นบ้าน ชีวประวัติ นิยายจำพวกเวอร์ชันโบราณบางส่วน ตอนที่ไม่มีอะไรทำก็สามารถเอามาอ่านได้

แต่ตอนนี้ของที่นางอยากได้ ไม่ใช่ของพวกนี้

เฟิ่งเชียนอวี่หันไปมองหลิวซู “ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ อย่างเช่น หนังสือประวัติศาสตร์ จือจื้อทงเจี้ยน กฎหมายจำพวกนี้?”

หลิวซูตกตะลึง ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง “พระชายา ท่านอยากจะอ่านหนังสือพวกนี้หรือเจ้าคะ? มีแต่ผู้ชายถึงจะอ่านหนังสือพวกนี้นะเจ้าคะ”

พระชายาเป็นผู้หญิง ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องสอบเพื่อเข้ารับราชการเหมือนผู้ชาย จะอ่านหนังสือพวกนี้ไปทำไมกัน?

เฟิ่งเชียนอวี่มองบนในใจ แน่นอนว่านางอยากจะอ่านหนังสือพวกนี้ โดยเฉพาะหนังสือประวัติศาสตร์กับกฎหมาย ทันทีที่นางหลับตาก็ข้ามมิติมายังที่นี่ ยังไงก็ควรจะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่

ตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางรู้เพียงแค่ว่าประเทศที่นางอยู่มีชื่อว่าตงเยว่ ชื่อรัชสมัยตอนนี้คือเทียนหยวน พระสมัญญานามของจักรพรรดิคือฮ่องเต้เทียนหยวน ตอนนี้แคว้นตงเยว่เทียนหยวนปีที่สามสิบหก จักรพรรดิครองราชย์มายี่สิบสองปี

พระโอรสและพระธิดาของฮ่องเต้เทียนหยวนค่อนข้างมาก มีองค์ชายเก้าองค์ องค์หญิงห้าองค์ ถือเป็นผู้ที่มีทายาทมากมาย

นอกจากข้อมูลพื้นฐานพวกนี้แล้ว ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ก็ขุดคุ้ยหาข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรไม่ได้อีก

ใครใช้ให้เจ้าของร่างเดิมถูกกักขังอยู่ภายในเรือนใหญ่ส่วนลึกของจวนอัครเสนาบดี ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ตั้งแต่เด็กจนโต มีโอกาสออกนอกจวนอย่างนับครั้งได้

ต่อให้ออกมาได้ ก็นั่งอยู่บนรถม้า เปิดผ้าม่านมองดูด้านนอก ประกอบกับภรรยาเอกที่ใจร้าย ตอนที่เจ้าของร่างเดิมเป็นเด็กแม้แต่ตัวหนังสือก็รู้เพียงแค่ไม่กี่ตัว พอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง

จิ เด็กผู้หญิงสมัยโบราณน่าสงสารมากเกินไปแล้ว

เฟิ่งเชียนอวี่โบกมือ “ข้าก็แค่อยากจะอ่านดูไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เจ้าบอกมาว่าจะหาหนังสือพวกนี้ได้หรือไม่ก็พอ”

หลิวซูพยักหน้าอย่างลังเล “สามารถหาซื้อได้ในร้านหนังสือที่ตลาดเจ้าค่ะ”

นางพอใจ “ดีมาก เรื่องนี้ก็มอบหมายให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน หนังสือทุกเล่มก็ซื้อมาอย่างละนิดละหน่อย ไม่ต้องซื้อเยอะ แต่พยายามซื้อให้หลากหลายครบถ้วน”

“เจ้าค่ะ”

ถึงแม้ว่าหลิวซูจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามมาก รับภารกิจแล้วก็ออกไปดำเนินการจัดซื้อ

ชุ่ยเตี๋ยที่ปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ มองเฟิ่งเชียนอวี่แวบหนึ่ง แล้วก็ผลุบตาลงด้วยความระมัดระวังอย่างรวดเร็ว

สำหรับเรื่องนี้ เฟิ่งเชียนอวี่มองเห็นแล้ว แต่กลับทำเป็นไม่สนใจ

ชุ่ยเตี๋ยเป็นสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากจวนอัครเสนาบดีตอนแต่งงาน แต่กลับเป็นฮูหยินใหญ่นังแก่คนนั่นยัดเข้ามา พูดให้ดูสวยหรูก็คือเพื่อให้มาปรนนิบัตินาง หากพูดตรง ๆก็คือการจับตาดู

เฟิ่งเชียนอวี่ใช้ชุ่ยเตี๋ยได้สิถึงน่าแปลก

ทางที่ดีอย่าถูกนางจับจุดอ่อนได้ ไม่อย่างนั้นจะช้าหรือเร็วสาวใช้คนนี้ก็ต้องถูกส่งกลับไป

ความสามารถในการทำงานของหลิวซูว่องไวมาก หาซื้อหนังสือที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว มีความหลากหลายมาก กองเต็มพื้น

นางเลือกหนังสือมาสิบกว่าเล่ม ตามชื่อหนังสือและประเภท ส่วนที่เหลือก็ให้บรรดาสาวใช้ยกไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของจากนั้นสั่งให้ทุกคน ให้ขังตัวอยู่ในห้องแล้วอ่านหนังสือ

ตลอดทั้งช่วงบ่าย นางเอาแต่อ่านหนังสือพวกนี้ จากการอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ ในที่สุดนางก็เข้าใจสถานที่แห่งนี้แล้ว

ที่นี่ไม่ใช่รัชสมัยหนึ่งใดที่อยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของยุคสมัยปัจจุบันเลย แต่เป็นยุคสมัยที่สร้างขึ้นมาลอย ๆ

แต่ว่าการแต่งกายของชาวแคว้นตงเยว่ ค่อนข้างคล้ายกับสมัยราชวงศ์ชิงฮั่น ผู้ชายสวมชุดยาวและกวานหยก ผู้หญิงสวมชุดกระโปรงหรู่

แผ่นดินในตอนนี้ สร้างขึ้นเป็นตง หนาน ซี เป่ยสี่แคว้น แบ่งออกเป็นแคว้นตงเยว่ แคว้นหนานทง แคว้นซีเหลียงและแคว้นเป่ยชาง

พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ของแต่ละแคว้น ยังมีแคว้นบริวารเล็ก ๆอีกไม่น้อย แล้วยังประกอบไปด้วยแคว้นนอกทะเล พวกคนป่าเถื่อนแห่งทุ่งหญ้าเป็นต้น

กำลังทางการทหารของทั้งสี่แคว้นใหญ่สูสีกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของตงเยว่ดีกว่าเล็กน้อย การติดต่อค้าขายระหว่างทิศใต้กับทิศเหนือ ลักษณะพื้นภูมิเจริญรุ่งเรือง

มีแผนที่แผ่นใหญ่มากแผ่นหนึ่งกางอยู่ตรงหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ ที่แห่งนี้เรียกว่า ‘ภาพฐาน’ เมื่อมองอย่างชัดเจน ก็มีความมั่นใจขึ้นมาแล้ว

นางกำลังเท้าคาง ทำท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่

ตนยอมแต่งงานแทน ก็เพราะอยากจะกระโดดออกมาจากกองเพลิงอย่างจวนอัครเสนาบดีนั่น ยังหวังว่าท่านอ๋องหกจะเป็นคนขี้โรคที่จะตายได้ทุกเมื่อ นางก็จะได้กลายเป็นแม่หม้ายที่ร่ำรวย

ผลปรากฏว่าจินตนาการเต็มไปด้วยความสวยงาม แต่ความเป็นจริงกลับทุเรศทุรัง

เท้าซ้ายก้าวออกมาจากกองเพลิงได้สำเร็จแล้ว แต่สิ่งเท้าขวาข้ามมา ก็ไม่ใช่สถานที่ดีงามอะไร แล้วท่านอ๋องหกนั่นก็ไม่ใช่คนขี้โรค แถมยังเป็นไอ้ก้อนน้ำแข็งอีกต่างหาก

นางเพิ่งจะแต่งเข้ามาวันแรกก็เจอเข้ากับการลอบสังหารแล้ว วันที่สองก็เกือบถูกส่งไปลงนรก แถมยังต้องเผชิญหน้ากับไอ้หน้าตายที่เดี๋ยวคุ้มดีเดี๋ยวคุ้มร้ายอย่างตงฟางจิ่งอีก เรียกได้ว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว

_________________

[1] จือจื้อทงเจี้ยน คือ หนังสือที่เกี่ยวกับการเมือง การทหาร และความสัมพันธ์ระดับชาติ ทั้งยังกล่าวถึงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 8

    นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการ จำเป็นต้องหนีให้พ้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายสมัยโบราณที่มีภรรยาหลายคน สวยงามโดดเด่น ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อย แต่งงานออกไปต้องให้ความสำคัญกับสามีเป็นอันดับหนึ่ง ถูกขังอยู่ในเรือน ไม่มีอิสระ นางเป็นคนยุคสมัยใหม่ จะยอมรับได้ที่ไหนกันเฟิ่งเชียนอวี่เอาแต่คิดหาทางออกในวันข้างหน้า เวลาก็ผ่านไปอีกวันแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น นางไปที่ห้องหนังสือที่เรือนด้านหน้า เพื่อหาตงฟางจิ่ง“ท่านอ๋อง กำลังทำอะไรหรือ” นางกล่าวอย่างยิ้มแย้มตงฟางจิ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน สวมชุดปักลายหม่างสีเงิน เข็มขัดหยกสีขาว แขนเสื้อปักลายต้นไผ่ บุคลิกเย็นยะเยือก ท่าทางเที่ยงตรง หน้าตาหล่อเหลา “มีเรื่องอันใด?”เฟิ่งเชียนอวี่เดินเข้ามา วางยาแอสไพรินเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะทำงาน สีหน้าจริงจัง “ครั้งก่อนยาที่ให้ท่านอ๋องไว้ ท่านอ๋องน่าจะกินหมดแล้ว ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อเอาอันใหม่มาให้”ตงฟางจิ่งหยุดชะงัก กวาดตามองยาแวบหนึ่ง ในที่สุดดวงตาที่เย็นชาก็หยุดอยู่ที่ตัวของนาง ริมฝีปากบางเผยอออก“เจ้ามีฝีมือการรักษาด้วยหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมืออย่างถ่อมตัว “นิดหน่อยน่า”ตงฟางจิ่งหร

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 9

    ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยเขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”น่าเกลียดเป็นพิเศษตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัยเฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยนางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 10

    เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตนอีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้วหลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง“มีธุระอันใดอีก?”ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนางเฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยันถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!เฟิ่งเชียนอว

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 11

    ภายในบ่อนการพนันค่อนข้างครึกครื้น สถานที่กว้างใหญ่วางโต๊ะพนันเอาไว้มากมาย มีเกมหลากหลายประเภท ทั้งลูกเต๋า ไพ่ปายโกว พนันม้าที่ควรจะมีก็มีหมดแต่ละโต๊ะพนันต่างก็ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยเสียงครื้นเครงเฟิ่งเชียนอวี่แต่งกายเหมือนคุณชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง เมื่อเข้าประตูมาก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลได้ทันที ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ต่างก็พากันมองสบตากันมีแกะอ้วนตัวหนึ่งเข้ามาแล้วเมื่อเทียบกับท่าทีอันสูงส่ง ของเฟิ่งเชียนอวี่ สาวใช้ทั้งสองกลับดูเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูอันน่าเกรงขาม คอยยืนอยู่ข้างพระชายาของพวกนางทั้งซ้ายและขวา แล้วก้าวเดินตามไป คอยจับจ้องไปรอบๆ ด้วยใบหน้าระแวดระวังในตอนนี้ ผู้ดูแลบ่อนพนันคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ค่อยๆ โค้งกายประสานมือ “คุณชายท่านนี้ดูสง่างามไม่ธรรมดา ดูแล้วมีโชคสวรรค์สรรค์สร้าง จะลองลงเล่นสักสองตาหรือไม่?”เฟิ่งเชียนอวี่เม้มริมฝีปาก “ตกลง มีสถานที่ที่สะอาด กว่านี้หรือไม่?”“มี มีขอรับ เชิญท่านขึ้นชั้นบนได้เลย” ผู้ดูแลเดินนำทางไปด้วยความกระตือรือร้นสีหน้าของสาวใช้ทั้งสองแดงก่ำ พวกนางไม่คิดเลยว่า พระชายาไม่เพียงแต่จะเข้ามา

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 12

    สาวใช้ทั้งสองเองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าก็แสร้งทำเป็นกล้าหาญลุกขึ้นมา“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”“พวกเจ้านี้ช่างกล้าเสียจริงๆ รู้หรือไม่ว่าคุณชายของข้าเป็นใครกัน?”หากว่าไม่เอ่ยถึงน้ำเสียงที่สั่นเหมือนตะแกรงของพวกนางแล้ว เช่นนั้นแล้วก็คงพอจะดูมีพลังอยู่บ้างเฟิ่งเชียนอวี่ดูหมดคำที่จะเอ่ยออกมาผู้ดูแลยิ้มเย็นออกมา “ข้าจะไปสนใจว่าพวกเจ้าเป็นใครไปทำไมกัน กล้าที่จะมาก่อเรื่องในบ่อนพนันซื่อไห่ของพวกเรา แล้วทำไมถึงได้ไม่สืบมาก่อนว่าเจ้านายของบ่อนพนันของพวกเราเป็นใครกัน”เขาเอ่ยออกมาพลางพร้อมมองไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ “คุณชายท่านนี้ ท่านให้ร้ายชื่อเสียงของบ่อนพนันของพวกเราอย่างโจ่งแจ้ง ความเสียหายคราวนี้ อย่างไรเสียก็คงต้องคิดบัญชี”เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก บีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งขึ้นมา“เจ้าจะคิดบัญชีอย่างไร?”หญิงสาวอย่างพวกนางสามคน ตอนนี้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มชายอันธพาล จะรีบพุ่งตัวออกไปคงจะเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่นี้ทว่าเฟิ่งเชียนอวี่เองก็ไม่คิดเลยว่า บ่อนการพนันแห่งนี้ทำไมถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ การกระทำของพวกเขาไม่ต่างจากการปล้นกันแบบโจ่งแจ้ง แล้ว

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 13

    สีหน้าของผู้ดูแลเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองไปยังท่าทีเย็นชาจนไม่อาจต่อรองใดได้อีก จึงทำได้เพียงกัดฟันยอมรับมันแน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดว่า ท่านอ๋องผู้สง่างามจะไม่รักษาคำพูด และก็หมายความว่า หากว่าเขาแพ้จริงๆ แล้ว เช่นนั้นมือคู่นั่นของตนเอง...ในใจของผู้ดูแลหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก ดวงตาดุร้าย ลอบกัดฟัน อย่างจะต้องชนะเท่านั้นเฟิ่งเชียนอวี่ลูบคาง ดวงตากลอกไปมา ในเมื่อตงฟางจิ่งเอ่ยออกมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่เพียงแต่สามารถเล่นพนันเท่านั้น แต่ยังเก่งอีกด้วย?นางเลิกคิ้วขึ้น น่าสนใจเข้าอีกแล้ว แล้วคอยรอชมการแสดงเถิดในเมื่อเป็นเรื่องของการพนันแล้ว และในเมื่อเป็นถึงผู้ดูแลของบ่อนพนันที่สามารถมาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีความสามารถมากกว่าทุกคนอย่างน้อย ทักษะการพนันก็ไม่เป็นรองใครผู้ดูแลนั่งลงบนตำแหน่งหลัก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้วยลูกเต๋าในมือของเขาเขย่าไปมาอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้นที่มาพร้อมกับเสียงดังปึงปัง“ท่านอ๋องวางเดิมพันได้แล้ว” เขาเอ่ยออกมาเสียงขรึมตงฟางจิ่งวางทองคำแท่งหนึ่งเดิมพันไปทางด้านต่ำดวงตาของเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกายเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 14

    ชายหนุ่มนั่งล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่ด้านล่างเวที แต่ละคนต่างก็คอยจับจ้องไม่ยอมหันเหสายตาไปที่ใด สายตาหรี่เล็ก จนแทบทนไม่ไหวที่จะกระโจนขึ้นไป ขาดก็เพียงแค่น้ำลายไหลออกมาเท่านั้นด้านบนนั้นห้อมล้อมไปด้วยห้องส่วนตัว แขกด้านในนั้นไม่ใช่คนที่ใจกว้างมีน้ำใจนัก เป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาเฟิ่งเชียนอวี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้นนางยังคงแต่งกายเป็นคุณชายดังเก่า คนด้านข้างที่คอยรับใช้อยู่ ยังคงเป็นหลิวซูและอิ้งเสวี่ยที่แต่งกายเป็นเด็กรับใช้เดิมทีเฟิ่งเชียนอวี่เพียงแค่ได้ยินว่าทางฝั่งถนนทิศตะวันตกในเมืองหลวงนั้น มีร้านอาหารเปิดใหม่ ในนั้นมีเป็ดย่างที่เป็นเอกลักษณ์รสชาติอร่อยมากเป็นพิเศษ นางจึงคิดอยากจะลองชิมดูสุดท้ายแล้วผ่านตรอกดอกไม้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางถูกตึกสีแดงงดงามหลังนั้นดึงดูดสายตาเข้า หอนางโลมในยุคสมัยโบราณหากว่าไม่เข้าไปเดินเล่นสักครั้งก็คงจะน่าเสียดายนักสาวใช้ที่น่าสงสารทั้งสองอย่างหลิวซูและอิ้งเสวี่ย บทเรียนจากบ่อนพนันยังไม่ทันจางหายไป ก็มาถูกเจ้านายที่ไม่มีขีดจำกัดอย่างเฟิ่งเชียนอวี่มากระตุ้นความเครียดขึ้นมาอีกครั้ง“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ตกตะลึงกันไป ของอร่อยมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เพลิดเพล

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 15

    หานจวิ้นใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีก็ควรจะเป็นเช่นนั้น “แน่นอน สหายศึกษาของข้าก็เหมือนเป็นตัวแทนของข้า มีอะไรจะไม่ได้กัน”ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้หน้าไม่อายเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะลอบสบถด่าออกมานางมองไปที่คนอื่นๆ พบว่าแม้แต่แม่เล้าเองก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกมา ช่างหมดคำพูดเสียจริงๆ“นี่ ไอ้น้อง หากว่าเจ้าทำไม่ได้ก็รีบออกไปเสีย อย่าได้มายุ่งวุ่นวายต่อหน้าข้าอีก” หานจวิ้นมองไปยังเฟิ่งเชียนอวี่ ท่าทีเต็มไปด้วยความไม่เกรงใจเฟิ่งเชียนอวี่หรี่ตาลง ยิ้มเยาะเย้ยออกมา เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เรียกหลิวซูสาวใช้ของตนเองออกมา “ข้าจะพูดออกมา เจ้ามาเขียน”นางเขียนออกมาเองได้ ทว่าตัวอักษรของนางคงไม่อาจจะรับได้จริงๆ ให้หลิวซูมาช่วยนางเขียนออกมาคงจะดีกว่าไม่นาน บทกวีสองบทก็ถูกปล่อยออกมาทางด้านของหานจวิ้น เป็นสหายศึกษาของเขาที่เป็นคนเขียนสายน้ำกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นในวันแสงแดดสดใส น้ำไหลผ่านทางลาดด้านตะวันตก เป็นระลอกคลื่นน้ำชื่นชมกับหยดน้ำ ถวิลหาลอยไปมาเพื่อดมกลิ่นหอมในหอหงซิ่วมีคนรู้หนังสืออยู่ไม่น้อย กวีบทนี้ถือได้ว่าธรรมดาไม่พิเศษใด วาทศิลป์นั้นดูจะผิวเผินจนเกินไป ไม่อ

บทล่าสุด

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 212

    “ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 211

    “รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 210

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 209

    ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 208

    “พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 207

    บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 206

    “...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 205

    “เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 204

    “เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status