Share

บทที่ 6

“เจ้าหลอกข้า?”

สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ไม่อาจคาดเดาได้ หน้าเขียวหน้าแดง เมื่อนึกถึงท่าทางดัดจริต หลอกลวงของตนเองที่แสดงต่อหน้าเขา อันที่จริงถูกเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพลิงโทสะเพราะถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ

“ว่าอะไรนะ?” ตงฟางจิ่งขมวดคิ้ว

นางกัดฟันกรอด “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเป็นใคร”

เฮอะ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ใส่ใจ “แปลกใจมากงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เจ้าโง่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เหมือนกับเจ้า”

เฟิ่งเชียนอวี่ “...”

น่ารังเกียจ หลอกนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังด่านางอีก?

เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนหัวร้อนทันที หรี่ตากัดฟัน พูดจาข่มขู่ทันที “ท่านอ๋อง ข้าขอเตือนท่านเอาไว้จะพูดจาหรือทำอะไรก็ควรจะให้มันพอประมาณ อย่าลืมเสียละ ว่าท่านมีความลับที่เป็นจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า”

คนทั้งโลกต่างรู้ว่าท่านอ๋องหกเป็นคนขี้โรคที่ไร้ซึ่งหนทางรักษา แต่นางรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหมอนี่เพียงแค่โดนพิษเหมันต์เท่านั้น แล้วฝีมือก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าตงฟางจิ่งผู้นี้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้มานานหลายปี ความลับที่ไม่สามารถเปิดนี้ได้ถูกนางรู้เข้าแล้ว นางสามารถใช้ประโยชน์จากข้อนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองได้

ความคิดที่อวดดีของเฟิ่งเชียนอวี่ที่เพิ่งโผล่ออกมา ก็ถูกความเย็นเยือกที่พลุ่งพล่านออกมาบีบให้ถอยกลับไปเสียแล้ว

ทันทีที่นางเหลือบตาก็มองเข้าไปในส่วนลึกของดวงตาตงฟางจิ่ง ราวกับว่าในส่วนลึกของดวงตาแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ไร้ขอบเขต ราวกับมองเพียงแวบเดียวก็สามารถทำให้คนแข็งตายได้

ตงฟางจิ่งเต็มไปด้วยท่าทีดุร้าย น้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนมาก แต่กลับทำให้มือทั้งข้างของเฟิ่งเชียนอวี่สั่นระริกอย่างอดไม่ได้

“เมื่อครู่ชายารักกล่าวว่าอะไร? ข้าได้ยินไม่ชัดเจน น่าจะลองพูดดูอีกสักครั้ง?”

การเรียกที่สนิทสนมนี้ เมื่อเข้าหูของเฟิ่งเชียนอวี่ ราวกับกลายเป็นยันต์เร่งให้ตาย ทำให้นางตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าเพียงแค่นางกล้าพูดแม้แต่อีกคำเดียว อีกฝ่ายก็จะหักคอนางทันที

เฟิ่งเชียนอวี่กลัวหัวหดเหมือนเต่าทันที ฉีกยิ้มอย่างลำบาก

“ไม่มีอะไร ท่านอ๋องอาจจะหูฟาดไป คือว่า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ท่านอ๋อง สุขภาพของท่านอ่อนแอ ยืนนานไม่สะดวก พวกเรารีบกลับกันเถอะ”

ริมฝีปากบางตงฟางจิ่งแสยะยิ้มเล็กน้อย “ที่ชายารักกล่าวมาก็มีเหตุผล”

ทันทีที่พูดจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็รู้สึกหน้ามืดทันที ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าไหล่ทั้งสองข้างหนักขึ้นทันที กดจนนางเกือบจะก้นจ้ำเบ้า ในขณะที่หายใจ ก็ได้กลิ่นหอมเย็นสบายทันที

จากนั้นบนหัวมีเสียงของผู้ชายชาติชั่วบางคนดังลอยมา

“สุขภาพของข้าอ่อนแอ ตอนนี้รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย คงทำได้เพียงรบกวนชายารักช่วยประคองข้าออกจากวังแล้วละ”

เฟิ่งเชียนอวี่ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เป็นเพราะถูกยั่วโมโห

เจ้าหมอนี่จงใจทรมานนางชัด ๆ

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อดกลั้นเอาไว้

“ได้ ท่านอ๋อง”

ตงฟางจิ่งเหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “ความตื่นตัวไม่เลว หวังว่าชายารักจะสามารถมีความตื่นตัวที่ดีแบบนี้ต่อไป ไม่อย่างนั้น จะอันตรายเอามาก ๆ”

เฟิ่งเชียนอวี่ “...”

นางประคองตงฟางจิ่งออกจากวังหลวงอย่างยากลำบาก หลังจากที่ขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านนอกประตูวังหลวงแล้ว ก็เกือบจะเหนื่อยจนเป็นลม

เมื่อชาติก่อนเจ้าหมอนี่จะต้องเกิดปีหมูแน่ ๆ นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เมื่อวานนี้นางไม่น่าช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลย ให้เขาพิษเหมันต์กำเริบตายไปเสียก็ดี

เฟิ่งเชียนอวี่ด่าทอในใจ รู้สึกคับแค้นต่าง ๆ นานา

เวลานี้ เสียงของตงฟางจิ่งก็ดังลอยมาอีกครั้ง

“ดูท่าทางของเจ้าจะไม่พอใจเอามาก ๆ เลยนะ คงจะไม่ใช่ว่าแอบสาปแช่งข้าอยู่ในใจหรอกกระมัง?”

ตงฟางจิ่งที่ออกจากวังหลวงแล้ว กลับมามีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิมอีกครั้ง ใบหน้าเย่อหยิ่งที่ยากจะเข้าถึง

เฟิ่งเชียนอวี่ตกใจ หัวเราะปลอม ๆ เนื่องจากร้อนตัว “จะเป็นไปได้อย่างไรกันละ ท่านอ๋องท่านคิดมากไปแล้ว ข้าแค่อยากจะให้ท่านมีอายุยืนยาวถึงร้อยปีเลยต่างหากละ”

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว จ้องมองนางด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เจ้าควรจะภาวนาให้ข้ามีอายุยืนยาวถึงร้อยปีจริง ๆ ไม่อย่างนั้น ทันทีที่ข้าเป็นอะไรไป ชีวิตน้อย ๆของเจ้าก็คงยากที่จะรอดเช่นกัน”

เฟิ่งเชียนอวี่ตกตะลึง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ตงฟางจิ่งแสยะยิ้ม กล่าวเตือนอย่างหวังดี “เคยได้ยินการฝังศพสังเวยชีวิตหรือไม่”

เสียงดังตูม เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้าง หัวสมองกระจ่างแจ้ง เข้าใจความหมายทันที

นางจ้องมองตงฟางจิ่งด้วยความเหลือเชื่อ น้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าคือคนที่เคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้นะ”

ไอ้ผู้ชายชาติชั่วคนนี้คงจะไม่ชั่วถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? เรื่องชั่วช้าแบบนี้ก็ทำได้

ตงฟางจิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ข้าก็เคยช่วยชีวิตเจ้าไว้เช่นกัน”

เฟิ่งเชียนอวี่สำลักทันที เมื่อคุ้ยเขี่ยความทรงจำบางส่วนของเจ้าของร่างเดิมออกมา ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็รู้สึกโล่งใจ กล่าวอย่างประชดประชัน

“ท่านอ๋อง ท่านอย่าข่มขู่ข้า ข้อกฎหมายของรัชสมัยเราไม่มีกฎข้อนี้”

“กฎข้อบังคับล้วนเป็นมนุษย์ที่กำหนดขึ้น ไม่มีก็มีได้ เสด็จพ่อทรงโปรดปรานข้ามาแต่ไหนแต่ไร หลังจากวันนี้ จะต้องทรงทราบถึงความรักอันลึกซึ้งของข้ากับชายารัก”

“ถ้าหากวันใดที่ข้าเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ รู้สึกว่าข้าโดดเดี่ยวไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนในยมโลก จะให้ชายารักร่วมเดินทางไปยังทางเดินสู่น้ำพุเหลืองด้วยกัน เชื่อว่าเสด็จพ่อจะต้องเห็นด้วยแน่”

ตงฟางจิ่งแสยะยิ้ม ค่อย ๆกล่าว

เฟิ่งเชียนอวี่สีหน้าไม่ดีอย่างอดไม่ได้ โมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของตงฟางจิ่ง แทบอยากจะกระโดดเข้าไปข่วนสักสองสามที

แม่งเอ๊ย ใครอยากจะรักลึกซึ้งกับนาย ใครอยากจะลงนรกไปพร้อมกับนาย นายเก่งขนาดนี้ทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ฮะ

ต้องมาเจอกับความคิดโบราณล้าสมัยที่ไม่สิทธิมนุษยชนอันน่ารังเกียจแบบนี้ อำนาจของกษัตริย์ที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ ทำไมนางถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาที่นี่ด้วยนะ

เดิมทีคิดว่าออกจากรังหมาป่าอย่างจวนเฟิ่งนั่นแล้ว ไฉนเลยจะรู้ว่าต้องมากระโดดลงหลุมของเสืออีก สวรรค์มีความแค้นอะไรกับนาง แม่ง!

เฟิ่งเชียนอวี่หลับตา พยายามกดความโมโหมากมายลงไป ในไม่ช้าก็สงบลง

ไม่มีทางเลือกอื่นก็จำเป็นต้องทำตาม ตอนนี้นางไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเลย อีกอย่างวันนี้ได้เห็นการวางมาดของเฟิ่งหลิงหลง ต่อให้ตนแต่งงานออกไปแล้ว คิดว่าแม่ลูกคู่นั้นยังจะต้องมาหาเรื่องนางอีกแน่

ในยุคสมัยโบราณนี้ สถานะถือเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับในตอนนี้ สถานะของพระชายาองค์ชายหก ก็พอจะคุ้มกะลาหัวนางได้อยู่บ้าง อย่างน้อยบางครั้งก็ยังสามารถยืมใช้อำนาจของผู้ชายชาติชั่วคนนี้ได้

เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน ส่วนบัญชีแค้นกับตงฟางจิ่ง วันหลังมีโอกาสก็ค่อยแก้แค้น

เมื่อตงฟางจิ่งเห็นสีหน้าที่อดกลั้นจนจะขาดใจตายของนางแต่จำต้องอดกลั้น ทั้งสองคนก็กลับมาที่จวนอ๋องด้วยอารมณ์ที่มีความสุขอย่างน่าประหลาด ตงฟางจิ่งถูกพ่อบ้านเรียกตัวไป นางนั่งอยู่ในห้องคนคนเดียว ส่งสาวใช้ทั้งหมดออกไป แล้วปิดประตูห้อง

ทันทีที่นางครุ่นคิด ก็มีห้องทดลองทางการแพทย์ที่คุ้นหน้าคุ้นตามากปรากฏขึ้นตรงหน้าทันที มีแค่ตัวนางเท่านั้นที่มองเห็นได้

ตอนที่ผลิตชิปของห้องทดลอง นางได้เข้าร่วมการวิจัยและพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชั้นนำหลายสิบคน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างกระเป๋าทางการแพทย์แบบพกพา

ดังนั้น ห้องทดลองนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านในครอบคลุมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นยอดมากมาย มีทั้งยาจีนและยาตะวันหลากหลายชนิด ครบถ้วนสมบูรณ์ แบบนี้สำหรับคนที่ประกอบอาชีพทางการแพทย์แล้ว เรียกได้ว่าเป็นคลังสมบัติแบบพกพาอันหนึ่งเลยทีเดียว

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองของสิ่งนี้ ก็มีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนกลางคืน เฟิ่งเชียนอวี่ยังคงนอนอยู่ในห้องรับแขก นางไม่ได้ใส่ใจ หากให้นางไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ต้องนอนกับไอ้ผู้ชายชาติชั่วคนนั้นจริง ๆ อย่างนั้นนางก็คงจะต้องเป็นบ้า

ตอนกลางคืน นางลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ทันใดนั้นก็เห็นตงฟางจิ่งมายืนอยู่ที่หัวเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหงื่อเต็มหน้าผาก สีหน้าซีดขาว ขมับมีเส้นเลือดเต้นตุบ ๆ ห้อมล้อมไปด้วยแสงอันมืดสลัว เรียกได้ว่าเหมือนกับผีไม่มีผิด นางเกือบจะตกใจจนเป็นลมไป

เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้าง รีบกระเด้งตัวขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวเสียงสั่นเครือ “ทะ ท่านจะทำอะไร?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status