ในฐานะที่เป็นนายหญิงของจวนตระกูลเฟิ่ง กลับพูดจาหยาบคายเหมือนแม่ค้าปากตลาด ช่างน่าขำจริงๆพลันหัวใจนางหลิ่วสั่นสะท้าน ไม่กล้าพูดอีกแล้ว แต่ในใจยิ่งเกลียดชังเฟิ่งเชียนอวี่จนกัดฟันแน่นภายในห้องเปลี่ยนชุดฝั่งตะวันออกชุดระบำของเฟิ่งเชียนอวี่เป็นชุดกระโปรงรุ้งเจ็ดสี สีสันสดใส งดงามอย่างยิ่งเหลิ่งหนิงกำลังช่วยนางเปลี่ยนชุด สีหน้ากังวลเล็กน้อย “พระชายา ทำไมท่านถึงตอบตกลงเฟิ่งหลิงหลงนั่นล่ะ? แค่ดูก็ดูว่าเป็นกับดัก”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมือ “เดี๋ยวก่อน เจ้าเบาหน่อย กระโปรงนี้ทำมาจากไหม เจ้าดึงแรงเช่นนั้น ระวังดึงขาดเสียล่ะ”เหลิ่งหนิงเบะปาก “แต่งงามเช่นนี้มีประโยชน์อะไร? ถึงเวลาระบำไม่ได้ ก็ขายหน้าอยู่ดี”เฟิ่งเชียนอวี่ยังไม่ทันพูด เหลิ่งหานก็ตบศีรษะของเหลิ่งหนิงทีหนึ่ง“เจ้าพูดเช่นนี้กับพระชายาได้อย่างไร”เหลิ่งหนิงเบะปาก นางไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย จากนั้นก็กลอกตาหนึ่งรอบ ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่าง “พระชายา อีกเดี๋ยวตอนเฟิ่งหลิงหลงดีดพิณ ข้าทำสายพิณของนางขาดดีหรือไม่?”“ความคิดนี้เข้าท่า จะขายหน้าก็ต้องขายหน้าด้วยกัน”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก “มันก็ไม่ถึงขั้นนั้น”เหล
ตอนนั้น เพื่อนนักศึกษาคณะอื่นหัวเราะเยาะพวกนางว่า คณะแพทยศาสตร์เป็นหนอนหนังสือ วันๆ ไม่หมกตัวอยู่ในห้องเรียนก็ห้องวิจัยเฟิ่งเชียนอวี่ในตอนนั้น ในฐานะที่เป็นดาวประจำคณะแพทย์ ทั้งคณะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้นาง นางไม่มีทางเลือก ได้แต่กัดฟันลุยแล้วในเมื่อนางตัดสินใจที่จะทำ ย่อมต้องอยากทำให้ดีที่สุดด้วยเส้นสายของครอบครัว เฟิ่งเชียนอวี่ได้เชิญครูสอนระบำโบราณที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งมาสอนและช่วยออกแบบท่าเต้นให้ตัวเองในมุมมองของเฟิ่งเชียนอวี่ นั่นเป็นสองเดือนที่ทำตัวเหลวไหลที่สุดในชีวิตวัยเรียนของนาง เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับระบำโบราณแต่ดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดีปัจจุบัน วิญญาณข้ามภพมาอยู่ในร่างเฟิ่งเชียนอวี่โบราณ ตอนนี้รู้สึกขอบคุณสองเดือนที่ผ่านมาจริงๆ ทำให้นางไม่ถึงกับต้องขายหน้าในงานเลี้ยงพระราชวัง และไม่เป็นไปดั่งใจของใครบางคนตอนที่นางเรียนเต้น ไม่มีพื้นฐานเลยสักนิด มันลำบากมากจริงๆ เฉพาะด้านความยืดหยุ่นทางร่างกาย ก็ทำเอานางร้องไห้แล้วและตอนนี้เฟิ่งเชียนอวี่ก็รู้สึกปลื้มปีติอย่างคาดคิดไม่ถึง นางสังเกตตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ร่างกายร่างนี้ของตัวเองมีความยืดหยุ่นสูงมากเมื่อเป็นเช่นนี
สายตาต่างๆ พากันมองไปที่ตัวเฟิ่งหลิงหลง นอกจากทุกคนตกใจแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะปิดจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจคุณหนูผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นยิ่งพากันอุทาน และถึงขั้นลุกออกจากที่นั่ง พากันถอยหลังทีละคน“สวรรค์ เฟิ่งหลิงหลงไปกินอะไรมาเนี่ย เหม็นจัง”“คิดไม่ถึงจริงๆ เฟิ่งหลิงหลงปกติดูเย็นชาและเย่อหยิ่งเช่นนั้น กลับเสียมารยาทเช่นนี้ในที่สาธารณะ”“ไม่ไหวแล้ว เหม็นมาก น่าขยะแขยง ข้าจะอ้วกแล้ว”เมื่อคำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านี้เข้าหู ราวกับมีมีดแทงใส่ร่างกายเฟิ่งหลิงหลงอย่างแรง ทำให้นางอับอายมากแต่ตอนนี้นางไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมายเช่นนั้น เพราะนางปวดท้องมาก ปวดจนจะตายอยู่แล้วเวลานี้เอง ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้น“ดูจากท่าทางคุณหนูใหญ่เฟิ่ง คงจะไม่ได้ขี้แตกแล้วกระมัง”ในที่สุดเฟิ่งหลิงหลงก็ทนไม่ไหวแล้ว พลันเหลือกตาเป็นลมไปโดยตรงงานเลี้ยงพระราชวังดีๆ งานหนึ่ง แรกเริ่มก็เพราะเฟิ่งหลิงหลงทำให้ฮ่องเต้เทียนหยวนไม่พอใจ ปรากฏว่าเมื่อถึงตอนท้าย เฟิ่งหลิงหลงก็มาเป็นเช่นนี้อีกงานเลี้ยงพระราชวังดีๆ ต้องมาพัง สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนเคร่งขรึมมาก เขาพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา ในที่สุดก็ไม่เกรงใจอีกแล้ว สั่งให้คนล
จวนตระกูลเฟิ่ง‘ปัง’ เสียงดังสนั่น ภายในเรือนหลังหนึ่งของเรือนส่วนหลังเละเทะไปหมดเฟิ่งหลิงหลงสวมชุดชั้นในสีขาว เส้นผมกระจัดกระจาย สีหน้าซีดเซียว เบ้าตาแดงก่ำ คอเสื้อเปื้อนน้ำตา เรียกได้ว่าร้องไห้อย่างอนาถ“ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด”ภายในห้อง สาวใช้เล็กใหญ่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างสั่นเทานางหลิ่วรีบมาทางนี่ “ลูกแม่ นี่เจ้าจะทำอะไร นี่เป็นยาที่หมอจ่ายให้เจ้า เจ้าทุบทิ้งทำไม”“ท่านแม่ ลูกควรทำอย่างไร ลูกจบสิ้นแล้ว”ในงานเลี้ยงพระราชวังเมื่อวาน นางขายหน้าเช่นนั้น นางไม่ต้องคิดก็รู้ว่าตัวเองกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงอย่างสมบูรณ์แล้วทุกครั้งที่นึกถึงตรงนี้ เฟิ่งหลิงหลงก็รู้สึกอับอายจนอยากตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้นางไม่กล้าออกจากบ้านด้วยซ้ำ“ถุยๆ พูดเหลวไหลอะไร จบสิ้นอะไร”นางหลิ่วตบแขนนางอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ “ลูกแม่ พวกเราไม่คิดฟุ้งซ่านนะ”“เมื่อนานวันเข้า ก็จะไม่มีใครจำเรื่องเมื่อวานได้แล้ว”เฟิ่งหลิงหลงส่ายศีรษะฉับพลัน “ไม่มีทาง ตอนนี้ชื่อเสียงของลูกป่นปี้หมดแล้ว ท่านแม่ ทำอย่างไรดี ฮือๆ…”นางหลิ่วลำบากใจมากเช่นกัน นางก็รู้ว่าคำปลอบใจของตั
ครั้งนี้หลิวซูเร่งเร้าต่อ ไม่ได้ตามใจนาง“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้ว กำลังรอท่านกินอาหารเช้าด้วยกัน ท่านรีบลุกดีกว่าเจ้าค่ะ”ฮืม?ตงฟางจิ่งมาแล้ว?เฟิ่งเชียนอวี่ตื่นตัวขึ้นหลายส่วน เปิดตาที่พร่ามัวขึ้น บิดขี้เกียจทีหนึ่ง หน้าทั้งใบย่นทันทีเชี่ย เกิดอะไรขึ้น เวลานี้เอง นางรู้สึกเพียงร่างกายไร้เรี่ยวแรงและปวดเมื่อย อีกทั้งยังรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย ตื่นตัวเกินกว่าครึ่งทันทีคงไม่ได้เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนเมื่อวาน ตัวเองก็พลาดท่าแล้วกระมัง?เป็นไปไม่ได้นี่นา นางกินยาถอนพิษแล้ว ของเล่นเช่นนั้นไม่มีผลต่อนางจึงจะถูกสิเฟิ่งเชียนอวี่กอดหมอนลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก สีหน้าอมทุกข์ รู้สึกไม่สบายตัวไปเลย“หลิวซู เหมือนข้าจะป่วยแล้ว”เมื่อหลิวซูได้ยินก็ตกใจจนสะดุ้ง รีบยกมืออังหน้าผากของนาง จากนั้นก็สงสัย “พระชายา หน้าผากท่านก็ไม่ร้อนนี่นา อุ่นปกติ”นางโบกมือ “ไม่ได้เป็นไข้ แต่มันรู้สึกไม่สบาย พูดแล้วเจ้าก็ไม่เข้าใจ”พลันเฟิ่งเชียนอวี่ดึงผ้าห่มออก หลิวซูเบิกตากว้างทันที มองไปตรงที่ที่หนึ่ง “พระชายา”อะไรอีก?นางขมวดคิ้ว ก้มมองตามสายตาของหลิวซู พลันถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอดไปทีหนึ่งทันทีนี่มันบ้า
เฟิ่งเชียนอวี่ยังอยู่ด้านหลังฉาก สวมใส่ผ้าอนามัยแบบโบราณด้วยความงุ่มง่าม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดสดชื่น คนถึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกได้“พระชายา ท่านอ๋องยังรอท่านอยู่อีก” หลิวซูพูดเตือนออกมานางเม้มปาก ก่อนจะลูบท้องแล้วเดินออกไปและไม่รู้ว่าตงฟางจิ่งถูกลมแบบไหนพัดมาตั้งแต่เช้า ถึงวิ่งมาทานอาหารเช้าที่เรือนของนางในศาลาลานบ้านตงฟางจิ่งกำลังนั่งดื่มชาในชุดคลุมสีขาวอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะหินมีชามโจ๊กและเครื่องเคียงมากมายพร้อมกับของว่างวางเอาไว้เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้างจ้องมองไป แล้ววิ่งก้าวใหญ่สามก้าวรวบเป็นสองก้าวไปตงฟางจิ่งเมื่อเห็นเข้าก็ขมวดคิ้วออกมา “วิ่งกระโดดไปมาเหมือนอะไรกัน? เจ้าจะไม่อาจเดินดีๆ ได้หรืออย่างไร?”นางไม่ได้ใส่ใจ รีบนับจานบนโต๊ะอย่างเร็ว จากนั้นชี้ไปยังจานหนึ่งในนั้น มองไปที่หลิวซู “นี่คืออะไร?”“พระชายา นี่คือซุปบ๊วยเขียวทอง”“ถ้าเช่นนั้นอันนี้เล่า?”“นี่คือเถียนเหอจิน”“ยังมีอันนี้?”“นี่เป็นขนมดอกชบาและแปะก๊วย”เฟิ่งเชียนอวี่หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกัดไปคำหนึ่ง เนื้อสัมผัสกรอบและนุ่มเอาชนะต่อมรับรสของนางได้อาหารในสมัยโบราณอาจจะไม่ได้เข้มข้นแ
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่กลับเหมือนได้ระบายออกมา ทันใดนั้นอารมณ์ก็เปลี่ยนไปดีขึ้นมา แล้วเริ่มทานอาหารอย่างมีความสุขตงฟางจิ่งหลับตาลง ลอบพูดกับตนเองในใจว่า หญิงสาวคนนี้ช่างแปลกประหลาดนัก หากว่ามาโมโหนางก็คงจะไม่คู่ควร เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่โมโหก็มีเพียงแค่ตนเองเท่านั้นทันใดนั้น ปลายจมูกเขาก็ขยับขึ้นมาเล็กน้อย จับจ้องนางขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะขมวดคิ้วออกมา “บนกายเจ้ามีกลิ่นคาวเลือดมาจากที่ใดกัน เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ที่เพิ่งจะกินโจ๊กเข้าไปอีกเพียงนิดก็แทบจะพ่นออกมา กระแอมอยู่ครั้งไม่ง่ายเลยที่กลับมาหายใจได้คล่องขึ้น ก่อนจะตบไปที่หน้าอกด้วยใบหน้าแปลกประหลาดเจ้าหมอนี่มีจมูกสนัขหรืออย่างไรกัน นี่ก็ได้กลิ่นด้งบ?นางดมไปยังเสื้อผ้าด้วยความระมัดระวัง ก็ได้กลิ่นเพียงแค่กลิ่นหอมน่าพึงพอใจเท่านั้นเฟิ่งเชียนอวี่เหลือบมองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ท่านอ๋องได้กลิ่นผิดไปแล้วกระมัง จะไปมีกลิ่นคาวเลือดจากที่ไหนได้ตงฟางจิ่งหรี่ตาลง เขาไวต่อกลิ่นเลือดมาก ไม่มีทางที่จะได้กลิ่นผิดไป ก่อนจะมองไปยังหลิวซูแล้วออกคำสั่ง “ไปเชิญท่านหมอมา”สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนไป ไม่คิด
“ไม่ต้อง”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมือออกมา เพียงแค่สิวเม็ดเดียวเท่านั้น จะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนที่ไหนกันนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเจ้าไปช่วยข้าเตรียมของเหล่านี้ ว่านหางจระเข้ กุหลาบ น้ำผึ้ง น้ำมันสน...”หลิวซูไม่เข้าใจ แต่ก็ยังออกไปเตรียมมา มอบเรื่องการแต่งกายให้อิ้งเสวี่ยหลังจากกินอาหารเสร็จ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เริ่มศึกษาเตรียมทำมาส์กหน้าที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและกำจัดสิวด้วยตนเองนางบดยาในโถด้วยความสนใจ ก่อนจะมองเห็นด้านในกลายเป็นกลุ่มก้อนสีเขียว ดมอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนสดชื่นออกมา แล้วพยักหน้าด้วยความพอใจเฟิ่งเชียนอวี่หยิบขึ้นมาตักไปชั้นหนึ่ง ก่อนจะเริ่มทาไปทั่วใบหน้าในเวลานี้ หลิวซูก็ถือชาหอมเดินเข้ามา “พระชายา ลองชิมชานี้เถอะ บ่าวตั้งใจชงมันกับน้ำค้างที่เก็บรวบรวมมาในตอนเช้าเชียวนะเจ้า...”นางยังไม่ทันได้พูดจบ ก็พบใบหน้าอันน่าสังเวชของเฟิ่งเชียนอวี่ที่เต็มไปด้วยโคลนสีเขียว ก็รีบกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจออกมาทันที ชาเขียวกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้องหนังสือของเรือนหน้า ตงฟางจิ่งกำลังฝึกเขียนพู่กันอยู่หูและดวงตาของเขาที่ไม่ธรรมดาก็ได้ยินเสียงนี้เข้า ท่าทางการเขียนที่เดิม
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ