Share

บทที่ 2

เพียงแต่น่าเสียดายมาก ในความทรงจำของเจ้าของร่าง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหน้าตาของท่านอ๋องหกคนนี้ ท่านอ๋องที่ไม่มีอำนาจอย่างเขา เฟิ่งหลิงหลงไม่มอง

ข่าวลือบอกว่าท่านอ๋องหกคนนี้เกิดมาก็มีความบกพร่องโดยกำเนิด ต้องกินยาตลอดปี งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ในวังก็ไม่เคยเข้าร่วม เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิดอย่างตาเป็นประกาย

จวนตระกูลเฟิ่งในเวลานี้ วุ่นวายไปหมดนานแล้ว

เฟิ่งหลิงหลงเดินวนอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ ใบหน้าที่งดงามก็ย่นยู่เป็นซาลาเปา

“จบแล้วๆ!! ตอนนี้เฟิ่งเชียนอวี่ตายแล้ว ใครจะมาช่วยข้าแต่งงานกับไอ้คนขี้โรคนั่น?” นางน้ำตาคลอเบ้า มองไปทางฮูหยินใหญ่ มารดาของนางอย่างน่าเวทนา “ท่านแม่ ข้าจะเป็นพระชายารัชทายาท จะแต่งงานกับท่านอ๋องหกไม่ได้นะ…”

“หลิงหลงเจ้าใจเย็นๆ ให้แม่ลองคิดดูก่อน” ฮูหยินใหญ่รวบรวมสมาธิครุ่นคิด แต่ศีรษะแทบระเบิดเพราะเสียงเอะอะของนางนานแล้ว จะมีแผนรับมือภายใต้ความตื่นตระหนกได้อย่างไร “หรือไม่…หรือไม่ พวกเราลองไปหารือกับรัชทายาท?”

เพิ่งสิ้นเสียง จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะที่ถากถางสายหนึ่งดังขึ้น “รัชทายาท? รัชทายาทชอบพี่หญิงจริงๆ หรือ?”

เสียงนี้…

เฟิ่งหลิงหลงแน่นหน้าอกฉับพลัน ม่านตาขยายใหญ่ มองตรงไปทางประตูเรือน

บังเอิญมีเสียง ‘โครม’ ดังสนั่น พายุฝนเทลงมา ฟ้าผ่าสายฟ้าแลบ สาดส่องฟ้าดินสว่างไสว!

มีหญิงในชุดสีขาวที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงปรากฏตัวหน้าประตูในเวลานี้ แสงที่ขาวโพลงก็ส่องแสงแสบตาจากข้างหลังนาง ทำให้มองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้านางอย่างชัดเจน!

“เฟิ่ง เฟิ่งเชียนอวี่!!” เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนหน้าซีด เซถอยหลังหลายก้าวอย่างเข่าอ่อน “เป็น เป็น เป็นไปไม่ได้…นางตกจากที่สูงเช่นนั้น ต้องไม่เหลือแม้แต่ซากแล้ว…”

เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าไม่ใช่นาง…”

เฟิ่งเชียนอวี่เผยอริมฝีปากซีดยิ้ม เดินเข้าไปหานางทีละก้าว “ใช่แล้วพี่หญิง ข้าตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้น จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?”

“อ๊ะ!! เจ้าเป็นผี! เจ้าเป็นผี!!”

เฟิ่งหลิงหลงกรีดร้องทีหนึ่ง รีบวิ่งไปหลบหลังฮูหยินใหญ่

ในใจฮูหยินใหญ่ก็กลัวเช่นกัน ถอยหลังอย่างต่อเนื่องตามเฟิ่งหลิงหลง นางจ้องไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้านางแพศยาน้อยอย่ามาเล่นลูกไม้!! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนหรือผี ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่งของจวนตระกูลเฟิ่ง!!”

“ฮ่าๆ! สุนัข? เช่นนั้นตอนนี้พวกท่านยังจะให้สุนัขตัวนี้แต่งงานแทนพวกท่านหรือไม่?”

เฟิ่งเชียนอวี่เดินพุ่งพรวดเข้ามาในห้อง ได้ยินคำพูดของพวกนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฮูหยินใหญ่ พี่หญิงเฟิ่ง ตอนนี้พวกท่านมีเรื่องต้องขอร้องผู้อื่น โปรดช่วยถ่อมตนด้วย”

เสียง ‘ปัง’ ดังเบาๆ เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดเสื้อคลุม หมุนกายนั่งลงตรงหน้าโต๊ะน้ำชา แล้วยกกาน้ำชาขึ้นรินให้ตนเองหนึ่งถ้วย

ตอนนี้นางไม่มีกะจิตกะใจอะไรมาพูดไร้สาระกับแม่ลูกคู่นี้ กำลังคิดว่ารีบจบเรื่อง นางก็จะได้กลับห้องไปนอนเร็วขึ้น

แกว่งถ้วยชาไปพลาง นางหรี่ดวงตาหงส์ทั้งคู่ลง กวาดมองไปทางคนทั้งสองที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงมุมกำแพง

“เชอะ กลัวอะไร? ข้าเป็นคน ยังตัวอุ่นอยู่เลย ไม่เชื่อท่านก็ลองมาจับข้าดู?”

เมื่อเห็นมือหยกที่เอื้อมมาทางนาง เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนปิดตาตะโกนว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร!! ตกจากที่สูงเช่นนั้น จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร? อีกอย่าง อีกอย่าง…เฟิ่งเชียนอวี่จะพูดกับพวกเราเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เอ๊ะ เหมือนว่าจะใช่นะ

ด้วยนิสัยของเจ้าของร่าง เวลานี้ควรจะร้องไห้อย่างกล้าๆ กลัวๆ จึงจะถูก

แต่ว่าท่าทางเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่ก็แสร้งทำไม่ลง!

“ข้านิพพานเกิดใหม่ไม่ได้หรือ? อีกอย่างนะ พวกท่านจะสนใจอะไรมากมายเช่นนั้น?” พลันเฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว “ตอนนี้พวกท่านก็แค่ต้องการคนแต่งงานแทนไม่ใช่หรือ ส่วนข้ามีเพียงมีชีวิตอยู่ จึงจะสามารถแต่งงานแทนเจ้าดีหรือไม่??”

พลันเฟิ่งหลิงหลงตะลึงงัน

เหมือนจะเป็นเช่นนี้นะ

“เช่นนั้น ความหมายของเจ้าคือ…ยอมแต่งงานแทนข้า?”

“แน่นอน!”

เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มจนคิ้วโก่ง

อย่างไรเสียอยู่ในครอบครัวนี้ นางไม่มีมารดารักและเอ็นดู ส่วนบิดาก็ลำเอียงไปทางเฟิ่งหลิงหลง สิบกว่าปีมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เป็นได้แค่ที่ระบาย นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้จริงๆ

ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องหกนั่นก็เป็นคนขี้โรค ไม่แน่ว่านางแต่งไปไม่นาน เขาก็ติดปีกขึ้นสวรรค์แล้ว นางเป็นแม่หม้ายเศรษฐินีก็ดีไม่ใช่หรือ?

สิ่งสำคัญที่สุดคือ นางยังสามารถไถเงินจากแม่ลูกคู่นี้ด้วยเรื่องนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ เจตนายิ้มในแววตาเฟิ่งเชียนอวี่ยิ่งลึกแล้ว “ข้าสามารถช่วยพวกท่าน แต่ว่ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ พวกท่านจำเป็นต้องคืนสินเจ้าสาวของแม่ข้าคืนให้ข้า”

เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มราวกับเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง “แม่ใหญ่ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นสินเจ้าสาวของแม่ข้ามีเยอะมาก เพียงแต่ทันทีที่แม่ข้าเสีย แม่ใหญ่ก็คิดเองเออเองช่วยข้าเก็บไว้ บอกว่ารอวันที่ข้าออกเรือนค่อยคืนข้า”

“นี่ไง ตอนนี้ข้าใกล้จะออกเรือนแล้ว แม่ใหญ่สามารถคืนสินเจ้าสาวให้ข้าได้แล้วกระมัง?”

ฮูหยินใหญ่มองนางอย่างหวาดระแวง คาดคิดไม่ถึงว่านางจะเอ่ยถึงเรื่องนี้

และหลบสายตาด้วยเช่นกัน “เอ่อ เรื่องสินเจ้าสาว…ตามหลักแล้วควรให้เจ้า แต่ว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลายปีนี้ของเจ้า ที่จริงก็ผลาญไปไม่น้อยแล้ว…เจ้ายังเด็ก มีเรื่องมากมายที่เจ้าไม่เข้าใจ”

“ข้าไม่เข้าใจก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจ”

เสียงดังปัง เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างสบายๆ

“ข้าจำได้ว่าสินเจ้าสาวของท่านแม่ รวมเศษรวมอะไรแล้ว มีอย่างน้อยแปดพันตำลึงทองแน่นอน ถ้าหากแม่ใหญ่อยากให้ข้าแต่งงานแทนพี่หญิง ก็ช่วยส่งแปดพันตำลึงทองนี้มา ไม่เช่นนั้น…”

ขณะที่เฟิ่งเชียนอวี่กล่าว ได้เดินไปถึงตรงประตูใหญ่แล้ว พลันนางหันกลับมายิ้ม “ไม่เช่นนั้น ข้าสามารถรอแม่ใหญ่รวบรวมจนครบค่อยออกเรือน อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่ได้รีบ”

คำพูดนี้ความหมายชัดเจนแล้ว หากไม่ได้เงิน นางก็ไม่แต่งแทน——มันคือการขู่อย่างโจ่งแจ้ง!

ฮูหยินใหญ่โมโหจนกัดฟันแน่น

นางไม่เคยคิดจะคืนสินเจ้าสาวแปดพันตำลึงนั่นให้เฟิ่งเชียนอวี่แต่แรก หลายปีนี้ยิ่งถูกนางใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดแล้ว! เวลานี้เฟิ่งเชียนอวี่จะทวงคืนให้ได้ แล้วนางจะไปเอามาจากที่ใด?

หรือจะให้นางเอาสินเจ้าสาวของตนเองมาใช้คืน?!

เฟิ่งหลิงหลงกลับจับมือฮูหยินใหญ่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านแม่ พวกเราให้นางเถอะ! ไม่เช่นนั้นนางตายอีกรอบจะทำอย่างไร? ต่อให้ไม่ตาย หนีจนไม่เห็นแม้แต่เงา เช่นนั้นลูก…”

“ท่านแม่ คิดการใหญ่ก็ต้องยอมเสี่ยง รอลูกเป็นพระชายารัชทายาทแล้ว จะคืนท่านเป็นสิบเท่าแน่นอน!”

กลัวฮูหยินใหญ่ไม่ยอม เฟิ่งหลิงหลงรีบขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ ยิ่งกว่านั้นลูกมีแผนแล้ว แปดพันตำลึงทองของท่าน ลูกสัญญาว่าจะช่วยท่านทวงคืนแน่นอน…”

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็คือวันแต่งงาน

หลังจากนับแปดพันตำลึงทองที่ฮูหยินใหญ่ส่งมาแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่ก็สวมชุดแต่งงาน ขึ้นนั่งเกี้ยวเจ้าสาวแต่โดยดี

รับเงินของผู้อื่น ช่วยผู้อื่นขจัดภัย ความน่าเชื่อถือแค่นี้นางเฟิ่งเชียนอวี่ยังมีอยู่

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีที่ซับซ้อนเป็นชุด เฟิ่งเชียนอวี่ถูกส่งเข้าไปในห้องหอของจวนท่านอ๋องหก

ศีรษะพิงเสาเตียงกำลังสัปหงก ทันใดนั้นเหนือศีรษะเย็นวูบ ราวกับผ้ามงคลถูกคนเปิดออก

“อืม…”

นางสะลึมสะลือ ลืมตามองชายตรงหน้า

ชายตรงหน้าสวมชุดมงคลสีแดง มือใหญ่ถือผ้าคลุมศีรษะสีแดงของนางไว้

ใบหน้าที่สง่างามราวกับเทพบุตรของเขา เปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ ภายใต้การสะท้อนของเทียนแดง คิ้วที่สง่างามขมวดเป็นภูเขา ดวงตาที่สดใสหรี่ลงเล็กน้อย ความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านห่างตา กลายเป็นความถากถางจางๆ

หนังตาเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก ความง่วงหายไปในพริบตา!

คนคนนี้…

ก็คือสุดหล่อที่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนวันนั้นไม่ใช่หรือ!! 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status