Share

บทที่ 2

Author: จิ้งเยี่ยน
เพียงแต่น่าเสียดายมาก ในความทรงจำของเจ้าของร่าง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหน้าตาของท่านอ๋องหกคนนี้ ท่านอ๋องที่ไม่มีอำนาจอย่างเขา เฟิ่งหลิงหลงไม่มอง

ข่าวลือบอกว่าท่านอ๋องหกคนนี้เกิดมาก็มีความบกพร่องโดยกำเนิด ต้องกินยาตลอดปี งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ในวังก็ไม่เคยเข้าร่วม เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิดอย่างตาเป็นประกาย

จวนตระกูลเฟิ่งในเวลานี้ วุ่นวายไปหมดนานแล้ว

เฟิ่งหลิงหลงเดินวนอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ ใบหน้าที่งดงามก็ย่นยู่เป็นซาลาเปา

“จบแล้วๆ!! ตอนนี้เฟิ่งเชียนอวี่ตายแล้ว ใครจะมาช่วยข้าแต่งงานกับไอ้คนขี้โรคนั่น?” นางน้ำตาคลอเบ้า มองไปทางฮูหยินใหญ่ มารดาของนางอย่างน่าเวทนา “ท่านแม่ ข้าจะเป็นพระชายารัชทายาท จะแต่งงานกับท่านอ๋องหกไม่ได้นะ…”

“หลิงหลงเจ้าใจเย็นๆ ให้แม่ลองคิดดูก่อน” ฮูหยินใหญ่รวบรวมสมาธิครุ่นคิด แต่ศีรษะแทบระเบิดเพราะเสียงเอะอะของนางนานแล้ว จะมีแผนรับมือภายใต้ความตื่นตระหนกได้อย่างไร “หรือไม่…หรือไม่ พวกเราลองไปหารือกับรัชทายาท?”

เพิ่งสิ้นเสียง จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะที่ถากถางสายหนึ่งดังขึ้น “รัชทายาท? รัชทายาทชอบพี่หญิงจริงๆ หรือ?”

เสียงนี้…

เฟิ่งหลิงหลงแน่นหน้าอกฉับพลัน ม่านตาขยายใหญ่ มองตรงไปทางประตูเรือน

บังเอิญมีเสียง ‘โครม’ ดังสนั่น พายุฝนเทลงมา ฟ้าผ่าสายฟ้าแลบ สาดส่องฟ้าดินสว่างไสว!

มีหญิงในชุดสีขาวที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงปรากฏตัวหน้าประตูในเวลานี้ แสงที่ขาวโพลงก็ส่องแสงแสบตาจากข้างหลังนาง ทำให้มองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้านางอย่างชัดเจน!

“เฟิ่ง เฟิ่งเชียนอวี่!!” เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนหน้าซีด เซถอยหลังหลายก้าวอย่างเข่าอ่อน “เป็น เป็น เป็นไปไม่ได้…นางตกจากที่สูงเช่นนั้น ต้องไม่เหลือแม้แต่ซากแล้ว…”

เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าไม่ใช่นาง…”

เฟิ่งเชียนอวี่เผยอริมฝีปากซีดยิ้ม เดินเข้าไปหานางทีละก้าว “ใช่แล้วพี่หญิง ข้าตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้น จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?”

“อ๊ะ!! เจ้าเป็นผี! เจ้าเป็นผี!!”

เฟิ่งหลิงหลงกรีดร้องทีหนึ่ง รีบวิ่งไปหลบหลังฮูหยินใหญ่

ในใจฮูหยินใหญ่ก็กลัวเช่นกัน ถอยหลังอย่างต่อเนื่องตามเฟิ่งหลิงหลง นางจ้องไปทางเฟิ่งเชียนอวี่ด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้านางแพศยาน้อยอย่ามาเล่นลูกไม้!! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนหรือผี ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่งของจวนตระกูลเฟิ่ง!!”

“ฮ่าๆ! สุนัข? เช่นนั้นตอนนี้พวกท่านยังจะให้สุนัขตัวนี้แต่งงานแทนพวกท่านหรือไม่?”

เฟิ่งเชียนอวี่เดินพุ่งพรวดเข้ามาในห้อง ได้ยินคำพูดของพวกนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฮูหยินใหญ่ พี่หญิงเฟิ่ง ตอนนี้พวกท่านมีเรื่องต้องขอร้องผู้อื่น โปรดช่วยถ่อมตนด้วย”

เสียง ‘ปัง’ ดังเบาๆ เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดเสื้อคลุม หมุนกายนั่งลงตรงหน้าโต๊ะน้ำชา แล้วยกกาน้ำชาขึ้นรินให้ตนเองหนึ่งถ้วย

ตอนนี้นางไม่มีกะจิตกะใจอะไรมาพูดไร้สาระกับแม่ลูกคู่นี้ กำลังคิดว่ารีบจบเรื่อง นางก็จะได้กลับห้องไปนอนเร็วขึ้น

แกว่งถ้วยชาไปพลาง นางหรี่ดวงตาหงส์ทั้งคู่ลง กวาดมองไปทางคนทั้งสองที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงมุมกำแพง

“เชอะ กลัวอะไร? ข้าเป็นคน ยังตัวอุ่นอยู่เลย ไม่เชื่อท่านก็ลองมาจับข้าดู?”

เมื่อเห็นมือหยกที่เอื้อมมาทางนาง เฟิ่งหลิงหลงตกใจจนปิดตาตะโกนว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร!! ตกจากที่สูงเช่นนั้น จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร? อีกอย่าง อีกอย่าง…เฟิ่งเชียนอวี่จะพูดกับพวกเราเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เอ๊ะ เหมือนว่าจะใช่นะ

ด้วยนิสัยของเจ้าของร่าง เวลานี้ควรจะร้องไห้อย่างกล้าๆ กลัวๆ จึงจะถูก

แต่ว่าท่าทางเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่ก็แสร้งทำไม่ลง!

“ข้านิพพานเกิดใหม่ไม่ได้หรือ? อีกอย่างนะ พวกท่านจะสนใจอะไรมากมายเช่นนั้น?” พลันเฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว “ตอนนี้พวกท่านก็แค่ต้องการคนแต่งงานแทนไม่ใช่หรือ ส่วนข้ามีเพียงมีชีวิตอยู่ จึงจะสามารถแต่งงานแทนเจ้าดีหรือไม่??”

พลันเฟิ่งหลิงหลงตะลึงงัน

เหมือนจะเป็นเช่นนี้นะ

“เช่นนั้น ความหมายของเจ้าคือ…ยอมแต่งงานแทนข้า?”

“แน่นอน!”

เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มจนคิ้วโก่ง

อย่างไรเสียอยู่ในครอบครัวนี้ นางไม่มีมารดารักและเอ็นดู ส่วนบิดาก็ลำเอียงไปทางเฟิ่งหลิงหลง สิบกว่าปีมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เป็นได้แค่ที่ระบาย นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้จริงๆ

ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องหกนั่นก็เป็นคนขี้โรค ไม่แน่ว่านางแต่งไปไม่นาน เขาก็ติดปีกขึ้นสวรรค์แล้ว นางเป็นแม่หม้ายเศรษฐินีก็ดีไม่ใช่หรือ?

สิ่งสำคัญที่สุดคือ นางยังสามารถไถเงินจากแม่ลูกคู่นี้ด้วยเรื่องนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ เจตนายิ้มในแววตาเฟิ่งเชียนอวี่ยิ่งลึกแล้ว “ข้าสามารถช่วยพวกท่าน แต่ว่ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ พวกท่านจำเป็นต้องคืนสินเจ้าสาวของแม่ข้าคืนให้ข้า”

เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มราวกับเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง “แม่ใหญ่ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นสินเจ้าสาวของแม่ข้ามีเยอะมาก เพียงแต่ทันทีที่แม่ข้าเสีย แม่ใหญ่ก็คิดเองเออเองช่วยข้าเก็บไว้ บอกว่ารอวันที่ข้าออกเรือนค่อยคืนข้า”

“นี่ไง ตอนนี้ข้าใกล้จะออกเรือนแล้ว แม่ใหญ่สามารถคืนสินเจ้าสาวให้ข้าได้แล้วกระมัง?”

ฮูหยินใหญ่มองนางอย่างหวาดระแวง คาดคิดไม่ถึงว่านางจะเอ่ยถึงเรื่องนี้

และหลบสายตาด้วยเช่นกัน “เอ่อ เรื่องสินเจ้าสาว…ตามหลักแล้วควรให้เจ้า แต่ว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลายปีนี้ของเจ้า ที่จริงก็ผลาญไปไม่น้อยแล้ว…เจ้ายังเด็ก มีเรื่องมากมายที่เจ้าไม่เข้าใจ”

“ข้าไม่เข้าใจก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจ”

เสียงดังปัง เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างสบายๆ

“ข้าจำได้ว่าสินเจ้าสาวของท่านแม่ รวมเศษรวมอะไรแล้ว มีอย่างน้อยแปดพันตำลึงทองแน่นอน ถ้าหากแม่ใหญ่อยากให้ข้าแต่งงานแทนพี่หญิง ก็ช่วยส่งแปดพันตำลึงทองนี้มา ไม่เช่นนั้น…”

ขณะที่เฟิ่งเชียนอวี่กล่าว ได้เดินไปถึงตรงประตูใหญ่แล้ว พลันนางหันกลับมายิ้ม “ไม่เช่นนั้น ข้าสามารถรอแม่ใหญ่รวบรวมจนครบค่อยออกเรือน อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่ได้รีบ”

คำพูดนี้ความหมายชัดเจนแล้ว หากไม่ได้เงิน นางก็ไม่แต่งแทน——มันคือการขู่อย่างโจ่งแจ้ง!

ฮูหยินใหญ่โมโหจนกัดฟันแน่น

นางไม่เคยคิดจะคืนสินเจ้าสาวแปดพันตำลึงนั่นให้เฟิ่งเชียนอวี่แต่แรก หลายปีนี้ยิ่งถูกนางใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดแล้ว! เวลานี้เฟิ่งเชียนอวี่จะทวงคืนให้ได้ แล้วนางจะไปเอามาจากที่ใด?

หรือจะให้นางเอาสินเจ้าสาวของตนเองมาใช้คืน?!

เฟิ่งหลิงหลงกลับจับมือฮูหยินใหญ่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านแม่ พวกเราให้นางเถอะ! ไม่เช่นนั้นนางตายอีกรอบจะทำอย่างไร? ต่อให้ไม่ตาย หนีจนไม่เห็นแม้แต่เงา เช่นนั้นลูก…”

“ท่านแม่ คิดการใหญ่ก็ต้องยอมเสี่ยง รอลูกเป็นพระชายารัชทายาทแล้ว จะคืนท่านเป็นสิบเท่าแน่นอน!”

กลัวฮูหยินใหญ่ไม่ยอม เฟิ่งหลิงหลงรีบขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ ยิ่งกว่านั้นลูกมีแผนแล้ว แปดพันตำลึงทองของท่าน ลูกสัญญาว่าจะช่วยท่านทวงคืนแน่นอน…”

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็คือวันแต่งงาน

หลังจากนับแปดพันตำลึงทองที่ฮูหยินใหญ่ส่งมาแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่ก็สวมชุดแต่งงาน ขึ้นนั่งเกี้ยวเจ้าสาวแต่โดยดี

รับเงินของผู้อื่น ช่วยผู้อื่นขจัดภัย ความน่าเชื่อถือแค่นี้นางเฟิ่งเชียนอวี่ยังมีอยู่

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีที่ซับซ้อนเป็นชุด เฟิ่งเชียนอวี่ถูกส่งเข้าไปในห้องหอของจวนท่านอ๋องหก

ศีรษะพิงเสาเตียงกำลังสัปหงก ทันใดนั้นเหนือศีรษะเย็นวูบ ราวกับผ้ามงคลถูกคนเปิดออก

“อืม…”

นางสะลึมสะลือ ลืมตามองชายตรงหน้า

ชายตรงหน้าสวมชุดมงคลสีแดง มือใหญ่ถือผ้าคลุมศีรษะสีแดงของนางไว้

ใบหน้าที่สง่างามราวกับเทพบุตรของเขา เปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ ภายใต้การสะท้อนของเทียนแดง คิ้วที่สง่างามขมวดเป็นภูเขา ดวงตาที่สดใสหรี่ลงเล็กน้อย ความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านห่างตา กลายเป็นความถากถางจางๆ

หนังตาเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก ความง่วงหายไปในพริบตา!

คนคนนี้…

ก็คือสุดหล่อที่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนวันนั้นไม่ใช่หรือ!! 
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Jarungjai
สนุกสนุกมาก
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 3

    ตงฟางจิ่งกำผ้ามงคลไว้ เผยอมุมปากหัวเราะอย่างเย็นชา “ที่แท้เป็นเจ้า”ใบหน้าเล็กเฟิ่งเชียนอวี่แดงทันทีร้องตะโกนในใจ : ข้าไม่ใช่! ข้าเปล่า! พูดเหลวไหล!!ขากรรไกรล่างถูกเขาบีบฉับพลันเฟิ่งเชียนอวี่ถูกบังคับให้จ้องตาเขา ตงฟางจิ่งก้มมองนาง ดวงตาที่เยือกเย็นลึกไม่อาจหยั่ง “เจ้าคือเฟิ่งหลิงหลงจริงหรือ?”หัวใจเฟิ่งเชียนอวี่สั่นสะท้านความแตกแล้วหรือ?เป็นไปไม่ได้นี่นา! ตงฟางจิ่งไม่เคยพบนางกับเฟิ่งหลิงหลงจึงจะถูก!เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มตอบ มุมปากชาเล็กน้อย “แน่ แน่นอนสิ! เหตุใดท่านอ๋องจึงสงสัยเรื่องนี้?”ความถากถางที่มุมปากของตงฟางจิ่งยิ่งเข้มข้นแล้วเรื่องแต่งงานแทนของตระกูลเฟิ่ง ที่จริงสายลับของเขามารายงานนานแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้ถือสามากนักผู้หญิงที่แต่งเข้ามา แซ่อะไร ชื่ออะไร ลูกสาวบ้านไหน เขาไม่ได้ใส่ใจเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งเชียนอวี่ที่แต่งงานแทนคนนี้ จะเป็นผู้หญิงที่เจอใต้หน้าผาในวันนั้น…ซิ้ดเบาๆ ทีหนึ่ง มือที่บีบขากรรไกรล่างของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลูบไล้เพียงแต่มือเย็นเล็กน้อย ไร้ความอบอุ่น“ข้าแค่ได้ยินมาว่าเฟิ่งหลิงหลง คุณหนูรองจวนอัครเสนาบดีเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมใน

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 4

    หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างต่อเนื่องของเขาเผยออกมาทั้งแผ่นตงฟางจิ่งหลับตา กัดฟันตำหนิด้วยความโกรธอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “เจ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้เจ้าได้สวย[1]แน่!”เชอะ นางจะกลัวหรือ?“สวย? ตอนนี้ข้าก็สวยดีนะ”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคาง กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา มือหยกยังคงลูบไล้อยู่บนหน้าอกของเขาเหมือนเอาคืนเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขายิ่งแข็ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เหตุใดท่านอ๋องคนนี้ถึงหยอกเล่นหน่อยก็ไม่ได้เลย?แต่ว่านางไม่ได้มีเจตนาหยอกเขาเล่น หลังจากเจตนายิ้มในดวงตาลดลงไม่น้อย เฟิ่งเชียนอวี่ก็หยิบเข็มฝังเข็มที่เอามาจากห้องทดลองเมื่อครู่มาสายตาจับจ้องเส้นชีพจรหลักหลายจุดบนหน้าอกของเขา พลันพลิกฝ่ามือ ก็แทงลงไปอย่างชำนาญ!ร่างกายตงฟางจิ่งสั่นเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดคิ้วย่นเป็นภูเขาแม่น้ำโดยไม่รู้ตัว“เจ้า…กำลังทำอะไร!”“ช่วยชีวิตท่าน” ดวงตาหงส์เฟิ่งเชียนอวี่กลับสู่ความสุขุม สีหน้าสยบ หยิบเข็มฝังเข็มขึ้นก็แทงลงไปบนหน้าผากตงฟางจิ่งมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวโผล่ออกมาแล้วช่วยชีวิต? เขาจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร!“เจ้า หากกล้าทำอะไรไม่ดีกับข้า ข้ารับรองว่า…ทั

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 5

    “สภาพนี้ของหลิงหลง เกรงว่าจะทำให้ฮองเฮาตกใจ” เฟิ่งเชียนอวี่แสร้งกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสังเวช “หรือไม่รอหลิงหลงเป็นผื่นหายแล้ว ค่อยไปขอขมาฮองเฮา?” “ไม่จำเป็นแล้ว”ตงฟางจิ่งหรี่ตายิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มจางๆ กลับทำให้เฟิ่งเชียนอวี่แอบตกใจ“คิดว่าเสด็จแม่ก็คงไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้มากนัก ถ้าหากพระชายากังวลจริงๆ…”ดวงตาที่เยือกเย็นของตงฟางจิ่งขยับเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็คว้ามือของเฟิ่งเชียนอวี่!เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งร้อง ‘อ๊ะ’ ผ้าไหมที่อยู่ในแขนเสื้อก็ถูกเขาแย่งไปแล้ว ครู่ต่อมา คลุมบนใบหน้านาง!เขามองตรงไปที่นาง กลิ่นอายที่ไม่อนุญาตให้แสดงความคิดเห็นสายหนึ่งแผ่ออกมาในเวลานี้ “ถ้าหากพระชายาถือสา สามารถใช้ผ้าไหมปิดผื่นแดงไว้ พระชายาคิดว่าเป็นอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่ถูกเขาถามจนหนังตากระตุก คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องขี้โรคคนนี้จะมีแรงมากเช่นนี้ ถึงกับทำให้นางไม่กล้าโต้แย้งอีก!นางแอบร้องทุกข์ระทมในใจ กลับทำได้เพียงสวมผ้าไหมแต่โดยดี “แค่ก…ท่านอ๋อง ฉลาดหลักแหลม”ระหว่างทางเข้าวัง เฟิ่งเชียนอวี่กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นที่เป็นลูกอนุภรรยาจวนอัครเสนาบดี ฮองเฮาย่อมไม่เคยพบนาง แ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 6

    “เจ้าหลอกข้า?”สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ไม่อาจคาดเดาได้ หน้าเขียวหน้าแดง เมื่อนึกถึงท่าทางดัดจริต หลอกลวงของตนเองที่แสดงต่อหน้าเขา อันที่จริงถูกเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพลิงโทสะเพราะถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ“ว่าอะไรนะ?” ตงฟางจิ่งขมวดคิ้วนางกัดฟันกรอด “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเป็นใคร”เฮอะ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ใส่ใจ “แปลกใจมากงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เจ้าโง่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เหมือนกับเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”น่ารังเกียจ หลอกนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังด่านางอีก?เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนหัวร้อนทันที หรี่ตากัดฟัน พูดจาข่มขู่ทันที “ท่านอ๋อง ข้าขอเตือนท่านเอาไว้จะพูดจาหรือทำอะไรก็ควรจะให้มันพอประมาณ อย่าลืมเสียละ ว่าท่านมีความลับที่เป็นจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า”คนทั้งโลกต่างรู้ว่าท่านอ๋องหกเป็นคนขี้โรคที่ไร้ซึ่งหนทางรักษา แต่นางรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหมอนี่เพียงแค่โดนพิษเหมันต์เท่านั้น แล้วฝีมือก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าตงฟางจิ่งผู้นี้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้มานานหลายปี ความลับที่ไม่สามารถเปิดนี้ได้ถูกนางรู้เข้าแล้ว นางสามารถใ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 7

    ทันทีที่ร่างกายของตงฟางจิ่งโงนเงน ก็ล้มลงบนที่นอนความหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านออกมา นางหนาวจนตัวสั่นระริกเฟิ่งเชียนอวี่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็พิษเหมันต์กำเริบ มิน่าล่ะถึงได้มีท่าทางเหมือนจะตายแบบนั้น ทำให้นางคิดไปเองว่าเจอผีเสื้อชั้นในของตงฟางจิ่งได้เปียกชุ่มไปหมด จนแนบเนื้อ จากสายตาของเฟิ่งเชียนอวี่มองไป จึงสามารถมองเห็นเค้าโครงแผ่นหลังที่แข็งแกร่งและเรียบเนียนได้นางตาสว่างทันที กระแอมเบา ๆ พยุงเขาขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่รู้ไม่ชี้ ฉวยโอกาสใช้มือลูบขึ้นลงแอบแต๊ะอั๋งเขาตงฟางจิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายไม่มีความรู้สึก ใบหน้าอันหล่อเหลาแข็งทื่อ กัดฟัน กล่าวอย่างลำบาก“เจ้า บังอาจ”เฟิ่งเชียนอวี่กลอกตาใส่ ไม่ใส่ใจ ตงฟางจิ่งตอนที่พิษกำเริบก็เป็นเหมือนกับเสือกระดาษ นางจะกลัวทำไม“หื่นกระหายอะไร ท่านพิษเหมันต์กำเริบ พูดจาให้น้อยที่สุด ไม่กลัวเหนื่อยตายหรือไร”หลังจากที่นางสัมผัสจนพอใจแล้ว ทันทีที่พลิกข้อมือ ยาเม็ดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ เฟิ่งเชียนอวี่ยัดเข้าไปในปากของเขาทันที ในเวลาเดียวกันก็สงสัย“พิษเหมันต์ของท่านเพิ่งจะกำเริบเมื่อวาน เหตุใ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 8

    นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการ จำเป็นต้องหนีให้พ้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายสมัยโบราณที่มีภรรยาหลายคน สวยงามโดดเด่น ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อย แต่งงานออกไปต้องให้ความสำคัญกับสามีเป็นอันดับหนึ่ง ถูกขังอยู่ในเรือน ไม่มีอิสระ นางเป็นคนยุคสมัยใหม่ จะยอมรับได้ที่ไหนกันเฟิ่งเชียนอวี่เอาแต่คิดหาทางออกในวันข้างหน้า เวลาก็ผ่านไปอีกวันแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น นางไปที่ห้องหนังสือที่เรือนด้านหน้า เพื่อหาตงฟางจิ่ง“ท่านอ๋อง กำลังทำอะไรหรือ” นางกล่าวอย่างยิ้มแย้มตงฟางจิ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน สวมชุดปักลายหม่างสีเงิน เข็มขัดหยกสีขาว แขนเสื้อปักลายต้นไผ่ บุคลิกเย็นยะเยือก ท่าทางเที่ยงตรง หน้าตาหล่อเหลา “มีเรื่องอันใด?”เฟิ่งเชียนอวี่เดินเข้ามา วางยาแอสไพรินเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะทำงาน สีหน้าจริงจัง “ครั้งก่อนยาที่ให้ท่านอ๋องไว้ ท่านอ๋องน่าจะกินหมดแล้ว ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อเอาอันใหม่มาให้”ตงฟางจิ่งหยุดชะงัก กวาดตามองยาแวบหนึ่ง ในที่สุดดวงตาที่เย็นชาก็หยุดอยู่ที่ตัวของนาง ริมฝีปากบางเผยอออก“เจ้ามีฝีมือการรักษาด้วยหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมืออย่างถ่อมตัว “นิดหน่อยน่า”ตงฟางจิ่งหร

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 9

    ตงฟางจิ่งมองดูใบสั่งยา สีหน้ากลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยเขากล่าวอย่างไม่มั่นใจ “นี่คือ ลายมือเจ้า?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง มีปัญหาอะไร?”ตงฟางจิ่งหัวเราะพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ประหลาดใจมากเท่านั้น ตัวอักษรนี่ ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ”น่าเกลียดเป็นพิเศษตัวหนังสืออัปลักษณ์เช่นนี้ เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ในเวลาเดียวกันในก็ยิ่งมีความสงสัยเฟิ่งเชียนอวี่นับว่าเป็นลูกอนุภรรยา แต่ก็เกิดในจวนอัครเสนาบดี แม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ควรจะเขียนหนังสือเช่นนี้ไม่มีเค้าโครงใด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของตัวอักษร แม้แต่เด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษา ก็เขียนได้สวยกว่าเฟิ่งเชียนอวี่เฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงันไป จากนั้นก็มีเสียงดังตูม หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยนางเป็นคนยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง เขียนพู่กันของคนโบราณเป็นที่ไหนกัน มองเห็นชัดก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง จะมาจับผิดว่าตัวหนังสือสวยหรือไม่สวยทำไม?ตงฟางจิ่งสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีสมุนไพรติดเรือนอยู่เสมอ ยังมีห้องยาหนึ่งห้องเป็นการเ

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 10

    เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อย นางไม่เชื่อว่า ไอ้ผู้ชายชาติชั่วนั่นจะไม่มาขอร้องตนอีกสองสามวันข้างหน้า เฟิ่งเชียนอวี่เข้าสู่โหมดสงครามเย็นเพียงฝ่ายเดียว แต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าคนที่รู้สึกทรมานก็คือนาง เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวแล้วหลายวันมานี้ เฟิ่งเชียนอวี่ทำได้เพียงอยู่ในเรือนของจวนอ๋องทุกวัน ไม่สามารถแม้แต่ออกจากเรือน ชีวิตแบบนี้เรียกได้ว่าทนผ่านไปไม่ได้ดังนั้น นางจึงเป็นฝ่ายมาหาตงฟางจิ่งอีกครั้ง“มีธุระอันใดอีก?”ภายในห้องหนังสือ ตงฟางจิ่งยังคงอ่านหนังสือจิบชาอย่างผ่อนคลาย สุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันเป็นเฟิ่งเชียนอวี่ที่ฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ราวกับว่าคนที่ถูกพิษเหมันต์คือนางเฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ที่ท่านไม่ยอมเขียนหนังสือหย่า คงจะไม่ใช่เพราะว่าชอบข้าเข้าแล้วหรอกกระมัง”ตงฟางจิ่งหยุดชะงักทันที ไม่เหลือบมองแม้แต่หางตา กล่าวช้า ๆ “ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน หนังหน้าของพระชายาหนาขึ้นมากกว่าเดิมนะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยาะหยันถ้าอย่างนั้นนายก็เขียนสิ!เฟิ่งเชียนอว

Latest chapter

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 212

    “ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 211

    “รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 210

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 209

    ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 208

    “พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 207

    บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 206

    “...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 205

    “เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 204

    “เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status