เถาเอ๋อร์คนนี้นับว่างามมาก แต่บัดนี้นักการหวงกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม“ไสหัวไปที่ด้านข้าง!”“ท่านนักการอย่าหงุดหงิดไปเลย เถาเอ๋อร์มีความคิดอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาตายอยู่ภายในถ้ำทั้งหมดเลยได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านนักการจะยินดีฟังหรือไม่”นักการหวงสนใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูด”“ท่านนักการเอียงหูมาเถอะ ข้าจะบอกท่าน” ดวงตาเถาเอ๋อร์ทอประกายวาววับ นางยังไม่ลืมว่าบิดามารดาตายเยี่ยงไรลูกเห็บบนท้องฟ้ายังไม่หยุด แม้ว่าน้อยกว่าช่วงกลางวันมาก ไม่ถึงกับหล่นใส่คนตายได้ แต่ตกใส่ตัวก็ยังเจ็บอยู่เพื่อป้องกันลูกเห็บตกหนักระหว่างเดินทาง ไม่มีที่ให้พักผ่อน กอปรกับซุนอู่เองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเร่งเดินทางได้สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจพักผ่อนภายในถ้ำหนึ่งคืนช่วงกลางคืน ทุกคนล้วนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ลืมตา รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างดังคาด เพียงครู่เดียวซูจิ่งสิงที่ออกไปลาดตระเวนก็กลับมา สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าเดาได้ไม่ผิด นักการหวงลงมือดังคาด”พูดจบ จูงมือกู้หว่านเยว่ พานางออกจากถ้ำเงียบๆ มาที่ถนนสายเล็กภายนอกหิมะยามราตรีเงียบสงบ แสงจันทร์ดุจสายน้ำกู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเย็น เพียงแวบเดียวก็มองเห็
พูดถึงหลู่ซื่อ นับตั้งแต่เขาลอบช่วยลั่วยาง ก็เริ่มไม่ใส่ใจทำงานให้มู่หรงอวี้แล้วซูจิ่งสิงรู้ภาพรวมว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว “ได้ยินว่าลั่วยางสูญเสียความทรงจำ”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด แต่คิดได้อย่างว่องไว ลั่วยางคนคลั่งรักนี้สมองน่าจะถูกกระตุ้นหนักเกินไปจนสูญเสียความทรงจำ“เพราะเหตุนี้จึงปล่อยให้คนขโมยระเบิดได้ ลั่วยางสูญเสียความทรงจำ หลู่ซื่อมองเห็นความหวังแล้ว ย่อมมอบกายใจเข้าไปอยู่ข้างกายนาง ไม่สนใจการงานอีก”ด้านซุบซิบนินทาของภรรยาตัวน้อยนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ซูจิ่งสิงถูกนางชักนำให้พูดเหน็บแนมไปด้วยกัน“หลู่ซื่อใช้เงินทั้งหมดที่มีเช่าเรือนเล็กหนึ่งหลัง ไม่เพียงให้คนพักอาศัยอยู่ภายใน ยังซื้อสาวใช้สองคนเพื่อดูแลปรนนิบัตินางกินดื่ม กระนั้นก็ยังมิได้รับสีหน้าที่ดีจากลั่วยางแม้แต่น้อย”“หา? หลู่ซื่อคนนี้เป็นพวกประจบเอาใจกระนั้นรึ?”“อืม ก็คือพวกคุกเข่าเลียแข้งเลียขาได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี”“เช่นนั้นเขาก็เป็นพวกประจบเอาใจคนหนึ่งจริง”สองสามีภรรยาซุบซิบนินทาต่อหน้านักการหวง กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ามู่หรงอวี้สมเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เหมืองน้ำมันก๊าดถูกนางเก็บไว
“เถาเอ๋อร์?”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริดนั้น ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วทีหนึ่งกู้หว่านเยว่เองก็รู้จักอีกฝ่าย ทันใดนั้นแปลกใจอยู่บ้างแววตาเถาเอ๋อร์มืดมน กัดกลีบปาก คิดไม่ถึงศัตรูทั้งสองวาสนาดีเพียงนี้ ถึงขั้นยังไม่ถูกระเบิดตายดูท่าแล้ว การแก้แค้นให้ ‘บิดามารดา’ ไม่สำเร็จอีกแล้วทางฝั่งนั้นจางเอ้อร์ร้องตะโกน“นักการหวงถูกพวกเราจับไว้แล้ว พวกเจ้าทุกคนห้ามขยับเขยื้อน หากใครขวัญกล้าหนีหรือต่อต้าน อย่าโทษข้าไม่มีเมตตาเลย!”เพียงได้ยินว่านักการหวงถูกจับ พวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่านั้นล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แล้วจางเอ้อร์วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ “นับจำนวนคนแล้ว ไม่ขาดใครไป”“ดี พวกเรากลับเถอะ”กู้หว่านเยว่ตรวจสอบรอบกายอีกหนึ่งรอบ หลังมั่นใจว่าไม่มีระเบิดหลงเหลืออยู่แล้ว นี่ถึงเตรียมตัวกลับไปหญิงอ้วนคนเมื่อครู่ยักย้ายส่ายก้นไล่ตามมา เข้าไปจับซูจิ่งสิงไว้อย่างหลงใหล“คุณชาย ท่านหล่อเหลาเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเบี่ยงตัวหลบไปที่ฝั่งหนึ่ง บุรุษชุดขาวภายใต้แสงจันทร์หล่อเหลายิ่งกว่าเซียนถูกไล่ลงจากสวรรค์“ไสหัวไป”อาจเพราะหญิงอ้วนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยังยิ
กู้หว่านเยว่มองเชือกที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่างปวดหัว ย้อนคิดถึงท่าทางอ่อนแอบอบบางของเถาเอ๋อร์ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่านางยังมีความสามารถนี้อยู่ยิ่งไปกว่านั้นซุนอู่ให้พวกเขาดื่มหร่วนจินซ่านไปแล้ว นางยังสามารถหนีออกไปได้!เถาเอ๋อร์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ...“แม่นางกู้ เถาเอ๋อร์คนนั้นยังทิ้งกระดาษไว้หนึ่งแผ่น แต่ข้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ”ซุนอู่พูดออกมาอย่างสงสัย กู้หว่านเยว่รีบรับกระดาษมา อ่านจบกลับเลิกคิ้วขึ้นมองเห็นบนกระดาษแผ่นนั้น ถึงขั้นเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘SB’ซุนอู่ไม่รู้ว่านี่มีความหมายว่ากระไร กู้หว่านเยว่กลับรู้ว่านี่คือภาษาอังกฤษหมายความว่าโง่Xเถาเอ๋อร์คนนี้ถึงขั้นเป็นผู้ข้ามภพคนหนึ่ง นางข้ามพบมาตั้งแต่ยามใดเล่า? รู้เรื่องที่บิดามารดาทำ ยังด่าพวกเขาโง่X?กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชมชอบเถาเอ๋อร์คนนี้ที่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ กระนั้นนี่ก็อธิบายไม่ยากแล้ว เหตุใดเถาเอ๋อร์สามารถหนีไปได้ข้ามภพนี่นา ย่อมมีทักษะอยู่ในมือ“จะให้ข้าเหล่าซุนไปจับนางกลับมาหรือไม่?”“ไม่ต้อง”รอยเท้าบนพื้นหิมะหายไปแล้วหุบเขาใหญ่เพียงนี้ ไล่ตามไปตอนนี้ก็คือแมลงวันไร้หัว เสียเวลาเดินทางกอปรกับกู้หว่านเยว
เมี่ยชิงหว่านพูดอย่างขบขัน “นางอยากให้เจ้าเป็นสามีรองนะ”“ข้าไม่เอา” ซูจื่อชิงโมโหเมี่ยชิงหว่านเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าจะเป็นสามีให้ใครกันเล่า?”“ข้า” ซูจื่อชิงลอบมองเมี่ยชิงหว่านแวบหนึ่ง พูดงึมงำ “อย่างไรเสียข้าก็ไม่ชอบนาง ข้าชอบหญิงอ่อนโยน”“อ้อ” อ่อนโยนหรือ คล้ายไม่ใกล้เคียงกับตนเองดูท่าแล้ว ครั้งก่อนซูจิ่นเอ๋อร์พูดว่าเจ้าทึ่มคนนี้ชอบตนเอง เป็นนางพูดส่งเดชดังคาดเมี่ยชิงหว่านสะบัดมือจากไปแล้ว“นี่ พวกท่านสองคนเป็นอะไรไปอีก...” ซูจิ่นเอ๋อร์เอือมระอา ระหว่างการเดินทางไม่รู้ได้เห็นพี่รองทำให้พี่หญิงชิงหว่านโมโหกี่ครั้งแล้วหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พี่สะใภ้รองของนางต้องหายไปเป็นแน่!ก็ไม่รู้ว่ากำลังระบายความแค้นของสวีหลานลงบนตัวนางหรือไม่ ระหว่างเดินทางหลี่เฉินอันโยนงานเบ็ดเตล็ดหลากหลายอย่างให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นทำ ยังสั่งให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นไปขุดหิมะเก็บเห็ดอีกด้วยหลี่อวิ๋นอวิ๋นย่อมไม่ทำ โยนตะกร้าลงพื้นโดยตรง“แม่ข้าล้วนไม่ให้ข้าทำงาน เจ้านับเป็นตัวอะไร?”“ข้านับเป็นตัวอะไร ฮึๆ?” มองพี่หญิงโง่งมคนนี้ เพลิงโทสะก่อตัวขึ้นภายในใจหลี่เฉินอัน พูดประชดประชันหนึ่งประโยค “เจ้าเป็นคุณหนูสูงศ
นักการหวงแทบกระอักโลหิตตาย “ไม่ใช่ๆ ข้าพูดผิดไปแล้ว ข้าไม่เกี่ยวอันใดกับเจียงเต๋อจื้อ...”“ข้าเชื่อเจ้ากับผีสิ เจ้าพูดว่าเกี่ยวก็เกี่ยว เจ้าพูดว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวกระนั้นรึ? ตีก่อนค่อยว่ากัน!”ซูจื่อชิงระบายโทสะใส่เขาพักหนึ่ง ตีเขาจนหน้ากลายเป็นหัวหมูซุนอู่เองก็ไม่ห้าม ชนิดที่ว่าลอบมอบแผ่นรองเท้าให้อีกด้วย“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงอยากให้เขาเลิกทำเช่นนี้ กลับถูกกู้หว่านเยว่ห้ามไว้แล้ว “ปล่อยเขาไปเถอะ เด็กคนนี้ลำบากมาตลอดทาง ให้เขาระบายอารมณ์สักหน่อยก็ดี”“...ได้” ต้องฟังคำพูดของภรรยา“ท่านมาดูว่านี่คืออะไร”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็หยิบรายงานหนึ่งแผ่นออกมา ซูจิ่งสิงรับไปพบว่าไม่ต่างจากหนังสือรับรองพิสูจน์สายเลือดครั้งก่อนมากนักเพียงแต่ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนกัน“ยืนยันว่าหนานหยางอ๋องเป็นบิดาทางชีววิทยาของเมี่ยชิงหว่าน”“ก็หมายความว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน!”กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ แม้รู้เรื่องส่วนใหญ่ของพวกเขาสองพ่อลูกตั้งแต่แรก แต่มีรายงานอันเป็น ‘หลักฐานเหล็กดุจขุนเขา’ ที่แท้จริงนี้แล้ว“เจ้าวางแผนช่วยเมี่ยชิงหว่านและหนานหยางอ๋องนับญาติกัน?”ภรรยาตัวน้อยมิใช่คนเข้าไปยุ่งให้มากเรื่อง นี
ที่แท้หลังกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจากไป หวังปี้ก็เห็นฟู่ชิงคนนั้นแล้วขัดตา มักคิดว่านางไม่คล้ายคุณหนูสายตรงของจวนหนานหยางอ๋องทั้งยังเพราะหนานหยางอ๋องให้ความสำคัญต่อนางมาก ได้รับกลับมาหลังสูญเสียไปจึงเอ็นดูฝังถึงกระดูก หวังปี้กลัวความรักของท่านอ๋องตนสูญเปล่า เพราะเหตุนี้จึงตรวจสอบฟู่ชิง“ฟู่ชิงคนนั้นอาจสังเกตเห็นว่าข้าสงสัยในตัวนาง วันก่อนถึงขั้นนัดพบข้าภายในห้อง พูดว่าต้องการสารภาพกับข้าต้องโทษข้าโง่งม เชื่อนางไปเสียได้ปรากฏว่าเข้าไปดื่มสุราหนึ่งจอกก็หมดสติไป ฟื้นขึ้นมาก็มองเห็นนางกำลังปรักปรำข้าเมาสุราต้องการข่มเหงนาง...”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง เรื่องต่อจากนี้นางสามารถหยั่งเดาได้แล้วฟู่ชิงร้องไห้ หวังปี้แก้ต่าง หนานหยางอ๋องโมโหจึงไล่เขาออกมาหวังปี้พูดอย่างโศกเศร้า “ข้าไม่โทษท่านอ๋อง ท่านอ๋องเองก็รักลูกสาวอย่างลึกซึ้ง นี่ถึงถูกหลอกได้ข้าโทษเพียงหญิงชั่วคนนั้น นางไม่เลือกวิธีการ อยู่ข้างกายท่านอ๋องก็ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไร”พูดถึงตรงนี้ หวังปี้คุกเข่าต่อหน้ากู้หว่านเยว่อย่างกะทันหัน“ข้ารู้พวกท่านสองสามีภรรยามีความสามารถ พวกท่านเองก็สงสัยฟู่ชิงมิใช่ลูกสาวแ
“ท่านกินอะไรเข้าไปกัน? เหตุใดสมองถึงได้ดีเช่นนี้เจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ดูปั้นปึ้งทว่าไร้เดียงสา ซูจิ่งสิงจึงแตะหัวของนางเบาๆ ด้วยสีหน้ามีเสน่ห์“แน่นอนว่าต้องกินอาหารที่เจ้าทำให้ ตั้งแต่ที่กินอาหารของภรรยา สมองของข้าก็ปราดเปรื่องมากยิ่งขึ้น”“โอ้ ปากหวานนัก! อย่ามาแตะหัวข้านะ!”เมื่อได้ยินคำเตือนจากซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกแล้วจริงๆ ว่านางควรคิดหาวิธีเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของฟู่ฉิงให้เร็วที่สุด“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป หนานหยางอ๋องจะมาหาเจ้าเอง”ทั้งกลุ่มทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางต่อหวังปี้อยากเห็นฟู่ฉิงถูกเปิดโปง จึงติดตามกู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ ต่อไปเดินทางกันจนฟ้ามืด หลายคนก็เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกล จึงวางแผนจะเข้าไปพักผ่อนซุนอู่ขึ้นไปเคาะประตู หลังจากเคาะอยู่สองครั้ง ประตูด้านในก็เปิดออกทว่าไม่คิดว่าจะได้เจอหนานหยางอ๋องที่นี่ อีกฝ่ายมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว พักค้างคืนอยู่ที่นี่มาตลอด“หนานหยางอ๋องขี่ม้า ย่อมเร็วกว่าพวกเราที่ใช้เท้าเดิน” ซูจิ่งสงอธิบายอยู่ข้างๆ กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินเข้าไปทักทายคนของหนานหยางอ๋องไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่