“ท่านกินอะไรเข้าไปกัน? เหตุใดสมองถึงได้ดีเช่นนี้เจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ดูปั้นปึ้งทว่าไร้เดียงสา ซูจิ่งสิงจึงแตะหัวของนางเบาๆ ด้วยสีหน้ามีเสน่ห์“แน่นอนว่าต้องกินอาหารที่เจ้าทำให้ ตั้งแต่ที่กินอาหารของภรรยา สมองของข้าก็ปราดเปรื่องมากยิ่งขึ้น”“โอ้ ปากหวานนัก! อย่ามาแตะหัวข้านะ!”เมื่อได้ยินคำเตือนจากซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกแล้วจริงๆ ว่านางควรคิดหาวิธีเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของฟู่ฉิงให้เร็วที่สุด“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป หนานหยางอ๋องจะมาหาเจ้าเอง”ทั้งกลุ่มทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางต่อหวังปี้อยากเห็นฟู่ฉิงถูกเปิดโปง จึงติดตามกู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ ต่อไปเดินทางกันจนฟ้ามืด หลายคนก็เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกล จึงวางแผนจะเข้าไปพักผ่อนซุนอู่ขึ้นไปเคาะประตู หลังจากเคาะอยู่สองครั้ง ประตูด้านในก็เปิดออกทว่าไม่คิดว่าจะได้เจอหนานหยางอ๋องที่นี่ อีกฝ่ายมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว พักค้างคืนอยู่ที่นี่มาตลอด“หนานหยางอ๋องขี่ม้า ย่อมเร็วกว่าพวกเราที่ใช้เท้าเดิน” ซูจิ่งสงอธิบายอยู่ข้างๆ กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินเข้าไปทักทายคนของหนานหยางอ๋องไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่
เมื่อตัวตนของฟู่ฉิงถูกเปิดเผย อีกฝ่ายย่อมปรากฏตัวออกมาแน่นอน“ช่างเขาไปเถอะ ไปกินข้าวเย็นแล้วพักผ่อนกัน”กู้หว่านเยว่บอกให้ซูจิ่นเอ๋อร์จุดไฟ วางแผนจะทำอาหารเอง ทว่าในขณะที่พวกนางเริ่มทำอาหาร ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทันทีเป็นหญิงชราที่นำถังน้ำมา “พวกเราในหมู่บ้านล้วนแต่ดื่มน้ำสะอาดจากบ่อ กลัวว่ากลางคืนพวกเจ้าจะหากันไม่เจอ จึงนำถังมาให้ท่าน” หญิงชรากล่าว“ว้าว! ขอบคุณเจ้าค่ะ!” ซูจิ่นเอ๋อร์รับมันมาอย่างไม่ระแวงสิ่งใดหญิงชราดูท่าจะชอบพฤติกรรมของซูจิ่นเอ๋อร์มาก เมื่อหันหลังกลับก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม“ไม่คิดว่าเหล่าชาวบ้านจะกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ให้ที่อยู่อาศัย แต่ยังส่งน้ำให้พวกเราด้วย ช่างมีน้ำใจจริงๆ”ขณะที่ชื่นชม ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยกถังน้ำเข้ามา กำลังจะเทลงในหม้อกู้หว่านเยว่ตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน”“มีอะไรหรือเจ้าคะ? พี่สะใภ้ใหญ่”นางเดินออกไป ยื่นนิ้ไวไปจุ่มน้ำเล็กน้อย แล้วเอามาวางไว้ใต้จมูก ดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า“น้ำนี้มียา ดื่มไม่ได้”ดูเหมือนว่านางและซูจิ่งสิงจะเดาถูก“มียา ยาอะไรหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ถามอย่างประหม่า รีบวางถังน้ำลงทันที ราวกับว่าถือเผือก
ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านหยิบห่อผงยาออกมาแล้วเขย่าอย่างภาคภูมิใจ “เตรียมไว้นานแล้วขอรับ”“ประเดี๋ยวข้าจะใส่ผงยาทั้งหมดลงในน้ำและอาหาร พยายามทำให้พวกมันทั้งหมดดื่มยาทั้งหมดนี่ในคืนนี้”หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวเสริมว่า“อย่าให้ผิดพลาดเป็นอันขาด”“วางใจเถอะ ไม่ผิดพลาดแน่ เหมือนเมื่อก่อนฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังหลบ จับพวกเขากลางดึก”“ตามนั้น!”หัวหน้าหมู่บ้านมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงพาลูกชายออกไปก่อนกู้หว่านเยว่ก้าวออกไป เดินตามเอ้อร์โก่ว ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเงียบๆ คิดในใจว่าจะใช้วิธีใดเอาห่อผงยาในมือของอีกฝ่ายมามองเห็นนางหลิ่วเดินมาพร้อมหน้าอกสะบึ้มสะโพกอวบอั๋นเข้ามา คว้าเอ้อร์โก่วเอาไว้ทันที“พี่ชาย~”ทั้งสองคนพูดอะไรบางอย่างใต้กันชายคา นางหลิ่วทำท่าทางแลดูอ่อนแรง เขาจึงพานางหลิวไปที่ห้องถัดไปทันทีหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงชวนหน้าแดงดังมาจากห้องกู้หว่านเยว่ถอนหายใจ มั่นใจมากว่านางหลิ่วไม่รู้จักเอ้อร์โก่วอาจจะเป็นการขายเรือนร่าง เพื่อแลกกับอาหารต่อชีวิตการปรากฏตัวของนางหลิ่วแม้จะทำให้นางประหลาดใจ แต่มันก็ช่วยให้นางทำงานง่ายขึ้นหลังจากพบว่าผงยาน
“ท่านแน่ใจหรือว่าไม่อยากหนีไปก่อน?”“หรือท่านไม่อยากรู้ว่าคนในหมู่บ้านนี้ต้องการทำอะไร?”ซุนอู่แสดงออกว่าคิดไม่ถึงเลยโดยสิ้นเชิง จิตใจสงสัยสังหารแมวได้กู้หว่านเยว่ไม่ให้โอกาสเขาพูด “ตอนนี้พวกเราเป็นเหมือนเนื้อรอป้อนเข้าปาก ต่อให้อยากหนีก็หนีไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ก็ทำตามนี้ไป หากหมู่บ้านนี้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อพวกเราจริง พวกเราก็ยังพอจะหยุดไว้ได้ทัน”หลังจากที่กู้หว่านเยว่พูดจบก็โบกมือและจากไป ซุนอู่ถอนหายใจออกมา ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นซูจิ่นเอ๋อร์และซูจิ่งสิงถือถังกลับไปที่เพิงไม้แล้วอุ่นอาหารแห้ง เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา ทุกคนก็รีบทักทายนางอย่างเป็นกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ (หว่านเยว่) เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นอะไร”หัวใจของกู้หว่านเยว่อ่อนเหลว หยิบไก่ย่างร้อนๆ และเนื้อย่างหอมกรุ่นออกมาจากอวกาศ“ข้าถือติดมือมา กินระวังหน่อย อย่าให้คนพบเข้า” “ว้าว!”ดวงตาของซูจิ่นเอ๋อร์เป็นประกาย ติดตามพี่สะใภ้ใหญ่มีเนื้อกินจริงๆ ด้วย ระหว่างที่ถูกเนรเทศนี้ พวกนางกินดีอยู่ดีเกินไปแล้วกระมัง?!หลายคนรีบเอาผ้าน้ำมันที่สะอาดแล้วเช็ดพื้น ทยอยวางอาหารแห้งลงไป กู้หว่า
“ตาแก่นั่นคือท่านอ๋องหรือ?” เอ้อร์โก่วหันมองหนานหยางอ๋องที่หมดสติ แล้วรู้สึกกลัวเดิมนึกว่าจะได้กำไร เขานึกไม่ถึงว่าต้องมาเจอกับท่านอ๋อง“ท่านพ่อ จะทำอย่างไรดี?”“ลงมือไปแล้ว ยังจะทำอย่างไรได้อีก ทำแล้วต้องให้ถึงที่สุด หากพวกเขาทั้งหมดตายอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครแพร่งพรายออกไป”แววตาผู้ใหญ่บ้านเหี้ยมเกรียม“พวกเจ้าจะฆ่าคนหรือ?”ฟู่ชิงถึงกับเข่าอ่อน นางแค่อยากมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ยังไม่อยากตาย จึงคว้าขากางเกงของเอ้อร์โก่วแล้ววิงวอน“เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะจ่ายเงินให้พวกเจ้าอย่างงาม ข้าเป็นท่านหญิง พวกเจ้าต้องการเท่าใดข้าก็ให้ได้ทั้งนั้น” “ปล่อยเจ้าไป เจ้าก็ต้องไปส่งข่าวให้คนมาช่วย เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ?”เอ้อร์โก่วถีบฟู่ชิงทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาเดินตรงไปในสวนแล้วเปิดฝาบ่อน้ำ ด้านในมืดสนิท มีเส้นทางเดินลงไปด้านล่าง“จับพวกมันไปขังไว้ในนี้ให้หมด”ผู้ใหญ่บ้านสั่งการ พวกชาวบ้านช่วยกันแบกหามแล้วทยอยพาคนลงไปด้านล่างเมื่อฟู่ชิงเห็นห้องใต้ดินที่มืดสนิท หนำซ้ำบนพื้นยังมีโครงกระดูกและหนูตาย จึงตกใจจนกรีดร้อง“ว๊าย ว๊าย ว๊าย พวกเจ้าปล่อยข้านะ ขอเพียงพวกเจ้ายอมปล่อยข้า ให้ข้าทำอะไรก็ยอม
“ชู่ว์ เบาเสียงหน่อย”กู้หว่านเยว่หยิบหน้ากากกรองก๊าซสองสามอันออกจากมิติวิเศษ ส่งให้พวกเขา“พวกท่านรีบใส่หน้ากากเร็วเข้า ในอากาศน่าจะมีก๊าซพิษ ระวังโดนพิษ”ส่วนลึกของทางใต้ดินสายนี้คือคุกแห่งหนึ่ง ด้านหลังคุกมีทางใต้ดินลึกยิ่งกว่าสายหนึ่ง หากกู้หว่านเยว่เดาไม่ผิด ภายในนี้ก็คือถ้ำสมบัติที่ด้านหน้าพวกเขาน่าจะมีคนตายมาก่อนหนึ่งกลุ่ม กินดื่มขับถ่ายล้วนอยู่ภายในคุกแห่งนี้ กลิ่นที่นี่จึงเหม็นมาก ไม่มีที่ให้พักผ่อนตั้งแต่แรก“แม่นางกู้ ตอนนี้พวกเราจะทำเยี่ยงไร?”ซุนอู่พูดไป ก็มองเห็นกู้หว่านเยว่หยิบหร่วนจินซ่านห่อใหญ่ออกมา“นี่คือหร่วนจินซ่าน อีกเดี๋ยวพวกท่านรออยู่ที่นี่ เห็นพวกเขามาแล้วก็ใช้ยาทำให้พวกเขาหมดสติไปโดยตรง”พูดไป ยังหยิบมีดพับสวิสออกมาสองสามเล่ม ส่งให้พวกซุนอู่ไว้ป้องกันตัว ดาบใหญ่ของพวกเขาล้วนถูกหัวหน้าหมู่บ้านเก็บไปแล้ว“ข้าเข้าไปดูทางใต้ดินก่อน”กู้หว่านเยว่จูงมือซูจิ่งสิง พวกเขาลงแรงมากเพียงนี้ขุดถ้ำสมบัติ ตกลงคือสิ่งใดกันแน่รอจนกระทั่งเดินเข้าส่วนลึกของทางใต้ดินแล้ว ใช้ระบบเปิดทางเข้าถ้ำสมบัติโดยตรง มองเห็นสมบัติเนืองแน่นที่ภายใน นางถึงรู้ว่าอะไรคือความบ้าคลั่ง
“พวกเจ้าสองคนออกมาเสียที”ซุนอู่บีบจมูกเดินเข้ามา ช่วยดึงพวกเขาทั้งสองออกจากทางใต้ดิน“ข้าทรมานชาวบ้านเหล่านี้อย่างหนักสอบสวนแล้วหนึ่งรอบ หัวหน้าหมู่บ้านคนนั้นปากแข็งไม่ยอมพูด เจ้ารองกลับจัดการได้อย่างเรียบร้อยหมดจดเจ้าเดาดูเถอะว่าเป็นเช่นไร คนเหล่านี้ถึงขั้นมิใช่คนในหมู่บ้านแห่งนี้”ที่แท้คนเหล่านี้ก็คือโจรบนภูเขา บังเอิญรู้ว่าใต้หมู่บ้านแห่งนี้ฝัง ‘ถ้ำสมบัติ’ เอาไว้ นี่จึงจับชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งหมดไว้แล้วฆ่าเด็กและผู้หญิง ผู้ชายเก็บไว้ขุดถ้ำยังแสร้งเป็นคนในหมู่บ้าน หลอกคาราวานพ่อค้าคนผ่านทางมาขุดถ้ำก่อนหน้าพวกเขา มีผู้ถูกทำร้ายห้าถึงหกกลุ่มแล้วกู้หว่านเยว่เองก็คิดไม่ถึง ‘ชาวบ้าน’ สิบกว่าคนนี้ถึงขั้นเป็นโจรกระนั้นนี่ก็เพียงพอให้อธิบายเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถทำเรื่องโหดร้ายเพียงนี้ได้“ในเมื่อเดิมทีพวกเขาก็เป็นโจรเคยก่อคดีมาก่อน เรื่องนี้ก็มอบให้ทางการจัดการเถอะ”ด้านล่างมีศพมากเพียงนั้น ต้องมีคำชี้แจงอย่างหนึ่ง“ข้าให้จางเอ้อร์ขี่ม้าเร็วไปแจ้งจวนผู้ว่าการอำเภอที่ใกล้ที่สุดแล้ว อีกราวครึ่งวันก็น่าจะมาถึง”ซุนอู่พูดไป ก็สั่งให้คนมัด ‘ชาวบ้าน’ เหล่าน
“ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยจริง ๆ ตอนนี้ไม่อาจแก้ต่างได้ ถ้าท่านไม่เชื่อ ลูกยินดีชดใช้ด้วยความตาย!”ว่าแล้วก็พุ่งเข้ากระแทกกับมุมโต๊ะ ท้ายที่สุดแล้วหนานหยางอ๋องก็ยังรักนางมาก รีบคว้านางเอาไว้“วุ่นวายนัก! ในฐานะพ่อกว่าจะตามหาตัวเจ้ากลับมาได้ช่างยากนัก เจ้าจะมาโขกหัวตาย แล้วข้าจะมีหน้าไปพบแม่ของเจ้าในปรโลกได้อย่างไร?ช่างมัน ช่างมัน เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ”“ท่านอ๋อง!”ขุนพลหลี่ตะโกนลั่นด้วยความโมโห กู้หว่านเยว่ที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านหนึ่งก็พูดขึ้นโดยพลัน“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่านางเป็นบุตรสาวของท่านจริงหรือ?”หนานหยางอ๋องถึงได้สังเกตเห็นพวกเขาและชะงักงันไปในทันที“แม่นางน้อยกู้ นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”กู้หว่านเยว่แย้มยิ้มกล่าวว่า “แน่ใจว่าท่านอ๋องคงเคยสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน ว่าคุณหนูรองนั้นเป็นบุตรสาวตัวจริงของท่านหรือไม่? เพราะถึงอย่างไรแล้ว นิสัยใจคอของนางนั้นไม่เหมือนกับท่าน กับพระชายาองค์ก่อนก็ไม่เหมือนเช่นกัน”“ไม่เหมือนแล้วจะเป็นไรไปเล่า? บนมือของข้ามีปานนะ!”ฟู่ชิงรีบลุกขึ้นมา พลางตะโกนลั่นใส่กู้หว่านเยว่ด้วยความร้อนรน“ปานหรือ คราวก่อนข้าเคยบอกไปแล้ว ปานสามารถทำปลอมขึ้นม
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า รอบกายมืดมิดลมแรง บนพื้นเองก็มองได้ไม่ชัดเจนกู้หว่านเยว่มองเข้าไปในมิติแวบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว“หนานหยางอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป เหล่าทหารเร่งเดินทางย่อมไม่สะดวกเจ้าค่ะ”เร่งเดินทางยามฟ้ามืดย่อมพลาดพลั้งได้อย่างง่ายดายในเวลานี้ ภายในป่าลึกยังมีอสรพิษมากมายนัก“มิสู้พวกเราหาที่แห่งหนึ่ง พักผ่อนสักสองชั่วยามเถอะ”รอพักผ่อนเอาแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อก็ไม่สายหนานหยางอ๋องพยักหน้าหลังกองทัพใหญ่ออกเดินทางจากแม่น้ำมู่ตานก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลยอาศัยช่วงฟ้ามืด พักผ่อนสองสามชั่วยามก็ไม่เป็นไร“ให้กองทัพใหญ่หยุด พักผ่อนอยู่กับที่ แจกจ่ายเสบียงอาหาร!”หนานหยางอ๋องออกคำสั่งกับขุนพลหลี่เหล่าหลี่ร้องตะโกนเสียงแหบ “ทหารทุกนายพักผ่อนอยู่กับที่ ดื่มน้ำ กินเสบียงอาหาร!”“ขอรับ!”ทุกคนทำตามคำสั่งของหนานหยางอ๋อง นั่งลงพักผ่อนเพื่อความสะดวก ทหารทุกคนล้วนพกอาหารแห้งและถุงน้ำแขวนไว้ข้างเอวหลังนั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็หยิบอาหารแห้งออกจากใต้วงแขน เปิดถุงน้ำ เริ่มเพิ่มพลังงานทว่าอาหารแห้งที่พวกเขากิน มิใช่อาหารแห้งแข็งๆ อีกแต่เป็นเปี๊ยะอัดแท่งที่กู้ห
เดิมทีกองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็มีคนไม่มาก ตระหนักถึงปัจจัยรอบด้าน ซูจิ่งสิงจึงให้กองทัพใหญ่อยู่ที่สมรภูมิหลักหนานหยางอ๋องและกู้หว่านเยว่นำทหารชั้นยอดไปเพียงหนึ่งพันนายทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายนี้ เป็นกองกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนกับหนานหยางอ๋องในปีนั้นกู้หว่านเยว่เปลี่ยนชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด หอกดาบไม่ทะลุให้กับพวกเขา จับคู่กับหอกยาวที่แหลมคมที่สุดขี่ม้ากำยำแข็งแรงที่สุดของสกุลกงซุนคนกลุ่มนี้เน้นการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ วางแผนทำให้เมืองเหยาไม่ทันตั้งตัวหนานหยางอ๋องหยิบแผนที่ออกมา ชี้ไปยังคูเมืองสองสามแห่งข้างบน“พระชายา เจ้าดูนี่กึ่งกลางระหว่างพวกเราและเมืองเหยา ยังมีคูเมืองสองแห่งอยู่พวกเราสามารถอ้อมเข้าภูเขาเหยา โจมตีเมืองเหยาก่อนได้จากนั้นย้อนกลับมาโจมตีคูเมืองสองด้านพร้อมท่านอ๋อง”แท้จริงแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เพื่อสกุลหลินไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาโจมตีเมืองเหยาแห่งนี้เมืองเหยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ นับเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตงเป่ยและหัวเป่ย“หากโจมตีเมืองเหยา ข้ามด่านก็คือที่ราบกว้างใหญ่ของหัวเป่ยแล้ว”หาไม่แล้วเหตุใดกองโจรพเนจรกลุ่มนั้นถึงไม่โจมตีคูเมือง แต่ลงมือกับเม
“ไม่ได้”ซูจิ่งสิงคัดค้านในทันทีทันใด เขาส่งผู้นำที่เหมาะสมไปแล้ว“เจ้าจงอยู่กับข้าที่นี่”ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ก่อนหน้านี้ไปตามหาองค์หญิงใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่หากเป็นแนวหน้าก็อาจได้รับบาดเจ็บทุกเมื่อ“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่สถานการณ์ในสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลบเข้ามิติไม่ทัน”ซูจิ่งสิงไม่หวังให้กู้หว่านเยว่ได้รับบาดเจ็บ“ไม่เป็นไร ท่านยังไม่รู้ความสามารถของข้าอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่จับมือเขาไว้อย่างจริงจัง“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารับปากกท่านตาท่านยายแล้วว่าจะพาญาติผู้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยตอนพวกเราถูกเนรเทศ พวกเขาเคยยื่นมือเข้าช่วย มอบความช่วยเหลือยามทุกข์ยากข้าไม่อยากติดค้างพวกเขาเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมากู้หว่านเยว่เป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทนหากนางติดตามไป ก็ย่อมมีความหวังในการตามหาหลินเพียวเพียวมากยิ่งขึ้นเห็นว่าซูจิ่งสิงยังคิดปฏิเสธ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษากับเขาอีกครั้ง“ญาติผู้พี่กำลังตั้งครรภ์ ต่อให้ตามหาเบาะแสของนางพบ แต่การเดินทางลำบากมาก ยากจะรับรองได้ว่านางจะไม่เป็นไรหากข้าติดตามไปด้วย หลังพบนางแล้ว ข้าก็สามารถทำให้นางหมดสติแล
กู้หว่านเยว่เข้าใจในทันใด มิน่าเล่าคนเหล่านี้ท้องร้องโครกคราก ท่าทางอิดโรย ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับสกุลหลินนี่เอง“สกุลหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น ข้ากลับไม่รู้เรื่อง ต้องขออภัยด้วย”“เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ ฉูโจวและเจดีย์หนิงกู่อยู่ห่างกันมากเพียงนี้ จะส่งจดหมายมาก็เป็นเรื่องยาก”ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เกิดเรื่องกับสกุลหลิน ยังไม่ใช่เพราะราชสำนักโง่เขลาไร้ขอบเขตอีกหรือ ต่อให้บอกกู้หว่านเยว่เรื่องนี้ ยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?“กินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าสมควรเริ่มปลอบจากที่ใด ยังดีรับคนสกุลหลินมาแล้ว“ท่านตาท่านยาย แนวหน้าอันตราย รอพวกท่านพักผ่อนสักสองวันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกท่านไปส่งที่เมืองอวี้ไปถึงเมืองอวี้ย่อมมีคนจัดแจงที่พักให้พวกท่านส่วนทางฝั่งญาติผู้พี่ รอข้าได้รับข่าวของนางแล้ว ค่อยให้คนกลับไปแจ้งพวกท่าน”กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้คนเหล่านี้ฟังนายท่านผู้เฒ่าหลินในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก “หว่านเยว่ ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า ขอเพียงไม่สร้างปัญหาให้เจ้าก็พอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าคนสกุลหลินล้วนคิดเพื่อหลานสาวอย่างนางคนนี้มาโดยตล
“ดูเจ้าสิ พูดเรื่องนี้กับหว่านเยว่เพื่ออะไร?”หลินรู่ไห่ดึงนางเก๋อไว้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่เขารู้ว่าการบอกเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่นั้นไม่มีประโยชน์เมืองเหยาอยู่ไกลจากที่นี่ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับฮ่องเต้ จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคนที่เมืองเหยา?พวกเขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่ต้องลำบากใจ“ท่านน้า ต้องขอบคุณน้าสะใภ้ที่บอกข้า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมพวกท่านไม่พูดทันทีที่เข้ามา?”กู้หว่านเยว่ยังจำหลินเพียวเพียวได้ สาวน้อยที่สงบเสงี่ยมมาก เวลาพูดขึ้นมาก็ดูคงแก่เรียนเมื่อคนสกุลหลินไปที่โรงเตี๊ยมเตียงนอนรวมเพื่อส่งเงินให้นาง หลินเพียวเพียวก็มาด้วย แล้วยังปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวล“หว่านเยว่ พวกเราไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล”ประเด็นคือพวกเขาไม่เคยคิดว่ากู้หว่านเยว่จะสามารถช่วยหลินเพียวเพียวกลับมาได้และพวกเขาก็เป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงจะรู้สึกว่าสกุลหลินของพวกเขาเป็นปัญหา ถึงตอนนั้นจะทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วยกู้หว่านเยว่จำพวกเขาได้ จึงขอให้ซูจิ่งสิงส่งคนไปรับพวกเขาที่ฉูโจว พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะเสนอเงื่อนไขอะไรได้อย่างไร?“พวกท่าน”กู้หว
“ท่านยาย พวกท่านปลอดภัยดีตลอดเส้นทางไหม?”กู้หว่านเยว่สอบถามพวกเขา แม้ว่าซูจิ่งสิงจะส่งคนไปรับพวกเขาเองก็ตามแต่เวลานี้ทั่วแคว้น ความอดอยากแห้งแล้งได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โจรร่อนเร่ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกแห่งการเดินทางมาของสกุลหลินครั้งนี้ ก็คงไม่สงบสุขนัก“ระหว่างทาง ได้พบกับโจรสลัด”เมื่อนายท่านผู้เฒ่าหลินพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ“โจรสลัดเหล่านั้นฆ่าทุกคนที่พบเจอ ไม่เว้นแม้แต่คนแก่ คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็ก น่ากลัวจริง ๆ”สกุลหลินเป็นพลเมืองดีที่ทำการค้า การเข่นฆ่าใด ๆ พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนตกใจกลัวจนเหลือทน ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่“ท่านยาย พวกท่านลำบากแย่เลย”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าโจรเร่ร่อนข้างนอกนั้นเหิมเกริมเช่นนี้“ไม่เป็นไร ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”นายท่านผู้เฒ่าหลินลูบเครา พลางโบกมือ“โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มที่ท่านอ๋องส่งไปฉลาดเฉลียว รู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็พาพวกเราหนีไปทางเรือเล็กแต่น่าเสียดายนายท่านผู้เฒ่าหลินเผยแววตาทนไม่ได้ บนเรือใหญ่ยังมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก“พวกเราหนีออกไปได้ไม่ไกลนัก ก็เห็นเรือทั้งลำ
“ข้าไม่เป็นอะไร”ลั่วยางชักมือออกอย่างไม่เป็นธรรมชาติคนผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่?เหล่าทหารทุกคนกำลังเฝ้าดู ตอนนี้ทั้งกองทัพรู้แล้วว่าเขาชอบนางนางไม่อยากกลายเป็นจุดสนใจ“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”เกาเจี้ยนถอนหายใจ มองไปทางซูจิ่งสิง ขณะที่กำลังจะโต้แย้งก็เห็นคนที่เมื่อครู่ยังหัวเราะเยาะเขาอยู่ คว้ามือของกู้หว่านเยว่ไว้โดยไม่ละอาย น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบจะคั้นเป็นน้ำออกมาได้“น้องหญิงเหนื่อยหรือยัง หิวหรือเปล่า ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”เกาเจี้ยนเบิกตากว้าง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”คนผู้นี้มีความรู้มากกว่าเขาเสียอีก!“ท่านมาที่นี่ทำไม?”กู้หว่านเยว่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้ซูจิ่งสิงแม้ว่าวันนี้จะไม่ร้อนมาก แต่ซูจิ่งสิงก็สวมชุดกราะตลอดเมื่ออยู่ในกองทัพ ถูกแดดตอนเที่ยงวันสาดส่อง จนเหงื่อแตกพลั่ก“เห็นเจ้าไม่กลับมาเสียที ก็เลยเป็นห่วงเจ้า”ซูจิ่งสิงมองเข้าไปในกระโจม กู้หว่านเยว่ก็อธิบายสถานการณ์ของกงซุนฉิงอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะพาคนกลับไปเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงสกุลกงซุน สั่งให้คนแพร่ข่าวออกไปหลี่กวงถิงถูกจับแล้ว กองทัพของเจดีย์หนิงกู่ก็ไล่ล่าโจมต
ลั่วยางก็ไม่ได้โกรธเช่นกันทักษะทางการแพทย์ของกู้หว่านเยว่นั้นเหนือกว่านางอยู่แล้ว ลู่จิงจะทำทุกวิถีทางเพื่อความปลอดภัย ไปเชิญกู้หว่านเยว่มาอีกครั้งก็เป็นเรื่องปกติ“พี่หว่านเยว่”ลั่วยางมีอายุมากกว่ากู้หว่านเยว่ แต่ในด้านทักษะทางการแพทย์ ถือได้ว่ากู้หว่านเยว่อาวุโสกว่านางประโยค “พี่หว่านเยว่” ของลั่วยาง ก็ไม่ได้เรียกผิด“คุณหนูกงซุนไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยจนล้มไปเท่านั้น”ร่างกายของนางเคยถูกทรมานมาก่อน แม้ว่าจะได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่ แต่ถึงอย่างไรก็ได้รับบาดเจ็บโชคดีที่กงซุนฉิงมีทักษะการต่อสู้ จึงปกติเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไรแต่ก็ไม่อาจทนต่อความยุ่งวุ่นวายในระดับสูงได้“ข้าฝังเข็มให้นางหนึ่งเล่ม แล้วนางก็ตื่นขึ้นมา”ลั่วยางอธิบาย“แต่ว่า นางนอนหลับ กลับช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพเดิมเสียด้วยซ้ำไป”“เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางหลับต่ออีกนิดเถอะ”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน พลางจับชีพจรของกงซุนฉิงครู่หนึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ลั่วยางพูด“ส่วนทางทหารกล้าตายแนวหน้า”กู้หว่านเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ที่กงซุนฉิงเหนื่อยจนล้มไป ก็เพราะว่าไม่กี่วันที่ผ่านมานักรบหมาป่าได้ให้ก
ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด