“ชู่ว์ เบาเสียงหน่อย”กู้หว่านเยว่หยิบหน้ากากกรองก๊าซสองสามอันออกจากมิติวิเศษ ส่งให้พวกเขา“พวกท่านรีบใส่หน้ากากเร็วเข้า ในอากาศน่าจะมีก๊าซพิษ ระวังโดนพิษ”ส่วนลึกของทางใต้ดินสายนี้คือคุกแห่งหนึ่ง ด้านหลังคุกมีทางใต้ดินลึกยิ่งกว่าสายหนึ่ง หากกู้หว่านเยว่เดาไม่ผิด ภายในนี้ก็คือถ้ำสมบัติที่ด้านหน้าพวกเขาน่าจะมีคนตายมาก่อนหนึ่งกลุ่ม กินดื่มขับถ่ายล้วนอยู่ภายในคุกแห่งนี้ กลิ่นที่นี่จึงเหม็นมาก ไม่มีที่ให้พักผ่อนตั้งแต่แรก“แม่นางกู้ ตอนนี้พวกเราจะทำเยี่ยงไร?”ซุนอู่พูดไป ก็มองเห็นกู้หว่านเยว่หยิบหร่วนจินซ่านห่อใหญ่ออกมา“นี่คือหร่วนจินซ่าน อีกเดี๋ยวพวกท่านรออยู่ที่นี่ เห็นพวกเขามาแล้วก็ใช้ยาทำให้พวกเขาหมดสติไปโดยตรง”พูดไป ยังหยิบมีดพับสวิสออกมาสองสามเล่ม ส่งให้พวกซุนอู่ไว้ป้องกันตัว ดาบใหญ่ของพวกเขาล้วนถูกหัวหน้าหมู่บ้านเก็บไปแล้ว“ข้าเข้าไปดูทางใต้ดินก่อน”กู้หว่านเยว่จูงมือซูจิ่งสิง พวกเขาลงแรงมากเพียงนี้ขุดถ้ำสมบัติ ตกลงคือสิ่งใดกันแน่รอจนกระทั่งเดินเข้าส่วนลึกของทางใต้ดินแล้ว ใช้ระบบเปิดทางเข้าถ้ำสมบัติโดยตรง มองเห็นสมบัติเนืองแน่นที่ภายใน นางถึงรู้ว่าอะไรคือความบ้าคลั่ง
“พวกเจ้าสองคนออกมาเสียที”ซุนอู่บีบจมูกเดินเข้ามา ช่วยดึงพวกเขาทั้งสองออกจากทางใต้ดิน“ข้าทรมานชาวบ้านเหล่านี้อย่างหนักสอบสวนแล้วหนึ่งรอบ หัวหน้าหมู่บ้านคนนั้นปากแข็งไม่ยอมพูด เจ้ารองกลับจัดการได้อย่างเรียบร้อยหมดจดเจ้าเดาดูเถอะว่าเป็นเช่นไร คนเหล่านี้ถึงขั้นมิใช่คนในหมู่บ้านแห่งนี้”ที่แท้คนเหล่านี้ก็คือโจรบนภูเขา บังเอิญรู้ว่าใต้หมู่บ้านแห่งนี้ฝัง ‘ถ้ำสมบัติ’ เอาไว้ นี่จึงจับชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งหมดไว้แล้วฆ่าเด็กและผู้หญิง ผู้ชายเก็บไว้ขุดถ้ำยังแสร้งเป็นคนในหมู่บ้าน หลอกคาราวานพ่อค้าคนผ่านทางมาขุดถ้ำก่อนหน้าพวกเขา มีผู้ถูกทำร้ายห้าถึงหกกลุ่มแล้วกู้หว่านเยว่เองก็คิดไม่ถึง ‘ชาวบ้าน’ สิบกว่าคนนี้ถึงขั้นเป็นโจรกระนั้นนี่ก็เพียงพอให้อธิบายเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถทำเรื่องโหดร้ายเพียงนี้ได้“ในเมื่อเดิมทีพวกเขาก็เป็นโจรเคยก่อคดีมาก่อน เรื่องนี้ก็มอบให้ทางการจัดการเถอะ”ด้านล่างมีศพมากเพียงนั้น ต้องมีคำชี้แจงอย่างหนึ่ง“ข้าให้จางเอ้อร์ขี่ม้าเร็วไปแจ้งจวนผู้ว่าการอำเภอที่ใกล้ที่สุดแล้ว อีกราวครึ่งวันก็น่าจะมาถึง”ซุนอู่พูดไป ก็สั่งให้คนมัด ‘ชาวบ้าน’ เหล่าน
“ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยจริง ๆ ตอนนี้ไม่อาจแก้ต่างได้ ถ้าท่านไม่เชื่อ ลูกยินดีชดใช้ด้วยความตาย!”ว่าแล้วก็พุ่งเข้ากระแทกกับมุมโต๊ะ ท้ายที่สุดแล้วหนานหยางอ๋องก็ยังรักนางมาก รีบคว้านางเอาไว้“วุ่นวายนัก! ในฐานะพ่อกว่าจะตามหาตัวเจ้ากลับมาได้ช่างยากนัก เจ้าจะมาโขกหัวตาย แล้วข้าจะมีหน้าไปพบแม่ของเจ้าในปรโลกได้อย่างไร?ช่างมัน ช่างมัน เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ”“ท่านอ๋อง!”ขุนพลหลี่ตะโกนลั่นด้วยความโมโห กู้หว่านเยว่ที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านหนึ่งก็พูดขึ้นโดยพลัน“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่านางเป็นบุตรสาวของท่านจริงหรือ?”หนานหยางอ๋องถึงได้สังเกตเห็นพวกเขาและชะงักงันไปในทันที“แม่นางน้อยกู้ นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”กู้หว่านเยว่แย้มยิ้มกล่าวว่า “แน่ใจว่าท่านอ๋องคงเคยสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน ว่าคุณหนูรองนั้นเป็นบุตรสาวตัวจริงของท่านหรือไม่? เพราะถึงอย่างไรแล้ว นิสัยใจคอของนางนั้นไม่เหมือนกับท่าน กับพระชายาองค์ก่อนก็ไม่เหมือนเช่นกัน”“ไม่เหมือนแล้วจะเป็นไรไปเล่า? บนมือของข้ามีปานนะ!”ฟู่ชิงรีบลุกขึ้นมา พลางตะโกนลั่นใส่กู้หว่านเยว่ด้วยความร้อนรน“ปานหรือ คราวก่อนข้าเคยบอกไปแล้ว ปานสามารถทำปลอมขึ้นม
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”ฟู่ชิงดิ้นพล่านด้วยความตกใจ ท่านแม่ทัพหลี่รีบรุดหน้าเข้าไปคว้าข้อมือของนางไว้ จากนั้นก็หยิบขนนกจุ่มยาและทาบนแขนของนางไม่นานผลลัพธ์ก็ปรากฏออกมาปานบนมือของฟู่ชิงเริ่มบวมแดงก่อนจะซีดและจางลงปานนของนางเป็นของปลอม!หนานหยางอ๋องผิดหวังอย่างมาก และรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย “เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของข้า? เจ้าเป็นใครกันแน่?”ฟู่ชิงไม่ยอมรับ ยอมรับก็เท่ากับยอมตาย นางกอดขาของหนานหยางอ๋องพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านพ่อ ข้าคือบุตรสาวของท่าน กู้หว่านเยว่ตั้งใจใช้กลอุบายมาใส่ร้ายข้า ท่านบอกว่าท่านจะพาข้าไปกราบคารวะท่านแม่ที่หนานหยาง ท่านลืมสิ้นแล้วหรือ?”“เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะพูดจาเหลวไหลอีก”เสียงของหวังปี้ดังขึ้นด้านนอก เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับ“หวังปี้เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?!” ท่านแม่ทัพหลี่ตบไหล่ของเขาด้วยความดีใจหวังปีลูบศีรษะของตัวเอง เขาดีใจที่ได้พบกับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง ไม่ยอมจากไปตามคำสั่งของพวกเขาสองคนจนได้เจอกับหลักฐานชิ้นนี้“ท่านอ๋อง นี่คือคู่มือนำทางและจดหมายที่ข้าหาเจอในห่อสัมภาระของสตรีผู้นี้ นางถูกคนจ้างวานมา ท่านรีบอ่านเถิด!”บ
ขณะที่กำลังพูดคุยนั้น เสียงกีบม้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นนอกหมู่บ้านผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยวิ่งตามจางเอ้อร์เข้ามา“โจรฆ่าคนกลุ่มนั้นอยู่ไหน?”“ใต้เท้า ตามข้ามา” ซุนอู่รีบลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินเข้าไปต้อนรับผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยตลอดเส้นทางที่มานี่ จางเอ้อร์ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าการอำเภอฟังโดยประมาณแล้วดังนั้นเมื่อเจอกับ “ชาวบ้าน” เหล่านั้น ผู้ว่าการอำเภอก็หยิบป้ายประกาศออกมาเทียบกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายก็พยักหน้า“ไม่ผิด คนกลุ่มนี้คือโจรที่มีคดีความจริง ๆ ข้าตามหาพวกเขามานานแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปลอมตัวเป็นชาวบ้านและซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ท่านนักการซุน ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของท่าน ข้าจะรายงานตามความเป็นจริง!”ซุนอู่เลิกคิ้วและคลี่ยิ้มผู้ว่าการอำเภอสอบปากคำ “ชาวบ้าน” เหล่านั้นอีกพักใหญ่ จนได้รู้ว่าใต้บ่อแห่งนี้มีถ้ำสมบัติ เขาลูบปลายคาง ก่อนจะออกคำสั่งให้คนค้นหาผู้ตรวจการลงไปค้นหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับขึ้นมา “รายงานใต้เท้า ข้างล่างมีถ้ำอยู่จริง แต่ภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย”“เป็นไปไม่ได้!”“ผู้ใหญ่บ้าน” ตรากตรำขุดหาถ้ำสมบัติมาเนิ่นนานเพราะอยากเอาชนะ
เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากเปิดโปง “คุณหนูรอง” แล้ว ก็จะให้เมี่ยชิงหว่านได้พบกับหนานหยางอ๋องเพื่อรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ใครจะไปรู้ว่าหนานหยางอ๋องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป จนถึงขั้นจากไปแล้วหวังปี้เห็นสีหน้าปวดหัวของกู้หว่านเยว่ จึงรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของท่านอ๋องยังมีปัญหาอีกหรือ?”“ไม่ใช่หรอก ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”กู้หว่านเยว่โบกมือ ตอนนี้จะตามหนานหยางอ๋องไปก็ไม่ทันแล้วและดูเหมือนว่าหนานหยางอ๋องจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากฟู่ชิง ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาเมื่อครู่นี้ หากไปรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือดตอนนี้ เกรงว่าร่างกายของเขาจะรับความรู้สึกที่ผันผวนรุนแรงไม่ไหว“อาจเป็นเพราะวาสนาของพ่อลูกยังไม่มาถึง บังคับกันไม่ได้ พวกเราไม่ต้องใส่ใจมากนัก”ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้หนานหยางอ๋องถูกฮ่องเต้จับตามองอยู่ เมี่ยชิงหว่านอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบนางด้วยเสียงเบา กู้หว่านเยว่ลองคิดดูก็มีเหตุผล จึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อนกลุ่มคนเดินทางกันต่อไปกู้หว่านเยว่ใช้ระบบตรวจสอบแผนที่ พบว่าพวกเขาใกล้จะถึงเจดีย์หนิงกู่มากขึ้นเรื
“ท่าทางตอนเจ้าแต่งชายก็ไม่เลวนะ”ซูจิ่งสิงกระตุกมุมปาก เขาสามารถพูดได้หรือไม่ว่าภรรยาของเขาเมื่อแต่งเป็นชายนั้นดูหล่อเหลาเลยทีเดียว? หากเขาเป็นผู้หญิงคงจะต้องหวั่นไหวแน่ ๆ ทั้งสองคนต่างชมเชยกันไปมา จากนั้นก็มาถึงสกุลหมิงอย่างรวดเร็วยังไม่ทันได้เข้าประตู กู้หว่านเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าสกุลหมิงเพิ่งถูกปล้น คนรับใช้ทั้งหมดกำลังเก็บข้าวของและหนีไปคนละทิศละทางทั้งภายในเรือนและนอกเรือน ถูกทุบทำลายและปล้นชิงข้าวของเมื่อเห็นแล้วกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าสกุลฮั่วจะต้องการฮุบกิจการ แต่ก็ทำเกินไปแล้วกระมัง นี่มันกะจะกวาดล้างสกุลหมิงเลยนะ!เห็นว่ามีองครักษ์ล้อมรอบเรือนหลักไว้มากมาย ซูจิ่งสิงจึงอุ้มกู้หว่านเยว่ทะยานขึ้นไปบนหลังคา และทั้งสองก็มาถึงด้านบนของเรือนพอเปิดกระเบื้องหลังคามองลงไป ก็เห็นคุณชายสกุลฮั่วกำลังบังคับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“หมิงจู ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่ใช่คุณหนูสกุลหมิงอีกต่อไป ข้าชอบเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี อย่าให้ต้องลงเอยเหมือนพ่อแม่ของเจ้าเลย”“ฮั่วหวงซาน! เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าบีบพ
“เหตุใดจึงมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว คนอื่นในครอบครัวของเจ้าล่ะ? แล้วบ่าวไพร่ของเจ้าล่ะ?”แม้ว่าสกุลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คุณหนูมาถูกข่มเหงรังแกที่นี่ โดยไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่ข้างกายเลยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงจูก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก“พ่อแม่ของข้าถูกบีบให้ตาย สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกันกับข้า...ก็ถูกไอ้สารเลวสกุลฮั่วข่มขืนแล้วฆ่า บ่าวไพร่คนอื่นก็หนีไปบ้าง กระจัดกระจายกันไป ตอนนี้จวนสกุลหมิงเหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว”“สกุลฮั่วโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ในขณะที่กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สกุลฮั่วโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ไม่เหมาะที่จะร่วมมือด้วยแต่หมิงจูคนนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายาหมิงของมู่หรงอวี้ แต่ถ้าตนเองจะฉกตัวนางไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ได้?แต่การคิดเรื่องพวกนี้มันยังอีกไกล ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรีบออกจากสกุลหมิง พราะแม้แต่ตัวหมิงจูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด“แล้วตอนนี้เจ้ามีที่ให้ไปหรือไม่?”“มี สกุลโม่ของท่านปู่ข้าอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหยียนสุ่ย ขอแค่กลับไปถึงจวนท่านตาได้ ข้าก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่า ร่างของท่านพ่อท่านแม
“เหตุใดถึงมีคราบเลือดเช่นนั้น?”“ยังคงเป็นของโจวเซ่อผู้นั้น” กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าประตูจวนในวันนี้ให้ซูจิ่งสิงฟังอย่างละเอียด“ท่านไม่ได้เห็นท่าทางร้องไห้ฟูมฟายของโจวเซ่อ ตอนนั้นเขาดูไม่เหมือนกับบุรุษเลยสักนิด แล้วพี่หญิงซ่งก็ดันหลงกลเขาเสียด้วย หากเปลี่ยนเป็นข้านะ ข้าเหวี่ยงหมัดชกเขาลอยละลิ่วออกไปแล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กำหมัดแน่น ครั้งนี้ซูจิ่งสิงไม่กล่าวแทนเขาอีก“อยู่ ๆ ก็กรีดข้อมือของตัวเอง อารมณ์อ่อนไหวเอาเสียจริง ๆ ?”“นั่นนะสิ”กู้หว่านเยว่มองไปทางรูปปั้นหินสิงโต แล้วตะโกนเรียกทหารเฝ้าประตูไปตักน้ำมาทำความสะอากรูปปั้นหินสิงโตทันทีมิเช่นนั้นนางคงรู้สึกสะอิดสะเอียดยามได้เห็นคราบเลือดของโจวเซ่อผู้นั้นตลอดเวลาแน่ทหารเฝ้าประตูรับคำสั่ง ไม่เพียงแต่ตักน้ำเข้ามา ยังถือผลของสบู่ก้อนติดมือมาด้วยหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ทำความสะอาดรูปปั้นหินสิงโต ขัด ๆ ถู ๆ อยู่หลายครั้งจนกระทั่งสะอาด“ด้านหน้าเป็นหน้าบ้านของซุนมู่เจี้ยง”รถม้าถูกจอดไว้ในตรอกแคบ ๆ ตรอกหนึ่ง ซูจิ่งสิงชี้ไปยังบ้านที่อยู่สุดซอยหลังหนึ่ง“ฝีมือของมู่เจี้ยงไม่ธรรมดา เพียงแต่นิสัยค่อนข้างประหลาด”“นิสัย
“เฮ้อ ขอให้พี่หญิงซ่งอย่าได้หลงกลเขาเชียวนะ รีบ ๆ ตาสว่างเสียทีเถอะ”ซูจื่อชิงส่ายหน้า ในตอนนั้นเองเขาบังเอิญเจอกับเมี่ยชิงหว่านพอดี ครั้นเห็นสีหน้าของทั้งสองดูแย่ลง จึงอดแปลกใจไม่ได้“เกิดอะไรขึ้น ทำไมสีหน้าของทั้งสองคนถึงได้ดูไม่จืดเช่นนั้น?”“ไม่มีอะไร ก็แค่คุยเรื่องเคร่งเครียดนิดหน่อย ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”ซูจื่อชิงไม่อยากพูดเรื่องไม่ดีลับหลังผู้อื่น ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของซ่งเสวี่ย เห็นด้วยตาตัวเองก็แล้วไป พูดลับหลังไปดูไม่ดีนักโชคดีที่เมี่ยชิงหว่านเป็นคนที่ไม่ชอบถามจุกจิก ไม่ถามมาก แค่คลี่ยิ้มและกล่าวว่า“ไปกันเถอะ หลายวันมานี้ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่ในร้านดอกท้อ ขายของออกไปก็ไม่น้อย ข้าเลี้ยงข้าวเจ้าเอง”ตัวตลกสองคนนี้พูดคุยอย่างสนุกสนานแล้วก็จากไปทางด้านนี้ ครั้นโจวเซ่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจื่อชิงจากไปแล้ว จึงกล่าวกับซ่งเสวี่ยว่า“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าหิวมาก เจ้าช่วยไปหาของกินในครัวมาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”ซ่งเสวี่ยกล่าวด้วยความลำบากใจ “ไม่ดีหรอกกระมั้งเจ้าคะ แม้ว่าข้าและหว่านเยว่จะสนิทกัน แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นจวนของนาง ไหนเลยจะกล้าถือวิสาสะเข้าไปหยิบของ
ซ่งเสวี่ยทอดถอนใจหนึ่งเสียง “เช่นนั้นก็ดี”นางอดหันไปมองโจวเซ่อไม่ได้ “ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีก มีอะไรก็คุยกันดี ๆ เล่นของมีคมเช่นนี้ทำคนอื่นตกอกตกใจหมด หากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ จะมาเสียใจก็ไม่ทันการณ์แล้ว”ซ่งเสวี่ยมักจะเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดหลังจากแต่งงานกับคุณชายตระกูลโจวแล้ว นางและสามีให้ความเคารพซึ่งกันและ ไม่เคยแม้แต่จะทะเลาะกัน นับประสาอะไรกับการเล่นของมีคม? การกระทำในวันนี้ของโจวเซ่อทำให้นางหวาดกลัวบางทีทั้งสองคนอาจจะไม่เหมาะสมกันก็ได้?“ขอโทษนะ ข้าผิดเอง”โจวเซ่อขอโทษทั้งน้ำตา “ข้าแค่กลัวว่าจะเสียเจ้าไป แค่ข้าคิดว่าข้าจะต้องเสียเจ้าไป ข้าก็ทนไม่ได้แล้ว หากเจ้าไม่มองหน้าข้าอีก ข้ายอมตายเสียยังดีกว่า เสวี่ยเอ๋อร์ ข้ารักเจ้ามากจริง ๆ รักเจ้ามากกว่าที่เจ้าคิด ข้าอยากดูแลเจ้าและลูกของเจ้าไปตลอดชีวิต ข้าชอบนานนาน ข้าเห็นนางเปรียบเสมือนบุตรสาวของข้าคนหนึ่ง”“ท่าน....”“เจ้าดูสินี่คืออะไร?”โจวโซ่อล้วงหยิบไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งออกมา ซึ่งนั้นทำให้ซ่งเสวี่ยตกใจไม้แกะสลักชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายกับสามีที่เสียไปแล้วของซ่งเสวี่ย “คราวที่แล้วนานนานเห็นภาพวาดของสามีที่เสียไป
โจวเซ่อส่ายหน้า “ไม่นะ เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าขาดเจ้าไม่ได้ หากเจ้าไม่ให้อภัยข้า ข้ายอมเลือดแห้งตายเสียตอนนี้ดีกว่า บอกข้าเถอะ เจ้าจะให้อภัยข้าได้หรือไม่?”ซ่งเสวี่ยตะลึงงันทั้งตัวความจริงแล้วตอนนี้นางยังโกรธอยู่ แต่ครั้นเห็นท่าทางอยากตายของโจวเซ่อ จริง ๆ นางตกใจเพราะเขา จึงรีบพยักหน้า“ข้าให้อภัยท่านแล้ว ท่านคืนกริชให้ข้าเถอะ อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย”ครั้นได้ยินซ่งเสวี่ยกล่าวเช่นนี้ โจวเซ่อก็ปล่อยกริชเล่มนั้น ก่อนจะมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนดั่งน้ำที่หลั่งริน“เจ้าให้อภัยข้าแล้วก็ดี เสวี่ยเอ๋อร์ข้าเสียเจ้าไปไม่ได้จริง ๆ อ๊าก....ข้าเจ็บข้อมือยิ่งนัก”ท่าทีของโจวเซ่อเปลี่ยนไป ซ่งเสวี่ยรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าประคบข้อมือของเข้าไว้ แล้วมองไปทางกู้หว่านเยว่อย่างร้อนใจ“หว่านเยว่ เจ้าช่วยเขาได้หรือไม่ ข้าเห็นบาดแผลบนข้อมือของเขาหนักหนามาก”กู้หว่านเยว่มองไปทางโจวเซ่อแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า“ชิงเหลียน เจ้าให้คนพาตัวคุณชายโจวเข้าไป”ชิงเหลียนรีบหาคนเข้ามาพร้อมกับเปลหามและยกโจวเซ่อวางบนนั้น“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจับมือข้าไว้ได้หรือไม่? ข้าไม่อยากแยกจากเจ้า”โจวเซ่อกล่าวถามอย่างกังวล ซ่งเสวี่ยมองกู้
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน จู่ ๆ ซูจื่อชิงก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เกิดอะไรขึ้นโวยวายเสียงดังเชียว”กู้หว่านเยว่ตำหนิหนึ่งเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ นางเพิ่งจะเขียนเทียบเชิญเสร็จ ไม่ระวังถูกหมึกสีดำเปรอะเปื้อน“ตอนข้ากลับเข้ามา ข้าเห็นคุณชายโจวนั่งอยู่ใต้รูปปั้นสิงโตหินหน้าบ้านของเรา ไม่รู้ว่าทำอะไร ข้าจึงเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าเห็นเขาชักกริชเล่มหนึ่งออกมา แล้วกรีดข้อมือของตัวเอง เลือดสาดกระจายเต็มพื้นไปหมด”“ว่าอย่างไรนะ?!”กู้หว่านเยว่ตื่นตกใจ “คุณชายโจวไหน?”ซูจื่อชิงมองไปทางซ่งเสวี่ย “คุณชายโจวไหนเล่า ใช่โจวเซ่อคู่หมั้นของพี่หญิงซ่งใช่หรือไม่?”คราวนี้ซ่งเสวี่ยตื่นตกใจยิ่งกว่า รีบโยนพู่กัน แล้วยกชายกระโปรงวิ่งออกไปข้างนอกทันที“พวกเราก็ตามไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่พริบตาเดียวทำไมคนผู้นี้ถึงได้กรีดข้อมือฆ่าตัวตายเสียได้?“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านคงจะไม่รู้ว่าตอนที่เขากรีดข้อมือของตัวเองน่ากลัวเพียงใด ข้าคิดว่าข้าจำผิดคนแล้วเสียอีก”ซูจื่อชิงเดินตามหลังของนางพลางทำเสียงจิ
ซ่งเสวี่ยตื่นตกใจกับความคิดของนาง“ตั้งแต่โบราณกาลมา ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีสำนักศึกษาไหนที่รับนักศึกษาเป็นสตรีมาก่อน”แม้แต่นาง ก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปเรียนในสำนักศึกษาทำได้เพียงเรียนแบบตัวต่อตัวที่บ้าน เชิญอาจารย์มาสอนลูกหลานในตระกูลแทนหรือเพราะภูมิหลังของนางนั้นดูโดดเด่น ทั้งยังเป็นหลานสาวของตระกูลซ่ง สตรีทั่วไปไหนเลยจะมีโอกาสได้อ่านออกเขียนได้ แค่รู้เพียงไม่กี่คำและทำบัญชีได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วกู้หว่านเยว่ไม่ได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด นางคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “สตรีอย่างเราด้อยกว่าบุรุษอย่างนั้นหรือ? อย่างลายมือของเจ้าก็ดีกว่า ใต้หล้านี้เกรงว่าคงจะมีสตรีที่เทียบเท่าบุรุษไม่มากนัก เพียงเท่านี้ก็พอแล้วที่แสดงให้เห็นว่าสตรีอย่างเราก็มีคุณค่า ไม่ได้ด้อยกว่าบุรุษเท่าไหร่นัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงจะเข้าเรียนบ้างไม่ได้ล่ะ? พี่หญิงพูดเองมิใช่หรือว่าใต้หล้าไม่มีสำนักศึกษาแห่งไหนที่รับเด็กผู้หญิงเข้าเรียน? ดังนั้นสำนักศึกษาถงซันแห่งนี้จึงเป็นที่แรกที่ไม่เพียงแต่รับเด็กผู้หญิงเข้าเรียนแล้ว ยังไม่สนใจภูมิหลังของนักศึกษาอีกด้วย”กู้หว่านเยว่มีจิตใจสูงส่ง ความเชื่อมั่นทางแววตาล้วนแต่สร้างความศ
“จบเรื่องของสกุลเผยแล้ว ภายภาคหน้า เจ้าเองก็สามารถวางใจได้แล้ว”กู้หว่านเยว่ตบหลังเมี่ยชิงหว่าน สามารถมองออกว่า นางได้รับความสะเทือนใจไม่น้อย“อืม”เมี่ยชิงหว่านพยักหน้าเบาๆ สกุลเผยสำหรับนางก็คือฝันร้าย บัดนี้ได้เห็นทุกคนที่เคยรังแกนางได้รับการลงโทษตามสมควรแล้ว ปมภายในใจนางเองก็นับว่าคลายออกอย่างสมบูรณ์“ภายภาคหน้าข้าไม่มีวันโง่เขลาเหมือนในอดีตอีกแล้ว เชื่อใจคนอื่นอย่างง่ายดาย”เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วมุ่น ครั้งนี้นางกลัวแล้วจริงๆคนสุภาพอ่อนโยนมีความรักลึกซึ้งอย่างเผยเสวียนเป็นอสรพิษตัวหนึ่ง ส่วนคนเรียกนางว่าลูกสาวอย่างนั้นอย่างนี้เฉกเช่นเผยฮูหยิน ก็คือคนหน้าเนื้อใจเสือคนหนึ่ง“ต้องโทษข้าก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่ภายในป่ามาโดยตลอด ได้ติดต่อคนอื่นน้อยมาก จึงไม่รู้จักความชั่วร้ายในใจคน”กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะนาง “นี่ไม่โทษเจ้า จะโทษก็โทษเพียงวิธีการต่ำช้าของพวกเขา ความคิดของเจ้าบริสุทธิ์นัก นี่คือข้อได้เปรียบของเจ้า”หากไม่ใช่เพราะมีจิตใจบริสุทธิ์ ไฉนเลยในต้นฉบับ จะยอมตายเพื่อซูจื่อชิง?“อย่างไรเสีย ภายภาคหน้ามีข้าปกป้องเจ้า คนชั่วเหล่านั้นมอบให้ข้าเถอะ”ซูจื่อชิงจับมือเมี่ยชิงหว่านข
ไม่ตัดรากถอนโคน ก็อาจเกิดหายนะอีกครั้ง“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ท่านแม่ข้าเองก็ด้วย”เผยเสียรีบพูดต่อ “หลายปีมานี้พวกเราสองคนอยู่อย่างลำบากที่สกุลเผย ท่านแม่ข้าถูกเดรัจฉานคนนั้นทำร้ายพรากความบริสุทธิ์ไป ก็ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของนางอีก ชนิดที่ว่าเผยฮูหยินยังทิ้งท่านแม่ข้าไว้ภายในเรือน ไม่ใส่ใจไยดีท่านแม่ข้าคลอดข้าออกมาเพียงลำพัง อีกทั้งยังเลี้ยงข้าจนเติบโตอย่างยากลำบากเพียงคนเดียว หลายปีมานี้สกุลเผยไม่เคยปกป้องคุ้มครองพวกเรา คุณชายคุณหนูของสกุลเผยเหล่านั้นก็ด่าว่าทุบตีพวกเรา”เผยเสียยิ้มเย็น “พูดอย่างไม่เกรงใจหนึ่งประโยค ข้าไม่แก้แค้นพวกเขาก็นับว่าดีแล้ว ไฉนเลยจะช่วยล้างแค้นแทนพวกเขา”แววตานางเฉยเมย ภายในก้นบึ้งของสายตายังมีความแค้นอี๋เหนียงทางด้านหลังหดเกร็งตัว รูปร่างผอมบาง สติก็ไม่ค่อยดีกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากเจ้าไม่ได้ทำเรื่องชั่วกับสกุลเผย ข้าสามารถรับปากเงื่อนไขของเจ้าได้”เผยเสียรีบพูด “ข้าสาบาน ข้าและท่านแม่สำรวมตนมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำเรื่องชั่ว”“ดี เจ้าพูดเถอะ”กู้หว่านเยว่มองคนเหล่านี้แวบหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงคนปากมาก เรียกเผยเสียไปพูดที่ฝั่ง
ทั้งสองคนเหินบินเข้าจวนเผย ไม่ต้องพูดเชียว สกุลเผยสมเป็นตระกูลชนชั้นสูงนับร้อยปีของเจดีย์หนิงกู่ ตกแต่งได้อย่างหรูหรางดงามกู้หว่านเยว่เดินเข้าไป เก็บเครื่องเรือนไม้หวงฮวา ฉากกั้น ภาพอักษรงดงามบางส่วนตามใจ ลงท้ายถึงขั้นพบอย่างแปลกใจ ภายในห้องหนังสือของสกุลเผยมีหนังสือไม่น้อย มากเสียจนเต็มผนังห้องหนึ่งด้าน“สกุลเผยสมเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี มีมรดกทางปัญญาติดตัวอยู่บ้าง มีหนังสือเหล่านี้กลับไม่ใช่เรื่องแปลก”ซูจิ่งสิงพูดยิ้มๆ“สำนักศึกษาถงซันของเจ้าต้องการหนังสือมิใช่หรือ เก็บหนังสือเหล่านี้ไปทั้งหมดเลยเถอะ”“ขอบคุณท่านพี่”กู้หว่านเยว่ต้องการหนังสือเหล่านี้จริง นี่ก็ไม่เกรงใจเขาแล้ว โบกมือเก็บหนังสือทั้งหมดเข้ามิติทั้งคู่ค้นหาทั้งภายในภายนอกห้องหนังสือหนึ่งรอบน่าเสียดายเหลือเกิน หาจดหมายลับหรือเบาะแสอะไรไม่พบ“แม้แต่เผยเสวียนเองก็ไม่รู้ คนบงการอยู่เบื้องหลังเขาเป็นใคร รู้เพียงเป็นคนในเชื้อพระวงศ์ ต้องการหาตัวออกมา น่ากลัวว่ายากเสียยิ่งกว่ายาก”ความหวังสุดท้าย ก็อยู่บนตัวคนสกุลเผยเหล่านั้นทั้งสองคนย้อนกลับมาที่เรือนส่วนหน้าอีกครั้งขณะเดียวกัน ฉู่เฟิงเพิ่งสอบสวนมาหนึ่ง