“ขอถามชื่อของท่านผู้มีพระคุณสักหน่อย ในอนาคตข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ”“ข้าสกุลกู้”“คุณชายกู้ ข้าไปก่อน หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่” หมิงจูมองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินจากไป“ไปกัน พวกเราไปดูที่สกุลฮั่วอีกสักหน่อย” กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมือ ตัดสินใจไปกวาดล้างสกุลฮั่วอีกสักรอบในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็เพิ่งมาถึงจวนสกุลหมิงมู่หรงอวี้มองฮั่วหวงซานที่สลบอยู่กับพื้นและถูกคนพยุงออกมา จึงเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะได้มาช่วยหญิงงาม? แล้วเหตุใดคุณหนูหมิงนั่นถึงหนีไปแล้ว?”หากกู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ คงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่หรงอวี้ ก็คือเถาเอ๋อร์คนที่หนีไปในคืนหิมะตกวันนั้นเถาเอ๋อร์ก็มึนงงเช่นกัน สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าเขียนไว้ว่าหมิงจูเสียตัวไปแล้วชัด ๆ ตอนนี้นางน่าจะกำลังคิดจะผูกคอตายนะ...”มู่หรงอวี้ฟังนางพูดจาเลื่อนลอย ใบหน้าก็เผยความรำคาญออกมาถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้สามารถบอกเรื่องราวที่เขาทำมาตลอดหลายปีได้อย่างแม่นยำ รู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา และยังบอกว่าจะช่
เวลานี้ รถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้รีบโอบเอวของเถาเอ๋อร์แล้วหมุนตัวลงสู่พื้น“แม่นางเถาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว”เถาเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก นี่มันเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าเลยนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ข้าเอาชนะใจไม่ได้“ครั้งหน้าต้องระวัง อย่ายืนริมถนน หากโดนรถม้าชน ข้าจะเสียใจเอานะ”“อืม”เถาเอ๋อร์พยักหน้า หัวใจเต้นแรง นี่นางจะได้มีความรักกับตัวละครในหนังสือแบบฟรี ๆ งั้นหรือ? ในเมื่อฟู่เยียนหรานไร้ประโยชน์ งั้นก็ให้นางเป็นพระมเหสีที่สวรรค์ประทานแทนก็แล้วกัน?“พวกเราขึ้นรถม้าก่อนเถอะ”ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อออกตามหาที่อยู่ของหมิงจูบนรถม้า เถาเอ๋อร์เหลือบมองกงซุนจ่างเย่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเบะปากเอ่ยเตือน “ท่านอ๋อง กงซุนจ่างเย่เป็นแค่เหยื่อ สุดท้ายจะตายอย่างน่าอนาถ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องอย่าไปใกล้ชิดกับคนโง่เช่นนี้เลย”“เขาจะตายอย่างน่าอนาถ?”มู่หรงอวี้ชะงัก เขาอยากรู้ว่ากงซุนจ่างเย่จะตายอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงที่เถาเอ๋อร์เคยบอกว่าห้ามเปิดเผยความลับ เขาจึงอดทนไว้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าก็ไม่ชอบคนโง่
เท้าขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ดูแล้วน่าตกใจซูจิ่นเอ๋อร์เอามือปิดปาก นางคุยกับฟู่หลานเหิงมาตั้งนานแต่ไม่ทันสังเกตเห็น จึงแอบโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจมาก“โอ้พระเจ้า เหตุใดถึงบวมเหมือนบ๊ะจ่างลูกใหญ่ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่หลานเหิงกลัวว่าจะทำให้ทุกคนตกใจ จึงรีบปล่อยชายเสื้อลง จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากชั้นบน“ใต้เท้า บาดแผลที่ขาของท่านไม่สามารถยืนนานได้ ให้บ่าวพยุงท่านขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะเจ้าค่ะ”โอ้โห หลังจากที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ กู้หว่านเยว่ก็ตกตะลึง แม่นางคนนี้คือหยางหลิวครั้งที่แล้วซูจิ่นเอ๋อร์บ่นไปเยอะมาก บอกว่าหยางหลิวไปฟ้องแม่เล้า ทำให้พวกนางถูกแม่เล้าจับได้ เกือบจะซวยหนักแล้วหลังจากที่ฟังจบ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้เลย คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังหน้าด้านตามฟู่หลานเหิงมาอีก?“ท่านพานางมาอยู่ข้างกายทำไมกัน?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย ตามความเข้าใจของนางที่มีต่อฟู่หลานเหิง เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หลงใหลในรูปโฉมของผู้หญิงได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ สกุลฟู่เป็นสกุลที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริต เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัต
กู้หว่านเยว่หัวเราะ “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ เจ้า นางเป็นสาวใช้ของใต้เท้าฟู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งไม่พอใจ“ใต้เท้าฟู่นี่เป็นอะไรไป ตาบอดแล้วหรือไร? ถึงได้เอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นสาวใช้อยู่ข้างกาย ไม่กลัวอันตรายใกล้ตัวบ้างหรือ”“...”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดูสถานะการอัปเกรดในมิติ เมื่อกลับมาถึงห้องนอนรวมก็แกล้งทำเป็นนอนหลับไป“มิติของข้า มีฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง?! ข้ามีฟาร์มปศุสัตว์แล้ว!”มองไปยังฟาร์มปศุสัตว์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กู้หว่านเยว่ก็ตกใจอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นการอัปเกรดครั้งที่แล้วคือฟาร์มผักและผลไม้ครั้งนี้ ให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่สุดหรูแก่นาง! ฟาร์มปศุสัตว์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า ลมพัดโชยมาเบา ๆ นำพากลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าเข้ามาเต็มจมูกเยี่ยมไปเลย การเลี้ยงวัวและแกะในฟาร์มปศุสัตว์แบบนี้คงจะวิเศษมากแน่ ๆ !”กู้หว่านเยว่เริ่มแยกประเภทสิ่งของที่นางได้มาจากสกุลหมิงและสกุลฮั่วออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ก่อนโบราณวัตถุ งานเขียนพู่กันจีนและภาพวาด รวมถึงของตกแต่งอื่น ๆ ที่ไม่ไ
พูดจบ นางก็บิดเอว เดินจากไปอย่างภาคภูมิใจราวกับผู้ชนะซูจิ่นเอ๋อร์รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก “ใต้เท้าฟู่ ตาบอดไปแล้วจริง ๆ ตาบอดสนิทแล้ว...”ในขณะที่โมโห ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอีกเล็กน้อยนางเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนรวม“ส่งยาแล้วหรือ?”“ส่งแล้ว น่าจะเอาไปให้ขอทานข้างทางยังจะดีเสียกว่า ข้าเสียเวลาไปเปล่า ๆ ทั้งที่อากาศก็หนาวขนาดนี้!”ทุกคนทำหน้างงงวย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไปกินดินระเบิดหรือไรถึงได้โมโหขนาดนี้?ทางด้านหยางหลิว หลังจากเข้าห้องไปแล้ว ก็วางห่อยาไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนางเดินไปอยู่ข้าง ๆ ฟู่หลานเหิงแล้วช่วยเขาฝนหมึกกล่าวกันว่าสาวงามอยู่ข้างกายคอยอยู่เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ หยางหลิวก็อยากจะหาเรื่องคุยกับฟู่หลานเหิงบ้างแต่เมื่อนางมองไปที่หนังสือ ก็อ่านไม่ออกเลยสักตัวจึงได้แต่กล่าวว่า “ใต้เท้า พักผ่อนแต่หัวค่ำเถอะ อ่านหนังสือตอนกลางคืนไม่ดีต่อสายตา”ฟู่หลานเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“เมื่อครู่ใครมา?”“อ้อ บ่าวคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของใต้เท้าที่เจอกันตอนกลางวัน เอาห่อยามาให้เจ้าค่ะ”หยางหลิวพูดขึ้นอย่างร้อนรน “ร่างกายของใต้เท้ามีค่ามากนัก ไม่ควรกินยามั่ว ๆ เดี๋ยวบ
ภายในป่า หมิงจูแต่งตัวเป็นผู้ชาย กำลังถูกท่านอาที่สนิทกับท่านพ่อของนางลากตัวไปเพื่อหลบหนี“ท่านอาคุน คนของสกุลฮั่วตามมาแล้ว!”หมิงจูเผยสีหน้าตื่นตระหนก หลังจากบอกลากู้หว่านเยว่ นางก็รีบไปหาสกุลคุนที่พ่อของนางเคยมีบุญคุณด้วยท่านอาคุนเป็นคนที่มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ จึงตัดสินใจพานางไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยด้วยตัวเองทั้งสองคนหลบหนีจากทหารรักษาประตูเมืองได้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแจ้งข่าว บอกเส้นทางของพวกเขาให้ฮั่วหวงซานรู้ ทำให้คนของสกุลฮั่วตามมาได้“หมิงจู อย่าหนีเลย เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก มาเป็นอนุภรรยาของข้าซะดี ๆ ข้ายังพอจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”ฮั่วหวงซานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ทางด้านหลัง เขามีลูกสมุนที่เลี้ยงไว้มากมาย ตอนนี้เกือบจะล้อมป่านี้ไว้ได้หมดแล้วหมิงจูตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่าฮั่วหวงซานใกล้จะตามทัน ท่านอาคุนก็กระชับลำตัวม้าให้แน่น “คุณหนูหมิง เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะขวางไว้เอง”“ท่านอาคุน ท่านคิดจะทำอะไร?” หมิงจูเพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นท่านอาคุนเอาเสื้อคลุมของนางไปสวม แล้วใส่หมวก ปลอมตัวเป็นนาง“ไม่ ไม่ได้นะท่านอาคุน ข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนไม่ได้!”หมิงจูส่ายหัว นางรู้ดีว่าฮั่วหวงซาน
“อ๊ากกกก!”มู่หรงอวี้อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา โมโหจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วแม้ว่ากู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่นางและซูจิ่งสิงตัวติดกันตลอด เขาจำแผ่นหลังของทั้งสองคนได้ทันทีเขาก็ว่าเหตุใดระหว่างทางมาดวงตาของเขาถึงได้กระตุกตลอด รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง แผนการช่วยหญิงงามของเขาโดนกู้หว่านเยว่แย่งไปอีกแล้ว!“กู้หว่านเยว่นี่มันเป็นตัวซวยของข้าชัด ๆ เลย อ๊ากกก!”มู่หรงอวี้ใกล้จะบ้าแล้ว บ้ามาก บ้าสุด ๆ “เร็วเข้า ตามนางไป!”หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไป แต่จะไปตามม้าเซ็กเธาว์ทันได้อย่างไรบนหลังม้า หมิงจูซบหลังของกู้หว่านเยว่ เสียใจกับการตายของท่านอาคุนอย่างยิ่ง“หมิงจู เจ้าทนไหวหรือไม่?” กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยความเป็นห่วง หมิงจูได้รับบาดเจ็บ บนไหล่ของนางถูกกิ่งไม้แทง ต้องหาที่ทำแผลให้นางก่อน“ท่านผู้มีพระคุณ ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยข้าอีกครั้ง”ทั้งสองคนควบม้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นซูจิ่งสิงก็ชี้ไปยังป่าไผ่ที่อยู่ข้างหน้า“ป่าไผ่ข้างหน้านั่นปลอดภัยชั่วคราว เราไปพักที่นั่นกันเถอะ”“ดี” กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ทั้งสามคนเข้าไปในป่าไผ่ ห
“ทำไมถึงเป็นเจ้า? ข้ายิ่งไม่อยากเจอหน้าเจ้าอยู่!”ผู้มาเยือนคือกงซุนจ่างเย่ที่กำลังเดินกระสับกระส่ายอยู่ในป่าถึงแม้ว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นบุรุษ แต่กงซุนจ่างเย่เคยเห็นนางยามแต่งตัวเป็นสตรีมาก่อน อีกทั้งเขายังคิดหาวิธีขับไล่ความชั่วร้ายของนางอยู่ทุกวัน วินาทีแรกที่เห็นหน้าของนางเขาก็จำนางได้ในทันทีกู้หว่านเยว่ยังเป็นกังวลอยู่เลยว่าจะให้ใครคุ้มกันหมิงจู แต่เมื่อเจอกงซุนจ่างเย่ นางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เยี่ยม สวรรค์ได้ส่งศัตรูมาตรงหน้าของนางแล้ว“คุณชายกงซุน ไม่เจอกันตั้งนาน”ทำไมรอยยิ้มนี้ถึงแฝงไปด้วยความมุ่งร้ายเช่นนั้น?กงซุนจ่างเย่รู้สึกขนลุกซู “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?” แย่แล้ว ๆ ท่านอ๋องไม่อยู่เสียด้วย เขาต้องถูกรังแกอีกแน่นอน“ไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้าค่ะ แค่อยากคุยเรื่องธุรกิจกับท่านก็เท่านั้น” กู้หว่านเยว่รุดหน้าเข้าไปกระชากตัวกงซุนจ่างเย่ “ไอหยา ช่วยด้วย!”“ท่านจอมยุทธ์หญิง คราวที่แล้วนายน้อยของเราถูกลาเตะเข้าที่ศีรษะสร้างความวุ่นวายให้พวกท่านไม่น้อย ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลยขอรับ!” คนขับม้ารุดหน้าเข้ามากราบวิงวอนขอความเมตตาอยู่ด้านข้างนายน้อยคือสายเลือดเพี