ภายในป่า หมิงจูแต่งตัวเป็นผู้ชาย กำลังถูกท่านอาที่สนิทกับท่านพ่อของนางลากตัวไปเพื่อหลบหนี“ท่านอาคุน คนของสกุลฮั่วตามมาแล้ว!”หมิงจูเผยสีหน้าตื่นตระหนก หลังจากบอกลากู้หว่านเยว่ นางก็รีบไปหาสกุลคุนที่พ่อของนางเคยมีบุญคุณด้วยท่านอาคุนเป็นคนที่มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ จึงตัดสินใจพานางไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยด้วยตัวเองทั้งสองคนหลบหนีจากทหารรักษาประตูเมืองได้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแจ้งข่าว บอกเส้นทางของพวกเขาให้ฮั่วหวงซานรู้ ทำให้คนของสกุลฮั่วตามมาได้“หมิงจู อย่าหนีเลย เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก มาเป็นอนุภรรยาของข้าซะดี ๆ ข้ายังพอจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”ฮั่วหวงซานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ทางด้านหลัง เขามีลูกสมุนที่เลี้ยงไว้มากมาย ตอนนี้เกือบจะล้อมป่านี้ไว้ได้หมดแล้วหมิงจูตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่าฮั่วหวงซานใกล้จะตามทัน ท่านอาคุนก็กระชับลำตัวม้าให้แน่น “คุณหนูหมิง เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะขวางไว้เอง”“ท่านอาคุน ท่านคิดจะทำอะไร?” หมิงจูเพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นท่านอาคุนเอาเสื้อคลุมของนางไปสวม แล้วใส่หมวก ปลอมตัวเป็นนาง“ไม่ ไม่ได้นะท่านอาคุน ข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนไม่ได้!”หมิงจูส่ายหัว นางรู้ดีว่าฮั่วหวงซาน
“อ๊ากกกก!”มู่หรงอวี้อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา โมโหจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วแม้ว่ากู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่นางและซูจิ่งสิงตัวติดกันตลอด เขาจำแผ่นหลังของทั้งสองคนได้ทันทีเขาก็ว่าเหตุใดระหว่างทางมาดวงตาของเขาถึงได้กระตุกตลอด รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง แผนการช่วยหญิงงามของเขาโดนกู้หว่านเยว่แย่งไปอีกแล้ว!“กู้หว่านเยว่นี่มันเป็นตัวซวยของข้าชัด ๆ เลย อ๊ากกก!”มู่หรงอวี้ใกล้จะบ้าแล้ว บ้ามาก บ้าสุด ๆ “เร็วเข้า ตามนางไป!”หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไป แต่จะไปตามม้าเซ็กเธาว์ทันได้อย่างไรบนหลังม้า หมิงจูซบหลังของกู้หว่านเยว่ เสียใจกับการตายของท่านอาคุนอย่างยิ่ง“หมิงจู เจ้าทนไหวหรือไม่?” กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยความเป็นห่วง หมิงจูได้รับบาดเจ็บ บนไหล่ของนางถูกกิ่งไม้แทง ต้องหาที่ทำแผลให้นางก่อน“ท่านผู้มีพระคุณ ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยข้าอีกครั้ง”ทั้งสองคนควบม้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นซูจิ่งสิงก็ชี้ไปยังป่าไผ่ที่อยู่ข้างหน้า“ป่าไผ่ข้างหน้านั่นปลอดภัยชั่วคราว เราไปพักที่นั่นกันเถอะ”“ดี” กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ทั้งสามคนเข้าไปในป่าไผ่ ห
“ทำไมถึงเป็นเจ้า? ข้ายิ่งไม่อยากเจอหน้าเจ้าอยู่!”ผู้มาเยือนคือกงซุนจ่างเย่ที่กำลังเดินกระสับกระส่ายอยู่ในป่าถึงแม้ว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นบุรุษ แต่กงซุนจ่างเย่เคยเห็นนางยามแต่งตัวเป็นสตรีมาก่อน อีกทั้งเขายังคิดหาวิธีขับไล่ความชั่วร้ายของนางอยู่ทุกวัน วินาทีแรกที่เห็นหน้าของนางเขาก็จำนางได้ในทันทีกู้หว่านเยว่ยังเป็นกังวลอยู่เลยว่าจะให้ใครคุ้มกันหมิงจู แต่เมื่อเจอกงซุนจ่างเย่ นางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เยี่ยม สวรรค์ได้ส่งศัตรูมาตรงหน้าของนางแล้ว“คุณชายกงซุน ไม่เจอกันตั้งนาน”ทำไมรอยยิ้มนี้ถึงแฝงไปด้วยความมุ่งร้ายเช่นนั้น?กงซุนจ่างเย่รู้สึกขนลุกซู “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?” แย่แล้ว ๆ ท่านอ๋องไม่อยู่เสียด้วย เขาต้องถูกรังแกอีกแน่นอน“ไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้าค่ะ แค่อยากคุยเรื่องธุรกิจกับท่านก็เท่านั้น” กู้หว่านเยว่รุดหน้าเข้าไปกระชากตัวกงซุนจ่างเย่ “ไอหยา ช่วยด้วย!”“ท่านจอมยุทธ์หญิง คราวที่แล้วนายน้อยของเราถูกลาเตะเข้าที่ศีรษะสร้างความวุ่นวายให้พวกท่านไม่น้อย ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลยขอรับ!” คนขับม้ารุดหน้าเข้ามากราบวิงวอนขอความเมตตาอยู่ด้านข้างนายน้อยคือสายเลือดเพี
“เจ้ากล้านัก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าสกุลกงซุนฆ่าเจ้าได้!”กู้หว่านเยว่แกว่งเข็มในมือเล่น “ท่านก็ลองดู”กงซุนจ่างเย่ตกใจจนต้องหดคอไปด้านหลัง“ช้าก่อน ข้ายอมไปส่งให้เจ้าก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์เชียวนะ!”เขาพอคาดเดาถึงความโหดร้ายของกู้หว่านเยว่ได้ กงซุนจ่างเย่จึงไม่กล้าเล่นกับไฟ รีบเรียกหมิงจูขึ้นรถม้า กู้หว่านเยว่เอื้อมมือออกไปคว้าตัวหมิงจูไว้ “แม่นางหมิง มีเพียงต้องรอดชีวิต ถึงจะมีความหวังในการแก้แค้นได้”หมิงจูพยักหน้า “ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะรอดกลับมาเพื่อท่านพ่อและท่านแม่”กล่าวจบก็หมุนตัวไปคารวะกงซุนจ่างเย่ “รบกวนคุณชายกงซุนแล้วเจ้าค่ะ ถึงเมืองเหยียนสุ่ยแล้วข้าจะตอบแทนท่านอย่างดี”“ไม่รบกวน”หมิงจู่ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกงซุนจ่างเย่และมู่หรงอวี้กงซุนจ่างเย่หมุนตัวอย่างไม่ใส่ใจ หากแม่นางผู้นี้รู้ว่าเขาเข้าไปรายงานเรื่องของสกุลฮั่วพร้อมกับท่านอ๋องเมื่อวานนี้ จะยังตอบแทนเขาอีกไหม?ทำอย่างไรดีจู่ ๆ ก็รู้สึกผิดเสียอย่างนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงอวี้ไล่ตามมาทัน กู้หว่านเยว่จึงเร่งรัดให้พวกเขาออกเดินทางทันทีที่พวกเขาจากไป มู่หรงอวี้ก็พาทหารไล่ตามมาอย่างที่คิ
“ภาพวาดชิ้นนี้เป็นฝีมือของใคร?”เถาเอ๋อร์รุดหน้าเข้าไปแย่งภาพวาดชิ้นนั้น และกวาดตามองอย่างละเอียดการยื้อแย่งนั้นทำให้ผู้ว่าการอำเภอหงายหลังอย่างโกรธเคือง“หมายความว่าอย่างไรฝีมือของใคร นักโทษเจ้าเล่ห์อย่างเจ้ากล้าคิดหนีไม่พอ ยังจะกล้าแย่งของของข้าอีก ลงโทษสองเท่า!”เหล่าผู้ตรวจการรุดหน้าเข้ามาจับตัวเถาเอ๋อร์อย่างพร้อมเพรียง มู่หรงอวี้รีบกล่าวว่า “บังอาจ เถาเอ๋อร์เป็นสหายของข้า พวกเจ้ากล้าจับตัวสหายของข้า อยากตายกันหรืออย่างไร?!”ผู้ว่าการอำเภอมองมู่หรงอวี้ด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง ที่นี่อยู่ใกล้เจดีย์หนิงกู่ เป็นพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนอีกอย่างใครจะอยากให้ท่านอ๋องของตัวเองเดินทางร่วมขบวนกับนักโทษเหล่านี้?เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเนี่ยนะท่านอ๋อง? เช่นนั้นข้าก็เป็นเทพเจ้าแล้ว! เจ้ามีความผิดโทษฐานปิดบังนักโทษหลบหนี โดนลงโทษสถานเดียวกัน!”“ข้าคือท่านอ๋อง ชื่อของข้าคือหวายหนานอ๋อง!”“หุบปากของเจ้าได้แล้ว!”ทั้งสองคนถูกผู้ว่าการอำเภอพาตัวไปกู้หว่านเยว่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วนางก็หลุดหัวเราะออกมา
แม้ว่าสกุลหลี่จะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองตู้เปียน แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะไม่เจอคนรู้จักหลี่เฉินอันพยักหน้า จากนั้นก็กระชากหลี่อวิ๋นอวิ๋นที่กระโดดโลดเต้นเข้ามาในโรงน้ำชา“ไปกันเถอะ เราเข้าเมืองกันก่อน”ซุนอู่ถือเอกสารและคู่มือด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ภารกิจครานี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ พวกเขาเดินมาถึงหน้าจวนขุนนางหลังจากเดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้ว ซุนอู่จะต้องส่งนักโทษให้เหล่าทหารของเจดีย์หนิงกู่ รับเอกสารแล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่เมืองหลวงส่วนทหารที่รับช่วงต่อจะเป็นคนจัดการนักโทษเหล่านั้นเองยังมีหมู่บ้านอีกหลายแห่งในเจดีย์หนิงกู่ที่พวกเขาต้องไปเวลานี้ผู้ตรวจการที่ประจำอยู่หน้าประตูเมืองเห็นพวกเขาแล้วก็ต้องส่ายหน้า“น่าเวทนายิ่งนัก ถึงตาใต้เท้าสวีอับจนเสียแล้ว”“ใครบ้างไม่รู้ว่าใต้เท้าสวีจะต้องรับสินบนทุกครั้ง มิเช่นนั้นจะถูกส่งตัวไปยังพื้นที่ห่างไกล?”ทันทีที่คนกลุ่มนั้นได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเดิมทีคิดว่าความลำบากที่เจอมาตลอดทางจนกระทั่งถึงเจดีย์หนิงกู่นั้นไม่ง่ายเลย การได้เจอที่พักและได้พักอย่างสงบสุขเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักแต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ทันทีที่ถึงเจดีย์หนิงกู
ใต้เท้าสวีลูบปลายคาง นัยน์ตาฉายแววมุ่งร้าย มองพินิจบุตรสาวคนโตที่กำลังโตเป็นสาวอย่างซูจิ่นเอ๋อร์และเมี่ยชิงหว่านอย่างไม่ละอายใจซูจิ่นเอ๋อร์โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม “ขุนนางลามก หากข้าเห็นเจ้ามองด้วยสายตาเช่นนี้อีกข้าจะควักลูกตาของเจ้า!”ใต้เท้าสวีโพล่งออกไปทันที “เจ้ากล้าด่าข้าหรือ? ทหาร จับพวกเขาไว้!”เมื่อเห็นทหารจากด้านนอกพุ่งเข้ามา หวังปี้รีบกล่าวทันที“ช้าก่อน ใต้เท้าสวี ข้าคือรองแม่ทัพหนานหยางอ๋องชื่อว่าหวังปี้ ข้าได้รับความไว้วางใจจากท่านอ๋อง รับสั่งให้ข้ามาคุ้มกันสกุลซูและคนอื่น ๆ ให้เดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่อย่างปลอดภัย ขอความกรุณาใต้เท้าสวีช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเราด้วยขอรับ”จากนั้นก็รุดหน้าเข้าไปกล่าวเสียงเบาว่า “ภรรยาของสกุลซูมีความสัมพันธ์ที่ดีงามกับท่านอ๋องของเรา ขอความกรุณาใต้เท้าสวีช่วยจัดที่พักด้วยขอรับ”เดิมทีหวังปี้คิดว่าหากเขากล่าวเช่นนี้ ใต้เท้าสวีจะต้องยอม แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะลูบเคราและคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย“จัดที่พักข้าทำให้ได้ แต่ต้องแลกกับเงินไม่ก็หญิงงาม มิเช่นนั้นก็โมฆะ!”หวังปี้คาดไม่ถึงว่าใต้เท้าสวีจะไม่ไว้หน้าของเขาเพียงนี้ สีหน้าของเขาพลันเค
“ท่านยาย ท่านคิดจะทำอะไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มเยาะจนตัวสั่นเทิ้ม “หรานหร่าน ยายไม่อยากให้เจ้าลำบากตามพวกเราไปยังหมู่บ้านสือหาน มิสู้เจ้าอยู่รับใช้ใต้เท้าสวีดีกว่าไหม?”ซูหัวหยางรีบกล่าว “ท่านยายอายุมากแล้ว หมู่บ้านสือหานก็ทั้งหนาวทั้งจน ไม่เหมาะที่จะรักษาอาการป่วยของยายเจ้าหรอก หากเจ้าอยากกตัญญู เจ้าจงอยู่รับใช้ใต้เท้าสวีเถิด สำหรับเจ้าแล้วนับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?”ซูหัวหยางคิดเพ้อฝัน ตราบใดที่ส่งซูหรานหร่านไป ไม่เพียงแต่จะประหยัดอาหารเท่านั้น ยังแก้ไขเรื่องที่อยู่ของพวกเขาได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว“เรื่องดีอย่างนั้นหรือ? ใต้เท้าสวีผู้นั้นอายุใกล้จะห้าสิบปีแล้วนะ!”ริมฝีปากสีแดงของซูหรานร่านสั่นระริก“ใบหน้าของเขาเต็มไปจุดด่างดำที่บอกถึงอายุเช่นนั้น ข้าไม่ไปหรอก หากจะไปก็ให้ท่านยายไปสิ!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูตะลึงงัน ยืนอ้าปากตาค้างชี้ตัวเอง“เจ้าพูดอะไร เจ้าจะให้ข้าไปอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง ให้ท่านไป ก่อนหน้านั้นท่านยังปีนขึ้นเตียงของหนานหยางอ๋องได้ ตอนนี้จะปีนขึ้นเตียงของใต้เท้าสวีมันต่างกันตรงไหน? ท่านยายอายุมากแล้ว ในเมื่อไม่เหมาะจะกลับหมู่บ้านสือหาน ก็อยู่รับใช