“ท่านยาย ท่านคิดจะทำอะไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มเยาะจนตัวสั่นเทิ้ม “หรานหร่าน ยายไม่อยากให้เจ้าลำบากตามพวกเราไปยังหมู่บ้านสือหาน มิสู้เจ้าอยู่รับใช้ใต้เท้าสวีดีกว่าไหม?”ซูหัวหยางรีบกล่าว “ท่านยายอายุมากแล้ว หมู่บ้านสือหานก็ทั้งหนาวทั้งจน ไม่เหมาะที่จะรักษาอาการป่วยของยายเจ้าหรอก หากเจ้าอยากกตัญญู เจ้าจงอยู่รับใช้ใต้เท้าสวีเถิด สำหรับเจ้าแล้วนับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?”ซูหัวหยางคิดเพ้อฝัน ตราบใดที่ส่งซูหรานหร่านไป ไม่เพียงแต่จะประหยัดอาหารเท่านั้น ยังแก้ไขเรื่องที่อยู่ของพวกเขาได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว“เรื่องดีอย่างนั้นหรือ? ใต้เท้าสวีผู้นั้นอายุใกล้จะห้าสิบปีแล้วนะ!”ริมฝีปากสีแดงของซูหรานร่านสั่นระริก“ใบหน้าของเขาเต็มไปจุดด่างดำที่บอกถึงอายุเช่นนั้น ข้าไม่ไปหรอก หากจะไปก็ให้ท่านยายไปสิ!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูตะลึงงัน ยืนอ้าปากตาค้างชี้ตัวเอง“เจ้าพูดอะไร เจ้าจะให้ข้าไปอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง ให้ท่านไป ก่อนหน้านั้นท่านยังปีนขึ้นเตียงของหนานหยางอ๋องได้ ตอนนี้จะปีนขึ้นเตียงของใต้เท้าสวีมันต่างกันตรงไหน? ท่านยายอายุมากแล้ว ในเมื่อไม่เหมาะจะกลับหมู่บ้านสือหาน ก็อยู่รับใช
จางเอ้อร์ตาแดงก่ำ “แม่นางน้อยกู้ ข้า ข้าไม่อยากทิ้งพวกเจ้า!”“หรือข้าอยู่ต่อที่เจดีย์หนิงกู่!”“เจ้ามีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง เจ้าไม่ต้องการครอบครัวของเจ้าแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่ยกมือแสดงความจนปัญญา แต่จู่ ๆ นางก็คิดได้จึงกล่าวว่า“เช่นนั้นเจ้ารอให้ข้าสร้างหมู่บ้านสือหานให้กลายเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองและงดงามที่สุดก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยคิดทบทวนว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือไม่”หมู่บ้านสือหาน?สถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองและงดงามที่สุด?เกรงว่าคงต้องรอถึงชาติหน้า!ทันทีที่คนเหล่านั้นได้ยิน ก็พากันเมินเฉยต่อคำกล่าวของกู้หว่านเยว่“ก็ได้ พวกเราจะรอวันนั้น ถึงตอนนั้นข้าจะย้ายครอบครัวมาที่นี่!”“แม่นางกู้ พวกเราจะเฝ้ารอให้เจ้าสร้างหมู่บ้านสือหานจนกลายเป็นสถานที่ที่มั่งคั่งกว่าเมืองหลวง”“พวกเราไปก่อนนะ หากช้ากว่านี้มืดค่ำจะเดินทางกันลำบาก”ซุนอู่กล่าวเสียงเคร่งขรึม ส่งกันพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน ทุกคนยังคงอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะพากันขึ้นหลังม้า โบกมือให้กู้หว่านเยว่และคนอื่น จากนั้นก็จากเมืองตู้เปียนแห่งนี้ไปซูจิ่นเอ๋อร์มองแผ่นหลังของซุนอู่แล้วน้ำตาคลอเบ้า “ข้าไม่อยากจากท่านนักการซุน
คนอื่นพากันอ้าปากตาค้าง ต้องรู้ก่อนว่าท่านนักการหวงคือหัวหน้าของพวกเขา ทักษะการต่อสู้สูงกว่าใครแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง เขาดูคล้ายกับลูกเจี๊ยบ ไร้กำลังเขามองออกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้มีทักษะการต่อสู้สูงเพียงใด พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาผู้ตรวจการที่เหลือกลืนน้ำลายหลายอึก ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ข้าไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พวกเจ้า แค่ส่งพวกเราไปถึงหมู่บ้านสือหาน เราสัญญาว่าจะอยู่อย่างสงบ หากใครกล้าสร้างปัญหา ข้าก็ไม่ใช่รูปปั้นที่จะไม่รู้สึก ข้าจะสั่งสอนให้รู้จุดจบของชีวิต!”“มิกล้า มิกล้า” ผู้ตรวจการหลายคนพากันส่ายหน้า ตอนนี้พวกเขาเดินทางกันมาถึงครึ่งทางแล้ว ไม่ได้อยู่ในศาลาว่าการ พวกเขาคงขอกำลังเสริมไม่ได้ ทำได้แค่ยอมตามน้ำไปก่อนในเวลานี้กู้หว่านเยว่ถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังจัดการกับท่านนักการหวงรีบสั่งให้นายท่านเซิ่งพาตัวฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งขึ้นเกวียนลา“ไม่ได้ ๆ แม่นางกู้ เกวียนลาของเจ้ามีคนเยอะมากพอแล้ว ข้าขึ้นไปมีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้เจ้าเสียเปล่า ๆ?”สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านบาดเจ็
หลายครอบครัวต่างสบตากัน น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินแสดงอำนาจต่อพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด!ให้ตายเถอะ เหล่านักโทษถูกกดขี่ข่มเหงมาตลอดทางแล้วนะกว่าจะเดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ยังต้องโดนกดขี่อีกหรือ?นายท่านหลี่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ขอถามผู้ใหญ่บ้านหน่อย ที่พักของพวกเราคือที่ไหน?”“รีบทำไม ผู้ใหญ่บ้านพูดอยู่ เจ้ากล้าพูดแทรกได้อย่างไร?”ผู้ใหญ่บ้านเฉินส่งเสียงฮึดฮัดน้ำเสียงเย็นชาออกมา แสดงอำนาจอย่างมากนายท่านหลี่ขมวดคิ้วแน่น “พวกเราไม่ใช่นักโทษ คนที่มาถึงเจดีย์หนิงกู่ล้วนแต่เป็นคนของทางการ ทำไมพวกเราจะพูดแทรกเจ้าไม่ได้?”น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินกำลังบอกว่าพวกเขาอยู่ต่ำกว่าอย่างไรอย่างนั้น?“พวกเจ้าคือนักโทษ เป็นคนนอก และเป็นทาสผู้ต่ำต้อย!” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินฉายแววโหดร้าย มิน่าล่ะใต้เท้าสวีถึงอยากสั่งสอนพวกเขา หัวรั้นกันยิ่งนัก“พวกเจ้าอยากได้บ้านไม่ใช่หรือ” ผู้ใหญ่บ้านเฉินชี้ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ตีนเขามีบ้านที่ไม่มีใครใช้มานานกว่าสิบปีว่างอยู่พอดี พวกเจ้าไปพักที่นั้นละกัน”กู้หว่านเยว่เห็นรอยยิ้มที่แสดงความมุ่งร้ายของผู้ใหญ่บ้านเฉิน ลางสังหรณ
หวังต้าโก่วแสดงท่าทีโง่เขลาออกมา“หมู่บ้านสือหานของพวกเรามีสิบสองเดือนเข้าสู่ฤดูหนาวไปแล้วแปดเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมของปีหน้าจะมีหิมะตกหนัก น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง นอกจากพืชที่ทนความหนาวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด พืชที่เหลือตายหมด ข้าวและข้าวสาลีที่พวกเจ้ากล่าวถึง....พวกเราไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว”เมื่อโพล่งประโยคนี้ออกไป ทุกคนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านสือหานเมื่อเดินทางมาถึงตีนเขา ทุกคนก็พากันสูดลมหายใจเย็นนี่...นี่คือบ้านหรือ?ลักษณะของบ้านมีเพียงเสาบ้านที่กองสุมรวมกัน รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยหญ้ากองโต....“กระท่อมหลังนี้เราจะอยู่ได้อย่างไร?”หวังต้าโก่วเลียริมฝีปาก “บ้านในหมู่บ้านมีไม่เยอะ พวกเจ้าดันล่วงเกินผู้ใหญ่บ้านอีก จึงถูกขับไสให้มาอยู่ที่นี่”เรื่องที่เขาไม่ได้บอกก็คือ ที่ตีนเขาแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกไม่น้อย ถัดจากภูเขานี้ไปก็คือแคว้นโจวตะวันออก ทุกครั้งที่ฤดูหนาวมาเยือน จะมีคนของแคว้นโจวตะวันออกมาปล้นสะดมเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้“น้องต้าโก่วลำบากเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ให้มันเทศสองลูกกับเขาเ
กู้หว่านเยว่แสยะยิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้นกำลังเศร้าใจว่าไม่มีของคาวเข้าปากอยู่เลยเนื้อหมาป่า อร่อยจัง!“จื่อชิง จิ่นเอ๋อร์ปลุกพรรคพวกขึ้นมา ไม่ต้องนอนแล้ว เตรียมพร้อมต้อนรับศัตรู”กู้หว่านเยว่ชี้ไปยังบ้านถัดกัน “ขุนพลหวัง ท่านไปดูแลหรานหร่าน”ศึกครั้งแรกของพวกเขาในหมู่บ้านสือหาน กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้วเสียงพิลาปร่ำไห้ดังเข้ามาในหมู่บ้านสือหานชาวบ้านที่อยู่บนเตียงต่างสั่นสะท้าน ทยอยแง้มประตูเรือนออก“แย่แล้ว กลุ่มนักโทษเนรเทศที่มาวันนี้ถึงคราวแล้ว”“ในเทือกเขาด้านหลังมีหมาป่ากว่าร้อยตัว พรุ่งนี้เช้าเกรงว่าจะไม่ได้เห็นแม้แต่ศพของพวกเขา”“ใครใช้ให้พวกเขาล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ ล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านก็เลยจบไม่สวย...”หลายปีก่อน ก็มีนักโทษเนรเทศกลุ่มหนึ่งมาที่หมู่บ้านสือหาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อเอาใจหัวหน้าหมู่บ้าน ส่งผลให้ถูกหมาป่าฉีกเป็นชิ้น ๆ ที่เชิงเขาในคืนนั้นเลือดนั้นย้อมดินแดนใกล้เคียงกลายเป็นสีแดงเข้มนับจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า หมาป่าบนภูเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของสกุลเฉิน ทุกคนเลยไม่กล้าขัดใจหัวหน้าหมู่บ้านเฉินอีก“โชคดีที่พว
ที่เชิงเขาด้านหน้ากระท่อมทรุดโทรมเรียงรายแถวหนึ่ง มีซากหมาป่าแขวนอยู่กว่าสามสิบตัวอย่างน่าประหลาด!หมาป่าตายได้อย่างไร ที่ตายควรเป็นมนุษย์มิใช่หรือ?ประตูเปิดออกดัง “เอี๊ยดอ๊าด” ซูจิ่นเอ๋อร์ถือถังน้ำร้อนถังหนึ่งออกมาด้วยความตกใจ“พวกท่านมาทำอะไรกัน?”“เก็บ เก็บศพให้พวกท่าน” สะใภ้สกุลโจวเอ่ยอย่างอ่อนแรง เมื่อเหลือบเห็นเหล่าหมาป่าที่แขวนอยู่กลางสายลมหนาว ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวหมาป่าจำนวนมากเช่นนี้ถูกพวกเขาสังหารอย่างไม่น่าเชื่อ น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!ต้องรู้ว่าหมาป่าที่อยู่หลังภูเขาหมู่บ้านสือหานกลุ่มนั้น ดุร้ายยิ่งกว่าหมาป่าที่อยู่ข้างนอกเสียอีก ลำพังขนาดร่างกายก็ยาวถึงสองเมตรแล้ว!คนกลุ่มนี้เก่งกาจถึงเพียงไหน?“พวกท่านมาเก็บศพหรือ? ขอบคุณพวกท่านมาก แต่เมื่อวานนี้พวกข้าไม่มีใครตาย”กู้หว่านเยว่เดินยิ้มแย้มออกมาจากข้างในพลางชักกริชคมกริบออกมา ถลกหนังหมาป่าตัวหนึ่งด้วยมืออย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นหมาป่าที่ไร้ขนภายในชั่วพริบตา กลุ่มชาวบ้านก็กลืนน้ำลายถอยหลังไปหนึ่งก้าวผู้ถูกเนรเทศที่มาใหม่ เห็นทีจะแหย่ไม่ได้กู้หว่านเยว่ตากหนังหมาป่าไว้บนท่อนไม้เพื่อผึ่งลมให้แห้ง รอเอามาท
กู้หว่านเยว่เบิกตากว้าง “ช่าง...”“เจ้ารู้สึกว่ามันแพงไหม?”หวังต้าโก่วรีบถามกู้หว่านเยว่จะกล้าพูดได้อย่างไรว่ามันถูก นี่มันเป็นราคาของทาสผิวดำชัด ๆหมู่บ้านสือหานเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในเจดีย์หนิงกู่ ค่าแรงย่อมต่ำที่สุดเป็นธรรมดา“ไม่อย่างนั้น เก้าแผ่นทองแดงต่อวันก็ได้”กว่าจะมีงานทำได้ไม่ใช่ง่าย ๆ จะปล่อยให้หลุดลอยไปไม่ได้“เอ่อ สิบแผ่นทองแดงแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ใจดำทำนาบนหลังคนไม่เป็น“ท่านช่วยไปหาแรงงานประมาณสามสิบคนให้ข้าที ขอที่ซื่อสัตย์และเชื่อใจได้”หวังต้าโก่วสะดุ้งโหยง“ซ่อมแซมเรือนแค่ห้าหรือหกคนก็พอแล้วล่ะมั้ง สามสิบกว่าคนไม่มากเกินไปหรือ?”“ไม่มาก ไม่มาก” กู้หว่านเยว่ส่ายหัว ดูมีเลศนัย “ไม่ใช่แค่ซ่อมแซมเรือนเท่านั้น”หวังต้าโก่วเกาศีรษะ “ตกลง แม่นางกู้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าเชื่อถือได้ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อสอบถามให้เจ้า”“เรื่องนี้ไม่เร่งด่วน”กู้หว่านเยว่แจกเนื้อหมาป่าให้กับทุกคน ด้วยความคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหวังต้าโก่วรีบร้อนออกไปกู้หว่านเยว่หยิบสมุดบันทึกที่ลงทะเบียนไว้เมื่อวานออกมาใครก็ตามที่ฆ่าหมาป่า ก็ให้พวกเขาแต่ละครอบครัวลากไป