จางเอ้อร์ตาแดงก่ำ “แม่นางน้อยกู้ ข้า ข้าไม่อยากทิ้งพวกเจ้า!”“หรือข้าอยู่ต่อที่เจดีย์หนิงกู่!”“เจ้ามีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง เจ้าไม่ต้องการครอบครัวของเจ้าแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่ยกมือแสดงความจนปัญญา แต่จู่ ๆ นางก็คิดได้จึงกล่าวว่า“เช่นนั้นเจ้ารอให้ข้าสร้างหมู่บ้านสือหานให้กลายเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองและงดงามที่สุดก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยคิดทบทวนว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือไม่”หมู่บ้านสือหาน?สถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองและงดงามที่สุด?เกรงว่าคงต้องรอถึงชาติหน้า!ทันทีที่คนเหล่านั้นได้ยิน ก็พากันเมินเฉยต่อคำกล่าวของกู้หว่านเยว่“ก็ได้ พวกเราจะรอวันนั้น ถึงตอนนั้นข้าจะย้ายครอบครัวมาที่นี่!”“แม่นางกู้ พวกเราจะเฝ้ารอให้เจ้าสร้างหมู่บ้านสือหานจนกลายเป็นสถานที่ที่มั่งคั่งกว่าเมืองหลวง”“พวกเราไปก่อนนะ หากช้ากว่านี้มืดค่ำจะเดินทางกันลำบาก”ซุนอู่กล่าวเสียงเคร่งขรึม ส่งกันพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน ทุกคนยังคงอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะพากันขึ้นหลังม้า โบกมือให้กู้หว่านเยว่และคนอื่น จากนั้นก็จากเมืองตู้เปียนแห่งนี้ไปซูจิ่นเอ๋อร์มองแผ่นหลังของซุนอู่แล้วน้ำตาคลอเบ้า “ข้าไม่อยากจากท่านนักการซุน
คนอื่นพากันอ้าปากตาค้าง ต้องรู้ก่อนว่าท่านนักการหวงคือหัวหน้าของพวกเขา ทักษะการต่อสู้สูงกว่าใครแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง เขาดูคล้ายกับลูกเจี๊ยบ ไร้กำลังเขามองออกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้มีทักษะการต่อสู้สูงเพียงใด พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาผู้ตรวจการที่เหลือกลืนน้ำลายหลายอึก ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ข้าไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พวกเจ้า แค่ส่งพวกเราไปถึงหมู่บ้านสือหาน เราสัญญาว่าจะอยู่อย่างสงบ หากใครกล้าสร้างปัญหา ข้าก็ไม่ใช่รูปปั้นที่จะไม่รู้สึก ข้าจะสั่งสอนให้รู้จุดจบของชีวิต!”“มิกล้า มิกล้า” ผู้ตรวจการหลายคนพากันส่ายหน้า ตอนนี้พวกเขาเดินทางกันมาถึงครึ่งทางแล้ว ไม่ได้อยู่ในศาลาว่าการ พวกเขาคงขอกำลังเสริมไม่ได้ ทำได้แค่ยอมตามน้ำไปก่อนในเวลานี้กู้หว่านเยว่ถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังจัดการกับท่านนักการหวงรีบสั่งให้นายท่านเซิ่งพาตัวฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งขึ้นเกวียนลา“ไม่ได้ ๆ แม่นางกู้ เกวียนลาของเจ้ามีคนเยอะมากพอแล้ว ข้าขึ้นไปมีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้เจ้าเสียเปล่า ๆ?”สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านบาดเจ็
หลายครอบครัวต่างสบตากัน น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินแสดงอำนาจต่อพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด!ให้ตายเถอะ เหล่านักโทษถูกกดขี่ข่มเหงมาตลอดทางแล้วนะกว่าจะเดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ยังต้องโดนกดขี่อีกหรือ?นายท่านหลี่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ขอถามผู้ใหญ่บ้านหน่อย ที่พักของพวกเราคือที่ไหน?”“รีบทำไม ผู้ใหญ่บ้านพูดอยู่ เจ้ากล้าพูดแทรกได้อย่างไร?”ผู้ใหญ่บ้านเฉินส่งเสียงฮึดฮัดน้ำเสียงเย็นชาออกมา แสดงอำนาจอย่างมากนายท่านหลี่ขมวดคิ้วแน่น “พวกเราไม่ใช่นักโทษ คนที่มาถึงเจดีย์หนิงกู่ล้วนแต่เป็นคนของทางการ ทำไมพวกเราจะพูดแทรกเจ้าไม่ได้?”น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินกำลังบอกว่าพวกเขาอยู่ต่ำกว่าอย่างไรอย่างนั้น?“พวกเจ้าคือนักโทษ เป็นคนนอก และเป็นทาสผู้ต่ำต้อย!” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินฉายแววโหดร้าย มิน่าล่ะใต้เท้าสวีถึงอยากสั่งสอนพวกเขา หัวรั้นกันยิ่งนัก“พวกเจ้าอยากได้บ้านไม่ใช่หรือ” ผู้ใหญ่บ้านเฉินชี้ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ตีนเขามีบ้านที่ไม่มีใครใช้มานานกว่าสิบปีว่างอยู่พอดี พวกเจ้าไปพักที่นั้นละกัน”กู้หว่านเยว่เห็นรอยยิ้มที่แสดงความมุ่งร้ายของผู้ใหญ่บ้านเฉิน ลางสังหรณ
หวังต้าโก่วแสดงท่าทีโง่เขลาออกมา“หมู่บ้านสือหานของพวกเรามีสิบสองเดือนเข้าสู่ฤดูหนาวไปแล้วแปดเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมของปีหน้าจะมีหิมะตกหนัก น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง นอกจากพืชที่ทนความหนาวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด พืชที่เหลือตายหมด ข้าวและข้าวสาลีที่พวกเจ้ากล่าวถึง....พวกเราไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว”เมื่อโพล่งประโยคนี้ออกไป ทุกคนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านสือหานเมื่อเดินทางมาถึงตีนเขา ทุกคนก็พากันสูดลมหายใจเย็นนี่...นี่คือบ้านหรือ?ลักษณะของบ้านมีเพียงเสาบ้านที่กองสุมรวมกัน รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยหญ้ากองโต....“กระท่อมหลังนี้เราจะอยู่ได้อย่างไร?”หวังต้าโก่วเลียริมฝีปาก “บ้านในหมู่บ้านมีไม่เยอะ พวกเจ้าดันล่วงเกินผู้ใหญ่บ้านอีก จึงถูกขับไสให้มาอยู่ที่นี่”เรื่องที่เขาไม่ได้บอกก็คือ ที่ตีนเขาแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกไม่น้อย ถัดจากภูเขานี้ไปก็คือแคว้นโจวตะวันออก ทุกครั้งที่ฤดูหนาวมาเยือน จะมีคนของแคว้นโจวตะวันออกมาปล้นสะดมเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้“น้องต้าโก่วลำบากเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ให้มันเทศสองลูกกับเขาเ
กู้หว่านเยว่แสยะยิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้นกำลังเศร้าใจว่าไม่มีของคาวเข้าปากอยู่เลยเนื้อหมาป่า อร่อยจัง!“จื่อชิง จิ่นเอ๋อร์ปลุกพรรคพวกขึ้นมา ไม่ต้องนอนแล้ว เตรียมพร้อมต้อนรับศัตรู”กู้หว่านเยว่ชี้ไปยังบ้านถัดกัน “ขุนพลหวัง ท่านไปดูแลหรานหร่าน”ศึกครั้งแรกของพวกเขาในหมู่บ้านสือหาน กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้วเสียงพิลาปร่ำไห้ดังเข้ามาในหมู่บ้านสือหานชาวบ้านที่อยู่บนเตียงต่างสั่นสะท้าน ทยอยแง้มประตูเรือนออก“แย่แล้ว กลุ่มนักโทษเนรเทศที่มาวันนี้ถึงคราวแล้ว”“ในเทือกเขาด้านหลังมีหมาป่ากว่าร้อยตัว พรุ่งนี้เช้าเกรงว่าจะไม่ได้เห็นแม้แต่ศพของพวกเขา”“ใครใช้ให้พวกเขาล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ ล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านก็เลยจบไม่สวย...”หลายปีก่อน ก็มีนักโทษเนรเทศกลุ่มหนึ่งมาที่หมู่บ้านสือหาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อเอาใจหัวหน้าหมู่บ้าน ส่งผลให้ถูกหมาป่าฉีกเป็นชิ้น ๆ ที่เชิงเขาในคืนนั้นเลือดนั้นย้อมดินแดนใกล้เคียงกลายเป็นสีแดงเข้มนับจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า หมาป่าบนภูเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของสกุลเฉิน ทุกคนเลยไม่กล้าขัดใจหัวหน้าหมู่บ้านเฉินอีก“โชคดีที่พว
ที่เชิงเขาด้านหน้ากระท่อมทรุดโทรมเรียงรายแถวหนึ่ง มีซากหมาป่าแขวนอยู่กว่าสามสิบตัวอย่างน่าประหลาด!หมาป่าตายได้อย่างไร ที่ตายควรเป็นมนุษย์มิใช่หรือ?ประตูเปิดออกดัง “เอี๊ยดอ๊าด” ซูจิ่นเอ๋อร์ถือถังน้ำร้อนถังหนึ่งออกมาด้วยความตกใจ“พวกท่านมาทำอะไรกัน?”“เก็บ เก็บศพให้พวกท่าน” สะใภ้สกุลโจวเอ่ยอย่างอ่อนแรง เมื่อเหลือบเห็นเหล่าหมาป่าที่แขวนอยู่กลางสายลมหนาว ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวหมาป่าจำนวนมากเช่นนี้ถูกพวกเขาสังหารอย่างไม่น่าเชื่อ น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!ต้องรู้ว่าหมาป่าที่อยู่หลังภูเขาหมู่บ้านสือหานกลุ่มนั้น ดุร้ายยิ่งกว่าหมาป่าที่อยู่ข้างนอกเสียอีก ลำพังขนาดร่างกายก็ยาวถึงสองเมตรแล้ว!คนกลุ่มนี้เก่งกาจถึงเพียงไหน?“พวกท่านมาเก็บศพหรือ? ขอบคุณพวกท่านมาก แต่เมื่อวานนี้พวกข้าไม่มีใครตาย”กู้หว่านเยว่เดินยิ้มแย้มออกมาจากข้างในพลางชักกริชคมกริบออกมา ถลกหนังหมาป่าตัวหนึ่งด้วยมืออย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นหมาป่าที่ไร้ขนภายในชั่วพริบตา กลุ่มชาวบ้านก็กลืนน้ำลายถอยหลังไปหนึ่งก้าวผู้ถูกเนรเทศที่มาใหม่ เห็นทีจะแหย่ไม่ได้กู้หว่านเยว่ตากหนังหมาป่าไว้บนท่อนไม้เพื่อผึ่งลมให้แห้ง รอเอามาท
กู้หว่านเยว่เบิกตากว้าง “ช่าง...”“เจ้ารู้สึกว่ามันแพงไหม?”หวังต้าโก่วรีบถามกู้หว่านเยว่จะกล้าพูดได้อย่างไรว่ามันถูก นี่มันเป็นราคาของทาสผิวดำชัด ๆหมู่บ้านสือหานเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในเจดีย์หนิงกู่ ค่าแรงย่อมต่ำที่สุดเป็นธรรมดา“ไม่อย่างนั้น เก้าแผ่นทองแดงต่อวันก็ได้”กว่าจะมีงานทำได้ไม่ใช่ง่าย ๆ จะปล่อยให้หลุดลอยไปไม่ได้“เอ่อ สิบแผ่นทองแดงแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ใจดำทำนาบนหลังคนไม่เป็น“ท่านช่วยไปหาแรงงานประมาณสามสิบคนให้ข้าที ขอที่ซื่อสัตย์และเชื่อใจได้”หวังต้าโก่วสะดุ้งโหยง“ซ่อมแซมเรือนแค่ห้าหรือหกคนก็พอแล้วล่ะมั้ง สามสิบกว่าคนไม่มากเกินไปหรือ?”“ไม่มาก ไม่มาก” กู้หว่านเยว่ส่ายหัว ดูมีเลศนัย “ไม่ใช่แค่ซ่อมแซมเรือนเท่านั้น”หวังต้าโก่วเกาศีรษะ “ตกลง แม่นางกู้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าเชื่อถือได้ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อสอบถามให้เจ้า”“เรื่องนี้ไม่เร่งด่วน”กู้หว่านเยว่แจกเนื้อหมาป่าให้กับทุกคน ด้วยความคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหวังต้าโก่วรีบร้อนออกไปกู้หว่านเยว่หยิบสมุดบันทึกที่ลงทะเบียนไว้เมื่อวานออกมาใครก็ตามที่ฆ่าหมาป่า ก็ให้พวกเขาแต่ละครอบครัวลากไป
“ทำไมจะไม่สนับสนุนเล่า ข้าชูสองมือสนับสนุนเลย” ที่ซูจิ่งสิงไม่พูดอะไรเลย เป็นเพราะเขากำลังตรึกตรองอยู่ “ถ้าต้องการเปิดโรงงานอิฐกระเบื้อง ก็ต้องขอกำลังคนช่วยเหลือนายท่านเซิ่งและนายท่านหลี่สามารถช่วยเจ้าดูแลคนงาน ทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาได้นายท่านเหยียนมีพื้นเพเป็นข้าราชการพลเรือน ถนัดเรื่องการเขียน สามารถช่วยเจ้าทำบัญชีได้ส่วนเรื่องการขนส่งวัสดุอิฐกระเบื้องในอนาคต ข้าคิดว่าสามารถมอบหมายให้หวังต้าโก่วจัดการได้ เขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง”กู้หว่านเยว่อ้าปากกว้าง “ข้าแค่มีความคิดเท่านั้น ท่านพี่คำนวณให้ข้าเสร็จสรรพหมดแล้วแม้แต่เรื่องทำบัญชี สุดยอด!”“เอาล่ะ ทางด้านสกุลหลี่และสกุลเซิ่ง ข้าจะไปคุยให้เจ้าเอง”ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยความเอ็นดู เดิมทีคิดอยากจะบีบแก้มนางแต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงกำมือกระแอมไอกลบเกลื่อนกู้หว่านเยว่เปิดแพลตฟอร์มซื้อขาย เริ่มซื้อแบบแปลนสำหรับโรงงานเผาอิฐนายท่านหลี่ นายท่านเซิ่ง และคนอื่น ๆ กำลังกังวลเรื่องหนทางหาเลี้ยงชีพ เมื่อได้ยินว่ากู้หว่านเยว่จะว่าจ้างพวกเขา ก็ปรบมือด้วยความดีใจพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเลกู้หว่านเยว่หยิบสัญญาออกมาให้พวกเขาลงนาม ซึ่
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่