กู้หว่านเยว่หัวเราะ “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ เจ้า นางเป็นสาวใช้ของใต้เท้าฟู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งไม่พอใจ“ใต้เท้าฟู่นี่เป็นอะไรไป ตาบอดแล้วหรือไร? ถึงได้เอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นสาวใช้อยู่ข้างกาย ไม่กลัวอันตรายใกล้ตัวบ้างหรือ”“...”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดูสถานะการอัปเกรดในมิติ เมื่อกลับมาถึงห้องนอนรวมก็แกล้งทำเป็นนอนหลับไป“มิติของข้า มีฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง?! ข้ามีฟาร์มปศุสัตว์แล้ว!”มองไปยังฟาร์มปศุสัตว์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กู้หว่านเยว่ก็ตกใจอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นการอัปเกรดครั้งที่แล้วคือฟาร์มผักและผลไม้ครั้งนี้ ให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่สุดหรูแก่นาง! ฟาร์มปศุสัตว์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า ลมพัดโชยมาเบา ๆ นำพากลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าเข้ามาเต็มจมูกเยี่ยมไปเลย การเลี้ยงวัวและแกะในฟาร์มปศุสัตว์แบบนี้คงจะวิเศษมากแน่ ๆ !”กู้หว่านเยว่เริ่มแยกประเภทสิ่งของที่นางได้มาจากสกุลหมิงและสกุลฮั่วออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ก่อนโบราณวัตถุ งานเขียนพู่กันจีนและภาพวาด รวมถึงของตกแต่งอื่น ๆ ที่ไม่ไ
พูดจบ นางก็บิดเอว เดินจากไปอย่างภาคภูมิใจราวกับผู้ชนะซูจิ่นเอ๋อร์รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก “ใต้เท้าฟู่ ตาบอดไปแล้วจริง ๆ ตาบอดสนิทแล้ว...”ในขณะที่โมโห ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอีกเล็กน้อยนางเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนรวม“ส่งยาแล้วหรือ?”“ส่งแล้ว น่าจะเอาไปให้ขอทานข้างทางยังจะดีเสียกว่า ข้าเสียเวลาไปเปล่า ๆ ทั้งที่อากาศก็หนาวขนาดนี้!”ทุกคนทำหน้างงงวย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไปกินดินระเบิดหรือไรถึงได้โมโหขนาดนี้?ทางด้านหยางหลิว หลังจากเข้าห้องไปแล้ว ก็วางห่อยาไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนางเดินไปอยู่ข้าง ๆ ฟู่หลานเหิงแล้วช่วยเขาฝนหมึกกล่าวกันว่าสาวงามอยู่ข้างกายคอยอยู่เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ หยางหลิวก็อยากจะหาเรื่องคุยกับฟู่หลานเหิงบ้างแต่เมื่อนางมองไปที่หนังสือ ก็อ่านไม่ออกเลยสักตัวจึงได้แต่กล่าวว่า “ใต้เท้า พักผ่อนแต่หัวค่ำเถอะ อ่านหนังสือตอนกลางคืนไม่ดีต่อสายตา”ฟู่หลานเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“เมื่อครู่ใครมา?”“อ้อ บ่าวคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของใต้เท้าที่เจอกันตอนกลางวัน เอาห่อยามาให้เจ้าค่ะ”หยางหลิวพูดขึ้นอย่างร้อนรน “ร่างกายของใต้เท้ามีค่ามากนัก ไม่ควรกินยามั่ว ๆ เดี๋ยวบ
ภายในป่า หมิงจูแต่งตัวเป็นผู้ชาย กำลังถูกท่านอาที่สนิทกับท่านพ่อของนางลากตัวไปเพื่อหลบหนี“ท่านอาคุน คนของสกุลฮั่วตามมาแล้ว!”หมิงจูเผยสีหน้าตื่นตระหนก หลังจากบอกลากู้หว่านเยว่ นางก็รีบไปหาสกุลคุนที่พ่อของนางเคยมีบุญคุณด้วยท่านอาคุนเป็นคนที่มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ จึงตัดสินใจพานางไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยด้วยตัวเองทั้งสองคนหลบหนีจากทหารรักษาประตูเมืองได้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแจ้งข่าว บอกเส้นทางของพวกเขาให้ฮั่วหวงซานรู้ ทำให้คนของสกุลฮั่วตามมาได้“หมิงจู อย่าหนีเลย เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก มาเป็นอนุภรรยาของข้าซะดี ๆ ข้ายังพอจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”ฮั่วหวงซานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ทางด้านหลัง เขามีลูกสมุนที่เลี้ยงไว้มากมาย ตอนนี้เกือบจะล้อมป่านี้ไว้ได้หมดแล้วหมิงจูตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่าฮั่วหวงซานใกล้จะตามทัน ท่านอาคุนก็กระชับลำตัวม้าให้แน่น “คุณหนูหมิง เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะขวางไว้เอง”“ท่านอาคุน ท่านคิดจะทำอะไร?” หมิงจูเพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นท่านอาคุนเอาเสื้อคลุมของนางไปสวม แล้วใส่หมวก ปลอมตัวเป็นนาง“ไม่ ไม่ได้นะท่านอาคุน ข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนไม่ได้!”หมิงจูส่ายหัว นางรู้ดีว่าฮั่วหวงซาน
“อ๊ากกกก!”มู่หรงอวี้อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา โมโหจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วแม้ว่ากู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่นางและซูจิ่งสิงตัวติดกันตลอด เขาจำแผ่นหลังของทั้งสองคนได้ทันทีเขาก็ว่าเหตุใดระหว่างทางมาดวงตาของเขาถึงได้กระตุกตลอด รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง แผนการช่วยหญิงงามของเขาโดนกู้หว่านเยว่แย่งไปอีกแล้ว!“กู้หว่านเยว่นี่มันเป็นตัวซวยของข้าชัด ๆ เลย อ๊ากกก!”มู่หรงอวี้ใกล้จะบ้าแล้ว บ้ามาก บ้าสุด ๆ “เร็วเข้า ตามนางไป!”หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไป แต่จะไปตามม้าเซ็กเธาว์ทันได้อย่างไรบนหลังม้า หมิงจูซบหลังของกู้หว่านเยว่ เสียใจกับการตายของท่านอาคุนอย่างยิ่ง“หมิงจู เจ้าทนไหวหรือไม่?” กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยความเป็นห่วง หมิงจูได้รับบาดเจ็บ บนไหล่ของนางถูกกิ่งไม้แทง ต้องหาที่ทำแผลให้นางก่อน“ท่านผู้มีพระคุณ ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยข้าอีกครั้ง”ทั้งสองคนควบม้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นซูจิ่งสิงก็ชี้ไปยังป่าไผ่ที่อยู่ข้างหน้า“ป่าไผ่ข้างหน้านั่นปลอดภัยชั่วคราว เราไปพักที่นั่นกันเถอะ”“ดี” กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ทั้งสามคนเข้าไปในป่าไผ่ ห
“ทำไมถึงเป็นเจ้า? ข้ายิ่งไม่อยากเจอหน้าเจ้าอยู่!”ผู้มาเยือนคือกงซุนจ่างเย่ที่กำลังเดินกระสับกระส่ายอยู่ในป่าถึงแม้ว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่จะแต่งตัวเป็นบุรุษ แต่กงซุนจ่างเย่เคยเห็นนางยามแต่งตัวเป็นสตรีมาก่อน อีกทั้งเขายังคิดหาวิธีขับไล่ความชั่วร้ายของนางอยู่ทุกวัน วินาทีแรกที่เห็นหน้าของนางเขาก็จำนางได้ในทันทีกู้หว่านเยว่ยังเป็นกังวลอยู่เลยว่าจะให้ใครคุ้มกันหมิงจู แต่เมื่อเจอกงซุนจ่างเย่ นางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เยี่ยม สวรรค์ได้ส่งศัตรูมาตรงหน้าของนางแล้ว“คุณชายกงซุน ไม่เจอกันตั้งนาน”ทำไมรอยยิ้มนี้ถึงแฝงไปด้วยความมุ่งร้ายเช่นนั้น?กงซุนจ่างเย่รู้สึกขนลุกซู “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?” แย่แล้ว ๆ ท่านอ๋องไม่อยู่เสียด้วย เขาต้องถูกรังแกอีกแน่นอน“ไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้าค่ะ แค่อยากคุยเรื่องธุรกิจกับท่านก็เท่านั้น” กู้หว่านเยว่รุดหน้าเข้าไปกระชากตัวกงซุนจ่างเย่ “ไอหยา ช่วยด้วย!”“ท่านจอมยุทธ์หญิง คราวที่แล้วนายน้อยของเราถูกลาเตะเข้าที่ศีรษะสร้างความวุ่นวายให้พวกท่านไม่น้อย ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลยขอรับ!” คนขับม้ารุดหน้าเข้ามากราบวิงวอนขอความเมตตาอยู่ด้านข้างนายน้อยคือสายเลือดเพี
“เจ้ากล้านัก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าสกุลกงซุนฆ่าเจ้าได้!”กู้หว่านเยว่แกว่งเข็มในมือเล่น “ท่านก็ลองดู”กงซุนจ่างเย่ตกใจจนต้องหดคอไปด้านหลัง“ช้าก่อน ข้ายอมไปส่งให้เจ้าก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์เชียวนะ!”เขาพอคาดเดาถึงความโหดร้ายของกู้หว่านเยว่ได้ กงซุนจ่างเย่จึงไม่กล้าเล่นกับไฟ รีบเรียกหมิงจูขึ้นรถม้า กู้หว่านเยว่เอื้อมมือออกไปคว้าตัวหมิงจูไว้ “แม่นางหมิง มีเพียงต้องรอดชีวิต ถึงจะมีความหวังในการแก้แค้นได้”หมิงจูพยักหน้า “ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะรอดกลับมาเพื่อท่านพ่อและท่านแม่”กล่าวจบก็หมุนตัวไปคารวะกงซุนจ่างเย่ “รบกวนคุณชายกงซุนแล้วเจ้าค่ะ ถึงเมืองเหยียนสุ่ยแล้วข้าจะตอบแทนท่านอย่างดี”“ไม่รบกวน”หมิงจู่ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกงซุนจ่างเย่และมู่หรงอวี้กงซุนจ่างเย่หมุนตัวอย่างไม่ใส่ใจ หากแม่นางผู้นี้รู้ว่าเขาเข้าไปรายงานเรื่องของสกุลฮั่วพร้อมกับท่านอ๋องเมื่อวานนี้ จะยังตอบแทนเขาอีกไหม?ทำอย่างไรดีจู่ ๆ ก็รู้สึกผิดเสียอย่างนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงอวี้ไล่ตามมาทัน กู้หว่านเยว่จึงเร่งรัดให้พวกเขาออกเดินทางทันทีที่พวกเขาจากไป มู่หรงอวี้ก็พาทหารไล่ตามมาอย่างที่คิ
“ภาพวาดชิ้นนี้เป็นฝีมือของใคร?”เถาเอ๋อร์รุดหน้าเข้าไปแย่งภาพวาดชิ้นนั้น และกวาดตามองอย่างละเอียดการยื้อแย่งนั้นทำให้ผู้ว่าการอำเภอหงายหลังอย่างโกรธเคือง“หมายความว่าอย่างไรฝีมือของใคร นักโทษเจ้าเล่ห์อย่างเจ้ากล้าคิดหนีไม่พอ ยังจะกล้าแย่งของของข้าอีก ลงโทษสองเท่า!”เหล่าผู้ตรวจการรุดหน้าเข้ามาจับตัวเถาเอ๋อร์อย่างพร้อมเพรียง มู่หรงอวี้รีบกล่าวว่า “บังอาจ เถาเอ๋อร์เป็นสหายของข้า พวกเจ้ากล้าจับตัวสหายของข้า อยากตายกันหรืออย่างไร?!”ผู้ว่าการอำเภอมองมู่หรงอวี้ด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง ที่นี่อยู่ใกล้เจดีย์หนิงกู่ เป็นพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนอีกอย่างใครจะอยากให้ท่านอ๋องของตัวเองเดินทางร่วมขบวนกับนักโทษเหล่านี้?เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเนี่ยนะท่านอ๋อง? เช่นนั้นข้าก็เป็นเทพเจ้าแล้ว! เจ้ามีความผิดโทษฐานปิดบังนักโทษหลบหนี โดนลงโทษสถานเดียวกัน!”“ข้าคือท่านอ๋อง ชื่อของข้าคือหวายหนานอ๋อง!”“หุบปากของเจ้าได้แล้ว!”ทั้งสองคนถูกผู้ว่าการอำเภอพาตัวไปกู้หว่านเยว่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วนางก็หลุดหัวเราะออกมา
แม้ว่าสกุลหลี่จะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองตู้เปียน แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะไม่เจอคนรู้จักหลี่เฉินอันพยักหน้า จากนั้นก็กระชากหลี่อวิ๋นอวิ๋นที่กระโดดโลดเต้นเข้ามาในโรงน้ำชา“ไปกันเถอะ เราเข้าเมืองกันก่อน”ซุนอู่ถือเอกสารและคู่มือด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ภารกิจครานี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ พวกเขาเดินมาถึงหน้าจวนขุนนางหลังจากเดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้ว ซุนอู่จะต้องส่งนักโทษให้เหล่าทหารของเจดีย์หนิงกู่ รับเอกสารแล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่เมืองหลวงส่วนทหารที่รับช่วงต่อจะเป็นคนจัดการนักโทษเหล่านั้นเองยังมีหมู่บ้านอีกหลายแห่งในเจดีย์หนิงกู่ที่พวกเขาต้องไปเวลานี้ผู้ตรวจการที่ประจำอยู่หน้าประตูเมืองเห็นพวกเขาแล้วก็ต้องส่ายหน้า“น่าเวทนายิ่งนัก ถึงตาใต้เท้าสวีอับจนเสียแล้ว”“ใครบ้างไม่รู้ว่าใต้เท้าสวีจะต้องรับสินบนทุกครั้ง มิเช่นนั้นจะถูกส่งตัวไปยังพื้นที่ห่างไกล?”ทันทีที่คนกลุ่มนั้นได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเดิมทีคิดว่าความลำบากที่เจอมาตลอดทางจนกระทั่งถึงเจดีย์หนิงกู่นั้นไม่ง่ายเลย การได้เจอที่พักและได้พักอย่างสงบสุขเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักแต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ทันทีที่ถึงเจดีย์หนิงกู