ขณะที่กำลังพูดคุยนั้น เสียงกีบม้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นนอกหมู่บ้านผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยวิ่งตามจางเอ้อร์เข้ามา“โจรฆ่าคนกลุ่มนั้นอยู่ไหน?”“ใต้เท้า ตามข้ามา” ซุนอู่รีบลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินเข้าไปต้อนรับผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยตลอดเส้นทางที่มานี่ จางเอ้อร์ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าการอำเภอฟังโดยประมาณแล้วดังนั้นเมื่อเจอกับ “ชาวบ้าน” เหล่านั้น ผู้ว่าการอำเภอก็หยิบป้ายประกาศออกมาเทียบกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายก็พยักหน้า“ไม่ผิด คนกลุ่มนี้คือโจรที่มีคดีความจริง ๆ ข้าตามหาพวกเขามานานแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปลอมตัวเป็นชาวบ้านและซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ท่านนักการซุน ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของท่าน ข้าจะรายงานตามความเป็นจริง!”ซุนอู่เลิกคิ้วและคลี่ยิ้มผู้ว่าการอำเภอสอบปากคำ “ชาวบ้าน” เหล่านั้นอีกพักใหญ่ จนได้รู้ว่าใต้บ่อแห่งนี้มีถ้ำสมบัติ เขาลูบปลายคาง ก่อนจะออกคำสั่งให้คนค้นหาผู้ตรวจการลงไปค้นหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับขึ้นมา “รายงานใต้เท้า ข้างล่างมีถ้ำอยู่จริง แต่ภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย”“เป็นไปไม่ได้!”“ผู้ใหญ่บ้าน” ตรากตรำขุดหาถ้ำสมบัติมาเนิ่นนานเพราะอยากเอาชนะ
เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากเปิดโปง “คุณหนูรอง” แล้ว ก็จะให้เมี่ยชิงหว่านได้พบกับหนานหยางอ๋องเพื่อรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ใครจะไปรู้ว่าหนานหยางอ๋องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป จนถึงขั้นจากไปแล้วหวังปี้เห็นสีหน้าปวดหัวของกู้หว่านเยว่ จึงรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของท่านอ๋องยังมีปัญหาอีกหรือ?”“ไม่ใช่หรอก ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”กู้หว่านเยว่โบกมือ ตอนนี้จะตามหนานหยางอ๋องไปก็ไม่ทันแล้วและดูเหมือนว่าหนานหยางอ๋องจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากฟู่ชิง ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาเมื่อครู่นี้ หากไปรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือดตอนนี้ เกรงว่าร่างกายของเขาจะรับความรู้สึกที่ผันผวนรุนแรงไม่ไหว“อาจเป็นเพราะวาสนาของพ่อลูกยังไม่มาถึง บังคับกันไม่ได้ พวกเราไม่ต้องใส่ใจมากนัก”ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้หนานหยางอ๋องถูกฮ่องเต้จับตามองอยู่ เมี่ยชิงหว่านอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบนางด้วยเสียงเบา กู้หว่านเยว่ลองคิดดูก็มีเหตุผล จึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อนกลุ่มคนเดินทางกันต่อไปกู้หว่านเยว่ใช้ระบบตรวจสอบแผนที่ พบว่าพวกเขาใกล้จะถึงเจดีย์หนิงกู่มากขึ้นเรื
“ท่าทางตอนเจ้าแต่งชายก็ไม่เลวนะ”ซูจิ่งสิงกระตุกมุมปาก เขาสามารถพูดได้หรือไม่ว่าภรรยาของเขาเมื่อแต่งเป็นชายนั้นดูหล่อเหลาเลยทีเดียว? หากเขาเป็นผู้หญิงคงจะต้องหวั่นไหวแน่ ๆ ทั้งสองคนต่างชมเชยกันไปมา จากนั้นก็มาถึงสกุลหมิงอย่างรวดเร็วยังไม่ทันได้เข้าประตู กู้หว่านเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าสกุลหมิงเพิ่งถูกปล้น คนรับใช้ทั้งหมดกำลังเก็บข้าวของและหนีไปคนละทิศละทางทั้งภายในเรือนและนอกเรือน ถูกทุบทำลายและปล้นชิงข้าวของเมื่อเห็นแล้วกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าสกุลฮั่วจะต้องการฮุบกิจการ แต่ก็ทำเกินไปแล้วกระมัง นี่มันกะจะกวาดล้างสกุลหมิงเลยนะ!เห็นว่ามีองครักษ์ล้อมรอบเรือนหลักไว้มากมาย ซูจิ่งสิงจึงอุ้มกู้หว่านเยว่ทะยานขึ้นไปบนหลังคา และทั้งสองก็มาถึงด้านบนของเรือนพอเปิดกระเบื้องหลังคามองลงไป ก็เห็นคุณชายสกุลฮั่วกำลังบังคับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“หมิงจู ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่ใช่คุณหนูสกุลหมิงอีกต่อไป ข้าชอบเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี อย่าให้ต้องลงเอยเหมือนพ่อแม่ของเจ้าเลย”“ฮั่วหวงซาน! เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าบีบพ
“เหตุใดจึงมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว คนอื่นในครอบครัวของเจ้าล่ะ? แล้วบ่าวไพร่ของเจ้าล่ะ?”แม้ว่าสกุลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คุณหนูมาถูกข่มเหงรังแกที่นี่ โดยไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่ข้างกายเลยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงจูก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก“พ่อแม่ของข้าถูกบีบให้ตาย สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกันกับข้า...ก็ถูกไอ้สารเลวสกุลฮั่วข่มขืนแล้วฆ่า บ่าวไพร่คนอื่นก็หนีไปบ้าง กระจัดกระจายกันไป ตอนนี้จวนสกุลหมิงเหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว”“สกุลฮั่วโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ในขณะที่กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สกุลฮั่วโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ไม่เหมาะที่จะร่วมมือด้วยแต่หมิงจูคนนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายาหมิงของมู่หรงอวี้ แต่ถ้าตนเองจะฉกตัวนางไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ได้?แต่การคิดเรื่องพวกนี้มันยังอีกไกล ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรีบออกจากสกุลหมิง พราะแม้แต่ตัวหมิงจูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด“แล้วตอนนี้เจ้ามีที่ให้ไปหรือไม่?”“มี สกุลโม่ของท่านปู่ข้าอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหยียนสุ่ย ขอแค่กลับไปถึงจวนท่านตาได้ ข้าก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่า ร่างของท่านพ่อท่านแม
“ขอถามชื่อของท่านผู้มีพระคุณสักหน่อย ในอนาคตข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ”“ข้าสกุลกู้”“คุณชายกู้ ข้าไปก่อน หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่” หมิงจูมองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินจากไป“ไปกัน พวกเราไปดูที่สกุลฮั่วอีกสักหน่อย” กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมือ ตัดสินใจไปกวาดล้างสกุลฮั่วอีกสักรอบในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็เพิ่งมาถึงจวนสกุลหมิงมู่หรงอวี้มองฮั่วหวงซานที่สลบอยู่กับพื้นและถูกคนพยุงออกมา จึงเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะได้มาช่วยหญิงงาม? แล้วเหตุใดคุณหนูหมิงนั่นถึงหนีไปแล้ว?”หากกู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ คงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่หรงอวี้ ก็คือเถาเอ๋อร์คนที่หนีไปในคืนหิมะตกวันนั้นเถาเอ๋อร์ก็มึนงงเช่นกัน สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าเขียนไว้ว่าหมิงจูเสียตัวไปแล้วชัด ๆ ตอนนี้นางน่าจะกำลังคิดจะผูกคอตายนะ...”มู่หรงอวี้ฟังนางพูดจาเลื่อนลอย ใบหน้าก็เผยความรำคาญออกมาถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้สามารถบอกเรื่องราวที่เขาทำมาตลอดหลายปีได้อย่างแม่นยำ รู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา และยังบอกว่าจะช่
เวลานี้ รถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้รีบโอบเอวของเถาเอ๋อร์แล้วหมุนตัวลงสู่พื้น“แม่นางเถาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว”เถาเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก นี่มันเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าเลยนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ข้าเอาชนะใจไม่ได้“ครั้งหน้าต้องระวัง อย่ายืนริมถนน หากโดนรถม้าชน ข้าจะเสียใจเอานะ”“อืม”เถาเอ๋อร์พยักหน้า หัวใจเต้นแรง นี่นางจะได้มีความรักกับตัวละครในหนังสือแบบฟรี ๆ งั้นหรือ? ในเมื่อฟู่เยียนหรานไร้ประโยชน์ งั้นก็ให้นางเป็นพระมเหสีที่สวรรค์ประทานแทนก็แล้วกัน?“พวกเราขึ้นรถม้าก่อนเถอะ”ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อออกตามหาที่อยู่ของหมิงจูบนรถม้า เถาเอ๋อร์เหลือบมองกงซุนจ่างเย่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเบะปากเอ่ยเตือน “ท่านอ๋อง กงซุนจ่างเย่เป็นแค่เหยื่อ สุดท้ายจะตายอย่างน่าอนาถ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องอย่าไปใกล้ชิดกับคนโง่เช่นนี้เลย”“เขาจะตายอย่างน่าอนาถ?”มู่หรงอวี้ชะงัก เขาอยากรู้ว่ากงซุนจ่างเย่จะตายอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงที่เถาเอ๋อร์เคยบอกว่าห้ามเปิดเผยความลับ เขาจึงอดทนไว้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าก็ไม่ชอบคนโง่
เท้าขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ดูแล้วน่าตกใจซูจิ่นเอ๋อร์เอามือปิดปาก นางคุยกับฟู่หลานเหิงมาตั้งนานแต่ไม่ทันสังเกตเห็น จึงแอบโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจมาก“โอ้พระเจ้า เหตุใดถึงบวมเหมือนบ๊ะจ่างลูกใหญ่ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่หลานเหิงกลัวว่าจะทำให้ทุกคนตกใจ จึงรีบปล่อยชายเสื้อลง จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากชั้นบน“ใต้เท้า บาดแผลที่ขาของท่านไม่สามารถยืนนานได้ ให้บ่าวพยุงท่านขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะเจ้าค่ะ”โอ้โห หลังจากที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ กู้หว่านเยว่ก็ตกตะลึง แม่นางคนนี้คือหยางหลิวครั้งที่แล้วซูจิ่นเอ๋อร์บ่นไปเยอะมาก บอกว่าหยางหลิวไปฟ้องแม่เล้า ทำให้พวกนางถูกแม่เล้าจับได้ เกือบจะซวยหนักแล้วหลังจากที่ฟังจบ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้เลย คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังหน้าด้านตามฟู่หลานเหิงมาอีก?“ท่านพานางมาอยู่ข้างกายทำไมกัน?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย ตามความเข้าใจของนางที่มีต่อฟู่หลานเหิง เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หลงใหลในรูปโฉมของผู้หญิงได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ สกุลฟู่เป็นสกุลที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริต เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัต
กู้หว่านเยว่หัวเราะ “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ เจ้า นางเป็นสาวใช้ของใต้เท้าฟู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งไม่พอใจ“ใต้เท้าฟู่นี่เป็นอะไรไป ตาบอดแล้วหรือไร? ถึงได้เอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นสาวใช้อยู่ข้างกาย ไม่กลัวอันตรายใกล้ตัวบ้างหรือ”“...”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดูสถานะการอัปเกรดในมิติ เมื่อกลับมาถึงห้องนอนรวมก็แกล้งทำเป็นนอนหลับไป“มิติของข้า มีฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง?! ข้ามีฟาร์มปศุสัตว์แล้ว!”มองไปยังฟาร์มปศุสัตว์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กู้หว่านเยว่ก็ตกใจอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นการอัปเกรดครั้งที่แล้วคือฟาร์มผักและผลไม้ครั้งนี้ ให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่สุดหรูแก่นาง! ฟาร์มปศุสัตว์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า ลมพัดโชยมาเบา ๆ นำพากลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าเข้ามาเต็มจมูกเยี่ยมไปเลย การเลี้ยงวัวและแกะในฟาร์มปศุสัตว์แบบนี้คงจะวิเศษมากแน่ ๆ !”กู้หว่านเยว่เริ่มแยกประเภทสิ่งของที่นางได้มาจากสกุลหมิงและสกุลฮั่วออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ก่อนโบราณวัตถุ งานเขียนพู่กันจีนและภาพวาด รวมถึงของตกแต่งอื่น ๆ ที่ไม่ไ
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง