“ท่าทางตอนเจ้าแต่งชายก็ไม่เลวนะ”ซูจิ่งสิงกระตุกมุมปาก เขาสามารถพูดได้หรือไม่ว่าภรรยาของเขาเมื่อแต่งเป็นชายนั้นดูหล่อเหลาเลยทีเดียว? หากเขาเป็นผู้หญิงคงจะต้องหวั่นไหวแน่ ๆ ทั้งสองคนต่างชมเชยกันไปมา จากนั้นก็มาถึงสกุลหมิงอย่างรวดเร็วยังไม่ทันได้เข้าประตู กู้หว่านเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าสกุลหมิงเพิ่งถูกปล้น คนรับใช้ทั้งหมดกำลังเก็บข้าวของและหนีไปคนละทิศละทางทั้งภายในเรือนและนอกเรือน ถูกทุบทำลายและปล้นชิงข้าวของเมื่อเห็นแล้วกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าสกุลฮั่วจะต้องการฮุบกิจการ แต่ก็ทำเกินไปแล้วกระมัง นี่มันกะจะกวาดล้างสกุลหมิงเลยนะ!เห็นว่ามีองครักษ์ล้อมรอบเรือนหลักไว้มากมาย ซูจิ่งสิงจึงอุ้มกู้หว่านเยว่ทะยานขึ้นไปบนหลังคา และทั้งสองก็มาถึงด้านบนของเรือนพอเปิดกระเบื้องหลังคามองลงไป ก็เห็นคุณชายสกุลฮั่วกำลังบังคับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“หมิงจู ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่ใช่คุณหนูสกุลหมิงอีกต่อไป ข้าชอบเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี อย่าให้ต้องลงเอยเหมือนพ่อแม่ของเจ้าเลย”“ฮั่วหวงซาน! เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าบีบพ
“เหตุใดจึงมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว คนอื่นในครอบครัวของเจ้าล่ะ? แล้วบ่าวไพร่ของเจ้าล่ะ?”แม้ว่าสกุลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คุณหนูมาถูกข่มเหงรังแกที่นี่ โดยไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่ข้างกายเลยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงจูก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก“พ่อแม่ของข้าถูกบีบให้ตาย สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกันกับข้า...ก็ถูกไอ้สารเลวสกุลฮั่วข่มขืนแล้วฆ่า บ่าวไพร่คนอื่นก็หนีไปบ้าง กระจัดกระจายกันไป ตอนนี้จวนสกุลหมิงเหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว”“สกุลฮั่วโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ในขณะที่กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สกุลฮั่วโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ไม่เหมาะที่จะร่วมมือด้วยแต่หมิงจูคนนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายาหมิงของมู่หรงอวี้ แต่ถ้าตนเองจะฉกตัวนางไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ได้?แต่การคิดเรื่องพวกนี้มันยังอีกไกล ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรีบออกจากสกุลหมิง พราะแม้แต่ตัวหมิงจูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด“แล้วตอนนี้เจ้ามีที่ให้ไปหรือไม่?”“มี สกุลโม่ของท่านปู่ข้าอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหยียนสุ่ย ขอแค่กลับไปถึงจวนท่านตาได้ ข้าก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่า ร่างของท่านพ่อท่านแม
“ขอถามชื่อของท่านผู้มีพระคุณสักหน่อย ในอนาคตข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ”“ข้าสกุลกู้”“คุณชายกู้ ข้าไปก่อน หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่” หมิงจูมองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินจากไป“ไปกัน พวกเราไปดูที่สกุลฮั่วอีกสักหน่อย” กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมือ ตัดสินใจไปกวาดล้างสกุลฮั่วอีกสักรอบในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็เพิ่งมาถึงจวนสกุลหมิงมู่หรงอวี้มองฮั่วหวงซานที่สลบอยู่กับพื้นและถูกคนพยุงออกมา จึงเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะได้มาช่วยหญิงงาม? แล้วเหตุใดคุณหนูหมิงนั่นถึงหนีไปแล้ว?”หากกู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ คงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่หรงอวี้ ก็คือเถาเอ๋อร์คนที่หนีไปในคืนหิมะตกวันนั้นเถาเอ๋อร์ก็มึนงงเช่นกัน สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าเขียนไว้ว่าหมิงจูเสียตัวไปแล้วชัด ๆ ตอนนี้นางน่าจะกำลังคิดจะผูกคอตายนะ...”มู่หรงอวี้ฟังนางพูดจาเลื่อนลอย ใบหน้าก็เผยความรำคาญออกมาถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้สามารถบอกเรื่องราวที่เขาทำมาตลอดหลายปีได้อย่างแม่นยำ รู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา และยังบอกว่าจะช่
เวลานี้ รถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้รีบโอบเอวของเถาเอ๋อร์แล้วหมุนตัวลงสู่พื้น“แม่นางเถาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว”เถาเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก นี่มันเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าเลยนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ข้าเอาชนะใจไม่ได้“ครั้งหน้าต้องระวัง อย่ายืนริมถนน หากโดนรถม้าชน ข้าจะเสียใจเอานะ”“อืม”เถาเอ๋อร์พยักหน้า หัวใจเต้นแรง นี่นางจะได้มีความรักกับตัวละครในหนังสือแบบฟรี ๆ งั้นหรือ? ในเมื่อฟู่เยียนหรานไร้ประโยชน์ งั้นก็ให้นางเป็นพระมเหสีที่สวรรค์ประทานแทนก็แล้วกัน?“พวกเราขึ้นรถม้าก่อนเถอะ”ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อออกตามหาที่อยู่ของหมิงจูบนรถม้า เถาเอ๋อร์เหลือบมองกงซุนจ่างเย่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเบะปากเอ่ยเตือน “ท่านอ๋อง กงซุนจ่างเย่เป็นแค่เหยื่อ สุดท้ายจะตายอย่างน่าอนาถ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องอย่าไปใกล้ชิดกับคนโง่เช่นนี้เลย”“เขาจะตายอย่างน่าอนาถ?”มู่หรงอวี้ชะงัก เขาอยากรู้ว่ากงซุนจ่างเย่จะตายอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงที่เถาเอ๋อร์เคยบอกว่าห้ามเปิดเผยความลับ เขาจึงอดทนไว้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าก็ไม่ชอบคนโง่
เท้าขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ดูแล้วน่าตกใจซูจิ่นเอ๋อร์เอามือปิดปาก นางคุยกับฟู่หลานเหิงมาตั้งนานแต่ไม่ทันสังเกตเห็น จึงแอบโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจมาก“โอ้พระเจ้า เหตุใดถึงบวมเหมือนบ๊ะจ่างลูกใหญ่ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่หลานเหิงกลัวว่าจะทำให้ทุกคนตกใจ จึงรีบปล่อยชายเสื้อลง จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากชั้นบน“ใต้เท้า บาดแผลที่ขาของท่านไม่สามารถยืนนานได้ ให้บ่าวพยุงท่านขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะเจ้าค่ะ”โอ้โห หลังจากที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ กู้หว่านเยว่ก็ตกตะลึง แม่นางคนนี้คือหยางหลิวครั้งที่แล้วซูจิ่นเอ๋อร์บ่นไปเยอะมาก บอกว่าหยางหลิวไปฟ้องแม่เล้า ทำให้พวกนางถูกแม่เล้าจับได้ เกือบจะซวยหนักแล้วหลังจากที่ฟังจบ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้เลย คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังหน้าด้านตามฟู่หลานเหิงมาอีก?“ท่านพานางมาอยู่ข้างกายทำไมกัน?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย ตามความเข้าใจของนางที่มีต่อฟู่หลานเหิง เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หลงใหลในรูปโฉมของผู้หญิงได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ สกุลฟู่เป็นสกุลที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริต เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัต
กู้หว่านเยว่หัวเราะ “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ เจ้า นางเป็นสาวใช้ของใต้เท้าฟู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งไม่พอใจ“ใต้เท้าฟู่นี่เป็นอะไรไป ตาบอดแล้วหรือไร? ถึงได้เอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นสาวใช้อยู่ข้างกาย ไม่กลัวอันตรายใกล้ตัวบ้างหรือ”“...”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดูสถานะการอัปเกรดในมิติ เมื่อกลับมาถึงห้องนอนรวมก็แกล้งทำเป็นนอนหลับไป“มิติของข้า มีฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง?! ข้ามีฟาร์มปศุสัตว์แล้ว!”มองไปยังฟาร์มปศุสัตว์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กู้หว่านเยว่ก็ตกใจอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นการอัปเกรดครั้งที่แล้วคือฟาร์มผักและผลไม้ครั้งนี้ ให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่สุดหรูแก่นาง! ฟาร์มปศุสัตว์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า ลมพัดโชยมาเบา ๆ นำพากลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าเข้ามาเต็มจมูกเยี่ยมไปเลย การเลี้ยงวัวและแกะในฟาร์มปศุสัตว์แบบนี้คงจะวิเศษมากแน่ ๆ !”กู้หว่านเยว่เริ่มแยกประเภทสิ่งของที่นางได้มาจากสกุลหมิงและสกุลฮั่วออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ก่อนโบราณวัตถุ งานเขียนพู่กันจีนและภาพวาด รวมถึงของตกแต่งอื่น ๆ ที่ไม่ไ
พูดจบ นางก็บิดเอว เดินจากไปอย่างภาคภูมิใจราวกับผู้ชนะซูจิ่นเอ๋อร์รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก “ใต้เท้าฟู่ ตาบอดไปแล้วจริง ๆ ตาบอดสนิทแล้ว...”ในขณะที่โมโห ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอีกเล็กน้อยนางเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนรวม“ส่งยาแล้วหรือ?”“ส่งแล้ว น่าจะเอาไปให้ขอทานข้างทางยังจะดีเสียกว่า ข้าเสียเวลาไปเปล่า ๆ ทั้งที่อากาศก็หนาวขนาดนี้!”ทุกคนทำหน้างงงวย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไปกินดินระเบิดหรือไรถึงได้โมโหขนาดนี้?ทางด้านหยางหลิว หลังจากเข้าห้องไปแล้ว ก็วางห่อยาไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนางเดินไปอยู่ข้าง ๆ ฟู่หลานเหิงแล้วช่วยเขาฝนหมึกกล่าวกันว่าสาวงามอยู่ข้างกายคอยอยู่เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ หยางหลิวก็อยากจะหาเรื่องคุยกับฟู่หลานเหิงบ้างแต่เมื่อนางมองไปที่หนังสือ ก็อ่านไม่ออกเลยสักตัวจึงได้แต่กล่าวว่า “ใต้เท้า พักผ่อนแต่หัวค่ำเถอะ อ่านหนังสือตอนกลางคืนไม่ดีต่อสายตา”ฟู่หลานเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“เมื่อครู่ใครมา?”“อ้อ บ่าวคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของใต้เท้าที่เจอกันตอนกลางวัน เอาห่อยามาให้เจ้าค่ะ”หยางหลิวพูดขึ้นอย่างร้อนรน “ร่างกายของใต้เท้ามีค่ามากนัก ไม่ควรกินยามั่ว ๆ เดี๋ยวบ
ภายในป่า หมิงจูแต่งตัวเป็นผู้ชาย กำลังถูกท่านอาที่สนิทกับท่านพ่อของนางลากตัวไปเพื่อหลบหนี“ท่านอาคุน คนของสกุลฮั่วตามมาแล้ว!”หมิงจูเผยสีหน้าตื่นตระหนก หลังจากบอกลากู้หว่านเยว่ นางก็รีบไปหาสกุลคุนที่พ่อของนางเคยมีบุญคุณด้วยท่านอาคุนเป็นคนที่มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ จึงตัดสินใจพานางไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยด้วยตัวเองทั้งสองคนหลบหนีจากทหารรักษาประตูเมืองได้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแจ้งข่าว บอกเส้นทางของพวกเขาให้ฮั่วหวงซานรู้ ทำให้คนของสกุลฮั่วตามมาได้“หมิงจู อย่าหนีเลย เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก มาเป็นอนุภรรยาของข้าซะดี ๆ ข้ายังพอจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”ฮั่วหวงซานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ทางด้านหลัง เขามีลูกสมุนที่เลี้ยงไว้มากมาย ตอนนี้เกือบจะล้อมป่านี้ไว้ได้หมดแล้วหมิงจูตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่าฮั่วหวงซานใกล้จะตามทัน ท่านอาคุนก็กระชับลำตัวม้าให้แน่น “คุณหนูหมิง เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะขวางไว้เอง”“ท่านอาคุน ท่านคิดจะทำอะไร?” หมิงจูเพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นท่านอาคุนเอาเสื้อคลุมของนางไปสวม แล้วใส่หมวก ปลอมตัวเป็นนาง“ไม่ ไม่ได้นะท่านอาคุน ข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนไม่ได้!”หมิงจูส่ายหัว นางรู้ดีว่าฮั่วหวงซาน
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ
“คุณหนู ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”เสี่ยวเหมยโค้งคำนับต่อเซี่ยเหอ แล้วสารภาพความจริงออกมา“คุณหนูของเราไม่เคยมีอะไรกับคุณชายเฉิงเจ้าค่ะ วันนั้น ข้ากับคุณหนูช่วยกันถอดเสื้อผ้าของคุณชายเฉิง แกล้งทำเป็นว่าคุณหนูถูกเขารังแกเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอหน้าซีดเผือด “เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล!”เฉิงเซวียนแทบไม่อยากจะเชื่อ “ดังนั้น ทั้งหมดเป็นแผนที่พวกเจ้าวางไว้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย?”เสี่ยวเหมยพยักหน้าเฉิงเซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ“เซี่ยเหอ ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย”ตลอดทางที่ไปเขาอินซาน ทุกคนต่างกีดกันเซี่ยเหอ มีเพียงเขาที่ไม่เคยรังเกียจนางเลย“เหตุใดเจ้าจึงวางแผนหลอกลวงข้าเช่นนี้?” นี่มันทำคุณบูชาโทษมิใช่หรือ?“พี่ใหญ่เฉิง ข้าแค่ชอบท่านมากเกินไป”เซี่ยเหอจับชายเสื้อของเขาไว้ สายตาที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นทำให้เฉิงเซวียนรู้สึกคลื่นไส้เขาสะบัดมือเซี่ยเหอออก “อย่าแตะต้องข้า ข้ารู้สึกขยะแขยง”ผู้หญิงคนนี้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่มีคำพูดไหนจริงใจเลยสักคำ หลอกเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่งม“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน”เฉิงเซวียนเอ่ยข
“พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย ท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า”“เซี่ยเหอ เจ้าหลอกข้าจริง ๆ หรือ?”จู่ ๆ เฉิงเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าตั้งครรภ์จริง ๆ หากข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อครู่ตอนที่ข้าแท้งลูก เหตุใดถึงได้เสียเลือดมากมายเช่นนั้น? เลือดที่ถูกยกออกไป ท่านก็เห็นเช่นกัน” นางพยายามอธิบายอย่างเต็มที่เมื่อนางพูดเช่นนี้ เฉิงเซวียนก็เกิดลังเลขึ้นมาจริง ๆ ถูกต้อง หากมิใช่ตั้งครรภ์แล้วแท้ง เลือดเหล่านั้นจะมาจากที่ใดเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่หมอเองก็บอกว่านางแท้งลูกแล้วกู้หว่านเยว่เห็นเฉิงเซวียนเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ชักจูง จึงเอ่ยเตือนด้วยความเอือมระอา“แก้ตัวที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หมอที่จับชีพจรให้เจ้าเมื่อครู่ อยู่ข้างนอกมิใช่หรือ ลากเขาเข้ามาสอบสวนให้ดี ๆ ก็จะรู้ความจริงเอง”ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ สีหน้าของเซี่ยเหอก็เปลี่ยนไปในทันทีเฉิงเซวียนราวกับตื่นจากความฝัน รีบออกจากห้องไปคว้าตัวหมอคนเมื่อครู่เข้ามาสิ่งที่บังเอิญก็คือ เมื่อครู่หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะแอบหนีไปเฉิ
เนี่ยชิงหลานโมโหแทบแย่ นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นว่าเซี่ยเหอใจกว้าง ยกโทษให้นางแล้วเล่า?“ไปก็ไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว!”นางหันหลังกลับด้วยความโมโห ทว่ากู้หว่านเยว่เรียกนางไว้“เดี๋ยวก่อน ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองตรวจดูอาการของเซี่ยเหอ บางทีอาจจะช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าได้”สายตาของนางจับจ้องไปที่เซี่ยเหอ ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาตื่นตระหนกจากในดวงตาของเซี่ยเหอ“ไม่ต้องหรอก พระชายาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะมาตรวจดูอาการให้คนอย่างข้าได้อย่างไร”เซี่ยเหอปากก็ปฏิเสธ แล้วส่งสายตาให้หมอตำแยหมอตำแยรีบเดินเข้ามาทันที “พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยตรวจดูอาการให้นางแล้ว และจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะถึงอย่างไร คุณหนูก็อายุน้อย แค่พักฟื้นสักระยะก็จะหายดี”“ต่างเป็นหมอด้วยกัน ข้าดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นการส่งสายตาของทั้งสองคน ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเหอต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์โดยไร้สาเหตุตอนนี้ก็แท้งลูกอีก หึ ๆ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“หรือว่า เ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป
หลังจากที่สองสามีภรรยาออกจากบ้านซุนมู่เจี้ยงแล้ว ก็แวะไปที่ตลาด กู้หว่านเยว่ซื้อผ้ามาหลายผืนนับตั้งแต่จ้านจ้านเกิดมา หมวกเสือ รองเท้าเสือ รวมถึงเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เขาสวมใส่ ล้วนเป็นฝีมือของซูจิ่นเอ๋อร์และนางหยาง ส่วนซ่งเสวี่ยก็ส่งของมาให้บ่อย ๆ แต่กู้หว่านเยว่ผู้เป็นมารดา ยังไม่เคยเย็บเสื้อผ้าให้ลูกชายสักชิ้น คิดแล้วก็รู้สึกละอายใจช่วงนี้มีเวลาว่าง นางเกิดนึกอยากจะเย็บหมวกเสือให้ลูกชายสักใบ“ทุกวันเจ้าก็มีงานมากพอแล้ว หากทำงานเย็บปักถักร้อยอีก จะทำให้เสียสายตา” ซูจิ่งสิงเป็นห่วงนางกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “ท่านไม่เข้าใจ”ผู้เป็นแม่ก็อยากจะทำอะไรให้ลูกบ้าง เวลาที่นางได้อยู่กับจ้านจ้านก็น้อยอยู่แล้ว“ก็ได้ ๆ ข้าไม่เข้าใจ” ซูจิ่งสิงไม่สามารถทำอะไรนางได้ ทำได้เพียงยิ้มอย่างเอ็นดู “เจ้าอย่าฝืนตัวเองก็พอ”“ท่านก็อย่าอยู่เฉย ๆ ถึงตอนนั้นบนหมวกเสือของข้าจะต้องมีไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนเม็ดโต ๆ สองเม็ด ภารกิจนี้มอบหมายให้ท่าน”“รับทราบ”ซูจิ่งสิงทำท่าทางเลียนแบบบ่าวรับใช้ ทำให้กู้หว่านเยว่ปิดปากหัวเราะเบา ๆ ทั้งสองคนซื้อผ้าเสร็จแล้วก็ตั้งใจจะกลับบ้าน หงเจาก็รีบร้อนเข้ามารายงาน“ฮ
เมื่อทุกคนตกลงวันออกเดินทางกันได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบกาน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากด้านหลัง“นี่คือยาที่ข้าปรุงขึ้นมา สามารถเสริมสร้างร่างกายและช่วยสมานแผลได้ ให้ท่าน หากท่านว่าง ๆ ก็ดื่มให้เยอะหน่อย”ไป๋หลี่ชิงซีไม่รู้ว่าในกานี้บรรจุน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ไว้ แต่คิดดูแล้วก็รู้ว่ายานี้ต้องมีค่ามาก จึงรีบรับไว้ด้วยสองมือ“ขอบคุณมาก”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านเป็นเพื่อนของท่านพี่ ก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้าเช่นกัน ระหว่างเพื่อนไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”“อืม” ไป๋หลี่ชิงซีเหลือบมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง สายตาของบุรุษทั้งสองประสานกันกลางอากาศ คำพูดมากมายอยู่ในความเงียบงันไป๋หลี่ชิงซีละสายตาพลางหัวเราะอย่างขมขื่น หากสามีของกู้หว่านเยว่มิใช่ซูจิ่งสิง เขาจะต้องพยายามเพื่อตัวเองสักครั้งตอนนี้ ก็ทำได้เพียงมองแล้วซูจิ่งสิงก็ไม่ใช่คนใจแคบ น้องหญิงยอดเยี่ยมเช่นนี้ บุรุษส่วนใหญ่ที่พบเห็นก็ล้วนเกิดความรักใคร่ชื่นชมจะทำอย่างไรได้เล่า ก็ได้แต่ดูแลน้องหญิงให้ดีที่สุด พยายามอย่าให้ถูกกองทัพผู้ที่หมายปองเหล่านั้นแย่งชิงไป!“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้ดี พวกเราจะไม่รบกวนแล้ว”
“ท่านอาจารย์ป่วยหนักแล้วหรือ?!”สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ไป๋หลี่ชิงซีกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยคราวนี้สองสามีภรรยาก็รู้สึกงุนงง“ท่านไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ?”“ไม่รู้เลย”สีหน้าของไป๋หลี่ชิงซีดูร้อนรน จึงรีบเรียกหลี่เหมียนหยางเข้ามา หลี่เหมียนหยางได้ยินบทสนทนาของทั้งสามคนที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว ตอนที่เข้ามาสีหน้าของนางจึงดูรู้สึกผิดอย่างมากไป๋หลี่ชิงซีเห็นสีหน้าเช่นนั้นของนาง ก็รู้สึกใจหายวาบ“ท่านอาจารย์ป่วยหนักจริง ๆ หรือ?”“อืม”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลี่เหมียนหยางก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป“ท่านเจ้าสำนักสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ข้าตั้งใจจะบอกท่าน แต่ท่านเจ้าสำนักบอกว่าท่านกำลังไปตามหาหมออยู่ข้างนอก หากรู้เข้าคงจะรีบกลับมาแน่ ๆ ดังนั้นท่านจึงสั่งข้าว่าอย่าบอกท่าน กลัวว่าจะทำให้การรักษาตัวของท่านต้องล่าช้า”ครึ่งปีก่อน สภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีก็ย่ำแย่มากเช่นกัน ท้องที่ใหญ่โตทำให้เขาต้องนั่งรถเข็นเป็นเวลานาน แม้แต่แรงที่จะลุกจากเตียงก็ไม่มี“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ”ไป๋หลี่ชิงซีเป็นเด็กกำพร้า หลี่เหมียนหยางรู้ดีว่าเจ้าสำนักมีความหมายต่อเขาอย่างไรแต่นางก็เห็นแก่ตั
ดูท่าทางจะมีนิสัยหยาบช้า เป็นคนต่ำต้อย”กู้หว่านเยว่คิดถูก สวีซวี่รื่อผู้นี้อาฆาตพยาบาทเช่นนี้ หากสำนักเทียนจีตกอยู่ในกำมือของเขาจริง ๆ เกรงว่าต่อไปเขาจะต้องควบคุมสำนักเทียนจีให้มาสู้รบกับพวกเขาเป็นแน่แทนที่จะรอถึงวันนั้น ไม่สู้ชิงลงมือก่อน“ท่านพี่ ท่านรู้หรือไหมว่าสำนักเทียนจีอยู่แห่งหนไหน?”“สำนักเทียนจีห่างจากเราไม่ไกลนัก ออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสามถึงห้าวันก็ถึงที่หมายแล้ว”เขาเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันที“เจ้าคิดจะแทรกแซงการคัดเลือกเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีด้วยใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ชอบล้างแค้นมาแต่ไหนแต่ไร หากผู้อื่นไม่ยั่วยุนาง นางก็ไม่มีทางยั่วยุผู้อื่นสวีซวี่รื่อผู้นี้กล้าส่งนักฆ่ามาฆ่านาง ก็อย่ามาโทษว่านางตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำลายความปรารถนาของเขาก็แล้วกัน“ก็ดี แต่พวกเราจะบุ่มบ่ามบุกไปเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่สำนักเทียนจีก่อน”“เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ รอให้ท่านและไป๋หลี่ชิงซีเจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่โบกมือ นางไม่ใช่คนใจร้อนอีกอย่าง เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีผู้นั้นก็แค่ล้มป่วย ตอนนี้ยังไม่ตายเสียหน่อยสองสามีภร