“ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยจริง ๆ ตอนนี้ไม่อาจแก้ต่างได้ ถ้าท่านไม่เชื่อ ลูกยินดีชดใช้ด้วยความตาย!”ว่าแล้วก็พุ่งเข้ากระแทกกับมุมโต๊ะ ท้ายที่สุดแล้วหนานหยางอ๋องก็ยังรักนางมาก รีบคว้านางเอาไว้“วุ่นวายนัก! ในฐานะพ่อกว่าจะตามหาตัวเจ้ากลับมาได้ช่างยากนัก เจ้าจะมาโขกหัวตาย แล้วข้าจะมีหน้าไปพบแม่ของเจ้าในปรโลกได้อย่างไร?ช่างมัน ช่างมัน เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ”“ท่านอ๋อง!”ขุนพลหลี่ตะโกนลั่นด้วยความโมโห กู้หว่านเยว่ที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านหนึ่งก็พูดขึ้นโดยพลัน“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่านางเป็นบุตรสาวของท่านจริงหรือ?”หนานหยางอ๋องถึงได้สังเกตเห็นพวกเขาและชะงักงันไปในทันที“แม่นางน้อยกู้ นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”กู้หว่านเยว่แย้มยิ้มกล่าวว่า “แน่ใจว่าท่านอ๋องคงเคยสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน ว่าคุณหนูรองนั้นเป็นบุตรสาวตัวจริงของท่านหรือไม่? เพราะถึงอย่างไรแล้ว นิสัยใจคอของนางนั้นไม่เหมือนกับท่าน กับพระชายาองค์ก่อนก็ไม่เหมือนเช่นกัน”“ไม่เหมือนแล้วจะเป็นไรไปเล่า? บนมือของข้ามีปานนะ!”ฟู่ชิงรีบลุกขึ้นมา พลางตะโกนลั่นใส่กู้หว่านเยว่ด้วยความร้อนรน“ปานหรือ คราวก่อนข้าเคยบอกไปแล้ว ปานสามารถทำปลอมขึ้นม
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”ฟู่ชิงดิ้นพล่านด้วยความตกใจ ท่านแม่ทัพหลี่รีบรุดหน้าเข้าไปคว้าข้อมือของนางไว้ จากนั้นก็หยิบขนนกจุ่มยาและทาบนแขนของนางไม่นานผลลัพธ์ก็ปรากฏออกมาปานบนมือของฟู่ชิงเริ่มบวมแดงก่อนจะซีดและจางลงปานนของนางเป็นของปลอม!หนานหยางอ๋องผิดหวังอย่างมาก และรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย “เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของข้า? เจ้าเป็นใครกันแน่?”ฟู่ชิงไม่ยอมรับ ยอมรับก็เท่ากับยอมตาย นางกอดขาของหนานหยางอ๋องพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านพ่อ ข้าคือบุตรสาวของท่าน กู้หว่านเยว่ตั้งใจใช้กลอุบายมาใส่ร้ายข้า ท่านบอกว่าท่านจะพาข้าไปกราบคารวะท่านแม่ที่หนานหยาง ท่านลืมสิ้นแล้วหรือ?”“เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะพูดจาเหลวไหลอีก”เสียงของหวังปี้ดังขึ้นด้านนอก เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับ“หวังปี้เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?!” ท่านแม่ทัพหลี่ตบไหล่ของเขาด้วยความดีใจหวังปีลูบศีรษะของตัวเอง เขาดีใจที่ได้พบกับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง ไม่ยอมจากไปตามคำสั่งของพวกเขาสองคนจนได้เจอกับหลักฐานชิ้นนี้“ท่านอ๋อง นี่คือคู่มือนำทางและจดหมายที่ข้าหาเจอในห่อสัมภาระของสตรีผู้นี้ นางถูกคนจ้างวานมา ท่านรีบอ่านเถิด!”บ
ขณะที่กำลังพูดคุยนั้น เสียงกีบม้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นนอกหมู่บ้านผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยวิ่งตามจางเอ้อร์เข้ามา“โจรฆ่าคนกลุ่มนั้นอยู่ไหน?”“ใต้เท้า ตามข้ามา” ซุนอู่รีบลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินเข้าไปต้อนรับผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยตลอดเส้นทางที่มานี่ จางเอ้อร์ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าการอำเภอฟังโดยประมาณแล้วดังนั้นเมื่อเจอกับ “ชาวบ้าน” เหล่านั้น ผู้ว่าการอำเภอก็หยิบป้ายประกาศออกมาเทียบกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายก็พยักหน้า“ไม่ผิด คนกลุ่มนี้คือโจรที่มีคดีความจริง ๆ ข้าตามหาพวกเขามานานแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปลอมตัวเป็นชาวบ้านและซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ท่านนักการซุน ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของท่าน ข้าจะรายงานตามความเป็นจริง!”ซุนอู่เลิกคิ้วและคลี่ยิ้มผู้ว่าการอำเภอสอบปากคำ “ชาวบ้าน” เหล่านั้นอีกพักใหญ่ จนได้รู้ว่าใต้บ่อแห่งนี้มีถ้ำสมบัติ เขาลูบปลายคาง ก่อนจะออกคำสั่งให้คนค้นหาผู้ตรวจการลงไปค้นหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับขึ้นมา “รายงานใต้เท้า ข้างล่างมีถ้ำอยู่จริง แต่ภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย”“เป็นไปไม่ได้!”“ผู้ใหญ่บ้าน” ตรากตรำขุดหาถ้ำสมบัติมาเนิ่นนานเพราะอยากเอาชนะ
เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากเปิดโปง “คุณหนูรอง” แล้ว ก็จะให้เมี่ยชิงหว่านได้พบกับหนานหยางอ๋องเพื่อรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ใครจะไปรู้ว่าหนานหยางอ๋องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป จนถึงขั้นจากไปแล้วหวังปี้เห็นสีหน้าปวดหัวของกู้หว่านเยว่ จึงรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของท่านอ๋องยังมีปัญหาอีกหรือ?”“ไม่ใช่หรอก ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”กู้หว่านเยว่โบกมือ ตอนนี้จะตามหนานหยางอ๋องไปก็ไม่ทันแล้วและดูเหมือนว่าหนานหยางอ๋องจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากฟู่ชิง ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาเมื่อครู่นี้ หากไปรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือดตอนนี้ เกรงว่าร่างกายของเขาจะรับความรู้สึกที่ผันผวนรุนแรงไม่ไหว“อาจเป็นเพราะวาสนาของพ่อลูกยังไม่มาถึง บังคับกันไม่ได้ พวกเราไม่ต้องใส่ใจมากนัก”ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้หนานหยางอ๋องถูกฮ่องเต้จับตามองอยู่ เมี่ยชิงหว่านอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบนางด้วยเสียงเบา กู้หว่านเยว่ลองคิดดูก็มีเหตุผล จึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อนกลุ่มคนเดินทางกันต่อไปกู้หว่านเยว่ใช้ระบบตรวจสอบแผนที่ พบว่าพวกเขาใกล้จะถึงเจดีย์หนิงกู่มากขึ้นเรื
“ท่าทางตอนเจ้าแต่งชายก็ไม่เลวนะ”ซูจิ่งสิงกระตุกมุมปาก เขาสามารถพูดได้หรือไม่ว่าภรรยาของเขาเมื่อแต่งเป็นชายนั้นดูหล่อเหลาเลยทีเดียว? หากเขาเป็นผู้หญิงคงจะต้องหวั่นไหวแน่ ๆ ทั้งสองคนต่างชมเชยกันไปมา จากนั้นก็มาถึงสกุลหมิงอย่างรวดเร็วยังไม่ทันได้เข้าประตู กู้หว่านเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าสกุลหมิงเพิ่งถูกปล้น คนรับใช้ทั้งหมดกำลังเก็บข้าวของและหนีไปคนละทิศละทางทั้งภายในเรือนและนอกเรือน ถูกทุบทำลายและปล้นชิงข้าวของเมื่อเห็นแล้วกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าสกุลฮั่วจะต้องการฮุบกิจการ แต่ก็ทำเกินไปแล้วกระมัง นี่มันกะจะกวาดล้างสกุลหมิงเลยนะ!เห็นว่ามีองครักษ์ล้อมรอบเรือนหลักไว้มากมาย ซูจิ่งสิงจึงอุ้มกู้หว่านเยว่ทะยานขึ้นไปบนหลังคา และทั้งสองก็มาถึงด้านบนของเรือนพอเปิดกระเบื้องหลังคามองลงไป ก็เห็นคุณชายสกุลฮั่วกำลังบังคับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“หมิงจู ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่ใช่คุณหนูสกุลหมิงอีกต่อไป ข้าชอบเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี อย่าให้ต้องลงเอยเหมือนพ่อแม่ของเจ้าเลย”“ฮั่วหวงซาน! เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าบีบพ
“เหตุใดจึงมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว คนอื่นในครอบครัวของเจ้าล่ะ? แล้วบ่าวไพร่ของเจ้าล่ะ?”แม้ว่าสกุลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คุณหนูมาถูกข่มเหงรังแกที่นี่ โดยไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่ข้างกายเลยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงจูก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก“พ่อแม่ของข้าถูกบีบให้ตาย สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกันกับข้า...ก็ถูกไอ้สารเลวสกุลฮั่วข่มขืนแล้วฆ่า บ่าวไพร่คนอื่นก็หนีไปบ้าง กระจัดกระจายกันไป ตอนนี้จวนสกุลหมิงเหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว”“สกุลฮั่วโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ในขณะที่กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สกุลฮั่วโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ไม่เหมาะที่จะร่วมมือด้วยแต่หมิงจูคนนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายาหมิงของมู่หรงอวี้ แต่ถ้าตนเองจะฉกตัวนางไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ได้?แต่การคิดเรื่องพวกนี้มันยังอีกไกล ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรีบออกจากสกุลหมิง พราะแม้แต่ตัวหมิงจูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด“แล้วตอนนี้เจ้ามีที่ให้ไปหรือไม่?”“มี สกุลโม่ของท่านปู่ข้าอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหยียนสุ่ย ขอแค่กลับไปถึงจวนท่านตาได้ ข้าก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่า ร่างของท่านพ่อท่านแม
“ขอถามชื่อของท่านผู้มีพระคุณสักหน่อย ในอนาคตข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ”“ข้าสกุลกู้”“คุณชายกู้ ข้าไปก่อน หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่” หมิงจูมองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินจากไป“ไปกัน พวกเราไปดูที่สกุลฮั่วอีกสักหน่อย” กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมือ ตัดสินใจไปกวาดล้างสกุลฮั่วอีกสักรอบในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็เพิ่งมาถึงจวนสกุลหมิงมู่หรงอวี้มองฮั่วหวงซานที่สลบอยู่กับพื้นและถูกคนพยุงออกมา จึงเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะได้มาช่วยหญิงงาม? แล้วเหตุใดคุณหนูหมิงนั่นถึงหนีไปแล้ว?”หากกู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ คงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่หรงอวี้ ก็คือเถาเอ๋อร์คนที่หนีไปในคืนหิมะตกวันนั้นเถาเอ๋อร์ก็มึนงงเช่นกัน สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าเขียนไว้ว่าหมิงจูเสียตัวไปแล้วชัด ๆ ตอนนี้นางน่าจะกำลังคิดจะผูกคอตายนะ...”มู่หรงอวี้ฟังนางพูดจาเลื่อนลอย ใบหน้าก็เผยความรำคาญออกมาถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้สามารถบอกเรื่องราวที่เขาทำมาตลอดหลายปีได้อย่างแม่นยำ รู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา และยังบอกว่าจะช่
เวลานี้ รถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้รีบโอบเอวของเถาเอ๋อร์แล้วหมุนตัวลงสู่พื้น“แม่นางเถาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว”เถาเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก นี่มันเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าเลยนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ข้าเอาชนะใจไม่ได้“ครั้งหน้าต้องระวัง อย่ายืนริมถนน หากโดนรถม้าชน ข้าจะเสียใจเอานะ”“อืม”เถาเอ๋อร์พยักหน้า หัวใจเต้นแรง นี่นางจะได้มีความรักกับตัวละครในหนังสือแบบฟรี ๆ งั้นหรือ? ในเมื่อฟู่เยียนหรานไร้ประโยชน์ งั้นก็ให้นางเป็นพระมเหสีที่สวรรค์ประทานแทนก็แล้วกัน?“พวกเราขึ้นรถม้าก่อนเถอะ”ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อออกตามหาที่อยู่ของหมิงจูบนรถม้า เถาเอ๋อร์เหลือบมองกงซุนจ่างเย่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเบะปากเอ่ยเตือน “ท่านอ๋อง กงซุนจ่างเย่เป็นแค่เหยื่อ สุดท้ายจะตายอย่างน่าอนาถ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องอย่าไปใกล้ชิดกับคนโง่เช่นนี้เลย”“เขาจะตายอย่างน่าอนาถ?”มู่หรงอวี้ชะงัก เขาอยากรู้ว่ากงซุนจ่างเย่จะตายอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงที่เถาเอ๋อร์เคยบอกว่าห้ามเปิดเผยความลับ เขาจึงอดทนไว้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าก็ไม่ชอบคนโง่