“เถาเอ๋อร์?”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริดนั้น ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วทีหนึ่งกู้หว่านเยว่เองก็รู้จักอีกฝ่าย ทันใดนั้นแปลกใจอยู่บ้างแววตาเถาเอ๋อร์มืดมน กัดกลีบปาก คิดไม่ถึงศัตรูทั้งสองวาสนาดีเพียงนี้ ถึงขั้นยังไม่ถูกระเบิดตายดูท่าแล้ว การแก้แค้นให้ ‘บิดามารดา’ ไม่สำเร็จอีกแล้วทางฝั่งนั้นจางเอ้อร์ร้องตะโกน“นักการหวงถูกพวกเราจับไว้แล้ว พวกเจ้าทุกคนห้ามขยับเขยื้อน หากใครขวัญกล้าหนีหรือต่อต้าน อย่าโทษข้าไม่มีเมตตาเลย!”เพียงได้ยินว่านักการหวงถูกจับ พวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่านั้นล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แล้วจางเอ้อร์วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ “นับจำนวนคนแล้ว ไม่ขาดใครไป”“ดี พวกเรากลับเถอะ”กู้หว่านเยว่ตรวจสอบรอบกายอีกหนึ่งรอบ หลังมั่นใจว่าไม่มีระเบิดหลงเหลืออยู่แล้ว นี่ถึงเตรียมตัวกลับไปหญิงอ้วนคนเมื่อครู่ยักย้ายส่ายก้นไล่ตามมา เข้าไปจับซูจิ่งสิงไว้อย่างหลงใหล“คุณชาย ท่านหล่อเหลาเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเบี่ยงตัวหลบไปที่ฝั่งหนึ่ง บุรุษชุดขาวภายใต้แสงจันทร์หล่อเหลายิ่งกว่าเซียนถูกไล่ลงจากสวรรค์“ไสหัวไป”อาจเพราะหญิงอ้วนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยังยิ
กู้หว่านเยว่มองเชือกที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่างปวดหัว ย้อนคิดถึงท่าทางอ่อนแอบอบบางของเถาเอ๋อร์ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่านางยังมีความสามารถนี้อยู่ยิ่งไปกว่านั้นซุนอู่ให้พวกเขาดื่มหร่วนจินซ่านไปแล้ว นางยังสามารถหนีออกไปได้!เถาเอ๋อร์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ...“แม่นางกู้ เถาเอ๋อร์คนนั้นยังทิ้งกระดาษไว้หนึ่งแผ่น แต่ข้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ”ซุนอู่พูดออกมาอย่างสงสัย กู้หว่านเยว่รีบรับกระดาษมา อ่านจบกลับเลิกคิ้วขึ้นมองเห็นบนกระดาษแผ่นนั้น ถึงขั้นเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘SB’ซุนอู่ไม่รู้ว่านี่มีความหมายว่ากระไร กู้หว่านเยว่กลับรู้ว่านี่คือภาษาอังกฤษหมายความว่าโง่Xเถาเอ๋อร์คนนี้ถึงขั้นเป็นผู้ข้ามภพคนหนึ่ง นางข้ามพบมาตั้งแต่ยามใดเล่า? รู้เรื่องที่บิดามารดาทำ ยังด่าพวกเขาโง่X?กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชมชอบเถาเอ๋อร์คนนี้ที่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ กระนั้นนี่ก็อธิบายไม่ยากแล้ว เหตุใดเถาเอ๋อร์สามารถหนีไปได้ข้ามภพนี่นา ย่อมมีทักษะอยู่ในมือ“จะให้ข้าเหล่าซุนไปจับนางกลับมาหรือไม่?”“ไม่ต้อง”รอยเท้าบนพื้นหิมะหายไปแล้วหุบเขาใหญ่เพียงนี้ ไล่ตามไปตอนนี้ก็คือแมลงวันไร้หัว เสียเวลาเดินทางกอปรกับกู้หว่านเยว
เมี่ยชิงหว่านพูดอย่างขบขัน “นางอยากให้เจ้าเป็นสามีรองนะ”“ข้าไม่เอา” ซูจื่อชิงโมโหเมี่ยชิงหว่านเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าจะเป็นสามีให้ใครกันเล่า?”“ข้า” ซูจื่อชิงลอบมองเมี่ยชิงหว่านแวบหนึ่ง พูดงึมงำ “อย่างไรเสียข้าก็ไม่ชอบนาง ข้าชอบหญิงอ่อนโยน”“อ้อ” อ่อนโยนหรือ คล้ายไม่ใกล้เคียงกับตนเองดูท่าแล้ว ครั้งก่อนซูจิ่นเอ๋อร์พูดว่าเจ้าทึ่มคนนี้ชอบตนเอง เป็นนางพูดส่งเดชดังคาดเมี่ยชิงหว่านสะบัดมือจากไปแล้ว“นี่ พวกท่านสองคนเป็นอะไรไปอีก...” ซูจิ่นเอ๋อร์เอือมระอา ระหว่างการเดินทางไม่รู้ได้เห็นพี่รองทำให้พี่หญิงชิงหว่านโมโหกี่ครั้งแล้วหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พี่สะใภ้รองของนางต้องหายไปเป็นแน่!ก็ไม่รู้ว่ากำลังระบายความแค้นของสวีหลานลงบนตัวนางหรือไม่ ระหว่างเดินทางหลี่เฉินอันโยนงานเบ็ดเตล็ดหลากหลายอย่างให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นทำ ยังสั่งให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นไปขุดหิมะเก็บเห็ดอีกด้วยหลี่อวิ๋นอวิ๋นย่อมไม่ทำ โยนตะกร้าลงพื้นโดยตรง“แม่ข้าล้วนไม่ให้ข้าทำงาน เจ้านับเป็นตัวอะไร?”“ข้านับเป็นตัวอะไร ฮึๆ?” มองพี่หญิงโง่งมคนนี้ เพลิงโทสะก่อตัวขึ้นภายในใจหลี่เฉินอัน พูดประชดประชันหนึ่งประโยค “เจ้าเป็นคุณหนูสูงศ
นักการหวงแทบกระอักโลหิตตาย “ไม่ใช่ๆ ข้าพูดผิดไปแล้ว ข้าไม่เกี่ยวอันใดกับเจียงเต๋อจื้อ...”“ข้าเชื่อเจ้ากับผีสิ เจ้าพูดว่าเกี่ยวก็เกี่ยว เจ้าพูดว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวกระนั้นรึ? ตีก่อนค่อยว่ากัน!”ซูจื่อชิงระบายโทสะใส่เขาพักหนึ่ง ตีเขาจนหน้ากลายเป็นหัวหมูซุนอู่เองก็ไม่ห้าม ชนิดที่ว่าลอบมอบแผ่นรองเท้าให้อีกด้วย“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงอยากให้เขาเลิกทำเช่นนี้ กลับถูกกู้หว่านเยว่ห้ามไว้แล้ว “ปล่อยเขาไปเถอะ เด็กคนนี้ลำบากมาตลอดทาง ให้เขาระบายอารมณ์สักหน่อยก็ดี”“...ได้” ต้องฟังคำพูดของภรรยา“ท่านมาดูว่านี่คืออะไร”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็หยิบรายงานหนึ่งแผ่นออกมา ซูจิ่งสิงรับไปพบว่าไม่ต่างจากหนังสือรับรองพิสูจน์สายเลือดครั้งก่อนมากนักเพียงแต่ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนกัน“ยืนยันว่าหนานหยางอ๋องเป็นบิดาทางชีววิทยาของเมี่ยชิงหว่าน”“ก็หมายความว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน!”กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ แม้รู้เรื่องส่วนใหญ่ของพวกเขาสองพ่อลูกตั้งแต่แรก แต่มีรายงานอันเป็น ‘หลักฐานเหล็กดุจขุนเขา’ ที่แท้จริงนี้แล้ว“เจ้าวางแผนช่วยเมี่ยชิงหว่านและหนานหยางอ๋องนับญาติกัน?”ภรรยาตัวน้อยมิใช่คนเข้าไปยุ่งให้มากเรื่อง นี
ที่แท้หลังกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจากไป หวังปี้ก็เห็นฟู่ชิงคนนั้นแล้วขัดตา มักคิดว่านางไม่คล้ายคุณหนูสายตรงของจวนหนานหยางอ๋องทั้งยังเพราะหนานหยางอ๋องให้ความสำคัญต่อนางมาก ได้รับกลับมาหลังสูญเสียไปจึงเอ็นดูฝังถึงกระดูก หวังปี้กลัวความรักของท่านอ๋องตนสูญเปล่า เพราะเหตุนี้จึงตรวจสอบฟู่ชิง“ฟู่ชิงคนนั้นอาจสังเกตเห็นว่าข้าสงสัยในตัวนาง วันก่อนถึงขั้นนัดพบข้าภายในห้อง พูดว่าต้องการสารภาพกับข้าต้องโทษข้าโง่งม เชื่อนางไปเสียได้ปรากฏว่าเข้าไปดื่มสุราหนึ่งจอกก็หมดสติไป ฟื้นขึ้นมาก็มองเห็นนางกำลังปรักปรำข้าเมาสุราต้องการข่มเหงนาง...”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง เรื่องต่อจากนี้นางสามารถหยั่งเดาได้แล้วฟู่ชิงร้องไห้ หวังปี้แก้ต่าง หนานหยางอ๋องโมโหจึงไล่เขาออกมาหวังปี้พูดอย่างโศกเศร้า “ข้าไม่โทษท่านอ๋อง ท่านอ๋องเองก็รักลูกสาวอย่างลึกซึ้ง นี่ถึงถูกหลอกได้ข้าโทษเพียงหญิงชั่วคนนั้น นางไม่เลือกวิธีการ อยู่ข้างกายท่านอ๋องก็ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไร”พูดถึงตรงนี้ หวังปี้คุกเข่าต่อหน้ากู้หว่านเยว่อย่างกะทันหัน“ข้ารู้พวกท่านสองสามีภรรยามีความสามารถ พวกท่านเองก็สงสัยฟู่ชิงมิใช่ลูกสาวแ
“ท่านกินอะไรเข้าไปกัน? เหตุใดสมองถึงได้ดีเช่นนี้เจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ดูปั้นปึ้งทว่าไร้เดียงสา ซูจิ่งสิงจึงแตะหัวของนางเบาๆ ด้วยสีหน้ามีเสน่ห์“แน่นอนว่าต้องกินอาหารที่เจ้าทำให้ ตั้งแต่ที่กินอาหารของภรรยา สมองของข้าก็ปราดเปรื่องมากยิ่งขึ้น”“โอ้ ปากหวานนัก! อย่ามาแตะหัวข้านะ!”เมื่อได้ยินคำเตือนจากซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกแล้วจริงๆ ว่านางควรคิดหาวิธีเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของฟู่ฉิงให้เร็วที่สุด“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป หนานหยางอ๋องจะมาหาเจ้าเอง”ทั้งกลุ่มทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางต่อหวังปี้อยากเห็นฟู่ฉิงถูกเปิดโปง จึงติดตามกู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ ต่อไปเดินทางกันจนฟ้ามืด หลายคนก็เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกล จึงวางแผนจะเข้าไปพักผ่อนซุนอู่ขึ้นไปเคาะประตู หลังจากเคาะอยู่สองครั้ง ประตูด้านในก็เปิดออกทว่าไม่คิดว่าจะได้เจอหนานหยางอ๋องที่นี่ อีกฝ่ายมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว พักค้างคืนอยู่ที่นี่มาตลอด“หนานหยางอ๋องขี่ม้า ย่อมเร็วกว่าพวกเราที่ใช้เท้าเดิน” ซูจิ่งสงอธิบายอยู่ข้างๆ กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินเข้าไปทักทายคนของหนานหยางอ๋องไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่
เมื่อตัวตนของฟู่ฉิงถูกเปิดเผย อีกฝ่ายย่อมปรากฏตัวออกมาแน่นอน“ช่างเขาไปเถอะ ไปกินข้าวเย็นแล้วพักผ่อนกัน”กู้หว่านเยว่บอกให้ซูจิ่นเอ๋อร์จุดไฟ วางแผนจะทำอาหารเอง ทว่าในขณะที่พวกนางเริ่มทำอาหาร ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทันทีเป็นหญิงชราที่นำถังน้ำมา “พวกเราในหมู่บ้านล้วนแต่ดื่มน้ำสะอาดจากบ่อ กลัวว่ากลางคืนพวกเจ้าจะหากันไม่เจอ จึงนำถังมาให้ท่าน” หญิงชรากล่าว“ว้าว! ขอบคุณเจ้าค่ะ!” ซูจิ่นเอ๋อร์รับมันมาอย่างไม่ระแวงสิ่งใดหญิงชราดูท่าจะชอบพฤติกรรมของซูจิ่นเอ๋อร์มาก เมื่อหันหลังกลับก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม“ไม่คิดว่าเหล่าชาวบ้านจะกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ให้ที่อยู่อาศัย แต่ยังส่งน้ำให้พวกเราด้วย ช่างมีน้ำใจจริงๆ”ขณะที่ชื่นชม ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยกถังน้ำเข้ามา กำลังจะเทลงในหม้อกู้หว่านเยว่ตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน”“มีอะไรหรือเจ้าคะ? พี่สะใภ้ใหญ่”นางเดินออกไป ยื่นนิ้ไวไปจุ่มน้ำเล็กน้อย แล้วเอามาวางไว้ใต้จมูก ดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า“น้ำนี้มียา ดื่มไม่ได้”ดูเหมือนว่านางและซูจิ่งสิงจะเดาถูก“มียา ยาอะไรหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ถามอย่างประหม่า รีบวางถังน้ำลงทันที ราวกับว่าถือเผือก
ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านหยิบห่อผงยาออกมาแล้วเขย่าอย่างภาคภูมิใจ “เตรียมไว้นานแล้วขอรับ”“ประเดี๋ยวข้าจะใส่ผงยาทั้งหมดลงในน้ำและอาหาร พยายามทำให้พวกมันทั้งหมดดื่มยาทั้งหมดนี่ในคืนนี้”หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวเสริมว่า“อย่าให้ผิดพลาดเป็นอันขาด”“วางใจเถอะ ไม่ผิดพลาดแน่ เหมือนเมื่อก่อนฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังหลบ จับพวกเขากลางดึก”“ตามนั้น!”หัวหน้าหมู่บ้านมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงพาลูกชายออกไปก่อนกู้หว่านเยว่ก้าวออกไป เดินตามเอ้อร์โก่ว ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเงียบๆ คิดในใจว่าจะใช้วิธีใดเอาห่อผงยาในมือของอีกฝ่ายมามองเห็นนางหลิ่วเดินมาพร้อมหน้าอกสะบึ้มสะโพกอวบอั๋นเข้ามา คว้าเอ้อร์โก่วเอาไว้ทันที“พี่ชาย~”ทั้งสองคนพูดอะไรบางอย่างใต้กันชายคา นางหลิ่วทำท่าทางแลดูอ่อนแรง เขาจึงพานางหลิวไปที่ห้องถัดไปทันทีหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงชวนหน้าแดงดังมาจากห้องกู้หว่านเยว่ถอนหายใจ มั่นใจมากว่านางหลิ่วไม่รู้จักเอ้อร์โก่วอาจจะเป็นการขายเรือนร่าง เพื่อแลกกับอาหารต่อชีวิตการปรากฏตัวของนางหลิ่วแม้จะทำให้นางประหลาดใจ แต่มันก็ช่วยให้นางทำงานง่ายขึ้นหลังจากพบว่าผงยาน