共有

บทที่ 11

作者: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
กู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อเย็บถุงหอม

บนเส้นทางการเนรเทศ ไม่มีคุณชายและคุณหนูผู้สูงส่ง ทุกคนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ซูจื่อชิงรับถุงหอม จากนั้นไปขอคำแนะนำจากนางหยาง

ซูจิ่นเอ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ด่าทออย่างรุนแรงอีกต่อไป หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาลองเย็บดู

ทว่าดวงตาของนางกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นว่าขบวนยังพักอยู่ กู้หว่านเยว่หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมลำธาร จากนั้นก้มหน้าลงแล้วแอบหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมาจากมิติเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน

ไม่แปรงฟันปากเปื้อนไปหมด นางทนไม่ได้

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือก็กำลังวักน้ำจากลำธารมาล้างหน้าเช่นกัน หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ล้างหน้าเสร็จแล้ว และกำลังจ้องมองผิวน้ำอย่างตั้งใจ ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมา

อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ย่องเข้าไปใกล้กู้หว่านเยว่จากด้านหลัง จากนั้นยื่นมือออกไปผลักอย่างรุนแรง

“ว้าย!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

กู้หว่านเยว่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของนางจากเงาสะท้อนในน้ำตั้งแต่แรกแล้วจึงหลบไปด้านข้าง ไม่ลังเลที่จะถีบหลี่ซือซือที่กำลังเซไปเซมาลงไปในน้ำ

“ช่วยด้วย!”

หลี่ซือซือกลายเป็นลูกนกตกน้ำในทันที ตะเกียกตะกายอยู่ในลำธารอย่างน่าเวทนา

เมื่อคนในตระกูลซูได้ยินเสียงก็รีบมามุงดู ซูเช่อไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดลงไปดึงหลี่ซือซือขึ้นมา

เสื้อผ้าของหลี่ซือซือเปียกไปหมด ชื้นแฉะแนบไปกับลำตัว เผยให้เห็นรูปร่างที่โค้งเว้าได้สัดส่วน ชายหนุ่มรอบข้างต่างจ้องมองตาไม่กะพริบ

ซูเช่อรีบถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมตัวนางเอาไว้ หลี่ซือซือรู้สึกเสียใจและผลักเขาออก แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของซูหวู่อวิ๋นที่เข้ามาช้า

“ซือซือ เจ้าตกลงไปในลำธารได้อย่างไร?”

น้ำในลำธารยามเช้าเย็นเฉียบ หลี่ซือซือหนาวจนฟันสั่นกระทบ นางจ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยความเกลียดชัง

“เป็นนาง นางจงใจถีบข้าลงไป”

นางจะไม่มีทางบอกว่านางเป็นคนคิดจะผลักกู้หว่านเยว่ลงไปก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเห็น

ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าแม่ แค่สบตากันแวบเดียว ซูหวู่อวิ๋นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

นางดึงหลี่ซือซือมาไว้ด้านหลัง แล้วมองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย “กู้หว่านเยว่ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายขนาดนี้ ซือซือไปมีความแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าถึงต้องทำร้ายนางเช่นนี้?”

กู้หว่านเยว่แบมือ “หลี่ซือซือผลักข้าก่อน ข้าไม่ถีบนางแล้วจะไปถีบใคร?”

“เจ้า...” ซูหวู่อวิ๋นหันไปร้องไห้กับซูจิ่งสิง พลางเอ่ยขึ้น “จิ่งสิง เมียเจ้าใจร้ายนัก เจ้าต้องให้ความยุติธรรมกับซือซือนะ”

หลี่ซือซือหันไปร้องไห้ออดอ้อนซูจิ่งสิงอย่างอ่อนแอ “พี่จิ่ง อย่าไปโกรธพี่สะใภ้เลย นางคงอิจฉาที่เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก...”

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเรียบเฉย หากเขากล้าพูดดีๆ กับหลี่ซือซือแม้เพียงประโยคเดียว หึ ๆ... นางจะหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้

ขณะที่นางมองซูจิ่งสิงอยู่นั้น ซูจิ่งสิงก็มองนางเช่นกัน

โดยสัญชาตญาณ ซูจิ่งสิงไม่เชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะเป็นคนใจแคบที่แอบทำร้ายผู้อื่นลับหลัง

แม้ว่าน้องสาวจะร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน* แต่เขาก็ยังคงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

“ข้าเชื่อหว่านเยว่ อีกอย่าง ข้าไม่มีเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก”

เป๊าะ หัวใจของหลี่ซือซือแตกสลาย นางรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก

“พี่จิ่ง เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อข้า เป็นกู้หว่านเยว่นั่นแหละที่จงใจถีบข้าลงไป ท่านดูสิที่ก้นข้ายังมีรอยรองเท้าของนางอยู่เลย...”

“พี่ใหญ่”

ซูจิ่นเอ๋อถือเข็มกับด้ายอยู่ข้าง ๆ มองอยู่นาน ในตอนนี้รวบรวมความกล้าและลุกขึ้นยืน

“ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลี่ซือซือขยิบตาส่งสัญญาณให้นางอย่างเอาเป็นเอาตาย

ซูจิ่นเอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลบสายตาของนาง “ข้าเห็นพี่ซือซือพยายามผลักพี่สะใภ้ลงไป แต่พี่สะใภ้รู้ทัน พี่สะใภ้จึงถีบพี่ซือซือลงไป”

อืม เรียบเรียงได้ชัดเจนมาก

ทุกคนต่างเข้าใจในทันที ที่แท้หลี่ซือซือก็เป็นคนหาเรื่องก่อน

ถ้าเป็นอย่างนั้น ตามนิสัยของกู้หว่านเยว่ การถีบนางลงไปก็สมควรแล้ว

“ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดเจ้าถึงเข้าข้างนางตัวซวยนั่น...”

หลี่ซือซือสีหน้าซีดเผือด จ้องมองนางอย่างเคียดแค้น

ไม่นานนัก ซูจิ่นเอ๋อก็ถูกกู้หว่านเยว่ซื้อตัวไปแล้ว

เมื่อเห็นคนรอบข้างต่างชี้มาที่นาง หลี่ซือซือที่ถูกเปิดโปงต่อหน้าคนมากมายก็ทนไม่ไหว พาดเสื้อคลุมไว้บนไหล่แล้วรีบวิ่งหนีไป

“ขอบคุณมาก!”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่นเอ๋อจะช่วยพูดแก้ต่างให้นาง กู้หว่านเยว่มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนหน้านี้นางโง่เขลาเกินไป แยกแยะดีชั่วไม่ออก แต่ต่อไปนี้นางจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น!

เมื่อครอบครัวร่วมมือร่วมใจกัน ก็ไม่มีใครรังแกพวกเขาได้!

ในเวลานี้ กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้น

“พวกเจ้ารีบมาเก็บกิ่งไม้แห้งและวัชพืชริมลำธารนี่เร็ว เดี๋ยวเราจะก่อกองไฟ”

“ก่อกองไฟทำไมกัน?” อากาศก็ไม่ได้หนาว ทุกคนต่างมองนางด้วยความสงสัย

“เจ้าพูดว่าจะทำอะไร?”

กู้หว่านเยว่ก้มลง จับปลาตะเพียนตัวใหญ่ขึ้นมาจากลำธารหนึ่งตัว ที่แท้เมื่อครู่นางมองผิวน้ำอยู่ตลอด เพราะเห็นปลาที่อยู่ในน้ำ

“ปลา!”

ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อต่างก็มามุงดู นางหยางก็ตบมือด้วยความดีใจ

พี่สะใภ้จับปลาเป็นด้วย เก่งมากเลย!

กู้หว่านเยว่หยิบมีดเล็กที่พกติดตัวออกมา จากนั้นผ่าท้องควักไส้ปลา ขอดเกล็ดและเหงือกปลาออกจนสะอาด แล้ว โยนลงในหม้อเหล็กที่ตั้งไฟไว้เพื่อต้มน้ำแกงปลา

ฝีมือทำอาหารของนางไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่มีน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู นางจึงค้นหาในมิติจนเจอเครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับตุ๋นปลา แล้วแอบใส่ลงไปเงียบ ๆ

ไม่นานนัก กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็ลอยออกมาจากในหม้อชวนให้น้ำลายสอ

กู้หว่านเยว่หยิบชามออกมาหลายใบ และตักน้ำแกงปลาให้ทุกคนคนละหนึ่งชาม

เมื่อถึงตาซูจิ่นเอ๋อ นางก็ลังเลครู่หนึ่ง ไม่กล้าเข้าไป

“ทำไม ยังต้องให้ข้าเชิญเจ้ามาซดอีกหรือ?”

กู้หว่านเยว่แกว่งชามไปมา

ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เผยรอยยิ้มประหลาดใจ จากนั้นก้าวไปข้างหน้ารับชามมาด้วยความดีใจ

“เดี๋ยวพอกินเสร็จแล้ว ล้างชามเองด้วยนะ”

“อืม” ซูจิ่นเอ๋อพยักหน้าอย่างแรง

น้ำแกงที่ตุ๋นจากปลาตัวเดียว แบ่งให้คนในครอบครัวห้าคนก็ยังไม่พอ กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้ชวนนักการมาร่วมซดด้วย

แต่กลิ่นหอมลอยไปถึงบ้านของตระกูลซู นางหลิวจึงเริ่มพูดจาประชดประชันอีกครั้ง

“บางคนน่ะ สนใจแค่ตัวเองกินดีอยู่ดี จนลืมผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว ช่างไร้ความกตัญญูจริงๆ ไม่กลัวฟ้าผ่าลงโทษบ้างเลยหรือ”

นางหยางไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อก็ไม่สนใจนาง

กู้หว่านเยว่กลับยิ้มเยาะ “ถ้าฟ้าจะผ่าลงโทษ คนแรกที่จะโดนก็คือเจ้า”

นางหลิวไม่ได้อะไรจากกู้หว่านเยว่ จึงไปยุยงซูอวี่ ซูอวี่ถูกพ่อของเขาทรมานมาทั้งคืน ตอนนี้กำลังหิวโซ

เมื่อได้กลิ่นน้ำแกงปลาตะเพียนแสนอร่อย ก็น้ำลายไหล ดึงชายเสื้อของฮูหยินผู้เฒ่า

“ท่านย่า ข้าก็อยากซดน้ำแกงปลาเหมือนกัน ท่านรีบให้กู้หว่านเยว่เอาน้ำแกงปลามาให้ข้าซดหน่อย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเลียริมฝีปาก ไม่ใช่แค่ซูอวี่คนเดียวที่อยากกิน

หญิงชราอย่างนางก็ไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าตรู่ พอได้กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็อยากกินมาก

“หว่านเยว่ น้ำแกงปลาตั้งเยอะก็แบ่งให้พวกเราหน่อยเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”

กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด “ใครเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเจ้า น้ำแกงปลาพวกเรากินเองก็ยังไม่พอ ถ้าอยากกินก็ไปจับปลากันเองสิ”

“จะ จะ เจ้า...” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนนิ้วสั่น

คนในตระกูลซูไม่ยอมแพ้ จึงวิ่งไปจับปลาที่ลำธารจริง ๆ

กู้หว่านเยว่เป็นผู้หญิงยังจับปลาได้ แล้วพวกเขาจะจับไม่ได้เชียวหรือ?

น่าขัน!

ในความเป็นจริงคือจับปลาก็ต้องมีเทคนิค คนในตระกูลซูใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่เคยเห็นปลาเป็น ๆ ด้วยซ้ำ แล้วจะรู้วิธีจับปลาได้อย่างไร?

พวกเขาใช้เวลาอยู่ริมลำธารนานมาก จนเกือบจะตกไปในลำธาร ทำให้ตัวเองเปียกโชกไปหมด แต่ก็ยังจับปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่กินอิ่มหนำสำราญ ฮัมเพลงมาล้างหม้อ พวกเขาโกรธจนตาแดงก่ำ

“กู้หว่านเยว่ นางสารเลวหลอกพวกเรา ในลำธารมีปลาที่ไหนกัน?”

*ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เปรียบเทียบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของหญิงสาวกับดอกสาลี่ที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (3)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
อ่านแล้วสนุกมากคะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
กรรมตามสนองแหละ อยากตัดตัวซวย/คนพิการ พอเค้าได้ดี ก็ไม่ได้รับด้วย สมแล้ว
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากจริงๆค่ะ
すべてのコメントを表示

関連チャプター

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 12

    เพื่อที่จะจับปลา พวกเขาถึงกับไม่ไปรับโจ๊กผักจากนักการ!ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังจับปลาไม่ได้อีกซวยสุด ๆ ไปเลย!กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “พวกเจ้าไม่มีความสามารถจับปลาไม่ได้ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ลูกผู้ชายตัวโตตั้งหลายคนยังทำตัวเหมือนพวกไร้ค่า”หลายคนโมโหจนแทบจะเป็นลมกับปากร้าย ๆ ของนาง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่โกรธอยู่ในใจหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อซูหัวหลินถูกทุบตีทั้งคืน นอนอยู่บนพื้นในสภาพร่อแร่ ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ซูอวี่แบก ส่วนบ้านรองก็ไม่มีผู้ชายคนอื่น นางจึงหันไปมองนางเฉียนแต่คาดไม่ถึงเลยว่านางเฉียนกลับร้องโอ๊ยแล้วลงไปนั่งยอง ๆ “ท่านแม่ เท้าของข้าแพลง ข้าแบกท่านพี่ไม่ไหวหรอก”“เจ้า นางสารเลว เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย” ซูหัวหลินโมโหจนกระอักเลือด นี่มันชัดเจนว่านางเฉียนจงใจไม่อยากแบกเขานางเฉียนกระชับห่อของที่อยู่บนตัวแน่น “ข้าต้องแบกเงินมากมายขนาดนี้ แล้วยังต้องแบกอาหารอีก ข้าแบกท่านไม่ไหวจริง ๆ ”ซูหัวหลินเงียบเสียงตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากครอบครัวฝั่งแม่ของนางเฉียน ถ้าทำให้นางเฉียนโกรธ คงต้องอดตา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 13

    เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็อยากไปซื้อของอยู่แล้ว ต่อไประหว่างทางถ้าหยิบอะไรออกมา ก็จะได้อ้างว่าเป็นของที่ซื้อมาเมื่อได้ยินคำพูดของจางเอ้อร์ นางก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบตะกร้าตอนจะไป ซูจิ่งสิงที่อยู่บนเตียงก็ยัดกุญแจให้นาง“เจ้าเอาอันนี้ไป หาโอกาสไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ หลังตรอกอูอี มีของอยู่ข้างใน... เจ้าขนมันออกมาให้หมด”ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย ซูจิ่งสิงก็มองนางอย่างลึกซึ้งแต่กู้หว่านเยว่มัวแต่ตกใจจนไม่ได้สังเกตแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้แอบซ่อนของไว้ที่นี่ด้วยหรือ?สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีสติปัญญาและวรยุทธ์เหนือกว่าฮ่องเต้สุนัขตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วสินะกู้หว่านเยว่อยากรู้อยากเห็นมาก “ท่านซ่อนอะไรไว้?”“เห็นแล้วก็จะรู้เอง”นักการยังคงรออยู่ข้างนอกประตู กู้หว่านเยว่ไม่สะดวกที่จะถามอะไรมากนัก จึงรับกุญแจมาแล้วรีบออกไป“บางคนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบไปประจบประแจงอะไรนักการ ถึงได้ไปซื้อของกับพวกเราได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”เมื่อเห็นนักการไปลากรถ หลี่ซือซือก็พูดจาเหน็บแนมด้วยความอิจฉาคนอื่น ๆ ในอีกหลายครอบครัวเห็นกู้หว่านเยว่ช่วยซุนอู่ไว้ ในใจก็รู้ถึ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 14

    “นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลกการคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมากแม่นางกู้กลับสังเกตเห็นยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขาจางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่าในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 15

    กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบคนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันทีนักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันทีซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืนซุนอู่เริ่มส

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 16

    “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมืองซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอนดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 17

    ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคนเหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชมกู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 18

    ในตอนแรกเหยียนฮูหยินเป็นฝ่ายอาสาช่วยพวกเขาล้างหม้อและชามก่อน ต่อมาผู้อาวุโสเหยียนก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาลากเกวียนระหว่างเดินทางผู้อาวุโสเหยียนเป็นเพียงข้าราชการพลเรือน ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งต้องมีพละกำลังไม่มากก็น้อยพอมีเขาเข้ามาช่วย นางหยางและซูจื่อชิงก็เบาลงไปไม่น้อยเมื่อเป็นเช่นนี้กู้หว่านเยว่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นโคลนที่เกิดจากหลังฝนตก หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การเดินทางล่าช้าจนได้รับการตำหนิจากนักการในศาลาว่าการอีกทั้งนางยังพบว่าผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นแอบกระซิบกระซาบกันเห็นได้ชัดว่ากู้หว่านเยว่ตั้งใจช่วยชีวิตเหยียนซือหยวน แต่ก็ยังเข้าไปสานสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงโดยไม่ได้ตั้งใจ“ผู้อาวุโสเหยียนเคยเป็นเพื่อนกับเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่?”ระหว่างแวะพักกลางทาง กู้หว่านเยว่ได้ยื่นกระติกน้ำให้ซูจิ่งสิงพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้สิ้นสุดคำถามนางก็ส่ายหน้าอีกครั้งหากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงไม่ต้องรอให้กู้หว่านเยว่คอยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ให้พวกเขาติดต่อกัน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 19

    ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็

最新チャプター

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1616

    “นั่นพวกเขา”ซูจิ่งสิงจับมือของกู้หว่านเยว่ยืนรออยู่ตรงที่เดิม ผ่านไปครู่หนึ่ง รถมาก็ม้าถึงตรงหน้าแล้วซูจื่อชิงมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง แล้วละสายตาหันไปพูดกับคนข้างใน“ท่านพ่อ ท่านแม่ ถึงเมืองหลวงแล้ว พี่ใหญ่…ไม่ ฝ่าบาทกับพระมเหสีมารับพวกเราแล้ว”“ถึงแล้ว ในที่สุดก็ถึงแล้ว”ผู้อาวุโสทั้งสองปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว รีบอุ้มจ้านจ้านลงจากรถม้า“ท่านพ่อ ท่านแม่”“ฝ่าบาท พระมเหสี”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเดินเข้าไป ซูจิ้งกับนางหยางก็เดินเข้าไปคำนับทั้งสองเช่นกัน“รีบลุกขึ้น”ซูจิ่งสิงห้ามทั้งสอง “ต่อไปลับหลังคนอื่น พวกเรายังเหมือนเดิม”“ฝ่าบาท ท่านให้พวกเราคำนับเถอะ”ซูจิ้งกับนางหยางมองนางกันแวบหนึ่ง ยืนกรานคำนับซูจิ่งสิงให้ได้ กษัตริย์และพระราชบริพารมีความแตกต่าง ซูจิ่งสิงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า แต่พวกเขาไม่สามารถทำตัวบังอาจเหมือนในอดีต“ฝ่าบาท พระมเหสี” ซูจื่อชิงก็คำนับเช่นกัน เขาก้มหน้า เสียงพูดติดขัดเล็กน้อยซูจิ่งสิงมองเขาแวบหนึ่ง“จ้านจ้าน เจ้าอ้วนขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่อุ้มจ้านจ้านมาอย่างแทบรอไม่ไหวแล้ว ชั่งน้ำหนักเด็กคนนี้ครู่หนึ่ง หนักอย่างน้อยยี่สิบจิน[1]แล้ว“เจ้าอ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1615

    “จูเอ๋อร์ มานี่”ใต้เท้าหวงกวักมือเรียกนาง และเมื่อเข้ามา ก็เข้าประเด็นด้วยรอยยิ้มทันที“ท่านพ่ออยากให้ข้าไปเป็นนางสนมในวัง?”หวงจูหรี่ตา ดูสีหน้าของใต้เท้าหวงชัดยิ่งขึ้นเล็กน้อยนางชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก สายตาไม่ค่อยดีนัก“ใช่แล้ว”ลูกสาวเป็นคนฉลาด ใต้เท้าหวงไม่กล้าโกหกนาง“เจ้าก็รู้ ปัจจุบันมีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ข้าเป็นขุนนางสำคัญของฉีอ๋อง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก”หวงจูยิ้มแล้วยิ้มอีก “แต่ข้าได้ยินมาว่า พระมเหสีได้แนะนำฝ่าบาท ท่านพ่อไม่ได้ร่วมก๊วนร่วมพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ฝ่าบาทไม่ถือโทษท่านหรอก ปัจจุบันท่านก็ยังนั่งตำแหน่งเลขานุการดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?”“แต่อย่างไรก็เป็นเสี้ยมหนาม”ใต้เท้าหวงส่ายศีรษะ“วันไหนฝ่าบาทนึกขึ้นได้ ก็ถอนข้าทิ้งแน่”หวงจูเข้าใจแล้ว “ดังนั้นท่านพ่ออยากให้ข้าเข้าวัง เพื่อโน้มน้าวฝ่าบาท?”“อืม จะพูดเช่นนี้ก็ได้”ใต้เท้าหวงพยักหน้าอย่างสัตย์จริงหวงจูใช้สายตาที่มองคนโง่ มองพ่อแม่ตัวเองแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ข้าเข้าวังก็ได้”พลันคำพูดของนางก็เปลี่ยนทิศ“แต่ว่า ข้าจะให้ท่านส่งข้าไปเป็นนางกำนัลข้างกายพระมเหสี”“อะไรนะ!” ใต้เท้าหวงลุกขึ้นตบโต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1614

    “อย่าได้เกรงใจไปเลย เจ้ารีบลองดูว่าชอบชุดไหนที่สุด ถ้าหากไม่มีที่เจ้าชอบ ข้าให้คนไปวาดใหม่”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของเขา หยิบกระดาษกองนั้นขึ้นมาดูทีละแผ่น และสุดท้ายก็ดึงออกมาหนึ่งแผ่น“ข้าชอบหงส์ล้อโบตั๋นแผ่นนี้ที่สุด แล้วก็มงกุฎหงส์ที่มีไข่มุกตะวันตกประดับด้วย ใช้ชุดนี้ก็แล้วกัน”“ได้ ฟังเจ้าทั้งหมด”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขายื่นกระดาษแผ่นนั้นให้คนข้างล่าง ให้พวกเขาไปทำทันที“ฝ่าบาทรักพระมเหสีจัง”ขันทีและนางกำนัลที่รับกระดาษออกมาซุบซิบ“ก็แน่อยู่แล้ว พระมเหสีของเราเป็นผู้ที่ร่วมร่วมทุกข์มากับฝ่าบาทตลอดทางตั้งแต่พระองค์ถูกเนรเทศ ผู้หญิงทั่วไปสามารถเทียบได้หรือ?”อีกคนพูดเสริม“ตอนนี้ฝ่าบาทดีกับพระมเหสีมาก แต่ฮ่องเต้องค์ใดบ้างที่ไม่ใช่สามตำหนักหกเรือน ถึงเวลามีสนมคนใหม่เข้าวัง กลัวแต่จะได้ยินเสียงหัวเราะของคนใหม่ หาได้ยินเสียงร่ำไห้ของคนเก่า”“แม้พระมเหสีหน้าตางดงาม กลับสู้ความสดใหม่ไม่ได้”“ผู้ชายนี่นะ จะซื่อสัตย์ก็ต่อเมื่อถูกแขวนไว้บนกำแพง”นางกำนัลกลุ่มนั้นมองหน้ากันแวบหนึ่ง ไม่มีใครโต้เถียงพวกนางทำงานในวังมานานมาก เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1613

    ภายในพระราชวัง กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ ใบหน้าเจือความอิดโรยสองวันมานี้ นางกับซูจิ่งสิงเปิดดูสาส์นกราบทูลและฎีกาด้วยกัน รวมถึงคดีและกฎระเบียบของราชสำนักในหลายปีที่ผ่านมาพบว่าฮ่องเต้ชั่วผู้นั้นช่างเลวทรามยิ่งนักระหว่างที่ครองราชย์ปกครองบ้านเมืองจนเละเทะตอนนี้ แม้นางกับซูจิ่งสิงจะชิงราชบัลลังก์มาครองได้ ทว่าทั่วทั้งแผ่นดินมีเรื่องมากมายรอการฟื้นฟู สิ่งที่เห็นมีแต่ความพังพินาศหากอยากปกครองบ้านเมืองให้ดี เกรงว่าต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย“มิน่าฮ่องเต้ยงเจิ้งถึงเหนื่อยตาย การขึ้นเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้”กู้หว่านเยว่แอบบ่นไปหนึ่งคำซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกันหัวเราะ“รอให้จ้านจ้านเติบใหญ่ พวกเรามอบแผ่นดินให้เขาปกครองต่อ ข้าจะพาเจ้าออกไปท่องเที่ยว”“มีใครที่ไหนรังแกลูกอย่างท่านเช่นนี้?”แต่ความคิดนี้ฟังดูไม่เลวสองสามีภรรยาทำงานด้วยกัน กลับไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้า เพียงไม่นานตลอดบ่ายก็ผ่านไปแล้วซูจิ่งสิงบิดขี้เกียจ แล้วนำฎีกาในมือกู้หว่านเยว่ไป“อย่าเพิ่งดูของพวกนี้เลย ข้าพาเจ้าไปดูของดีอย่างหนึ่ง”“ของอะไร?”กู้หว่านเยว่ทำหน้าสงสัย ซูจิ่งสิงกลับลากให้นางเดิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1612

    “กระหม่อมจะทำให้สุดความสามารถ จวบจนวันตาย”“ใครกำลังทำสุดความสามารถ จวบจนวันตายอยู่ตรงนี้หรือ”ด้านนอกมีเสียงหัวเราะอ่อนโยนดังขึ้น ต่อจากนั้นคือเสียงหัวเราะเฮฮาเว่ยเฉิงรีบลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามอง พบว่าเป็นอวิ๋นมู่และมู่หรงฉางเล่อ“พวกท่านมาได้อย่างไร?”สายตาเขาประหลาดใจมู่หรงฉางเล่อยิ้มพร้อมแหย่เขา “ใต้เท้าเว่ย พวกเราไม่เหมือนท่านหรอกนะ มีจวนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ พวกเราจะมาขอพึ่งพิงอาศัย มาขออยู่ที่จวนของท่านอย่างไรละ”อวิ๋นมู่มีกิจการในเมืองหลวงไม่น้อย แต่ช่วงที่ผ่านมากิจการของเขาเกิดปัญหา บ้านทุกหลังล้วนถูกทำลายปิดตาย จนตอนนี้ยังซ่อมไม่แล้วเสร็จ“ไม่ทราบใต้เท้าเว่ยต้อนรับพวกเราหรือไม่”น้ำเสียงอวิ๋นมู่อ่อนโยน พร้อมเอ่ยแล้วยิ้ม“ย่อมยินดีแน่นอน” เว่ยเฉิงรีบกล่าว “เพียงแต่จวนแห่งนี้เพิ่งจะพระราชทานให้ข้าวันนี้ ภายในยังไม่มีเครื่องเรือนใดเลย”“เรื่องนี้ท่านยังไม่รีบขอบคุณคุณชายอวิ๋นอีก เขาได้สั่งให้คนขนเครื่องเรือนมาให้ท่านแล้วหนึ่งชุด”“เครื่องเรือนหรือ”เว่ยเฉิงมองไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นรถม้าหลายคันที่จอดอยู่หน้าจวน บนรถม้าเหล่านั้นล้วนมีผ้าคลุม สิ่งที่เผยให้เห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1611

    ยามตะวันตกดินเว่ยเฉิงเดินกลับบ้านภายใต้แสงจันทร์ทางราชสำนักได้จัดบ้านพักไว้ให้เขาในเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังส่งคนไปรับเจียงหรงกับยายเฒ่าอู๋และลูกที่เพิ่งคลอดมาที่นี่ตอนนี้ เขาถือกุญแจ ล่วงหน้าไปตรวจตราบ้านหลังนั้นก่อนต่างจากชาติที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อดึงเขามาเป็นพรรคพวก เพื่อรักษาอำนาจราชสำนักใหม่ จึงจัดให้เขาอยู่ในถนนจูเชวี่ยที่ดีที่สุด พระราชทานให้เขาพักในจวนระดับจวนอ๋องจวนเว่ยเบื้องหน้าแห่งนี้ เป็นรูปแบบจวนสมุหราชเลขาธิการอย่างแท้จริงเว่ยเฉิงก้มมองกุญแจในมือแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ท่านคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เว่ยเสียวฉู่ดีใจมาทั้งวัน นางไปเข้าร่วมพิธีราชาภิเษก มีคนมากมายช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!อาจารย์นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มือถือพู่กันแดง เพียงเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก็สามารถกำหนดให้คนเป็นหรือตาย ช่างเป็นขวัญใจของนาง!นางแต่งตั้งให้ท่านพ่อเป็นสมุหราชเลขาธิการได้ยินมาว่าสมุหราชเลขาธิการเป็นตำแหน่งขุนนางที่ใหญ่ที่สุด หลังเสร็จสิ้นพิธี มีคนมากมายมาประจบท่านพ่อแต่ดูเหมือนท่านพ่อจะไม่ดีใจ“เสียวฉู่”เว่ยเฉิงแบกเว่ยเสียวฉู่เดินเข้าไปในจวน “ยังจำที่พ่อเคยบอกเจ้า เรื่องความฝันก่อนหน้านี้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1610

    มู่หรงถิงนับว่ามีชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปีแล้ว เรื่องลอบสังหารรัชทายาทจะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์“ส่งเข้าตำหนักเย็นเถอะ”ซูจิ่งสิงพูดเสียงเรียบเฉย “ฆ่าเขา นี่ง่ายเกินไปแล้ว ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานที่ตำหนักเย็นไปชั่วชีวิตเถอะ”“ความคิดนี้ไม่เลว”พรรคพวกของมู่หรงถิงล้วนถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถก่อความวุ่นวายอันใดได้อีก ปล่อยให้เขาทุกข์ทรมานในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือถึงจะทรมานที่สุด“หว่านเยว่ พรุ่งนี้ข้าเตรียมตกรางวัลขุนนางผู้มีคุณูปการ”ซูจิ่งสิงมองฎีกาในมือ“เดิมทีข้าอยากให้โจวเหล่ารับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ เพียงน่าเสียดายเขาพูดว่าเขาอายุมากแล้ว อยากกลับไปสอนหนังสือที่เจดีย์หนิงกู่”โจวเหล่าคือขุนนางเก่าแก่สามรัชสมัย มีเขาบัญชาการ เหล่าขุนนางไม่มีวันกล้าเหิมเกริม“โจวเหล่าอายุมากแล้วจริงๆครั้งนี้เขาเดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ ขอยาจากข้าไปหลายครั้งให้เขาเกษียณกลับบ้านเกิดเลี้ยงดูยามชราเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมีคนผู้หนึ่งต้องการแนะนำ“ก่อตั้งราชสำนักใหม่ บ้านเมืองต้องฟื้นฟู ตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการนี้ ข้ามีตัวเลือกคนหนึ่ง ท่านอยากฟังหรือไม่?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1609

    ลั่วยางพูดอย่างมีนัย “หากไม่อยากถอด ก็ได้”“ไม่ใช่ๆข้าถอดๆ ข้าจะถอดเดี๋ยวนี้เลย”เกาเจี้ยนยิ้มโง่งมเขาอยากถอดให้หมดเลยดีหรือไม่!เขารีบวางกระบี่ลง ถอดเกราะบนตัว ทั้งยังถอดเสื้อตัวใน ทำเสียจนลั่วยางรีบห้ามเขาไว้ หาไม่แล้วเขาจะถอดกางเกงอีกด้วย“เปลือยท่อนบนก็พอแล้ว ไม่ต้องถอดกางเกง”ใบหน้ารูปไข่ของลั่วยางแดงเรื่อคนผู้นี้จะต้องตั้งใจแน่ ทั้งๆ ที่บาดเจ็บครึ่งตัวบน จะถอดกางเกงทำอันใด“เจ้าพูดถูก” เกาเจี้ยนรู้สึกตัว ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก “ขออภัยยางเอ๋อร์ ข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า”สมองของเขานี้ เหตุใดมีแต่ขยะกันเล่า!“อย่าพูด”ลั่วยางตำหนิหนึ่งประโยค ใช้ก้านสำลีชุบน้ำยา ฆ่าเชื้อให้เขาเลือดบนบาดแผลแห้งแล้ว ถูกก้านสำลีสะกิดเล็กน้อยก็มีเลือดซึมออกมา หัวใจลั่วยางเกร็งขึ้นมา เปล่งเสียงนุ่มนวลโดยไม่รู้ตัว “เจ็บหรือไม่?”เกาเจี้ยนสบมองคนในดวงใจอย่างเคลิบเคลิ้ม ไฉนเลยจะรู้สึกเจ็บ“ไม่เจ็บๆ”เขารีบส่ายหน้าทำเสียจนลั่วยางหัวเราะออกมาอีกครั้งมู่หรงอวี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย ถูกรังแกตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนต้องใคร่ครวญข้อดีข้อเสียก่อน หนำซ้ำยังไม่ปล่อย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1608

    ลั่วยางหัวเราะ “ท่านอยากพูดอันใด? ท่านพูดก่อนเถอะ”เกาเจี้ยนกระแอมทีหนึ่ง ใบหน้าภายใต้เกราะเขินอายเล็กน้อย“ข้าอยากถามเจ้าว่าช่วงนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ได้เผชิญหน้ากับอันตรายหรือไม่?”นางยิ้มพลางส่ายหน้า“ช่วงนี้ข้าสบายดีมากและปลอดภัยดี ไม่ได้พบอันตรายอันใด ของกินของใช้เองก็ดี ไม่พร่องไปแม้ผมเส้นเดียว”นางเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้าจริงจังเกาเจี้ยนถูกเสียงนุ่มนวลและสายตามุ่งมั่นของนางทำให้คล้อยตาม สายตาจับจ้องนาง ภายในก้นบึ้งของหัวใจอ่อนระทวยคล้ายถูกแสงแดดสาดส่องก็มิปานเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก อยากวิ่งไปร้องตะโกนบนถนนใหญ่เสียให้ได้ลั่วยางตอบเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังตอบคำถามที่เขากังวลนี่หมายความว่าอันใด? เขารู้ดี“เช่น เช่นนั้นเจ้าเล่า? เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอันใด?”เกาเจี้ยนมองทางลั่วยางลั่วยางหัวเราะ เดิมทีนางก็ยังลังเลอยู่ภายในใจ ทว่าได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเกาเจี้ยน นางกลับไม่ว้าวุ่นใจแล้ว“นี่”นิ้วมือเรียวยาวยื่นออกไปชี้ที่แขนของเกาเจี้ยน“ท่านดูไหล่ของท่านได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลแล้วก็ไม่รู้สึกตัว”เกาเจี้ยนก้มหน้าพบว่าไหล่ของเขามีรอยเลือด น่า

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status