Share

บทที่ 11

กู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อเย็บถุงหอม

บนเส้นทางการเนรเทศ ไม่มีคุณชายและคุณหนูผู้สูงส่ง ทุกคนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ซูจื่อชิงรับถุงหอม จากนั้นไปขอคำแนะนำจากนางหยาง

ซูจิ่นเอ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ด่าทออย่างรุนแรงอีกต่อไป หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาลองเย็บดู

ทว่าดวงตาของนางกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นว่าขบวนยังพักอยู่ กู้หว่านเยว่หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมลำธาร จากนั้นก้มหน้าลงแล้วแอบหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมาจากมิติเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน

ไม่แปรงฟันปากเปื้อนไปหมด นางทนไม่ได้

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือก็กำลังวักน้ำจากลำธารมาล้างหน้าเช่นกัน หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ล้างหน้าเสร็จแล้ว และกำลังจ้องมองผิวน้ำอย่างตั้งใจ ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมา

อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ย่องเข้าไปใกล้กู้หว่านเยว่จากด้านหลัง จากนั้นยื่นมือออกไปผลักอย่างรุนแรง

“ว้าย!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

กู้หว่านเยว่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของนางจากเงาสะท้อนในน้ำตั้งแต่แรกแล้วจึงหลบไปด้านข้าง ไม่ลังเลที่จะถีบหลี่ซือซือที่กำลังเซไปเซมาลงไปในน้ำ

“ช่วยด้วย!”

หลี่ซือซือกลายเป็นลูกนกตกน้ำในทันที ตะเกียกตะกายอยู่ในลำธารอย่างน่าเวทนา

เมื่อคนในตระกูลซูได้ยินเสียงก็รีบมามุงดู ซูเช่อไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดลงไปดึงหลี่ซือซือขึ้นมา

เสื้อผ้าของหลี่ซือซือเปียกไปหมด ชื้นแฉะแนบไปกับลำตัว เผยให้เห็นรูปร่างที่โค้งเว้าได้สัดส่วน ชายหนุ่มรอบข้างต่างจ้องมองตาไม่กะพริบ

ซูเช่อรีบถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมตัวนางเอาไว้ หลี่ซือซือรู้สึกเสียใจและผลักเขาออก แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของซูหวู่อวิ๋นที่เข้ามาช้า

“ซือซือ เจ้าตกลงไปในลำธารได้อย่างไร?”

น้ำในลำธารยามเช้าเย็นเฉียบ หลี่ซือซือหนาวจนฟันสั่นกระทบ นางจ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยความเกลียดชัง

“เป็นนาง นางจงใจถีบข้าลงไป”

นางจะไม่มีทางบอกว่านางเป็นคนคิดจะผลักกู้หว่านเยว่ลงไปก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเห็น

ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าแม่ แค่สบตากันแวบเดียว ซูหวู่อวิ๋นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

นางดึงหลี่ซือซือมาไว้ด้านหลัง แล้วมองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย “กู้หว่านเยว่ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายขนาดนี้ ซือซือไปมีความแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าถึงต้องทำร้ายนางเช่นนี้?”

กู้หว่านเยว่แบมือ “หลี่ซือซือผลักข้าก่อน ข้าไม่ถีบนางแล้วจะไปถีบใคร?”

“เจ้า...” ซูหวู่อวิ๋นหันไปร้องไห้กับซูจิ่งสิง พลางเอ่ยขึ้น “จิ่งสิง เมียเจ้าใจร้ายนัก เจ้าต้องให้ความยุติธรรมกับซือซือนะ”

หลี่ซือซือหันไปร้องไห้ออดอ้อนซูจิ่งสิงอย่างอ่อนแอ “พี่จิ่ง อย่าไปโกรธพี่สะใภ้เลย นางคงอิจฉาที่เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก...”

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเรียบเฉย หากเขากล้าพูดดีๆ กับหลี่ซือซือแม้เพียงประโยคเดียว หึ ๆ... นางจะหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้

ขณะที่นางมองซูจิ่งสิงอยู่นั้น ซูจิ่งสิงก็มองนางเช่นกัน

โดยสัญชาตญาณ ซูจิ่งสิงไม่เชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะเป็นคนใจแคบที่แอบทำร้ายผู้อื่นลับหลัง

แม้ว่าน้องสาวจะร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน* แต่เขาก็ยังคงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

“ข้าเชื่อหว่านเยว่ อีกอย่าง ข้าไม่มีเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก”

เป๊าะ หัวใจของหลี่ซือซือแตกสลาย นางรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก

“พี่จิ่ง เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อข้า เป็นกู้หว่านเยว่นั่นแหละที่จงใจถีบข้าลงไป ท่านดูสิที่ก้นข้ายังมีรอยรองเท้าของนางอยู่เลย...”

“พี่ใหญ่”

ซูจิ่นเอ๋อถือเข็มกับด้ายอยู่ข้าง ๆ มองอยู่นาน ในตอนนี้รวบรวมความกล้าและลุกขึ้นยืน

“ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลี่ซือซือขยิบตาส่งสัญญาณให้นางอย่างเอาเป็นเอาตาย

ซูจิ่นเอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลบสายตาของนาง “ข้าเห็นพี่ซือซือพยายามผลักพี่สะใภ้ลงไป แต่พี่สะใภ้รู้ทัน พี่สะใภ้จึงถีบพี่ซือซือลงไป”

อืม เรียบเรียงได้ชัดเจนมาก

ทุกคนต่างเข้าใจในทันที ที่แท้หลี่ซือซือก็เป็นคนหาเรื่องก่อน

ถ้าเป็นอย่างนั้น ตามนิสัยของกู้หว่านเยว่ การถีบนางลงไปก็สมควรแล้ว

“ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดเจ้าถึงเข้าข้างนางตัวซวยนั่น...”

หลี่ซือซือสีหน้าซีดเผือด จ้องมองนางอย่างเคียดแค้น

ไม่นานนัก ซูจิ่นเอ๋อก็ถูกกู้หว่านเยว่ซื้อตัวไปแล้ว

เมื่อเห็นคนรอบข้างต่างชี้มาที่นาง หลี่ซือซือที่ถูกเปิดโปงต่อหน้าคนมากมายก็ทนไม่ไหว พาดเสื้อคลุมไว้บนไหล่แล้วรีบวิ่งหนีไป

“ขอบคุณมาก!”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่นเอ๋อจะช่วยพูดแก้ต่างให้นาง กู้หว่านเยว่มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนหน้านี้นางโง่เขลาเกินไป แยกแยะดีชั่วไม่ออก แต่ต่อไปนี้นางจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น!

เมื่อครอบครัวร่วมมือร่วมใจกัน ก็ไม่มีใครรังแกพวกเขาได้!

ในเวลานี้ กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้น

“พวกเจ้ารีบมาเก็บกิ่งไม้แห้งและวัชพืชริมลำธารนี่เร็ว เดี๋ยวเราจะก่อกองไฟ”

“ก่อกองไฟทำไมกัน?” อากาศก็ไม่ได้หนาว ทุกคนต่างมองนางด้วยความสงสัย

“เจ้าพูดว่าจะทำอะไร?”

กู้หว่านเยว่ก้มลง จับปลาตะเพียนตัวใหญ่ขึ้นมาจากลำธารหนึ่งตัว ที่แท้เมื่อครู่นางมองผิวน้ำอยู่ตลอด เพราะเห็นปลาที่อยู่ในน้ำ

“ปลา!”

ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อต่างก็มามุงดู นางหยางก็ตบมือด้วยความดีใจ

พี่สะใภ้จับปลาเป็นด้วย เก่งมากเลย!

กู้หว่านเยว่หยิบมีดเล็กที่พกติดตัวออกมา จากนั้นผ่าท้องควักไส้ปลา ขอดเกล็ดและเหงือกปลาออกจนสะอาด แล้ว โยนลงในหม้อเหล็กที่ตั้งไฟไว้เพื่อต้มน้ำแกงปลา

ฝีมือทำอาหารของนางไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่มีน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู นางจึงค้นหาในมิติจนเจอเครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับตุ๋นปลา แล้วแอบใส่ลงไปเงียบ ๆ

ไม่นานนัก กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็ลอยออกมาจากในหม้อชวนให้น้ำลายสอ

กู้หว่านเยว่หยิบชามออกมาหลายใบ และตักน้ำแกงปลาให้ทุกคนคนละหนึ่งชาม

เมื่อถึงตาซูจิ่นเอ๋อ นางก็ลังเลครู่หนึ่ง ไม่กล้าเข้าไป

“ทำไม ยังต้องให้ข้าเชิญเจ้ามาซดอีกหรือ?”

กู้หว่านเยว่แกว่งชามไปมา

ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เผยรอยยิ้มประหลาดใจ จากนั้นก้าวไปข้างหน้ารับชามมาด้วยความดีใจ

“เดี๋ยวพอกินเสร็จแล้ว ล้างชามเองด้วยนะ”

“อืม” ซูจิ่นเอ๋อพยักหน้าอย่างแรง

น้ำแกงที่ตุ๋นจากปลาตัวเดียว แบ่งให้คนในครอบครัวห้าคนก็ยังไม่พอ กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้ชวนนักการมาร่วมซดด้วย

แต่กลิ่นหอมลอยไปถึงบ้านของตระกูลซู นางหลิวจึงเริ่มพูดจาประชดประชันอีกครั้ง

“บางคนน่ะ สนใจแค่ตัวเองกินดีอยู่ดี จนลืมผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว ช่างไร้ความกตัญญูจริงๆ ไม่กลัวฟ้าผ่าลงโทษบ้างเลยหรือ”

นางหยางไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อก็ไม่สนใจนาง

กู้หว่านเยว่กลับยิ้มเยาะ “ถ้าฟ้าจะผ่าลงโทษ คนแรกที่จะโดนก็คือเจ้า”

นางหลิวไม่ได้อะไรจากกู้หว่านเยว่ จึงไปยุยงซูอวี่ ซูอวี่ถูกพ่อของเขาทรมานมาทั้งคืน ตอนนี้กำลังหิวโซ

เมื่อได้กลิ่นน้ำแกงปลาตะเพียนแสนอร่อย ก็น้ำลายไหล ดึงชายเสื้อของฮูหยินผู้เฒ่า

“ท่านย่า ข้าก็อยากซดน้ำแกงปลาเหมือนกัน ท่านรีบให้กู้หว่านเยว่เอาน้ำแกงปลามาให้ข้าซดหน่อย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเลียริมฝีปาก ไม่ใช่แค่ซูอวี่คนเดียวที่อยากกิน

หญิงชราอย่างนางก็ไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าตรู่ พอได้กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็อยากกินมาก

“หว่านเยว่ น้ำแกงปลาตั้งเยอะก็แบ่งให้พวกเราหน่อยเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”

กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด “ใครเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเจ้า น้ำแกงปลาพวกเรากินเองก็ยังไม่พอ ถ้าอยากกินก็ไปจับปลากันเองสิ”

“จะ จะ เจ้า...” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนนิ้วสั่น

คนในตระกูลซูไม่ยอมแพ้ จึงวิ่งไปจับปลาที่ลำธารจริง ๆ

กู้หว่านเยว่เป็นผู้หญิงยังจับปลาได้ แล้วพวกเขาจะจับไม่ได้เชียวหรือ?

น่าขัน!

ในความเป็นจริงคือจับปลาก็ต้องมีเทคนิค คนในตระกูลซูใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่เคยเห็นปลาเป็น ๆ ด้วยซ้ำ แล้วจะรู้วิธีจับปลาได้อย่างไร?

พวกเขาใช้เวลาอยู่ริมลำธารนานมาก จนเกือบจะตกไปในลำธาร ทำให้ตัวเองเปียกโชกไปหมด แต่ก็ยังจับปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่กินอิ่มหนำสำราญ ฮัมเพลงมาล้างหม้อ พวกเขาโกรธจนตาแดงก่ำ

“กู้หว่านเยว่ นางสารเลวหลอกพวกเรา ในลำธารมีปลาที่ไหนกัน?”

*ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เปรียบเทียบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของหญิงสาวกับดอกสาลี่ที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Dumpjea
กรรมตามสนองแหละ อยากตัดตัวซวย/คนพิการ พอเค้าได้ดี ก็ไม่ได้รับด้วย สมแล้ว
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากจริงๆค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status