共有

บทที่ 15

作者: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!

เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว

“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”

กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบ

คนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันที

นักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันที

ซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน

“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้

“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”

ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืน

ซุนอู่เริ่มสนใจ “เจ้าสอนข้ากางเต็นท์แบบนี้ได้หรือไม่?”

พวกเขามีผ้าใบกันน้ำอยู่บนเกวียนจำนวนมาก ใช้สำหรับคลุมสิ่งของเวลาที่ฝนตก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอามาใช้บังแดดบังฝนให้คนได้ด้วย

เมื่อครู่ขณะที่กู้หว่านเยว่กางเต็นท์ เขาก็ยืนดูอยู่ข้าง ๆ

ดูเหมือนจะง่ายมาก

แต่พอลงมือทำเองกลับไม่ใช่แบบนั้น

เขาลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจมาขอคำแนะนำ

ใบหน้าที่ดำคล้ำของซุนอู่แดงขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับต้องมาขอคำแนะนำจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลางป่า

กู้หว่านเยว่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าจะวาดภาพให้ เจ้าดูให้ดีนะ”

แค่กางเต็นท์ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร

กู้หว่านเยว่สอนอย่างใจกว้าง

และยังถือโอกาสนี้ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนอู่

กู้หว่านเยว่หักกิ่งไม้มาหนึ่งกิ่ง แล้วปัดเศษหญ้าบนพื้นดินออก จากนั้นวาดภาพร่างของเต็นท์ลงบนพื้น พร้อมทั้งใส่ใจเขียนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรระวังเอาไว้ด้วย

“ท่านนักการ ต้องมัดเชือกป่านระหว่างต้นไม้ทั้งสองให้แน่น ไม่เช่นนั้นเต็นท์ทั้งหลังจะพังลงมา”

หลังจากที่ซุนอู่ดูจบ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

เขารู้ฐานะของกู้หว่านเยว่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นคุณหนูตระกูลโหวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจริง ๆ หรือ?

เขาจดจำภาพวาดไว้ในใจ แล้วรีบประสานมือคารวะ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจ” เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน นางสอนซุนอู่กางเต็นท์ ซุนอู่ก็รับน้ำใจจากนาง ระหว่างทาง ตราบใดที่นางไม่ทำอะไรเกินเลย พวกเขาก็จะทำเป็นไม่เห็น

ซุนอู่รีบกลับไปสั่งให้เหล่านักการกางเต็นท์

เมื่อเขาจากไป นางหลิวก็เริ่มพูดจาประชดประชัน “ครอบครัวบ้านสามนี่เรื่องมากจริง ๆ ถูกเนรเทศแล้วยังทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีก มีเงินขนาดนี้ ซื้ออาหารกินดีกว่า ซื้อผ้าใบกันน้ำมาทำไมกัน”

นางเฉียนก็พูดจาเหน็บแหนมตามมา “ก็เพราะแม่ผัวที่โง่เง่าอย่างนางหยาง คุมลูกสะใภ้ไม่ได้ ถ้าลูกสะใภ้ของข้ากล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ ข้าจะตีให้ตายเป็นคนแรก!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างเย็นชา

กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “เช่นนั้นท่านก็เสียแรงที่เป็นห่วงแล้ว ซูอวี่ลูกชายของท่านติดแม่ขนาดนั้น คงหาเมียมาแต่งด้วยไม่ได้”

“จะจะเจ้า กู้หว่านเยว่เจ้าพูดบ้าอะไร!” นางเฉียนโกรธจนนิ้วสั่น กอดซูอวี่ไว้ในอ้อมแขน

ลูกชายของนางเป็นสมบัติล้ำค่า จะไม่สามารถหาภรรยามาแต่งด้วยได้อย่างไร

ซูอวี่ก็กอดแม่ของเขา “ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ลูกแหง่สักหน่อย”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือมองไปที่หมั่นโถวที่ซูอวี่แอบส่งให้นาง จากนั้นโยนมันลงในตะกร้าราวกับร้อนมือ

กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจเถียงกับพวกเขา เหลือบมองท้องฟ้าแล้วแสยะยิ้ม

ตอนนี้พวกเขามีแรงเยาะเย้ย แต่อีกไม่ถึงสามชั่วยาม ก็จะต้องร้องไห้คร่ำครวญแล้ว!

ภายในเต็นท์ ซูจิ่นเอ๋อเกือบคลั่งแล้ว

ตั้งแต่ถูกเนรเทศ พวกป้า ๆ ก็ถือโอกาสดูถูกบ้านสามพวกเขา ด่าทอนางหยางว่าเป็นคนโง่

“ป้ารองทำเกินไปแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงกลายเป็นแบบนี้...”

หันไปมองนางหยางที่ใบหน้าดูโง่เขลา แต่ก็ยังคงเย็บรองเท้าที่ขาดให้พวกเขาอย่างขยันขันแข็ง ซูจิ่นเอ๋อก็ยิ่งน้ำตาคลอ

“ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ ...”

นางอยากออกไปโต้เถียงกับพวกเขา แต่ก็ไม่มีความกล้า

ถึงอย่างไรก็เคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาก่อน นางก็ไม่อยากจะทะเลาะกันจนแตกหัก

กู้หว่านเยว่มองนางแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “เจ้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัว เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าบ้านสามพวกเราตัดขาดกับพวกเขาแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึง จากนั้นก็ครุ่นคิด

กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไรมาก บางเรื่องก็ต้องให้เด็กสาวเข้าใจด้วยตัวเอง นางคลานไปเปลี่ยนยาให้กับซูจิ่งสิง เต็นท์ค่อนข้างเล็ก ทั้งสองคนเบียดกัน ลมหายใจของพวกเขาต่างพ่นใส่หน้ากันและกัน

เมื่อกู้หว่านเยว่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาเรียวยาวของซูจิ่งสิงหรี่ลง ใบหูแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาอายที่นางเข้าใกล้ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นเย็นชา

นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ท่านพี่ ข้าว่าท่านค่อนข้างรักสุทธิ์จริง ๆ ”

พอดีกับที่ซูจื่อชิงถืออาหารแห้งที่แจกกลับมา กะพริบตาแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่สะใภ้ บริสุทธิ์คืออะไร?”

“ก็คือไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง เขินได้ง่าย จิตใจบริสุทธิ์ พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นนักรบแห่งรักบริสุทธิ์” กู้หว่านเยว่อธิบายอย่างจริงจัง

ซูจื่อชิงเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พี่ใหญ่ชอบอ่านหนังสือและฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบเล่นกับผู้หญิง แม้แต่คนรับใช้ในห้องของเขาก็เป็นหญิงชรา เมื่อก่อนพวกเรายังสงสัยว่าพี่ใหญ่อาจจะ...”

“จื่อชิง!” ซูจิ่งสิงรีบกระแอมขึ้นมา

“โอ๊ยตายแล้ว พี่ใหญ่ท่านตื่นมาได้อย่างไรกัน!” ซูจื่อชิงเพิ่งพบว่าพี่ใหญ่ตื่นอยู่ ตกใจจนรีบปิดปาก

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงราวกับจะยิ้มก็ไม่เชิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “ที่แท้ท่านพี่ก็ไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง มิน่าล่ะถึงได้ง่ายต่อการยั่วเย้าเช่นนี้~”

ง่ายต่อการยั่วเย้า... ซูจิ่งสิงมือสั่น เกือบจะปัดขวดยาที่อยู่ข้าง ๆ ล้ม ถ้าเขาขยับตัวได้ ตอนนี้คงจะเขินอายจนต้องรีบวิ่งออกไปแล้ว

ภรรยาของเขาเดี๋ยวก็เย็นชา เดี๋ยวก็เหมือนปีศาจ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี

หลังจากทายาเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็หยุดแกล้งเขา หยิบหมั่นโถวงาดำจากมือของซูจื่อชิง

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกับรสชาติของหมั่นโถวงาดำแล้ว

แช่หมั่นโถวกับน้ำให้นุ่มลงก็พอจะกลืนได้ แต่รสชาติก็จืดชืดไปหน่อย

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ

เต็นท์บังสายตาจากภายนอก

ก่อนหน้านี้นางไม่หยิบอาหารออกมาเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายที่มาของอาหารอย่างไร

ตอนนี้...กู้หว่านเยว่ยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือเข้าไปในห่อผ้า แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางได้เข้าไปในมิติแล้ว

ไม่นานนัก นางก็ดึงขาแกะย่างออกมาด้วยมือเปล่า

ทุกคนในเต็นท์ !

“นี่คือขาแกะย่างที่ข้าซื้อมาจากเมืองอูอวิ๋น เย็นไปหน่อยแล้ว แต่ยังไม่เสีย พวกเราเอาไปกินกับหมั่นโถวกันเถอะ”

เมื่อเห็นขาแกะย่าง ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือขาแกะย่างนี่มาจากไหน แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของขาแกะย่าง น้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ใครจะไปสนใจว่ามันมาจากไหนกันล่ะ?!
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (17)
goodnovel comment avatar
พี่เอ็น จ้า
อ่านได้จบจริงๆรึป่าวนี่
goodnovel comment avatar
Supaporn Muangsuay
very god stroly
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
อ่านสนุกคะเพริดเพลิดดี
すべてのコメントを表示

関連チャプター

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 16

    “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมืองซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอนดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 17

    ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคนเหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชมกู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 18

    ในตอนแรกเหยียนฮูหยินเป็นฝ่ายอาสาช่วยพวกเขาล้างหม้อและชามก่อน ต่อมาผู้อาวุโสเหยียนก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาลากเกวียนระหว่างเดินทางผู้อาวุโสเหยียนเป็นเพียงข้าราชการพลเรือน ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งต้องมีพละกำลังไม่มากก็น้อยพอมีเขาเข้ามาช่วย นางหยางและซูจื่อชิงก็เบาลงไปไม่น้อยเมื่อเป็นเช่นนี้กู้หว่านเยว่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นโคลนที่เกิดจากหลังฝนตก หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การเดินทางล่าช้าจนได้รับการตำหนิจากนักการในศาลาว่าการอีกทั้งนางยังพบว่าผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นแอบกระซิบกระซาบกันเห็นได้ชัดว่ากู้หว่านเยว่ตั้งใจช่วยชีวิตเหยียนซือหยวน แต่ก็ยังเข้าไปสานสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงโดยไม่ได้ตั้งใจ“ผู้อาวุโสเหยียนเคยเป็นเพื่อนกับเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่?”ระหว่างแวะพักกลางทาง กู้หว่านเยว่ได้ยื่นกระติกน้ำให้ซูจิ่งสิงพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้สิ้นสุดคำถามนางก็ส่ายหน้าอีกครั้งหากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงไม่ต้องรอให้กู้หว่านเยว่คอยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ให้พวกเขาติดต่อกัน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 19

    ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 20

    นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 21

    สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 22

    ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 23

    แววตาหลี่ซือซือทอประกาย นางไม่กล้ายอมรับ ทั้งยังไม่อาจหักใจยอมรับ“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้า เป็นเจ้า...”กู้หว่านเยว่ไม่ใส่ใจนาง คนแกล้งหลับไม่มีวันปลุกให้ตื่นได้ นางถือยาไปทำแผลที่เข่าให้นางหยางและซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ยานี้ทาลงบนขาแล้วเย็นๆ สบายๆ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย!”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ยาทานี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เก็บสมุนไพรและบดไว้ใช้กับตนเองกระมัง ประสิทธิภาพดีเพียงนี้เชียว?“ดียิ่งกว่ายาจินฉวงที่ขายในร้านขายยาเสียอีก หากนำไปขาย จะต้องมีคนมากมายมาแย่งซื้อเป็นแน่”แม้ในมิติมียามากมาย กู้หว่านเยว่กลับไม่คิดนำออกไปขายเลยจริงๆ ถูกซูจินเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ความคิดนางก็ทำงานแล้วนักโทษถูกเนรเทศในเส้นทางนี้ นางนับดูแล้วมีราวสองร้อยกว่าคน รวมกับนักการแห่งศาลาว่าการก็เกือบสามร้อยคนนางไม่มีสายสัมพันธ์กับนักโทษเหล่านี้ เกิดเรื่องขึ้นยังกังวลว่าจะถูกพวกเขาใช้ดาบแทงหากนางดูอาการเจ็บป่วยให้ทุกคนระหว่างทาง เก็บสมุนไพรขายให้ทุกคน ก็สามารถครองใจคนได้อย่างน้อยที่สุด ระหว่างทางก็ไม่มีคนจ้องทำร้ายพวกเขาบ้านสาม มิหนำซ้ำยังกลายเป็นสหายของพวกเขาบ้า

最新チャプター

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1616

    “นั่นพวกเขา”ซูจิ่งสิงจับมือของกู้หว่านเยว่ยืนรออยู่ตรงที่เดิม ผ่านไปครู่หนึ่ง รถมาก็ม้าถึงตรงหน้าแล้วซูจื่อชิงมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง แล้วละสายตาหันไปพูดกับคนข้างใน“ท่านพ่อ ท่านแม่ ถึงเมืองหลวงแล้ว พี่ใหญ่…ไม่ ฝ่าบาทกับพระมเหสีมารับพวกเราแล้ว”“ถึงแล้ว ในที่สุดก็ถึงแล้ว”ผู้อาวุโสทั้งสองปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว รีบอุ้มจ้านจ้านลงจากรถม้า“ท่านพ่อ ท่านแม่”“ฝ่าบาท พระมเหสี”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเดินเข้าไป ซูจิ้งกับนางหยางก็เดินเข้าไปคำนับทั้งสองเช่นกัน“รีบลุกขึ้น”ซูจิ่งสิงห้ามทั้งสอง “ต่อไปลับหลังคนอื่น พวกเรายังเหมือนเดิม”“ฝ่าบาท ท่านให้พวกเราคำนับเถอะ”ซูจิ้งกับนางหยางมองนางกันแวบหนึ่ง ยืนกรานคำนับซูจิ่งสิงให้ได้ กษัตริย์และพระราชบริพารมีความแตกต่าง ซูจิ่งสิงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า แต่พวกเขาไม่สามารถทำตัวบังอาจเหมือนในอดีต“ฝ่าบาท พระมเหสี” ซูจื่อชิงก็คำนับเช่นกัน เขาก้มหน้า เสียงพูดติดขัดเล็กน้อยซูจิ่งสิงมองเขาแวบหนึ่ง“จ้านจ้าน เจ้าอ้วนขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่อุ้มจ้านจ้านมาอย่างแทบรอไม่ไหวแล้ว ชั่งน้ำหนักเด็กคนนี้ครู่หนึ่ง หนักอย่างน้อยยี่สิบจิน[1]แล้ว“เจ้าอ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1615

    “จูเอ๋อร์ มานี่”ใต้เท้าหวงกวักมือเรียกนาง และเมื่อเข้ามา ก็เข้าประเด็นด้วยรอยยิ้มทันที“ท่านพ่ออยากให้ข้าไปเป็นนางสนมในวัง?”หวงจูหรี่ตา ดูสีหน้าของใต้เท้าหวงชัดยิ่งขึ้นเล็กน้อยนางชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก สายตาไม่ค่อยดีนัก“ใช่แล้ว”ลูกสาวเป็นคนฉลาด ใต้เท้าหวงไม่กล้าโกหกนาง“เจ้าก็รู้ ปัจจุบันมีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ข้าเป็นขุนนางสำคัญของฉีอ๋อง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก”หวงจูยิ้มแล้วยิ้มอีก “แต่ข้าได้ยินมาว่า พระมเหสีได้แนะนำฝ่าบาท ท่านพ่อไม่ได้ร่วมก๊วนร่วมพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ฝ่าบาทไม่ถือโทษท่านหรอก ปัจจุบันท่านก็ยังนั่งตำแหน่งเลขานุการดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?”“แต่อย่างไรก็เป็นเสี้ยมหนาม”ใต้เท้าหวงส่ายศีรษะ“วันไหนฝ่าบาทนึกขึ้นได้ ก็ถอนข้าทิ้งแน่”หวงจูเข้าใจแล้ว “ดังนั้นท่านพ่ออยากให้ข้าเข้าวัง เพื่อโน้มน้าวฝ่าบาท?”“อืม จะพูดเช่นนี้ก็ได้”ใต้เท้าหวงพยักหน้าอย่างสัตย์จริงหวงจูใช้สายตาที่มองคนโง่ มองพ่อแม่ตัวเองแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ข้าเข้าวังก็ได้”พลันคำพูดของนางก็เปลี่ยนทิศ“แต่ว่า ข้าจะให้ท่านส่งข้าไปเป็นนางกำนัลข้างกายพระมเหสี”“อะไรนะ!” ใต้เท้าหวงลุกขึ้นตบโต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1614

    “อย่าได้เกรงใจไปเลย เจ้ารีบลองดูว่าชอบชุดไหนที่สุด ถ้าหากไม่มีที่เจ้าชอบ ข้าให้คนไปวาดใหม่”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของเขา หยิบกระดาษกองนั้นขึ้นมาดูทีละแผ่น และสุดท้ายก็ดึงออกมาหนึ่งแผ่น“ข้าชอบหงส์ล้อโบตั๋นแผ่นนี้ที่สุด แล้วก็มงกุฎหงส์ที่มีไข่มุกตะวันตกประดับด้วย ใช้ชุดนี้ก็แล้วกัน”“ได้ ฟังเจ้าทั้งหมด”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขายื่นกระดาษแผ่นนั้นให้คนข้างล่าง ให้พวกเขาไปทำทันที“ฝ่าบาทรักพระมเหสีจัง”ขันทีและนางกำนัลที่รับกระดาษออกมาซุบซิบ“ก็แน่อยู่แล้ว พระมเหสีของเราเป็นผู้ที่ร่วมร่วมทุกข์มากับฝ่าบาทตลอดทางตั้งแต่พระองค์ถูกเนรเทศ ผู้หญิงทั่วไปสามารถเทียบได้หรือ?”อีกคนพูดเสริม“ตอนนี้ฝ่าบาทดีกับพระมเหสีมาก แต่ฮ่องเต้องค์ใดบ้างที่ไม่ใช่สามตำหนักหกเรือน ถึงเวลามีสนมคนใหม่เข้าวัง กลัวแต่จะได้ยินเสียงหัวเราะของคนใหม่ หาได้ยินเสียงร่ำไห้ของคนเก่า”“แม้พระมเหสีหน้าตางดงาม กลับสู้ความสดใหม่ไม่ได้”“ผู้ชายนี่นะ จะซื่อสัตย์ก็ต่อเมื่อถูกแขวนไว้บนกำแพง”นางกำนัลกลุ่มนั้นมองหน้ากันแวบหนึ่ง ไม่มีใครโต้เถียงพวกนางทำงานในวังมานานมาก เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1613

    ภายในพระราชวัง กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ ใบหน้าเจือความอิดโรยสองวันมานี้ นางกับซูจิ่งสิงเปิดดูสาส์นกราบทูลและฎีกาด้วยกัน รวมถึงคดีและกฎระเบียบของราชสำนักในหลายปีที่ผ่านมาพบว่าฮ่องเต้ชั่วผู้นั้นช่างเลวทรามยิ่งนักระหว่างที่ครองราชย์ปกครองบ้านเมืองจนเละเทะตอนนี้ แม้นางกับซูจิ่งสิงจะชิงราชบัลลังก์มาครองได้ ทว่าทั่วทั้งแผ่นดินมีเรื่องมากมายรอการฟื้นฟู สิ่งที่เห็นมีแต่ความพังพินาศหากอยากปกครองบ้านเมืองให้ดี เกรงว่าต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย“มิน่าฮ่องเต้ยงเจิ้งถึงเหนื่อยตาย การขึ้นเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้”กู้หว่านเยว่แอบบ่นไปหนึ่งคำซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกันหัวเราะ“รอให้จ้านจ้านเติบใหญ่ พวกเรามอบแผ่นดินให้เขาปกครองต่อ ข้าจะพาเจ้าออกไปท่องเที่ยว”“มีใครที่ไหนรังแกลูกอย่างท่านเช่นนี้?”แต่ความคิดนี้ฟังดูไม่เลวสองสามีภรรยาทำงานด้วยกัน กลับไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้า เพียงไม่นานตลอดบ่ายก็ผ่านไปแล้วซูจิ่งสิงบิดขี้เกียจ แล้วนำฎีกาในมือกู้หว่านเยว่ไป“อย่าเพิ่งดูของพวกนี้เลย ข้าพาเจ้าไปดูของดีอย่างหนึ่ง”“ของอะไร?”กู้หว่านเยว่ทำหน้าสงสัย ซูจิ่งสิงกลับลากให้นางเดิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1612

    “กระหม่อมจะทำให้สุดความสามารถ จวบจนวันตาย”“ใครกำลังทำสุดความสามารถ จวบจนวันตายอยู่ตรงนี้หรือ”ด้านนอกมีเสียงหัวเราะอ่อนโยนดังขึ้น ต่อจากนั้นคือเสียงหัวเราะเฮฮาเว่ยเฉิงรีบลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามอง พบว่าเป็นอวิ๋นมู่และมู่หรงฉางเล่อ“พวกท่านมาได้อย่างไร?”สายตาเขาประหลาดใจมู่หรงฉางเล่อยิ้มพร้อมแหย่เขา “ใต้เท้าเว่ย พวกเราไม่เหมือนท่านหรอกนะ มีจวนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ พวกเราจะมาขอพึ่งพิงอาศัย มาขออยู่ที่จวนของท่านอย่างไรละ”อวิ๋นมู่มีกิจการในเมืองหลวงไม่น้อย แต่ช่วงที่ผ่านมากิจการของเขาเกิดปัญหา บ้านทุกหลังล้วนถูกทำลายปิดตาย จนตอนนี้ยังซ่อมไม่แล้วเสร็จ“ไม่ทราบใต้เท้าเว่ยต้อนรับพวกเราหรือไม่”น้ำเสียงอวิ๋นมู่อ่อนโยน พร้อมเอ่ยแล้วยิ้ม“ย่อมยินดีแน่นอน” เว่ยเฉิงรีบกล่าว “เพียงแต่จวนแห่งนี้เพิ่งจะพระราชทานให้ข้าวันนี้ ภายในยังไม่มีเครื่องเรือนใดเลย”“เรื่องนี้ท่านยังไม่รีบขอบคุณคุณชายอวิ๋นอีก เขาได้สั่งให้คนขนเครื่องเรือนมาให้ท่านแล้วหนึ่งชุด”“เครื่องเรือนหรือ”เว่ยเฉิงมองไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นรถม้าหลายคันที่จอดอยู่หน้าจวน บนรถม้าเหล่านั้นล้วนมีผ้าคลุม สิ่งที่เผยให้เห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1611

    ยามตะวันตกดินเว่ยเฉิงเดินกลับบ้านภายใต้แสงจันทร์ทางราชสำนักได้จัดบ้านพักไว้ให้เขาในเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังส่งคนไปรับเจียงหรงกับยายเฒ่าอู๋และลูกที่เพิ่งคลอดมาที่นี่ตอนนี้ เขาถือกุญแจ ล่วงหน้าไปตรวจตราบ้านหลังนั้นก่อนต่างจากชาติที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อดึงเขามาเป็นพรรคพวก เพื่อรักษาอำนาจราชสำนักใหม่ จึงจัดให้เขาอยู่ในถนนจูเชวี่ยที่ดีที่สุด พระราชทานให้เขาพักในจวนระดับจวนอ๋องจวนเว่ยเบื้องหน้าแห่งนี้ เป็นรูปแบบจวนสมุหราชเลขาธิการอย่างแท้จริงเว่ยเฉิงก้มมองกุญแจในมือแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ท่านคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เว่ยเสียวฉู่ดีใจมาทั้งวัน นางไปเข้าร่วมพิธีราชาภิเษก มีคนมากมายช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!อาจารย์นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มือถือพู่กันแดง เพียงเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก็สามารถกำหนดให้คนเป็นหรือตาย ช่างเป็นขวัญใจของนาง!นางแต่งตั้งให้ท่านพ่อเป็นสมุหราชเลขาธิการได้ยินมาว่าสมุหราชเลขาธิการเป็นตำแหน่งขุนนางที่ใหญ่ที่สุด หลังเสร็จสิ้นพิธี มีคนมากมายมาประจบท่านพ่อแต่ดูเหมือนท่านพ่อจะไม่ดีใจ“เสียวฉู่”เว่ยเฉิงแบกเว่ยเสียวฉู่เดินเข้าไปในจวน “ยังจำที่พ่อเคยบอกเจ้า เรื่องความฝันก่อนหน้านี้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1610

    มู่หรงถิงนับว่ามีชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปีแล้ว เรื่องลอบสังหารรัชทายาทจะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์“ส่งเข้าตำหนักเย็นเถอะ”ซูจิ่งสิงพูดเสียงเรียบเฉย “ฆ่าเขา นี่ง่ายเกินไปแล้ว ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานที่ตำหนักเย็นไปชั่วชีวิตเถอะ”“ความคิดนี้ไม่เลว”พรรคพวกของมู่หรงถิงล้วนถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถก่อความวุ่นวายอันใดได้อีก ปล่อยให้เขาทุกข์ทรมานในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือถึงจะทรมานที่สุด“หว่านเยว่ พรุ่งนี้ข้าเตรียมตกรางวัลขุนนางผู้มีคุณูปการ”ซูจิ่งสิงมองฎีกาในมือ“เดิมทีข้าอยากให้โจวเหล่ารับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ เพียงน่าเสียดายเขาพูดว่าเขาอายุมากแล้ว อยากกลับไปสอนหนังสือที่เจดีย์หนิงกู่”โจวเหล่าคือขุนนางเก่าแก่สามรัชสมัย มีเขาบัญชาการ เหล่าขุนนางไม่มีวันกล้าเหิมเกริม“โจวเหล่าอายุมากแล้วจริงๆครั้งนี้เขาเดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ ขอยาจากข้าไปหลายครั้งให้เขาเกษียณกลับบ้านเกิดเลี้ยงดูยามชราเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมีคนผู้หนึ่งต้องการแนะนำ“ก่อตั้งราชสำนักใหม่ บ้านเมืองต้องฟื้นฟู ตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการนี้ ข้ามีตัวเลือกคนหนึ่ง ท่านอยากฟังหรือไม่?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1609

    ลั่วยางพูดอย่างมีนัย “หากไม่อยากถอด ก็ได้”“ไม่ใช่ๆข้าถอดๆ ข้าจะถอดเดี๋ยวนี้เลย”เกาเจี้ยนยิ้มโง่งมเขาอยากถอดให้หมดเลยดีหรือไม่!เขารีบวางกระบี่ลง ถอดเกราะบนตัว ทั้งยังถอดเสื้อตัวใน ทำเสียจนลั่วยางรีบห้ามเขาไว้ หาไม่แล้วเขาจะถอดกางเกงอีกด้วย“เปลือยท่อนบนก็พอแล้ว ไม่ต้องถอดกางเกง”ใบหน้ารูปไข่ของลั่วยางแดงเรื่อคนผู้นี้จะต้องตั้งใจแน่ ทั้งๆ ที่บาดเจ็บครึ่งตัวบน จะถอดกางเกงทำอันใด“เจ้าพูดถูก” เกาเจี้ยนรู้สึกตัว ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก “ขออภัยยางเอ๋อร์ ข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า”สมองของเขานี้ เหตุใดมีแต่ขยะกันเล่า!“อย่าพูด”ลั่วยางตำหนิหนึ่งประโยค ใช้ก้านสำลีชุบน้ำยา ฆ่าเชื้อให้เขาเลือดบนบาดแผลแห้งแล้ว ถูกก้านสำลีสะกิดเล็กน้อยก็มีเลือดซึมออกมา หัวใจลั่วยางเกร็งขึ้นมา เปล่งเสียงนุ่มนวลโดยไม่รู้ตัว “เจ็บหรือไม่?”เกาเจี้ยนสบมองคนในดวงใจอย่างเคลิบเคลิ้ม ไฉนเลยจะรู้สึกเจ็บ“ไม่เจ็บๆ”เขารีบส่ายหน้าทำเสียจนลั่วยางหัวเราะออกมาอีกครั้งมู่หรงอวี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย ถูกรังแกตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนต้องใคร่ครวญข้อดีข้อเสียก่อน หนำซ้ำยังไม่ปล่อย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1608

    ลั่วยางหัวเราะ “ท่านอยากพูดอันใด? ท่านพูดก่อนเถอะ”เกาเจี้ยนกระแอมทีหนึ่ง ใบหน้าภายใต้เกราะเขินอายเล็กน้อย“ข้าอยากถามเจ้าว่าช่วงนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ได้เผชิญหน้ากับอันตรายหรือไม่?”นางยิ้มพลางส่ายหน้า“ช่วงนี้ข้าสบายดีมากและปลอดภัยดี ไม่ได้พบอันตรายอันใด ของกินของใช้เองก็ดี ไม่พร่องไปแม้ผมเส้นเดียว”นางเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้าจริงจังเกาเจี้ยนถูกเสียงนุ่มนวลและสายตามุ่งมั่นของนางทำให้คล้อยตาม สายตาจับจ้องนาง ภายในก้นบึ้งของหัวใจอ่อนระทวยคล้ายถูกแสงแดดสาดส่องก็มิปานเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก อยากวิ่งไปร้องตะโกนบนถนนใหญ่เสียให้ได้ลั่วยางตอบเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังตอบคำถามที่เขากังวลนี่หมายความว่าอันใด? เขารู้ดี“เช่น เช่นนั้นเจ้าเล่า? เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอันใด?”เกาเจี้ยนมองทางลั่วยางลั่วยางหัวเราะ เดิมทีนางก็ยังลังเลอยู่ภายในใจ ทว่าได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเกาเจี้ยน นางกลับไม่ว้าวุ่นใจแล้ว“นี่”นิ้วมือเรียวยาวยื่นออกไปชี้ที่แขนของเกาเจี้ยน“ท่านดูไหล่ของท่านได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลแล้วก็ไม่รู้สึกตัว”เกาเจี้ยนก้มหน้าพบว่าไหล่ของเขามีรอยเลือด น่า

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status