“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมืองซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอนดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห
ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคนเหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชมกู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อ
ในตอนแรกเหยียนฮูหยินเป็นฝ่ายอาสาช่วยพวกเขาล้างหม้อและชามก่อน ต่อมาผู้อาวุโสเหยียนก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาลากเกวียนระหว่างเดินทางผู้อาวุโสเหยียนเป็นเพียงข้าราชการพลเรือน ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งต้องมีพละกำลังไม่มากก็น้อยพอมีเขาเข้ามาช่วย นางหยางและซูจื่อชิงก็เบาลงไปไม่น้อยเมื่อเป็นเช่นนี้กู้หว่านเยว่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นโคลนที่เกิดจากหลังฝนตก หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การเดินทางล่าช้าจนได้รับการตำหนิจากนักการในศาลาว่าการอีกทั้งนางยังพบว่าผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นแอบกระซิบกระซาบกันเห็นได้ชัดว่ากู้หว่านเยว่ตั้งใจช่วยชีวิตเหยียนซือหยวน แต่ก็ยังเข้าไปสานสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงโดยไม่ได้ตั้งใจ“ผู้อาวุโสเหยียนเคยเป็นเพื่อนกับเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่?”ระหว่างแวะพักกลางทาง กู้หว่านเยว่ได้ยื่นกระติกน้ำให้ซูจิ่งสิงพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้สิ้นสุดคำถามนางก็ส่ายหน้าอีกครั้งหากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงไม่ต้องรอให้กู้หว่านเยว่คอยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ให้พวกเขาติดต่อกัน
ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็
นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ
สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล
ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด
แววตาหลี่ซือซือทอประกาย นางไม่กล้ายอมรับ ทั้งยังไม่อาจหักใจยอมรับ“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้า เป็นเจ้า...”กู้หว่านเยว่ไม่ใส่ใจนาง คนแกล้งหลับไม่มีวันปลุกให้ตื่นได้ นางถือยาไปทำแผลที่เข่าให้นางหยางและซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ยานี้ทาลงบนขาแล้วเย็นๆ สบายๆ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย!”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ยาทานี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เก็บสมุนไพรและบดไว้ใช้กับตนเองกระมัง ประสิทธิภาพดีเพียงนี้เชียว?“ดียิ่งกว่ายาจินฉวงที่ขายในร้านขายยาเสียอีก หากนำไปขาย จะต้องมีคนมากมายมาแย่งซื้อเป็นแน่”แม้ในมิติมียามากมาย กู้หว่านเยว่กลับไม่คิดนำออกไปขายเลยจริงๆ ถูกซูจินเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ความคิดนางก็ทำงานแล้วนักโทษถูกเนรเทศในเส้นทางนี้ นางนับดูแล้วมีราวสองร้อยกว่าคน รวมกับนักการแห่งศาลาว่าการก็เกือบสามร้อยคนนางไม่มีสายสัมพันธ์กับนักโทษเหล่านี้ เกิดเรื่องขึ้นยังกังวลว่าจะถูกพวกเขาใช้ดาบแทงหากนางดูอาการเจ็บป่วยให้ทุกคนระหว่างทาง เก็บสมุนไพรขายให้ทุกคน ก็สามารถครองใจคนได้อย่างน้อยที่สุด ระหว่างทางก็ไม่มีคนจ้องทำร้ายพวกเขาบ้านสาม มิหนำซ้ำยังกลายเป็นสหายของพวกเขาบ้า
“เจ้าเป็นใคร?”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเย็นชา และมองออกว่า ตรงหน้าคือสตรีผู้หนึ่งสตรีผู้นี้เป็นใครกัน? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?“รีบปล่อยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...”แม่ทัพเกาเถียนมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อเขาโกรธ ดวงตาของเขาดูเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดตัวสั่นไม่ได้กู้หว่านเยว่กลับยิ้มอย่างดูถูก ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย“มิเช่นนั้นแล้วจะทำไม? กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือข้าวิชาตัวเบาของเจ้าแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากริชของข้า”กริชเลื่อนไปมาเบา ๆ บนลำคอของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสดใสรอยยิ้มนี้ทำให้แม่ทัพเกาเถียนตาพร่าไปชั่วขณะ“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหวาดกลัวจริง ๆ เขาตกใจกับการกระทำของกู้หว่านเยว่จนแทบแย่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังปรากฏตัวต่อหน้าท่านยมบาล!“อย่าทำร้ายฝ่าบาท ข้าจะไม่เข้าไป”ในที่สุดแม่ทัพเกาเถียนก็ยอมจำนนสตรีผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ไม่ทำตามแบบแผน เขาไม่สามารถเสี่ยงได้“เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่เจ้าปล่อยฝ่าบาท ข้ายินดีทำให้เจ้าทุกอย่าง”เขาพยา
“เรื่องที่ข้าต้องการจะประกาศนั้น เกี่ยวข้องกับรัชทายาทในอนาคต”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด“ข้าได้พบที่อยู่ขององค์หญิงเก้าแล้ว และตั้งใจจะมอบตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทให้แก่องค์หญิงเก้า”เขาแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาทีละคำ ทีละพยางค์แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะหาโอกาสกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทแต่ว่านั่นหมายถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ได้ทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิง เด็กที่เขาหมายตาไว้ ไม่สามารถขึ้นเป็นรัชทายาทได้อีกต่อไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของพระสนมลี่และลูก เขาจำต้องยอมประนีประนอมดวงตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเปล่งประกายความคับแค้นใจ“อะไรนะ?”แม่ทัพเกาเถียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าผิดปกติของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเข้าพอดี“พบองค์หญิงเก้าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เขาลังเลเล็กน้อย“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยว่าราชินีและองค์หญิงเก้าคิดก่อกบฏมิใช่หรือ และท่านยังเนรเทศทุกคนในตระกูลกู่ลี่ไปแล้ว”ดวงตาของแม่ทัพเกาเถียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว ไม่ถูกต้อง เหตุใดคำพูดของฝ่าบาท
“องค์หญิงเก้าพูดความจริง ท่านเป็นคนเลือกตระกูลกู่ลี่เอง ไปหาพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามท่านก่อน”พระสนมลี่รู้สึกตัวเองนั้นน่าขบขันยิ่งนัก นางยังคิดว่ากษัตริย์ทูเจวี๋ยถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับราชินี ดังนั้นหลังจากที่นางเข้าวัง นางจึงเห็นราชินีเป็นศัตรูมาโดยตลอด และมักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเสี่ยวถ่านและราชินีเสมอมาพอมาคิดดูตอนนี้ ที่แท้นางต่างหาที่น่ารังเกียจ“เรื่องสำคัญขนาดนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่บอกหม่อมฉัน?”พระสนมลี่รู้สึกผิดหวัง กษัตริย์ทูเจวี๋ยไม่กล้ามองตาของนาง“ลี่เอ๋อร์ ข้า ... ข้าไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ในใจของเจ้า”“พระองค์ทำให้หม่อมฉันรู้สึกตัวเองเหมือนเป็นตัวตลก”พระสนมลี่มองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความผิดหวังแวบหนึ่ง กษัตริย์ทูเจวี๋ยเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริง ๆ ท่าทีดูอ่อนน้อมยิ่งนัก“ลี่เอ๋อร์ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าผิดหวัง”“สิ่งที่พระองค์ไม่อาจสูญเสียได้ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นอำนาจของพระองค์”พระสนมลี่ส่ายหน้า จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่านางไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิดนางไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเคร่งขรึมลงกู้หว่านเยว่มองพระสนมลี่อย่างสูงส
กู้หว่านเยว่รับมาตรวจดูอีกครั้ง จนมั่นใจว่าเนื้อหาในพระราชโองการนั้นไม่มีข้อผิดพลาด จึงยื่นพระราชโองการนั้นให้เสี่ยวถ่าน“เก็บราชโองการนี้ไว้ให้ดี ๆ ต่อไปเจ้าสามารถใช้ของสิ่งนี้ยืนยันสถานะของเจ้าได้”“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”เสี่ยวถ่านรับราชโองการอย่างทะนุถนอม และเก็บไว้ในอกเสื้อ นับตั้งแต่บัดนี้ไป มีเพียงท่านอาจารย์ที่ดีกับนางอย่างจริงใจ“ข้าเขียนราชโองการให้พวกเจ้าไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ปล่อยพระสนมลี่กลับตำหนักของนางได้แล้ว”กษัตริย์ทูเจวี๋ยออกคำสั่งอย่างเคยตัว กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า“ใครบอกว่าพวกเราจะปล่อยนางไปตอนนี้”“พวกเจ้ายังคิดจะทำสิ่งใดอีก?”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเริ่มหงุดหงิด เขาเขียนพระราชโองการตามคำสั่งของสองคนนี้แล้ว พวกนางยังคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีก?“แม้ว่าท่านจะเขียนพระราชโองการแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขุนพลเกาเถียนจะยอมรับในพระราชโองการนี้”กู้หว่านเยว่ยกยิ้มบาง ๆ นางไม่ได้โง่ พระราชโองการนี้เป็นแค่เครื่องพิสูจน์ให้เสี่ยวถ่านขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคตได้ง่ายขึ้นป้องกันไม่ให้นางโดนกล่าวหาในราชสำนักว่าชิงบัลลังก์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากมีพระราชโองการนี้แ
กู้หว่านเยว่ตัดบทพวกเขาอย่างไร้ความปรานี นางไม่มีทางเห็นใจกษัตริย์ทูเจวี๋ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับราชินีทูเจวี๋ยแล้วอย่างไรเล่า เป็นสามีภรรยามานานนับสิบปี นึกจะฆ่าก็ฆ่า ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก“ฝ่าบาท พระองค์ห้ามเขียนนะเพคะ”พระสนมลี่ส่ายหน้า “อย่าให้พวกเขาเอาหม่อมฉันมาขู่พระองค์ได้”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเกิดความลังเล เขาคิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะยกบัลลังก์ให้กับบุตรที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ หากร่างพระราชโองการนี้ออกมาจริง ๆ แผนการที่ทำมาทั้งหมดของเขาก็ต้องพังทลายลง“ท่านคิดให้ดี ๆ”กริชของกู้หว่านเยว่ขยับเข้ามาใกล้คอของพระสนมลี่ กระทั่งคมมีดบาดคอของนางจนเลือดไหลซึมความจริงแล้วนางไม่ได้อยากฆ่าพระสนมลี่ ถึงอย่างไรเสียบุตรในครรภ์ของนางก็ยังไร้เดียงสา นางแค่อยากขู่กษัตริย์ทูเจวี๋ยเท่านั้นหากกษัตริย์ทูเจวี๋ยให้ความร่วมมือกับนางอย่างว่าง่าย เรื่องหลังจากนี้ก็จะง่ายมากขึ้นเลือดสีแดงของพระสนมลี่ไหลเปื้อนกริช นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบใจสลาย “หยุดนะ อย่าทำร้ายนาง”เขามองใบหน้าของพระสนมลี่อย่างรักใคร่ แม้ว่าเขาจะหลงใหลในอำนาจแห่งกษัตริย์ทูเจวี๋ย แต่หากพระสนมลี่แล
“ดูท่าพระสนมลี่ผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของพระองค์นะเพคะ”น้ำเสียงของกู้หว่านเยว่แฝงไปด้วยการข่มขู่ จากนั้นกริชก็ได้พุ่งเข้ามาใส่หน้าของพระสนมลี่พระสนมลี่เป็นคนขี้ขลาด นางกรีดร้องในทันที“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย!”“หยุดร้อง หากดึงดูดทหารเข้ามา ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน พระสนมลี่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบกล่าว “อย่าทำร้ายนาง พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง นางกำลังตั้งครรภ์!”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เสี่ยวถ่านมองท้องของพระสนมลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“นางกำลังตั้งครรภ์หรือ?”จู่ ๆ นางก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เปิดจดหมายลับที่กู้หว่านเยว่ให้นางเมื่อครู่ หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงในทันที“ดังนั้น เสด็จพ่อ เพื่อจะได้เปิดทางให้เด็กในครรภ์ของพระสนมลี่ พระองค์ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของลูกและเสด็จแม่หรือเพคะ?”เสี่ยวถ่านจำได้ขึ้นใจพระสนมลี่มีฐานะยากจน ตระกูลฝ่ายมารดาไร้ซึ่งอำนาจเพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะได้ความรักอย่างลึกซึ้งจากเสด็จพ่อ แต่เสด็จแม่กลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ฐานะที่ต่ำต้อย ต่อให้ได้รับความโปรดปรานเพียง
กษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกู้หว่านเยว่ตัดนิ้วของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่กะพริบตานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะได้ล้วงหยิบพระราชโองการออกมาจากห้วงมิติ แล้วโยนให้กษัตริย์ทูเจวี๋ย“เขียน แต่งตั้งให้องค์หญิงเก้าขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งทูเจวี๋ย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบจะตะโกนออกมาในทันที“ไม่ได้! จะยกราชบัลลังก์ให้นางไม่ได้!”สองคนนี้ต้องการให้เขาเขียนพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท แล้วออกคำสั่งให้ขุนพลเกาเถียนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเสี่ยวถ่าน! เลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่มีทางเขียนอย่างแน่นอน!นัยน์ตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยวูบไหว อีกอย่างในใจของเขามีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งองค์รักชทายาทแล้วกู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง “ท่านคงอยากให้องค์ชายสิบขึ้นเป็นองค์รัชทายาทสินะ?”“เจ้า!” กษัตริย์ทูเจวี๋ยตกใจอย่างมาก นางผู้นี้รู้ได้อย่างไร?“ไม่ใช่!”“ข้าเห็นมันในตอนที่เปิดอ่านจดหมายลับของท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นจดหมายลับหลายฉบับ
หากเปลี่ยนเป็นเหยลวี่เจิง ต่อให้นิ้วจะถูกตัดจนครบทุกนิ้ว เขาก็ไม่มีวันยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะร้ายกาจและฉลาดแกมโกง แต่กลับยังคงเย่อหยิ่งกษัตริย์ทูเจวี๋ยผู้นี้ กลับเป็นคนรักตัวกลัวตายกษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่อยากตาย ทำได้เพียงฝืนหยิบพู่กันที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดภายใต้แววตาที่เปล่งประกาย ซูจิ่งสิงก็พลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดท่านควรเชื่อฟังดีกว่า หากกล้าเล่นตุกติกกับข้า โกหกพวกเรา ข้าจะทำให้ท่านทรมานยิ่งกว่าตายเป็นพันเท่า”“พวกเจ้า!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด กระทั่งหางตาของเขาเห็นเสี่ยวถ่านไม่ได้สนใจเขา คาดว่าเด็กคนนี้คงจะตัดหางปล่อยวัดเขาไปแล้วเพื่อชีวิตของตัวเอง เขาทำได้แต่เขียนจดหมายอย่างว่าง่าย เพื่อเรียกคนสนิทเข้าวัง“ที่แท้ขุนพลเกาเถียนผู้นี้ก็เป็นคนของท่านนี่เอง”กู้หว่านเยว่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนที่ได้ยินเสี่ยวถ่านเล่าความเป็นมาของทั้งสี่ตระกูล นางได้ยินชื่อของตระกูลเกาเถียนด้วย“กองกำลังของท่านคงมีไม่น้อย”กู้หว่านเยว่หยิบตราประทับกษัตริย์ออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ