ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็
นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ
สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล
ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด
แววตาหลี่ซือซือทอประกาย นางไม่กล้ายอมรับ ทั้งยังไม่อาจหักใจยอมรับ“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้า เป็นเจ้า...”กู้หว่านเยว่ไม่ใส่ใจนาง คนแกล้งหลับไม่มีวันปลุกให้ตื่นได้ นางถือยาไปทำแผลที่เข่าให้นางหยางและซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ยานี้ทาลงบนขาแล้วเย็นๆ สบายๆ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย!”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ยาทานี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เก็บสมุนไพรและบดไว้ใช้กับตนเองกระมัง ประสิทธิภาพดีเพียงนี้เชียว?“ดียิ่งกว่ายาจินฉวงที่ขายในร้านขายยาเสียอีก หากนำไปขาย จะต้องมีคนมากมายมาแย่งซื้อเป็นแน่”แม้ในมิติมียามากมาย กู้หว่านเยว่กลับไม่คิดนำออกไปขายเลยจริงๆ ถูกซูจินเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ความคิดนางก็ทำงานแล้วนักโทษถูกเนรเทศในเส้นทางนี้ นางนับดูแล้วมีราวสองร้อยกว่าคน รวมกับนักการแห่งศาลาว่าการก็เกือบสามร้อยคนนางไม่มีสายสัมพันธ์กับนักโทษเหล่านี้ เกิดเรื่องขึ้นยังกังวลว่าจะถูกพวกเขาใช้ดาบแทงหากนางดูอาการเจ็บป่วยให้ทุกคนระหว่างทาง เก็บสมุนไพรขายให้ทุกคน ก็สามารถครองใจคนได้อย่างน้อยที่สุด ระหว่างทางก็ไม่มีคนจ้องทำร้ายพวกเขาบ้านสาม มิหนำซ้ำยังกลายเป็นสหายของพวกเขาบ้า
ทว่าน่าเสียดาย ระหว่างเดินทางทุกคนล้วนรู้เรื่องระหว่างบ้านเดิมสกุลซูและบ้านสาม ไฉนเลยจะกล้ายื่นมือช่วยเหลือ ก็กลัวล่วงเกินกู้หว่านเยว่ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังจำได้อยู่นะ หมูป่าเป็นหลี่ซือซือล่อมาแล้วเพราะเหตุนี้ยามพวกเขาไปขอร้อง หลายบ้านที่คนในครอบครัวตายไป ถึงขั้นมอบสองเท้าให้คนบ้านเดิมสกุลซูอย่างมิอาจอดกลั้นไม่ว่าไปที่ใดก็ล้วนถูกปฏิเสธ ภายในบ้านเดิมสกุลซูแตกคอกันแล้ว ตำหนิสาปแช่งกันเองกู้หว่านเยว่ทางหนึ่งจัดการหมูป่า ทางหนึ่งมองความครึกครื้น อารมณ์ดีมากจัดการหมูป่าเป็นเรื่องซับซ้อน โชคดีซุนอู่เห็นแก่ทุกคนที่หนีเอาชีวิตรอด อนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืนมอบเวลาจัดการให้กู้หว่านเยว่ไม่น้อยกู้หว่านเยว่จุดไฟก่อนหนึ่งกอง ใช้ไฟย่างขนภายนอกของหมูป่าจนเกลี้ยงแล้ว ถัดมาใช้มีดใหญ่ที่ยืมมาจากนักการแห่งศาลาว่าการ ตัดหมูป่าออกเป็นแปดชิ้น นำไปที่ลำธารทางด้านข้างและล้างจนสะอาด“จื่อชิงจิ่นเอ๋อร์ พวกเจ้าไปเก็บฟืนมาเล็กน้อย จุดไฟทำตะแกรงย่างสักอัน”“ได้เลย!” ทั้งสองคนล้วนมิใช่คุณชายคุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจอีกต่อไปแล้ว มือขาคล่องแคล่วก็ตั้งตะแกรงจุดไฟได้แล้วซูจิ่งสิงใช้กริชลับแท่งไ
“แคกๆ แม่นางกู้ ขอปรึกษาเจ้าหนึ่งเรื่อง”ซุนอู่ยังต้องการรักษาศักดิ์ศรี พูดอย่างเก้อกระดาก“เรื่องใด?”กู้หว่านเยว่มองซุนอู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม อันที่จริงนางรู้เป้าหมายที่ซุนอู่มาแล้วเหตุที่มิได้เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน ก็เพราะนางต้องการสานสัมพันธ์กับนักการแห่งศาลาว่าการ แต่ก็ไม่สามารถรีบร้อนเกินไปได้หาไม่แล้วนานวันเข้า นักการแห่งศาลาว่าการยังคิดว่าพวกเขาบ้านสามรังแกง่ายภายภาคหน้าชี้นิ้วออกคำสั่งนาง มอบประโยชน์อันใดให้นักการแห่งศาลาว่าการก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว“เอ่อ...” ซุนอู่ลังเลเล็กน้อย “เนื้อหมูป่าของพวกเราย่างไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เจ้าช่วยไปดูๆ หน่อยเถอะ”กู้หว่านเยว่แสร้งตกตะลึง “ย่างไม่ดี? เหตุใดย่างไม่ดีเล่า ล้วนเป็นเนื้อมาจากหมูตัวเดียวกันนะ”พูดไป ชี้ไปที่เนื้อหมู “มิสู้ท่านรอเดี๋ยวหนึ่ง พวกเราเพิ่งเริ่มกินข้าว รอข้ากินเสร็จค่อยว่ากัน”ซุนอู่ได้ยินก็เผยสีหน้าตกตะลึง ถัดมาหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วระหว่างเดินทางเขาออกคำสั่งจนคุ้นชินแล้ว นี่เป็นคำรบแรกที่ได้เห็นนักโทษขวัญกล้าให้เขา “รอ” “นางกู้...” ซุนอู่เสียงหนักขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่คล้ายไม่ใส่ใจ ยังถามเขาคล้า
ซุนอู่เป็นผู้นำ เขาเป็นคนแรกที่กิน ทำตามวิธีของกู้หว่านเยว่ ห่อเนื้อย่างด้วยใบโหระพาแล้วใส่เข้าใส่ทันทีในตอนที่ได้กินเนื้อหมูป่า ไม่ว่าจะความขุ่นเคืองใดๆ ล้วนหายไปจนสิ้นซุนอู่พอใจจนตาหรี่เล็ก ใบหน้าเย็นชาเหลือไว้เพียงความเพลิดเพลิน“อร่อยๆ อร่อยเหลือเกิน! เหล่าสหาย พวกเจ้าลองดูสิ”หลังจากได้ยินคำสั่งของซุนอู่ ทุกคนที่หิวมานานก็ทนไม่ไหวอีกแล้วต่างก็หยิบมีดขึ้นมาแล่เนื้อหมูป่า ห่อด้วยใบโหระพาแล้วยัดเข้าปากหากบอกว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่พอใจกู้หว่านเยว่อยู่เล็กน้อย แต่หลังจากกินเนื้อหมูป่าแล้ว ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คุ้มค่ากับการรอคอยเทียบกับการรอเพียงเล็กน้อยนั่น อาหารที่แสนโอชะอยู่ในปากนี้ ทำให้เวลาที่เสียไปตอนนี้ไม่สำคัญเลย“แม่นางน้อยกู้ ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!”“ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ากินเนื้อย่างที่อร่อยขนาดนี้ แม้แต่ลิ้นข้าก็อยากจะกลืนลงท้องไปด้วยแล้ว”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสุภาพเหตุผลที่เนื้ออย่างอร่อยเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณเครื่องปรุงรสของนาง โรยเครื่องปรุงรสเซาเข่า[footnoteRef:1]นี้ลงไป แม้แต่ผักป่าก็ยังมีกลิ่นหอม [1: บาร์บีคิว] “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนนะ