ในตอนแรกเหยียนฮูหยินเป็นฝ่ายอาสาช่วยพวกเขาล้างหม้อและชามก่อน ต่อมาผู้อาวุโสเหยียนก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาลากเกวียนระหว่างเดินทางผู้อาวุโสเหยียนเป็นเพียงข้าราชการพลเรือน ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งต้องมีพละกำลังไม่มากก็น้อยพอมีเขาเข้ามาช่วย นางหยางและซูจื่อชิงก็เบาลงไปไม่น้อยเมื่อเป็นเช่นนี้กู้หว่านเยว่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นโคลนที่เกิดจากหลังฝนตก หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การเดินทางล่าช้าจนได้รับการตำหนิจากนักการในศาลาว่าการอีกทั้งนางยังพบว่าผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นแอบกระซิบกระซาบกันเห็นได้ชัดว่ากู้หว่านเยว่ตั้งใจช่วยชีวิตเหยียนซือหยวน แต่ก็ยังเข้าไปสานสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงโดยไม่ได้ตั้งใจ“ผู้อาวุโสเหยียนเคยเป็นเพื่อนกับเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่?”ระหว่างแวะพักกลางทาง กู้หว่านเยว่ได้ยื่นกระติกน้ำให้ซูจิ่งสิงพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้สิ้นสุดคำถามนางก็ส่ายหน้าอีกครั้งหากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงไม่ต้องรอให้กู้หว่านเยว่คอยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ให้พวกเขาติดต่อกัน
ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็
นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ
สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล
ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด
แววตาหลี่ซือซือทอประกาย นางไม่กล้ายอมรับ ทั้งยังไม่อาจหักใจยอมรับ“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้า เป็นเจ้า...”กู้หว่านเยว่ไม่ใส่ใจนาง คนแกล้งหลับไม่มีวันปลุกให้ตื่นได้ นางถือยาไปทำแผลที่เข่าให้นางหยางและซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ยานี้ทาลงบนขาแล้วเย็นๆ สบายๆ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย!”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ยาทานี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เก็บสมุนไพรและบดไว้ใช้กับตนเองกระมัง ประสิทธิภาพดีเพียงนี้เชียว?“ดียิ่งกว่ายาจินฉวงที่ขายในร้านขายยาเสียอีก หากนำไปขาย จะต้องมีคนมากมายมาแย่งซื้อเป็นแน่”แม้ในมิติมียามากมาย กู้หว่านเยว่กลับไม่คิดนำออกไปขายเลยจริงๆ ถูกซูจินเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ความคิดนางก็ทำงานแล้วนักโทษถูกเนรเทศในเส้นทางนี้ นางนับดูแล้วมีราวสองร้อยกว่าคน รวมกับนักการแห่งศาลาว่าการก็เกือบสามร้อยคนนางไม่มีสายสัมพันธ์กับนักโทษเหล่านี้ เกิดเรื่องขึ้นยังกังวลว่าจะถูกพวกเขาใช้ดาบแทงหากนางดูอาการเจ็บป่วยให้ทุกคนระหว่างทาง เก็บสมุนไพรขายให้ทุกคน ก็สามารถครองใจคนได้อย่างน้อยที่สุด ระหว่างทางก็ไม่มีคนจ้องทำร้ายพวกเขาบ้านสาม มิหนำซ้ำยังกลายเป็นสหายของพวกเขาบ้า
ทว่าน่าเสียดาย ระหว่างเดินทางทุกคนล้วนรู้เรื่องระหว่างบ้านเดิมสกุลซูและบ้านสาม ไฉนเลยจะกล้ายื่นมือช่วยเหลือ ก็กลัวล่วงเกินกู้หว่านเยว่ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังจำได้อยู่นะ หมูป่าเป็นหลี่ซือซือล่อมาแล้วเพราะเหตุนี้ยามพวกเขาไปขอร้อง หลายบ้านที่คนในครอบครัวตายไป ถึงขั้นมอบสองเท้าให้คนบ้านเดิมสกุลซูอย่างมิอาจอดกลั้นไม่ว่าไปที่ใดก็ล้วนถูกปฏิเสธ ภายในบ้านเดิมสกุลซูแตกคอกันแล้ว ตำหนิสาปแช่งกันเองกู้หว่านเยว่ทางหนึ่งจัดการหมูป่า ทางหนึ่งมองความครึกครื้น อารมณ์ดีมากจัดการหมูป่าเป็นเรื่องซับซ้อน โชคดีซุนอู่เห็นแก่ทุกคนที่หนีเอาชีวิตรอด อนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืนมอบเวลาจัดการให้กู้หว่านเยว่ไม่น้อยกู้หว่านเยว่จุดไฟก่อนหนึ่งกอง ใช้ไฟย่างขนภายนอกของหมูป่าจนเกลี้ยงแล้ว ถัดมาใช้มีดใหญ่ที่ยืมมาจากนักการแห่งศาลาว่าการ ตัดหมูป่าออกเป็นแปดชิ้น นำไปที่ลำธารทางด้านข้างและล้างจนสะอาด“จื่อชิงจิ่นเอ๋อร์ พวกเจ้าไปเก็บฟืนมาเล็กน้อย จุดไฟทำตะแกรงย่างสักอัน”“ได้เลย!” ทั้งสองคนล้วนมิใช่คุณชายคุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจอีกต่อไปแล้ว มือขาคล่องแคล่วก็ตั้งตะแกรงจุดไฟได้แล้วซูจิ่งสิงใช้กริชลับแท่งไ
“แคกๆ แม่นางกู้ ขอปรึกษาเจ้าหนึ่งเรื่อง”ซุนอู่ยังต้องการรักษาศักดิ์ศรี พูดอย่างเก้อกระดาก“เรื่องใด?”กู้หว่านเยว่มองซุนอู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม อันที่จริงนางรู้เป้าหมายที่ซุนอู่มาแล้วเหตุที่มิได้เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน ก็เพราะนางต้องการสานสัมพันธ์กับนักการแห่งศาลาว่าการ แต่ก็ไม่สามารถรีบร้อนเกินไปได้หาไม่แล้วนานวันเข้า นักการแห่งศาลาว่าการยังคิดว่าพวกเขาบ้านสามรังแกง่ายภายภาคหน้าชี้นิ้วออกคำสั่งนาง มอบประโยชน์อันใดให้นักการแห่งศาลาว่าการก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว“เอ่อ...” ซุนอู่ลังเลเล็กน้อย “เนื้อหมูป่าของพวกเราย่างไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เจ้าช่วยไปดูๆ หน่อยเถอะ”กู้หว่านเยว่แสร้งตกตะลึง “ย่างไม่ดี? เหตุใดย่างไม่ดีเล่า ล้วนเป็นเนื้อมาจากหมูตัวเดียวกันนะ”พูดไป ชี้ไปที่เนื้อหมู “มิสู้ท่านรอเดี๋ยวหนึ่ง พวกเราเพิ่งเริ่มกินข้าว รอข้ากินเสร็จค่อยว่ากัน”ซุนอู่ได้ยินก็เผยสีหน้าตกตะลึง ถัดมาหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วระหว่างเดินทางเขาออกคำสั่งจนคุ้นชินแล้ว นี่เป็นคำรบแรกที่ได้เห็นนักโทษขวัญกล้าให้เขา “รอ” “นางกู้...” ซุนอู่เสียงหนักขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่คล้ายไม่ใส่ใจ ยังถามเขาคล้า
“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
“คุณหนูหลี่”หลายคนกำลังพูดกันอยู่ก็เห็นถังหมิงรุ่ยวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่สันจมูกของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอยู่ด้วย ถังหมิงรุ่ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วทำความเคารพทั้งสอง“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ามีกิจอันใด?”กู้หว่านเยว่พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างคลุมเครือ ก็เห็นถังหมิงรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“พระชายา ข้าน้อยต้องการแต่งงานกับหรงหรง”สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในเมื่อหลี่หรงหรงเป็นสาวใช้ของกู้หว่านเยว่ เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากกู้หว่านเยว่“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่เกือบจะพ่นน้ำออกมา เจอเรื่องน่าตกใจเพียงนี้หลี่หรงหรงกัดฟันกรอด “คุณชายถัง ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก? แล้วทำไมท่านยังวิ่งมาหาฮูหยิน ตั้งใจพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอีก”ถังหมิงรุ่ยสีหน้าคับข้องใจตั้งแต่ได้พบกับหลี่หรงหรง เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเขารู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นไข้ใจ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการตามจีบเด็กสาวมาก่อนเลยหลังจากครุ่นคิดสักครู่ สู้พูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะได้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นคว้า
เขาก้มหน้าลง มองดูเทียนซิงเซว่ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยนกู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ก็อดซาบซึ้งไปกับพวกเขาไม่ได้พูดกันตามตรง ความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคนจริง ๆ พวกเขาทั้งสองรู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดีด้วยสถานะเช่นนี้ เส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ใจอ่อนลงเล็กน้อย พลางมองไปยังซูจิ่งสิงเมื่อสบกับสายตาของภรรยา ซูจิ่งสิงก็รู้ความคิดของนาง พลางพยักหน้าเขาหันไปมองไป๋โม่อวี่ “พวกข้าจะไม่ฆ่าท่าน ท่านไปเถอะ หวังว่าจากนี้ไปจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ท่านอย่าช่วยเหลือคนทูเจวี๋ยอีก และอย่าเป็นศัตรูกับเจดีย์หนิงกู่ของเราอีกต่อไป”ไป๋โม่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ปล่อยเขาจริง ๆ“พวกท่านปล่อยข้าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ตัดรากถอนโคนหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ “ถึงอย่างไรข้าก็เคยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย พวกท่านไม่กลัวข้าหวนคืนกลับมาอีกหรือ?”“ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ข้าจะฆ่าท่านด้วยมือตัวเองแน่นอน”แววตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึม ไป๋โม่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้เขาไม่กล้าล้อเล่นอีก แ
กู้หว่านเยว่ก็รู้ว่า การแทรกซึมเข้าไปในประเทศศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็ถูกนางทิ้งไว้ข้างหลัง“ที่นี่คือห้องเก็บเอกสารของตลาดมืด”กู้หว่านเยว่หยิบแฟ้มขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ พลางเปิดออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของตลาดมืดในเมื่อต้องการควบคุมดูแลตลาดมืด นางจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดาการมาอยู่คราวนี้ หมายถึงหนึ่งคืนเต็ม ๆ“ฮูหยิน ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเหาะเข้ามา ด้วยคำสั่งของกู้หว่านเยว่ บัดนี้นางสามารถเข้าออกตลาดมืดได้อย่างอิสระเช่นกันเมื่อเห็นสีหน้าทนไม่ไหวของชิงเหลียน กู้หว่านเยว่ก็คาดเดาบางอย่างได้“เทียนซิงเยว่จากไปแล้วหรือ?”“เจ้าค่ะ”สายตาของชิงเหลียนมีแววประหลาดใจ ฮูหยินคาดเดาได้แม่นยำ“จากไปเมื่อกลางดึกคืนวานเจ้าค่ะ”นางเอ่ยเสียงเบา “ไป๋โม่อวี่ต้องการพบท่านกับนายท่าน”“ไป”กู้หว่านเยว่รีบก้าวเข้าไปดึงซูจิ่งสิงกลับไปที่เรือน ไป๋โม่อวี่รออยู่นานแล้วเขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว เทียนซิงเยว่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มสงบสุขราวกับกำลังพริ้มหลับอยู่“ก่อนตายซิงเยว่มีความสุขมาก”เสีย
“เถ้าแก่ ทูเจวี๋ยก่อเรื่องอะไรหรือขอรับ?”“คนทูเจวี๋ย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกที่เราจะร่วมมือด้วยพวกเจ้าแค่จำคำพูดของข้าไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลให้มาก”กู้หว่านเยว่มีสีหน้าเย็นชา ผู้ดูแลที่เพิ่งถามคำถามรีบพยักหน้า ไม่กล้าส่งเสียงอีก“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าสั่งการไปจนเกือบหมดแล้ว นางจึงโบกมือให้ทุกคนออกไป“ไปประกาศเรื่องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดเป็นสมาคมสมบัติลับ หากมีเรื่องอื่นใด ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอีกที”พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของนางก็พลันหยุดอยู่ที่ผู้ดูแลโจว“ผู้ดูแลโจวอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”ผู้ดูแลโจวรีบอยู่ต่อ บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาด้วยความฉลาดของเขา ทำให้พอจะเดาได้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้ อาจไม่ใช่เถ้าแก่คนเดิมแล้วความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่จงใจให้เขาอยู่ต่อหมายความว่าอย่างไร“ผู้ดูแลโจว เจ้าเป็นคนฉลาดตอนนี้ผู้ดูแลเวินหายตัวไปอย่างลึกลับ ข้าตั้งใจจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลคนใหม่ของตลาดมืด เจ้าเต็มใจหรือไม่?”“หา?”เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่อง
ทว่าแต่ละคนต่างไม่กล้าคัดค้าน ผู้ดูแลโจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งมานานแล้ว หากเถ้าแก่ต้องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ข้าน้อยมีความกังวลเล็กน้อย”“เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”กู้หว่านเยว่มองไปที่ผู้ดูแลโจว แต่ก็ไม่ได้โกรธ นางตั้งใจจะลองฟังดูว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร“ตลาดมืดอินซานของเรามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว หากจู่ ๆ เปลี่ยนชื่อ เช่นนั้นเกรงว่าผู้คนจะคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตลาดมืด อาจส่งผลกระทบต่อการค้าของพวกเราได้”ปัญหาที่ผู้ดูแลโจวหยิบยกขึ้นมานั้นมีอยู่จริงปัญหานี้ กู้หว่านเยว่ก็เคยพิจารณามาก่อนแล้วแต่ในเมื่อนางจะเข้ามารับช่วงต่อตลาดมืดอินซาน ก็ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดมืดแห่งนี้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบเดิมอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไรตลาดมืดก็เคยร่วมมือกับคนทูเจวี๋ย แถมยังเคยปล่อยยาสลบในงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ ชื่อเสียงเลยเสื่อมเสียไปแล้วบางทีการเปลี่ยนชื่ออาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด และยังทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตลาดมืดได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วหรือไม่“เรื่องนี้ไม่เป็นไร ข้าได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งม
หลังจากที่ถังหมิงรุ่ยจากไปแล้ว หลี่หรงหรงก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค กู้หว่านเยว่พบว่าบนกล่องแต่ละใบมีชื่อเขียนอยู่“หรงหรง นี่ให้เจ้า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่อง พบว่าสิ่งที่ถังหมิงรุ่ยมอบให้ทุกคนคือสร้อยข้อมือลูกปัดเพียงแต่พิเศษตรงที่ สร้อยข้อมือลูกปัดของหลี่หรงหรงนั้นทำจากปะการังแดง แตกต่างจากของคนอื่น“ตรงกลางเหมือนจะเป็นถั่วคะนึงหานะ?”ชิงเหลียนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลี่หรงหรงกล่าวอย่างฝืน ๆ “ถั่วคะนึงหาอะไรกัน เจ้าตาฝาดแล้ว”พูดจบก็วางสร้อยข้อมือเส้นนั้นกลับเข้าไปในกล่องผ้าไหมด้วยสีหน้ารังเกียจ“ข้าไม่เคยใส่ของแบบนี้ รู้สึกว่ามันเกะกะ”กู้หว่านเยว่กำลังครุ่นคิดเรื่องตลาดมืดอยู่ จึงไม่ได้สนใจ หลังจากที่ให้ชิงเหลียนเก็บของขวัญไปแล้ว นางก็ดึงชายเสื้อของซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าอยากไปที่ตลาดมืดสักหน่อย”“ได้ ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”สองสามีภรรยากำชับลูกน้องสองสามประโยค จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดเมื่อมาถึงที่ไม่ไกลจากตลาดมืด กู้หว่านเยว่ก็หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาจากมิติซูจิ่งสิงมองออกว่าเสื้อคลุมตัวนี้ ไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกับที่หยิบมาจากไป๋โม่อวี่ก่อนหน้
“ดูเหมือนจะเป็นคุณชายถัง?”“รีบเชิญเขาเข้ามา”กู้หว่านเยว่เกือบจะลืมถังหมิงรุ่ยไปเสียแล้ว รีบให้หลี่หรงหรงไปพาเขาเข้ามา“เจ้าดูสิว่าวันนี้ข้าแต่งตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”ถังหมิงรุ่ยถามผู้ติดตามด้วยความกังวล อีกฝ่ายพยักหน้า“คุณชายใหญ่ ท่านแต่งตัวหล่อเหลามากแล้ว ข้าน้อยไม่เคยเห็นท่านตั้งใจแต่งตัวขนาดนี้มาก่อน”“อย่าพูดจาเหลวไหล”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวกลับเป็นดวงตาคู่สวยของหลี่หรงหรง“คุณชายถังรีบเข้ามาเถิด”ขณะที่ถังหมิงรุ่ยกำลังครุ่นคิด ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็งมองเขาด้วยรอยยิ้ม“เจ้า” ถังหมิงรุ่ยมองเสียจนตาค้างดวงตาคู่นี้เขาจำได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จักหลี่หรงหรงก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาไปที่บ้านสกุลถัง ทุกคนแปลงโฉมไปกันหมดและตอนนี้นางออกมาเปิดประตู ไม่ได้แปลงโฉม ไม่แปลกที่ถังหมิงรุ่ยจะจำไม่ได้“คุณชายถังจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? ข้าคือหลี่หรงหรง”หลี่หรงหรงยิ้ม จงใจใช้น้ำเสียงอย่างวันนั้น ถังหมิงรุ่ยก็นึกขึ้นได้ทันที คนที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดสองวันมานี้ “หน้าตาของเจ้า เหตุใดเ
“ขออภัยพระชายา ข้าขอตัวก่อน”เขาแทบจะเผ่นหนีไปเลย ทำให้เซี่ยเหอมีความมั่นใจ พูดจาน้ำเสียงก็แข็งกร้าวขึ้น“พระชายา ข้ารู้ว่าท่านกับชิงหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ว่า ข้าและพี่ใหญ่เฉิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้วในอนาคตเขาจำเป็นต้องแต่งงานกับข้า หวังว่าท่านจะช่วยเตือนคุณหนูชิงหลาน อย่าให้นางมาทำลายพวกเรา”เซี่ยเหอ พูดจาประชดประชัน ทำให้ชิงหลานโมโหอย่างมาก“เรื่องของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับฮูหยินของพวกเราด้วย?”กู้หว่านเยว่กลับไม่โกรธ มองนางพลางยิ้มอย่างคลุมเครือ “ใครทำลายใครกันแน่?”สีหน้าของเซี่ยเหอเปลี่ยนไป นางไม่ได้อะไรดี ๆ เลยเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่“ขอตัวลาก่อน”“เซี่ยเหอผู้นี้ ตอนแรกก็แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พอได้ขึ้นเตียงกับคุณชายเฉิงแล้ว ก็เผยธาตุแท้ออกมา”ชิงเหลียนบ่นพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง โชคดีที่หงเจาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นหมัดหนัก ๆ คงพุ่งออกไปแล้ว“ไม่ต้องสนใจนาง” กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“นางใช้วิธีแบบนี้เพื่อยกฐานะตัวเอง ต่อไปก็คงได้รับผลกรรมแน่นอน”เฉิงเซวียนก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ต่อให้เขาโง่ แต่คนตระกูลเฉิงจะโง่หรือ?ใน