ทว่าน่าเสียดาย ระหว่างเดินทางทุกคนล้วนรู้เรื่องระหว่างบ้านเดิมสกุลซูและบ้านสาม ไฉนเลยจะกล้ายื่นมือช่วยเหลือ ก็กลัวล่วงเกินกู้หว่านเยว่ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังจำได้อยู่นะ หมูป่าเป็นหลี่ซือซือล่อมาแล้วเพราะเหตุนี้ยามพวกเขาไปขอร้อง หลายบ้านที่คนในครอบครัวตายไป ถึงขั้นมอบสองเท้าให้คนบ้านเดิมสกุลซูอย่างมิอาจอดกลั้นไม่ว่าไปที่ใดก็ล้วนถูกปฏิเสธ ภายในบ้านเดิมสกุลซูแตกคอกันแล้ว ตำหนิสาปแช่งกันเองกู้หว่านเยว่ทางหนึ่งจัดการหมูป่า ทางหนึ่งมองความครึกครื้น อารมณ์ดีมากจัดการหมูป่าเป็นเรื่องซับซ้อน โชคดีซุนอู่เห็นแก่ทุกคนที่หนีเอาชีวิตรอด อนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืนมอบเวลาจัดการให้กู้หว่านเยว่ไม่น้อยกู้หว่านเยว่จุดไฟก่อนหนึ่งกอง ใช้ไฟย่างขนภายนอกของหมูป่าจนเกลี้ยงแล้ว ถัดมาใช้มีดใหญ่ที่ยืมมาจากนักการแห่งศาลาว่าการ ตัดหมูป่าออกเป็นแปดชิ้น นำไปที่ลำธารทางด้านข้างและล้างจนสะอาด“จื่อชิงจิ่นเอ๋อร์ พวกเจ้าไปเก็บฟืนมาเล็กน้อย จุดไฟทำตะแกรงย่างสักอัน”“ได้เลย!” ทั้งสองคนล้วนมิใช่คุณชายคุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจอีกต่อไปแล้ว มือขาคล่องแคล่วก็ตั้งตะแกรงจุดไฟได้แล้วซูจิ่งสิงใช้กริชลับแท่งไ
“แคกๆ แม่นางกู้ ขอปรึกษาเจ้าหนึ่งเรื่อง”ซุนอู่ยังต้องการรักษาศักดิ์ศรี พูดอย่างเก้อกระดาก“เรื่องใด?”กู้หว่านเยว่มองซุนอู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม อันที่จริงนางรู้เป้าหมายที่ซุนอู่มาแล้วเหตุที่มิได้เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน ก็เพราะนางต้องการสานสัมพันธ์กับนักการแห่งศาลาว่าการ แต่ก็ไม่สามารถรีบร้อนเกินไปได้หาไม่แล้วนานวันเข้า นักการแห่งศาลาว่าการยังคิดว่าพวกเขาบ้านสามรังแกง่ายภายภาคหน้าชี้นิ้วออกคำสั่งนาง มอบประโยชน์อันใดให้นักการแห่งศาลาว่าการก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว“เอ่อ...” ซุนอู่ลังเลเล็กน้อย “เนื้อหมูป่าของพวกเราย่างไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เจ้าช่วยไปดูๆ หน่อยเถอะ”กู้หว่านเยว่แสร้งตกตะลึง “ย่างไม่ดี? เหตุใดย่างไม่ดีเล่า ล้วนเป็นเนื้อมาจากหมูตัวเดียวกันนะ”พูดไป ชี้ไปที่เนื้อหมู “มิสู้ท่านรอเดี๋ยวหนึ่ง พวกเราเพิ่งเริ่มกินข้าว รอข้ากินเสร็จค่อยว่ากัน”ซุนอู่ได้ยินก็เผยสีหน้าตกตะลึง ถัดมาหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วระหว่างเดินทางเขาออกคำสั่งจนคุ้นชินแล้ว นี่เป็นคำรบแรกที่ได้เห็นนักโทษขวัญกล้าให้เขา “รอ” “นางกู้...” ซุนอู่เสียงหนักขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่คล้ายไม่ใส่ใจ ยังถามเขาคล้า
ซุนอู่เป็นผู้นำ เขาเป็นคนแรกที่กิน ทำตามวิธีของกู้หว่านเยว่ ห่อเนื้อย่างด้วยใบโหระพาแล้วใส่เข้าใส่ทันทีในตอนที่ได้กินเนื้อหมูป่า ไม่ว่าจะความขุ่นเคืองใดๆ ล้วนหายไปจนสิ้นซุนอู่พอใจจนตาหรี่เล็ก ใบหน้าเย็นชาเหลือไว้เพียงความเพลิดเพลิน“อร่อยๆ อร่อยเหลือเกิน! เหล่าสหาย พวกเจ้าลองดูสิ”หลังจากได้ยินคำสั่งของซุนอู่ ทุกคนที่หิวมานานก็ทนไม่ไหวอีกแล้วต่างก็หยิบมีดขึ้นมาแล่เนื้อหมูป่า ห่อด้วยใบโหระพาแล้วยัดเข้าปากหากบอกว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่พอใจกู้หว่านเยว่อยู่เล็กน้อย แต่หลังจากกินเนื้อหมูป่าแล้ว ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คุ้มค่ากับการรอคอยเทียบกับการรอเพียงเล็กน้อยนั่น อาหารที่แสนโอชะอยู่ในปากนี้ ทำให้เวลาที่เสียไปตอนนี้ไม่สำคัญเลย“แม่นางน้อยกู้ ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!”“ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ากินเนื้อย่างที่อร่อยขนาดนี้ แม้แต่ลิ้นข้าก็อยากจะกลืนลงท้องไปด้วยแล้ว”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสุภาพเหตุผลที่เนื้ออย่างอร่อยเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณเครื่องปรุงรสของนาง โรยเครื่องปรุงรสเซาเข่า[footnoteRef:1]นี้ลงไป แม้แต่ผักป่าก็ยังมีกลิ่นหอม [1: บาร์บีคิว] “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนนะ
พูดหมดคำภายในลมหายใจเดียว ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลอย่างไรเสีย นางก็เสี่ยงชีวิตหาอาหาร หากเขาขอให้นางแบ่งอาหารให้ผู้อื่น เขาก็กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเครียดขึ้นมาผู้ใดจะรู้ว่ากู้หว่านเยว่ดีใจยิ่งนัก“ได้สิเจ้าคะ”นางก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้“รอทุกคนหลับไปแล้ว ข้าก็จะส่งเนื้อหมูป่าไปให้พวกเขา”“ขอบคุณ” ซูจิ่งสิงสีหน้าซับซ้อน“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรเสียข้าก็รื้อห้องใต้ดินของท่านเสียว่างเปล่าแล้ว”เนื้อหมูป่านี้เล็กน้อยนัก เทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ในห้องใต้ดินของซูจิ่งสิงดวงตาของซูจิ่งสิงขยับเล็กน้อย“ความจริง ข้าอยากรู้มาตลอดว่าเจ้าเอาในห้องใต้ดินไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว?”เขาพอจะเดาออกว่า กู้หว่านเยว่มีบางอย่างที่ผิดแผก แต่ไม่อาจอธิบายอย่างละเอียดได้กู้หว่านเยว่หรี่ตา ส่งรอยยิ้มอาบยาพิษออกไป“ไม่บอกท่านหรอก ให้ดีที่สุดท่านก็อย่าถามเลยเจ้าค่ะ”แม้ว่าตอนนี้นางจะมีความรู้สึกดีๆ ให้ซูจิ่งสิง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่เพียงพอให้นางกล้าเสี่ยง เปิดเผยเรื่องมิตินอกจากว่า สักวันหนึ่ง ซูจิ่งสิงได้รับการยอมรับจากนางอย่าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมอกอย่างโศกศัลย์ ตระกูลนางให้กำเนิดหลานชายหกคน แล้วจึงจะมีหลานสาวตามมานางมักประคองอุ้มไว้ในอุ้งมาราวแก้วตา ไม่เคยให้ต้องทุกข์ทนใดๆ ระหว่างที่ถูกเนรเทศก็กินดีอยู่ดีกว่าใครไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ นางโดนหมูป่ากัดเข้าตอนกำลังวิ่งหนีแม้ว่าจะถูกช่วยให้รอดจากประตูยมโลกมาได้ แต่ห้าตันกลวงหก[footnoteRef:1]ได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด [1: เรียกโดยรวมว่า อวัยวะภายใน โดยอวัยวะภายในตันทั้ง 5(五脏)ได้แก่ ตับ (肝) หัวใจ (心) ม้าม (脾) ปอด (肺) ไต ( 肾) และอวัยวะกลวงทั้ง 6 (六腑)ได้แก่ ถุงน้ำดี (胆) ลำไส้เล็ก (小肠) กระเพาะอาหาร (胃) ลำไส้ใหญ่ (大肠) กระเพาะปัสสาวะ (膀胱) และซานเจียว (三焦)] หลานสาวรู้ความอย่างยิ่ง ไม่ร้องงอแง ไม่สร้างปัญหาฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเศร้าใจยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ นางในตอนแรกก็สงสัยเล็กน้อยแม่นางน้อยที่ยังเยาว์ขนาดนี้ รู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ?สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว ยามนี้อยู่ถิ่นกันดาร หาหมอมาดูอาการไม่ได้ ไม่สู้ให้กู้หว่านเยว่รักษาม้าตายดั่งม้าเป็นไปก่อนนอกจากนี้ ไม่ก
กู้หว่านเยว่สะบัดศีรษะ ร่างกายของเจ้าของเดิมถูกจวนโหวทรมานจนไม่สู้ดีหากอยากตั้งครรภ์ ยากเท่ากับชีวิตที่แล้วของนางข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ร่างกายนี้ยังมีทางช่วยได้ขอเพียงบำรุงดูแลตัวเองดีๆ อนาคตภายภาคหน้าก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้นางส่งหนูน้อยตระกูลเซิ่งพร้อมกับยาที่เหลืออยู่ในขวดให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง“ยานี้ดื่มวันละหนึ่งจิบ ติดต่อกันเจ็ดวัน ระหว่างนี้ก็อย่ากินอาหารย่อยยาก ทางที่ดีควรกินอาหารเหลวเบาๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ”ตอนที่กู้หว่านเยว่มอบเนื้อหมูป่าให้เซิ่งจวิน ยังยื่นกระบอกน้ำให้เขาเพิ่มไปด้วย“ด้านในคือน้ำนม รอให้นานนานตื่นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม บำรุงร่างกาย”บุรุษอกสามศอกอย่างเซิ่งจวิน ซาบซึ้งมากเสียจนแทบจะหลั่งน้ำตาเขาระงับเสียงแหบห้าว พูดว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่สิ้นเพียงคำขอบคุณ[footnoteRef:1] ท่าน... เมตตานี้ของคุณชายซูและแม่นางน้อยกู้ ข้าเซิ่ง จวินจำไว้ในใจแล้ว อนาคตมีคำสั่งใด ข้ายินยอมพร้อมรับใช้” [1: ความเมตตากรุณาที่ผู้อื่นมอบให้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป ไม่อาจใช้เพียงคำขอบคุณตอบแทนได้หมด] เมื่อเห็นแววตาขอบคุณของคนตระกูลเซิ่ง กู้หว่านเยว่ก็พยักหน้า“จำคำที่เจ้าพูด
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าซูจิ่งสิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงขอบคุณตน นางก็ยืมหัวข้อนั้นมาพูดต่อว่า“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หากท่านต้องการตอบแทนข้าจริงๆ ก็รับปากข้าเรื่องหนึ่ง หากไปถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วข้าอยากหย่า ท่านห้ามปฏิเสธนะเจ้าคะ”ตลอดทางมานี้ นางสามารถอยู่ร่วมกับซูจิ่งสิงไป แต่หากสุดท้ายยังเข้ากันไม่ได้ สุดท้าย นางก็ต้องใช้ชีวิตของตัวนางต่อคำพูดนี้ ทำให้ซูจิ่งสิงตกตะลึงนางมีความคิดจะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ?หรือว่าที่สารลับบอกมาว่า นางมีคนในใจอยู่แล้ว นี่คือเรื่องจริงหรือ?หัวใจพลันหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ซูจิ่งสิงมีความรู้สึกที่บอกไว้ถูกอยู่ในอก ตอบกลับอย่างแผ่วเบา “อืม”ทั้งสองนอนด้วยกัน แต่ต่างคนต่างความคิดยามรุ่งสางฟ้าเพิ่งสว่าง กู้หว่านเยว่ก็ตื่นนอนแล้วหลังจากถูกเนรเทศมาหลายวัน นางก็เริ่มมีนิสัยอย่างหนึ่งเพิ่มมา นั่นก็คือชอบตื่นเช้าถืออากาสตอนยังมีคนตื่นไม่มาก นางก็รีบไปที่ตีนผาก่อน แล้วแปรงฟันล้างหน้าด้วยน้ำแร่ที่ไหลมาจากรอยแตกในโขดหินเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงสองเสียงดังออกมาจากในป่าคนที่เดินนำมาคือหลี่ซือซือ ต่อด้วยซูอวี่ที่ตามมาติดๆเสื้อผ
นับตั้งแต่ออกเดินทางยามเช้า ซูจิ่งสิงก็ไม่พูดอันใดมากมายนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็พักผ่อนไม่พูดจาแม้แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ไม่ใส่ใจอันใดก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป เจ็บแผลหรือ?”ซูจิ่งสิงไม่ตอบ เขายังคิดเรื่องขอหย่าที่กู้หว่านเยว่พูดไว้เมื่อคืนหางตามองเห็นกู้หว่านเยว่มาแล้ว รีบเบือนหน้าไปอีกทาง กลัวนางมองเห็นอารมณ์ของตนแต่คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของซูจิ่นเอ๋อร์แล้ว เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา ต้องการเปิดเสื้อผ้าของเขาออก“เปิดบาดแผลให้ข้าดู”“ไม่จำเป็น!” ซูจิ่งสิงรีบกำบังมือของนางสบสายตาเจือความฉงนของกู้หว่านเยว่ เขาไม่เป็นธรรมชาติไปครู่หนึ่ง“ชายหญิงไม่พึงชิดใกล้ ภายภาคหน้าให้ข้าใส่ยาด้วยตนเองเถอะ”ครั้นเปล่งถ้อยคำนี้ออกมา ซูจิ่งสิงก็นึกเสียใจภายหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ครู่ต่อมาก็พูดคำนี้ออกไปแล้วหลังพูดจบ เขาชายตามองกู้หว่านเยว่ ลอบหวังให้นางปฏิเสธส่วนกู้หว่านเยว่หลังได้ยินจบแล้วก็ชะงักงันครู่หนึ่ง แต่นางกลับไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่องไว“ได้ เช่นนั้นวันหน้าให้ท่านแม่ใส่ยาให้ท่านเถอะ รอบาดแผลหายดีแล้ว ข้าฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าขอ
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู