พูดหมดคำภายในลมหายใจเดียว ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลอย่างไรเสีย นางก็เสี่ยงชีวิตหาอาหาร หากเขาขอให้นางแบ่งอาหารให้ผู้อื่น เขาก็กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเครียดขึ้นมาผู้ใดจะรู้ว่ากู้หว่านเยว่ดีใจยิ่งนัก“ได้สิเจ้าคะ”นางก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้“รอทุกคนหลับไปแล้ว ข้าก็จะส่งเนื้อหมูป่าไปให้พวกเขา”“ขอบคุณ” ซูจิ่งสิงสีหน้าซับซ้อน“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรเสียข้าก็รื้อห้องใต้ดินของท่านเสียว่างเปล่าแล้ว”เนื้อหมูป่านี้เล็กน้อยนัก เทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ในห้องใต้ดินของซูจิ่งสิงดวงตาของซูจิ่งสิงขยับเล็กน้อย“ความจริง ข้าอยากรู้มาตลอดว่าเจ้าเอาในห้องใต้ดินไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว?”เขาพอจะเดาออกว่า กู้หว่านเยว่มีบางอย่างที่ผิดแผก แต่ไม่อาจอธิบายอย่างละเอียดได้กู้หว่านเยว่หรี่ตา ส่งรอยยิ้มอาบยาพิษออกไป“ไม่บอกท่านหรอก ให้ดีที่สุดท่านก็อย่าถามเลยเจ้าค่ะ”แม้ว่าตอนนี้นางจะมีความรู้สึกดีๆ ให้ซูจิ่งสิง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่เพียงพอให้นางกล้าเสี่ยง เปิดเผยเรื่องมิตินอกจากว่า สักวันหนึ่ง ซูจิ่งสิงได้รับการยอมรับจากนางอย่าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมอกอย่างโศกศัลย์ ตระกูลนางให้กำเนิดหลานชายหกคน แล้วจึงจะมีหลานสาวตามมานางมักประคองอุ้มไว้ในอุ้งมาราวแก้วตา ไม่เคยให้ต้องทุกข์ทนใดๆ ระหว่างที่ถูกเนรเทศก็กินดีอยู่ดีกว่าใครไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ นางโดนหมูป่ากัดเข้าตอนกำลังวิ่งหนีแม้ว่าจะถูกช่วยให้รอดจากประตูยมโลกมาได้ แต่ห้าตันกลวงหก[footnoteRef:1]ได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด [1: เรียกโดยรวมว่า อวัยวะภายใน โดยอวัยวะภายในตันทั้ง 5(五脏)ได้แก่ ตับ (肝) หัวใจ (心) ม้าม (脾) ปอด (肺) ไต ( 肾) และอวัยวะกลวงทั้ง 6 (六腑)ได้แก่ ถุงน้ำดี (胆) ลำไส้เล็ก (小肠) กระเพาะอาหาร (胃) ลำไส้ใหญ่ (大肠) กระเพาะปัสสาวะ (膀胱) และซานเจียว (三焦)] หลานสาวรู้ความอย่างยิ่ง ไม่ร้องงอแง ไม่สร้างปัญหาฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเศร้าใจยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ นางในตอนแรกก็สงสัยเล็กน้อยแม่นางน้อยที่ยังเยาว์ขนาดนี้ รู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ?สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว ยามนี้อยู่ถิ่นกันดาร หาหมอมาดูอาการไม่ได้ ไม่สู้ให้กู้หว่านเยว่รักษาม้าตายดั่งม้าเป็นไปก่อนนอกจากนี้ ไม่ก
กู้หว่านเยว่สะบัดศีรษะ ร่างกายของเจ้าของเดิมถูกจวนโหวทรมานจนไม่สู้ดีหากอยากตั้งครรภ์ ยากเท่ากับชีวิตที่แล้วของนางข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ร่างกายนี้ยังมีทางช่วยได้ขอเพียงบำรุงดูแลตัวเองดีๆ อนาคตภายภาคหน้าก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้นางส่งหนูน้อยตระกูลเซิ่งพร้อมกับยาที่เหลืออยู่ในขวดให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง“ยานี้ดื่มวันละหนึ่งจิบ ติดต่อกันเจ็ดวัน ระหว่างนี้ก็อย่ากินอาหารย่อยยาก ทางที่ดีควรกินอาหารเหลวเบาๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ”ตอนที่กู้หว่านเยว่มอบเนื้อหมูป่าให้เซิ่งจวิน ยังยื่นกระบอกน้ำให้เขาเพิ่มไปด้วย“ด้านในคือน้ำนม รอให้นานนานตื่นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม บำรุงร่างกาย”บุรุษอกสามศอกอย่างเซิ่งจวิน ซาบซึ้งมากเสียจนแทบจะหลั่งน้ำตาเขาระงับเสียงแหบห้าว พูดว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่สิ้นเพียงคำขอบคุณ[footnoteRef:1] ท่าน... เมตตานี้ของคุณชายซูและแม่นางน้อยกู้ ข้าเซิ่ง จวินจำไว้ในใจแล้ว อนาคตมีคำสั่งใด ข้ายินยอมพร้อมรับใช้” [1: ความเมตตากรุณาที่ผู้อื่นมอบให้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป ไม่อาจใช้เพียงคำขอบคุณตอบแทนได้หมด] เมื่อเห็นแววตาขอบคุณของคนตระกูลเซิ่ง กู้หว่านเยว่ก็พยักหน้า“จำคำที่เจ้าพูด
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าซูจิ่งสิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงขอบคุณตน นางก็ยืมหัวข้อนั้นมาพูดต่อว่า“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หากท่านต้องการตอบแทนข้าจริงๆ ก็รับปากข้าเรื่องหนึ่ง หากไปถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วข้าอยากหย่า ท่านห้ามปฏิเสธนะเจ้าคะ”ตลอดทางมานี้ นางสามารถอยู่ร่วมกับซูจิ่งสิงไป แต่หากสุดท้ายยังเข้ากันไม่ได้ สุดท้าย นางก็ต้องใช้ชีวิตของตัวนางต่อคำพูดนี้ ทำให้ซูจิ่งสิงตกตะลึงนางมีความคิดจะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ?หรือว่าที่สารลับบอกมาว่า นางมีคนในใจอยู่แล้ว นี่คือเรื่องจริงหรือ?หัวใจพลันหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ซูจิ่งสิงมีความรู้สึกที่บอกไว้ถูกอยู่ในอก ตอบกลับอย่างแผ่วเบา “อืม”ทั้งสองนอนด้วยกัน แต่ต่างคนต่างความคิดยามรุ่งสางฟ้าเพิ่งสว่าง กู้หว่านเยว่ก็ตื่นนอนแล้วหลังจากถูกเนรเทศมาหลายวัน นางก็เริ่มมีนิสัยอย่างหนึ่งเพิ่มมา นั่นก็คือชอบตื่นเช้าถืออากาสตอนยังมีคนตื่นไม่มาก นางก็รีบไปที่ตีนผาก่อน แล้วแปรงฟันล้างหน้าด้วยน้ำแร่ที่ไหลมาจากรอยแตกในโขดหินเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงสองเสียงดังออกมาจากในป่าคนที่เดินนำมาคือหลี่ซือซือ ต่อด้วยซูอวี่ที่ตามมาติดๆเสื้อผ
นับตั้งแต่ออกเดินทางยามเช้า ซูจิ่งสิงก็ไม่พูดอันใดมากมายนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็พักผ่อนไม่พูดจาแม้แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ไม่ใส่ใจอันใดก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป เจ็บแผลหรือ?”ซูจิ่งสิงไม่ตอบ เขายังคิดเรื่องขอหย่าที่กู้หว่านเยว่พูดไว้เมื่อคืนหางตามองเห็นกู้หว่านเยว่มาแล้ว รีบเบือนหน้าไปอีกทาง กลัวนางมองเห็นอารมณ์ของตนแต่คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของซูจิ่นเอ๋อร์แล้ว เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา ต้องการเปิดเสื้อผ้าของเขาออก“เปิดบาดแผลให้ข้าดู”“ไม่จำเป็น!” ซูจิ่งสิงรีบกำบังมือของนางสบสายตาเจือความฉงนของกู้หว่านเยว่ เขาไม่เป็นธรรมชาติไปครู่หนึ่ง“ชายหญิงไม่พึงชิดใกล้ ภายภาคหน้าให้ข้าใส่ยาด้วยตนเองเถอะ”ครั้นเปล่งถ้อยคำนี้ออกมา ซูจิ่งสิงก็นึกเสียใจภายหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ครู่ต่อมาก็พูดคำนี้ออกไปแล้วหลังพูดจบ เขาชายตามองกู้หว่านเยว่ ลอบหวังให้นางปฏิเสธส่วนกู้หว่านเยว่หลังได้ยินจบแล้วก็ชะงักงันครู่หนึ่ง แต่นางกลับไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่องไว“ได้ เช่นนั้นวันหน้าให้ท่านแม่ใส่ยาให้ท่านเถอะ รอบาดแผลหายดีแล้ว ข้าฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าขอ
กลับมองเห็นข้างครัวอาหารเลิศรสมีหอการค้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง ทั้งหลังนั้นมีเพียงหนึ่งหน้าจอใหญ่บนหน้าจอแสดงเงินทองและสมบัติล้ำค่าที่นางเก็บไว้ในระยะนี้ทั้งหมด“หอการค้ามีไว้ใช้ทำอันใด?” กู้หว่านเยว่ศึกษาอยู่นาน แต่กลับไม่พบว่าตกลงของสิ่งนี้มีไว้ใช้ทำอันใดกันแน่ผู้ดูแลระบบรีบอธิบาย “หอการค้าก็คือช่องทางขายสินค้าอย่างหนึ่ง เจ้านายสามารถวางสินค้าที่กักตุนไว้ในมิติวิเศษบนช่องทางขายสินค้านี้ได้”กู้หว่านเยว่คิดคล้อยตาม ฟังดูแล้วไม่เลวนางปล้นของมามากเกินไป ของบางอย่างใช้ไม่ได้ขายก็ไม่ได้ สามารถวางขายบนช่องทางขายสินค้านี้ได้พอดีกู้หว่านเยว่แตะหน้าจอแสดงผล พบว่านี่คล้ายช่องทางการขายสินค้าออนไลน์เสียนอวี๋ ผู้ใช้งานทั้งหมดบนหน้าจอล้วนคือผู้เดินทางทะลุมิติมาพร้อมระบบวิเศษหลากหลายรูปแบบสิ่งของบนนั้น มากมายละลานตา นับไม่หวาดไม่ไหวกู้หว่านเยว่สมัครใช้งานบัญชีก่อน จากนั้นเลือกวางเก้าอี้ไม้หลีฮวาจากกองสินค้าที่กักตุนไว้เข้าไปหนึ่งตัวทว่าหลังวางลงไปแล้ว เก้าอี้ของนางมิได้ถูกขายไปในทันทีกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รีบ เปิดหอการค้าดู จากนั้นก็กลับออกจากมิติวิเศษภายในหอการค้า นางพบว่าผักป่า
ขณะที่เซิ่งจวินต้องการแบกฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งขึ้นหลัง รอบข้างมีคนสองถึงสามคนล้มลงไปหนึ่งในนั้น ยังเป็นคนของนักการแห่งศาลาว่าการแม้คนอื่นยังไม่ล้มลงไป แต่ร่างกายที่กำลังโงนเงนกลับทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้วทันใดนั้นทุกคนต่างก็กระวนกระวายอยู่บ้าง“พวกเราโดนพิษแล้วหรือไม่ เหตุใดข้าคิดว่าหลังเข้าป่านี้แล้ว หายใจก็ลำบาก ยิ่งอยู่นานยิ่งเวียนหัว”“ทำอย่างไรดี พวกเราจะตายที่นี่หรือไม่?”“ข้าไม่อยากตายนะ...”เสียงตื่นกลัวของคนรอบกายพลันดังขึ้นมา ทันใดนั้นทุกคนถูกบรรยากาศตึงเครียดล้อมไว้“หุบปากให้หมด พูดส่งเดชอันใด รีบลุกขึ้นมาเดินทาง!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังสีหน้าเย็นชา ลองระงับคำพูดชวนให้คนว้าวุ่นใจเหล่านี้ จากนั้นตัวเขาเองก็รู้สึกไม่สบายเฉกเดียวกันจางเอ้อร์กระซิบข้างหูเขาอย่างตื่นตระหนก “หัวหน้า ท่านเห็นหมอกขาวเหล่านั้นที่ปกคลุมบนต้นไม้ในป่าหรือไม่ เกรงว่าพวกเราเผชิญกับไอพิษในตำนานแล้ว”ไอพิษ?แม้ทุกคนไม่เคยพบไอพิษมาก่อน แต่มากน้อยอย่างไรก็เคยได้ยินมาบ้าง หากหลงเข้าไปในป่าไอพิษ สามารถกลับออกมาได้น้อยมาก กึ่งหนึ่งล้วนโดนพิษตายอยู่ในนั้นบัดนี้สีหน้าทุกคนซีดเผือดหัวใจซุนอู่หนักอึ้งลง
“มา ทุกคนมารับน้ำแกงยาคนละถ้วย ดื่มแล้วค่อยออกเดินทาง”กู้หว่านเยว่ถือกระบวย แจกจ่ายน้ำแกงยาให้ทุกคนนักการแห่งศาลาว่าการย่อมถูกจัดอยู่หัวแถว รอจนกระทั่งแจกจ่ายให้นักการแห่งศาลาว่าการทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เลือกแจกจ่ายหลายตระกูลที่มีไมตรีอันดีต่อกัน ยกตัวอย่างเช่นสกุลเหยียน สกุลหลี่และสกุลเซิ่งจากนั้นจึงมอบให้ตระกูลอื่น ส่วนสกุลซูกลับถูกนางมองข้ามโดยตรงนางเฉียนถือถ้วยเปล่าจับจ้องกู้หว่านเยว่สาดน้ำแกงที่เหลือทิ้งแต่ไม่มอบให้พวกเขา สบถด่าอย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นคนอกตัญญูใช่หรือไม่ ดีร้ายอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายินดีช่วยคนนอก แต่ไม่ช่วยคนของตน?!”กู้หว่านเยว่ยักไหล่ทั้งสองข้าง “ตัดญาติแล้ว”“เจ้า!”บัดนี้หลายบ้านนั้นนึกเสียใจภายหลังอย่างมากเริ่มแรกกลัวบ้านสามเป็นภาระ จึงตัดญาติกับพวกเขาอย่างอดรนทนแทบไม่ไหวใครจะรู้กู้หว่านเยว่ยังเป็นวิชาแพทย์ ระหว่างทางนำของกินอย่างดีมาให้บ้านสามบัดนี้คิดดูแล้ว ก็มีเพียงหนึ่งคำ เสียดาย!ทว่าน่าเสียดายบนหนังสือตัดญาติล้วนเขียนไว้แล้ว เสียดายภายหลังก็ไม่มีประโยชน์คนบ้านเดิมสกุลซูที่กำลังเวียนหัวทำได้เพียงไปฟ้