ทว่ายามมองเงาด้านหลังของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงไม่รู้เพราะเหตุใดกลับยิ่งเจ็บปวดหัวใจทางด้านนี้หลี่ซือซือรีบเก็บยาสมุนไพร เลียนแบบกู้หว่านเยว่ต้มยาสมุนไพรแจกจ่ายให้ทุกคนกินอาจได้ผลทางจิตใจ ทุกคนดื่มน้ำแกงยาเข้าไปแล้วก็สดชื่นขึ้นไม่น้อยแม้แต่นางเฉียนก็เห็นหลี่ซือซือเข้าตามากขึ้นเพียงแต่ยามเมื่อพวกเขาตามคาราวานออกเดินทางไปพร้อมกัน ก็รู้สึกผิดปกติท้องร้องโครกครากไม่หยุด ถัดมาก็รู้สึกปวดอยู่พักหนึ่งซูอวี่เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว “ข้าปวดท้องยิ่งนัก อยากไปปลดทุกข์...”คนอื่นเองก็ขมวดคิ้วแน่น “ข้าเองก็ปวดท้องมาก อยากผายลมยิ่งนัก!”“อย่าผายลมเป็นอันขาด อย่าเชื่อว่าปวดท้องต้องผายลม พวกเราไปขอให้ท่านนักการหยุดพักสักครู่เถอะ” ซูหัวหลินรีบพูดทางด้านหน้า ซุนอู่กำลังถือคบเพลิงเพื่อบุกเบิกเส้นทาง ออกจากป่าไอพิษให้ได้โดยเร็วป่าไอพิษนี้ยิ่งอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น เขาย่อมไม่มีวันหยุดพักเพียงเพราะบ้านเก่าสกุลซูปวดท้อง“ปวดท้องหรือ? อดทนเสีย”“ท่านนักการ ทนไม่ไหวแล้ว!” หลายคนจับก้นแน่น ใบหน้าเขียวคล้ำ“ทนไม่ไหวก็ต้องทน หาไม่แล้วก็ถ่ายใส่กางเกงไปเถอะ!”นักการแห่งศาลาว่าการพูดจบก็
เพียงพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนคล้ายเข้าใจแล้ว สายตาตำหนิระคนขุ่นเคืองของแต่ละคนถลึงมองทางหลี่ซือซือหลี่ซือซือกุมอกหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไร้กำลัง หมาป่าตาขาวกลุ่มนี้ นางเก็บยาสมุนไพรก็เพื่อพวกเขานะ ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็โดนพิษเฉกเช่นเดียวกัน เหตุใดไม่มีใครห่วงใยนาง ตรงกันข้ามล้วนตำหนินาง?ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้นางเองก็หมดหนทางแล้ว บนตัวนางไม่มีเงินเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำระหว่างเดินทางถูกเนรเทศ หากออกห่างจากคนของบ้านเก่าสกุลซู นางคงมีชีวิตรอดไม่เกินสองวันดังนั้นระหว่างเดินทาง คนของบ้านเก่าสกุลซูจึงสบถด่าหลี่ซือซืออย่างแสบทรวงเลยทีเดียวเดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์ไม่อยากสนใจหลี่ซือซือ แต่ได้ยินคำพูดโหดเหี้ยมเหล่านั้นก็มิอาจอดทนไหวแล้ว“พวกเขาทำเกินไปแล้วหรือไม่ เดิมทีหลี่ซือซือก็หวังดีอยากช่วยพวกเขา ก็แค่เก็บยาสมุนไพรมาผิด นี่ด่าหยาบคายเกินไปแล้วกระมัง”กู้หว่านเยว่กลับไม่แปลกใจ “เจ้ามิได้เห็นปากของพวกเขาเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ยามมีผลประโยชน์ พวกเขาก็ยกยอเจ้า ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็ถีบเจ้าไปที่ฝั่งหนึ่ง”พูดจบก็ครุ่นคิดพลางหันมองซูจิ่งสิงมุมปากซูจิ่งสิงกระตุกขึ้น เหตุใดรู้สึกว่านางกำลังว่าตนเองก
ฉูโจวเจริญรุ่งเรือง ร้านรวงบนถนนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกับครั้งก่อน พวกเขาเหล่านักโทษไม่สามารถอาศัยที่ศาลาพักม้าได้เพียงเข้าเมือง ซุนอู่ก็พาทุกคนไปยังโรงเตี๊ยมราคาถูกแห่งหนึ่ง จากนั้นจัดแจงฟูกนอนรวมให้พวกนักโทษหนึ่งห้องครั้งนี้ ทุกคนมิได้เข้าไปแย่งกันนอน แต่กลับเลือกตำแหน่งดีที่สุดไว้ให้พวกกู้หว่านเยว่“แม่นางกู้ เตียงเตาที่อยู่ข้างในนี้ยกให้พวกเจ้านอนก็แล้วกัน”“ใช่แล้ว เตียงเตาข้างในสะอาดที่สุด นอนหลับก็เงียบสงบ ให้พวกเจ้านอนเถอะ”ทุกคนต่างพากันพูดกู้หว่านเยว่ “เช่นนี้เกรงใจ...”“มีอันใดให้เกรงใจกัน หากมิใช่เพราะแม่นางกู้ช่วยพวกเราเอาไว้ พวกเราก็ตายอยู่ในป่าไอพิษตั้งแต่แรกแล้ว”“ใช่แล้วๆ แม่นางกู้อย่าปฏิเสธเลย ไปนอนกับครอบครัวของเจ้าที่ภายในเถอะ”ทุกคนพูดอย่างจริงใจกู้หว่านเยว่มองสถานการณ์ก็ไม่เกรงใจแล้ว มีสถานที่เงียบสงบให้พักผ่อนแห่งหนึ่ง อีกเดี๋ยวสกุลหลินมาก็พูดง่ายแล้ว“ขอบคุณทุกท่านมาก!” กู้หว่านเยว่พูดขอบคุณทุกคน จากนั้นช่วยพวกนางหยางขนของจากเกวียนไปที่เตียงเตาด้านในสุดส่วนทางฝั่งบ้านเก่าสกุลซู พวกเขาเข้ามาเลือกเตียงเตาไม่ทันเสียด้วยซ้ำทันทีที่เข้ามาถึงโ
หลินหรูไห่พูดอย่างรู้สึกผิด “น้าไม่มีความสามารถ หากสามารถเป็นขุนนางคนหนึ่งได้ ก็สามารถดูแลเจ้าระหว่างเดินทางเนรเทศได้”สกุลหลินทำการค้ามาหลายชั่วอายุคน ในมือมีเงินแต่ไร้อำนาจ มีฐานะต่ำที่สุดของสังคมเพราะเหตุนี้ แรกเริ่มสกุลหลินถึงส่งลูกสาวไปแต่งงานที่จวนโหว ปรารถนาเพียงให้นางหลุดพ้นจากชีวิตลำเค็ญ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้าอีกใครจะคาดคิด...ชายหลายใจคนนั้นของจวนโหว ถึงขั้นทรมานมารดาของกู้หว่านเยว่จนตายกู้หว่านเยว่รีบปลอบทุกคน“ท่านน้าอย่าโทษตัวเองเลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงถูกเนรเทศ มิใช่ไปตายเสียหน่อยรอไปถึงหนิงกู่ถ่าอย่างปลอดภัยแล้ว ข้าจะต้องเขียนจดหมายถึงพวกท่าน หากภายภาคหน้ามีโอกาสก็สามารถกลับมาพบหน้ากันได้ ข้าจะกตัญญูต่อพวกท่านอย่างแน่นอน”คำพูดรู้ความถูกเปล่งออกมา ทำให้คนเหล่านั้นขอบตาร้อนผ่าว ร้องไห้สะอึกสะอื้นหากเป็นไปได้ พวกเขาอยากรั้งกู้หว่านเยว่ไว้ มิให้นางไปตกระกำลำบากที่หนิงกู่ถ่ากู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาร้องไห้โอดครวญยกใหญ่ รู้สึกทุกข์ภายในใจแต่นางไม่มีเวลาเสียใจมากมายนัก ต้องคิดหาทางเล่าเรื่องสกุลหลินถูกโจรปล้น ถึงจะสามารถยับยั้งโศกนาฏกรรมเอาไว้ได้ค
บังเอิญนายท่านผู้เฒ่าหลินเองก็อยากสนทนากับซูจิ่งสิงพอดีอย่างไรเสียกู้หว่านเยว่ก็คือหลานสาวสุดที่รักของพวกเขา ส่วนซูจิ่งสิงเป็นหลานเขยของพวกเขา เป็นคนที่กู้หว่านเยว่ต้องพึ่งพาอาศัยทั้งชีวิตนายท่านผู้เฒ่าหลินมาที่เตียงเตา เพ่งพิศซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ทำความเคารพเขาในฐานะผู้น้อยทีหนึ่งจากนั้นสุขุมหนักแน่นดุจภูเขาไท่ซาน ตั้งแต่เริ่มจนจบยิ้มน้อยๆ อย่างมีมารยาท ปล่อยให้นายท่านผู้เฒ่าหลินสำรวจตนเองอย่างอิสระอันที่จริง นายท่านผู้เฒ่าหลินไม่ค่อยพอใจซูจิ่งสิงอยู่ภายในใจหลานสาวเพิ่งแต่งงานเข้าไปก็ต้องเดือดร้อนถูกเนรเทศไปด้วยกัน ยังกลายเป็นคนพิการอีก มีครอบครัวญาติที่ใดจะชมชอบแต่สบมองสีหน้าสุขุมหนักแน่นของซูจิ่งสิง นายท่านผู้เฒ่าหลินเองจะไม่ยอมรับคงไม่ได้ ว่าเด็กคนนี้มีรัศมีไม่ธรรมดาเขาเป็นฝ่ายนั่งลงพูดคุยกับซูจิ่งสิงก่อนกู้หว่านเยว่มองอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าซูจิ่งสิงพูดอะไรกับท่านตามองเห็นท่านตาเผยสีหน้าใคร่ครวญหนักใจเป็นอย่างแรก ต่อมาค่อยๆ เผยสีหน้าเลื่อมใสในที่สุดทั้งสองสนทนากันราวสิบกว่านาที ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนแม้กู้หว่านเยว่แปลกใจ แต่กลัวทำให้แผน
“ครอบครัวพวกเขาอยู่อย่างถ่อมตน ไม่เคยมีปัญหากับผู้อื่น ที่เหลือก็มีเพียงศัตรูทางการค้าแล้วส่วนที่สามารถทำเรื่องฆ่าล้างตระกูลพรรค์นี้ได้ จะต้องหาคนชั่วเสียยิ่งกว่าชั่วในยุทธภพ คนเช่นนี้จ้างวานยากนักดังนั้น ข้าจึงถามว่าช่วงนี้มีโจรนักฆ่าหนีมายังฉูโจวหรือไม่”กู้หว่านเยว่ฟังการวิเคราะห์โดยละเอียดของซูจิ่งสิงแล้ว สายตาชื่นชมอย่างอดไม่ได้สมองของชายคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง เวลาสั้นๆ ถึงขั้นวิเคราะห์ออกมาได้มากเพียงนี้“ถ้าอย่างนั้นท่านตาสามารถสืบหาคนอยู่เบื้องหลังได้หรือไม่?”“ย่อมได้ เจ้าวางใจ คนมีความคิดลึกซึ้งเพียงนี้มีไม่กี่คน ท่านตาของเจ้าตั้งข้อสันนิษฐานดูสักหน่อยก็เดาออกแล้ว”ซูจิ่งสิงพูดจบ ครู่ต่อมาลูบผมนางเป็นการปลอบนี่เป็นเพราะเรื่องของสกุลหลินทั้งคู่จึงคืนดีกันชั่วคราว ลูบผมแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องอึดอัดใจต่อกัน ถัดมาหันมองอีกฝ่ายสายตาสอดประสานกัน พลันเกิดความรู้สึกประหม่า เบือนหน้าหนีเร็วรี่กู้หว่านเยว่รีบลุกขึ้น พูดอย่างประหม่า “เอ่อ ขอบคุณท่าน...”แววตาซูจิ่งสิงหม่นลง “ครอบครัวของเจ้าก็คือครอบครัวของข้า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”อะไรเรียกว่าครอบครัวของ
ทางฝั่งนี้กู้หว่านเยว่กินมื้อเย็นอิ่มดีแล้ว ก็นั่งบนเตียงเตาแสร้งหลับตาพักผ่อน เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติวิเศษตรวจดูหอการค้าแล้วทำให้นางดีใจก็คือ เก้าอี้ไม้หลีฮวาถูกขายไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นเพราะนางตั้งราคาอย่างไม่ตั้งใจเพียงหมื่นเดียว ถูกมากเกินไป ผู้ซื้อไม่เพียงไม่ต่อรองราคา ยังเขียนข้อเสนอแนะหนึ่งพันตัวอักษรให้นาง เป็นการแนะนำในหน้าแรกของการค้นหาเรียกความสนใจจากนักสะสมซื้อของสะสมเป็นจำนวนมาก นักสะสมเหล่านี้ต่างทิ้งข้อความไว้ที่หน้าแรกของนาง ถามว่านางยังมีของโบราณขายอีกหรือไม่คราวนี้ ผู้ติดตามของกู้หว่านเยว่ก็เพิ่มขึ้นหลายสิบคนแล้วทันใดนั้นกู้หว่านเยว่กระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว ยามนางปล้นก็มิได้ใส่ใจดูสิ่งของที่ได้มาในท้องพระคลังหลวงหรือคลังส่วนตัว นำของใส่ลงไปในมิติวิเศษทั้งหมดอันที่จริงบางอย่างก็ไม่ได้ใช้ แสดงออกมาก็แสดงไม่หมดมิสู้นำของที่ไม่ได้ใช้ทั้งหมดวางลงบนหน้าจอขายสินค้า ให้ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเงินจากนั้นใช้เงินเหล่านี้ ไปซื้อของภายในหอการค้าเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงสามารถขายสินค้าที่ปล้นมาเหล่านี้ออกไป ยังสามารถซื้อสินค้าในยุคปัจจุบันเข้ามาได้อีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น หอกา
ก่อนนี้กู้หว่านเยว่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเงินในกระเป๋ามาจากที่ใด บัดนี้มีสกุลหลินบังหน้า นางจับจ่ายขึ้นมาก็ไม่ต้องปิดบังเลยแม้แต่น้อยเสื้อผ้าเครื่องนอน เสบียงอาหาร ยังซื้อเสื้อฟางกันฝนเตรียมไว้ใช้ในยามจำเป็นขณะเตรียมของสำหรับครอบครัวตนเอง นางเองก็ไม่ลืมพวกสกุลเหยียนและสกุลเซิ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซื้อให้พวกเขาอีกเล็กน้อยแค่เพียงเล็กน้อย รับรองว่าพวกเขาไม่มีวันหิวตายก็พอ มากไปนางกู้หว่านเยว่มิใช่พระแม่ ไม่สามารถมอบให้ได้กระนั้นสิ่งนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ต้องให้พวกเขาพยายามหามาด้วยตนเองถึงจะใช้ได้หาปลาให้คนกินมิสู้สอนคนจับปลา พึ่งพานางไปตลอดมิใช่หนทางแก้ปัญหาทว่านี่คือความคิดเกิดขึ้นชั่วขณะของกู้หว่านเยว่ ส่วนต้องทำเยี่ยงไร ยังต้องให้นางคิดดีๆทางฝั่งนี้ จางเอ้อร์และพวกนักการศาลาว่าการเห็นกำลังการซื้อของกู้หว่านเยว่แล้ว แต่ละคนล้วนตกตะลึงอ้าปากค้างดูท่าแล้วสกุลหลินมอบเงินให้ไม่น้อย หาไม่แล้วคงไม่จับจ่ายตามสะดวกได้มากเพียงนี้“พี่ใหญ่จาง ข้าอยากไปดูสกุลหลินสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ซื้อของเรียบร้อยแล้วก็วางบนลาเทียมเกวียน หันหน้าปรึกษาจางเอ้อร์“ท่านอยากไปดูบ้าน