กู้หว่านเยว่สะบัดศีรษะ ร่างกายของเจ้าของเดิมถูกจวนโหวทรมานจนไม่สู้ดีหากอยากตั้งครรภ์ ยากเท่ากับชีวิตที่แล้วของนางข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ร่างกายนี้ยังมีทางช่วยได้ขอเพียงบำรุงดูแลตัวเองดีๆ อนาคตภายภาคหน้าก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้นางส่งหนูน้อยตระกูลเซิ่งพร้อมกับยาที่เหลืออยู่ในขวดให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง“ยานี้ดื่มวันละหนึ่งจิบ ติดต่อกันเจ็ดวัน ระหว่างนี้ก็อย่ากินอาหารย่อยยาก ทางที่ดีควรกินอาหารเหลวเบาๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ”ตอนที่กู้หว่านเยว่มอบเนื้อหมูป่าให้เซิ่งจวิน ยังยื่นกระบอกน้ำให้เขาเพิ่มไปด้วย“ด้านในคือน้ำนม รอให้นานนานตื่นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม บำรุงร่างกาย”บุรุษอกสามศอกอย่างเซิ่งจวิน ซาบซึ้งมากเสียจนแทบจะหลั่งน้ำตาเขาระงับเสียงแหบห้าว พูดว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่สิ้นเพียงคำขอบคุณ[footnoteRef:1] ท่าน... เมตตานี้ของคุณชายซูและแม่นางน้อยกู้ ข้าเซิ่ง จวินจำไว้ในใจแล้ว อนาคตมีคำสั่งใด ข้ายินยอมพร้อมรับใช้” [1: ความเมตตากรุณาที่ผู้อื่นมอบให้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป ไม่อาจใช้เพียงคำขอบคุณตอบแทนได้หมด] เมื่อเห็นแววตาขอบคุณของคนตระกูลเซิ่ง กู้หว่านเยว่ก็พยักหน้า“จำคำที่เจ้าพูด
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าซูจิ่งสิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงขอบคุณตน นางก็ยืมหัวข้อนั้นมาพูดต่อว่า“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หากท่านต้องการตอบแทนข้าจริงๆ ก็รับปากข้าเรื่องหนึ่ง หากไปถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วข้าอยากหย่า ท่านห้ามปฏิเสธนะเจ้าคะ”ตลอดทางมานี้ นางสามารถอยู่ร่วมกับซูจิ่งสิงไป แต่หากสุดท้ายยังเข้ากันไม่ได้ สุดท้าย นางก็ต้องใช้ชีวิตของตัวนางต่อคำพูดนี้ ทำให้ซูจิ่งสิงตกตะลึงนางมีความคิดจะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ?หรือว่าที่สารลับบอกมาว่า นางมีคนในใจอยู่แล้ว นี่คือเรื่องจริงหรือ?หัวใจพลันหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ซูจิ่งสิงมีความรู้สึกที่บอกไว้ถูกอยู่ในอก ตอบกลับอย่างแผ่วเบา “อืม”ทั้งสองนอนด้วยกัน แต่ต่างคนต่างความคิดยามรุ่งสางฟ้าเพิ่งสว่าง กู้หว่านเยว่ก็ตื่นนอนแล้วหลังจากถูกเนรเทศมาหลายวัน นางก็เริ่มมีนิสัยอย่างหนึ่งเพิ่มมา นั่นก็คือชอบตื่นเช้าถืออากาสตอนยังมีคนตื่นไม่มาก นางก็รีบไปที่ตีนผาก่อน แล้วแปรงฟันล้างหน้าด้วยน้ำแร่ที่ไหลมาจากรอยแตกในโขดหินเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงสองเสียงดังออกมาจากในป่าคนที่เดินนำมาคือหลี่ซือซือ ต่อด้วยซูอวี่ที่ตามมาติดๆเสื้อผ
นับตั้งแต่ออกเดินทางยามเช้า ซูจิ่งสิงก็ไม่พูดอันใดมากมายนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็พักผ่อนไม่พูดจาแม้แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ไม่ใส่ใจอันใดก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป เจ็บแผลหรือ?”ซูจิ่งสิงไม่ตอบ เขายังคิดเรื่องขอหย่าที่กู้หว่านเยว่พูดไว้เมื่อคืนหางตามองเห็นกู้หว่านเยว่มาแล้ว รีบเบือนหน้าไปอีกทาง กลัวนางมองเห็นอารมณ์ของตนแต่คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของซูจิ่นเอ๋อร์แล้ว เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา ต้องการเปิดเสื้อผ้าของเขาออก“เปิดบาดแผลให้ข้าดู”“ไม่จำเป็น!” ซูจิ่งสิงรีบกำบังมือของนางสบสายตาเจือความฉงนของกู้หว่านเยว่ เขาไม่เป็นธรรมชาติไปครู่หนึ่ง“ชายหญิงไม่พึงชิดใกล้ ภายภาคหน้าให้ข้าใส่ยาด้วยตนเองเถอะ”ครั้นเปล่งถ้อยคำนี้ออกมา ซูจิ่งสิงก็นึกเสียใจภายหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ครู่ต่อมาก็พูดคำนี้ออกไปแล้วหลังพูดจบ เขาชายตามองกู้หว่านเยว่ ลอบหวังให้นางปฏิเสธส่วนกู้หว่านเยว่หลังได้ยินจบแล้วก็ชะงักงันครู่หนึ่ง แต่นางกลับไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่องไว“ได้ เช่นนั้นวันหน้าให้ท่านแม่ใส่ยาให้ท่านเถอะ รอบาดแผลหายดีแล้ว ข้าฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าขอ
กลับมองเห็นข้างครัวอาหารเลิศรสมีหอการค้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง ทั้งหลังนั้นมีเพียงหนึ่งหน้าจอใหญ่บนหน้าจอแสดงเงินทองและสมบัติล้ำค่าที่นางเก็บไว้ในระยะนี้ทั้งหมด“หอการค้ามีไว้ใช้ทำอันใด?” กู้หว่านเยว่ศึกษาอยู่นาน แต่กลับไม่พบว่าตกลงของสิ่งนี้มีไว้ใช้ทำอันใดกันแน่ผู้ดูแลระบบรีบอธิบาย “หอการค้าก็คือช่องทางขายสินค้าอย่างหนึ่ง เจ้านายสามารถวางสินค้าที่กักตุนไว้ในมิติวิเศษบนช่องทางขายสินค้านี้ได้”กู้หว่านเยว่คิดคล้อยตาม ฟังดูแล้วไม่เลวนางปล้นของมามากเกินไป ของบางอย่างใช้ไม่ได้ขายก็ไม่ได้ สามารถวางขายบนช่องทางขายสินค้านี้ได้พอดีกู้หว่านเยว่แตะหน้าจอแสดงผล พบว่านี่คล้ายช่องทางการขายสินค้าออนไลน์เสียนอวี๋ ผู้ใช้งานทั้งหมดบนหน้าจอล้วนคือผู้เดินทางทะลุมิติมาพร้อมระบบวิเศษหลากหลายรูปแบบสิ่งของบนนั้น มากมายละลานตา นับไม่หวาดไม่ไหวกู้หว่านเยว่สมัครใช้งานบัญชีก่อน จากนั้นเลือกวางเก้าอี้ไม้หลีฮวาจากกองสินค้าที่กักตุนไว้เข้าไปหนึ่งตัวทว่าหลังวางลงไปแล้ว เก้าอี้ของนางมิได้ถูกขายไปในทันทีกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รีบ เปิดหอการค้าดู จากนั้นก็กลับออกจากมิติวิเศษภายในหอการค้า นางพบว่าผักป่า
ขณะที่เซิ่งจวินต้องการแบกฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งขึ้นหลัง รอบข้างมีคนสองถึงสามคนล้มลงไปหนึ่งในนั้น ยังเป็นคนของนักการแห่งศาลาว่าการแม้คนอื่นยังไม่ล้มลงไป แต่ร่างกายที่กำลังโงนเงนกลับทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้วทันใดนั้นทุกคนต่างก็กระวนกระวายอยู่บ้าง“พวกเราโดนพิษแล้วหรือไม่ เหตุใดข้าคิดว่าหลังเข้าป่านี้แล้ว หายใจก็ลำบาก ยิ่งอยู่นานยิ่งเวียนหัว”“ทำอย่างไรดี พวกเราจะตายที่นี่หรือไม่?”“ข้าไม่อยากตายนะ...”เสียงตื่นกลัวของคนรอบกายพลันดังขึ้นมา ทันใดนั้นทุกคนถูกบรรยากาศตึงเครียดล้อมไว้“หุบปากให้หมด พูดส่งเดชอันใด รีบลุกขึ้นมาเดินทาง!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังสีหน้าเย็นชา ลองระงับคำพูดชวนให้คนว้าวุ่นใจเหล่านี้ จากนั้นตัวเขาเองก็รู้สึกไม่สบายเฉกเดียวกันจางเอ้อร์กระซิบข้างหูเขาอย่างตื่นตระหนก “หัวหน้า ท่านเห็นหมอกขาวเหล่านั้นที่ปกคลุมบนต้นไม้ในป่าหรือไม่ เกรงว่าพวกเราเผชิญกับไอพิษในตำนานแล้ว”ไอพิษ?แม้ทุกคนไม่เคยพบไอพิษมาก่อน แต่มากน้อยอย่างไรก็เคยได้ยินมาบ้าง หากหลงเข้าไปในป่าไอพิษ สามารถกลับออกมาได้น้อยมาก กึ่งหนึ่งล้วนโดนพิษตายอยู่ในนั้นบัดนี้สีหน้าทุกคนซีดเผือดหัวใจซุนอู่หนักอึ้งลง
“มา ทุกคนมารับน้ำแกงยาคนละถ้วย ดื่มแล้วค่อยออกเดินทาง”กู้หว่านเยว่ถือกระบวย แจกจ่ายน้ำแกงยาให้ทุกคนนักการแห่งศาลาว่าการย่อมถูกจัดอยู่หัวแถว รอจนกระทั่งแจกจ่ายให้นักการแห่งศาลาว่าการทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เลือกแจกจ่ายหลายตระกูลที่มีไมตรีอันดีต่อกัน ยกตัวอย่างเช่นสกุลเหยียน สกุลหลี่และสกุลเซิ่งจากนั้นจึงมอบให้ตระกูลอื่น ส่วนสกุลซูกลับถูกนางมองข้ามโดยตรงนางเฉียนถือถ้วยเปล่าจับจ้องกู้หว่านเยว่สาดน้ำแกงที่เหลือทิ้งแต่ไม่มอบให้พวกเขา สบถด่าอย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นคนอกตัญญูใช่หรือไม่ ดีร้ายอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายินดีช่วยคนนอก แต่ไม่ช่วยคนของตน?!”กู้หว่านเยว่ยักไหล่ทั้งสองข้าง “ตัดญาติแล้ว”“เจ้า!”บัดนี้หลายบ้านนั้นนึกเสียใจภายหลังอย่างมากเริ่มแรกกลัวบ้านสามเป็นภาระ จึงตัดญาติกับพวกเขาอย่างอดรนทนแทบไม่ไหวใครจะรู้กู้หว่านเยว่ยังเป็นวิชาแพทย์ ระหว่างทางนำของกินอย่างดีมาให้บ้านสามบัดนี้คิดดูแล้ว ก็มีเพียงหนึ่งคำ เสียดาย!ทว่าน่าเสียดายบนหนังสือตัดญาติล้วนเขียนไว้แล้ว เสียดายภายหลังก็ไม่มีประโยชน์คนบ้านเดิมสกุลซูที่กำลังเวียนหัวทำได้เพียงไปฟ้
ทว่ายามมองเงาด้านหลังของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงไม่รู้เพราะเหตุใดกลับยิ่งเจ็บปวดหัวใจทางด้านนี้หลี่ซือซือรีบเก็บยาสมุนไพร เลียนแบบกู้หว่านเยว่ต้มยาสมุนไพรแจกจ่ายให้ทุกคนกินอาจได้ผลทางจิตใจ ทุกคนดื่มน้ำแกงยาเข้าไปแล้วก็สดชื่นขึ้นไม่น้อยแม้แต่นางเฉียนก็เห็นหลี่ซือซือเข้าตามากขึ้นเพียงแต่ยามเมื่อพวกเขาตามคาราวานออกเดินทางไปพร้อมกัน ก็รู้สึกผิดปกติท้องร้องโครกครากไม่หยุด ถัดมาก็รู้สึกปวดอยู่พักหนึ่งซูอวี่เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว “ข้าปวดท้องยิ่งนัก อยากไปปลดทุกข์...”คนอื่นเองก็ขมวดคิ้วแน่น “ข้าเองก็ปวดท้องมาก อยากผายลมยิ่งนัก!”“อย่าผายลมเป็นอันขาด อย่าเชื่อว่าปวดท้องต้องผายลม พวกเราไปขอให้ท่านนักการหยุดพักสักครู่เถอะ” ซูหัวหลินรีบพูดทางด้านหน้า ซุนอู่กำลังถือคบเพลิงเพื่อบุกเบิกเส้นทาง ออกจากป่าไอพิษให้ได้โดยเร็วป่าไอพิษนี้ยิ่งอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น เขาย่อมไม่มีวันหยุดพักเพียงเพราะบ้านเก่าสกุลซูปวดท้อง“ปวดท้องหรือ? อดทนเสีย”“ท่านนักการ ทนไม่ไหวแล้ว!” หลายคนจับก้นแน่น ใบหน้าเขียวคล้ำ“ทนไม่ไหวก็ต้องทน หาไม่แล้วก็ถ่ายใส่กางเกงไปเถอะ!”นักการแห่งศาลาว่าการพูดจบก็
เพียงพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนคล้ายเข้าใจแล้ว สายตาตำหนิระคนขุ่นเคืองของแต่ละคนถลึงมองทางหลี่ซือซือหลี่ซือซือกุมอกหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไร้กำลัง หมาป่าตาขาวกลุ่มนี้ นางเก็บยาสมุนไพรก็เพื่อพวกเขานะ ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็โดนพิษเฉกเช่นเดียวกัน เหตุใดไม่มีใครห่วงใยนาง ตรงกันข้ามล้วนตำหนินาง?ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้นางเองก็หมดหนทางแล้ว บนตัวนางไม่มีเงินเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำระหว่างเดินทางถูกเนรเทศ หากออกห่างจากคนของบ้านเก่าสกุลซู นางคงมีชีวิตรอดไม่เกินสองวันดังนั้นระหว่างเดินทาง คนของบ้านเก่าสกุลซูจึงสบถด่าหลี่ซือซืออย่างแสบทรวงเลยทีเดียวเดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์ไม่อยากสนใจหลี่ซือซือ แต่ได้ยินคำพูดโหดเหี้ยมเหล่านั้นก็มิอาจอดทนไหวแล้ว“พวกเขาทำเกินไปแล้วหรือไม่ เดิมทีหลี่ซือซือก็หวังดีอยากช่วยพวกเขา ก็แค่เก็บยาสมุนไพรมาผิด นี่ด่าหยาบคายเกินไปแล้วกระมัง”กู้หว่านเยว่กลับไม่แปลกใจ “เจ้ามิได้เห็นปากของพวกเขาเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ยามมีผลประโยชน์ พวกเขาก็ยกยอเจ้า ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็ถีบเจ้าไปที่ฝั่งหนึ่ง”พูดจบก็ครุ่นคิดพลางหันมองซูจิ่งสิงมุมปากซูจิ่งสิงกระตุกขึ้น เหตุใดรู้สึกว่านางกำลังว่าตนเองก
“ลูกชายของเจ้าตายแล้ว แต่ลูกสะใภ้เจ้าก็เป็นมนุษย์เช่นกัน นางเสียใจไม่เป็นหรือ?เจ้าเสียใจ เจ้าก็ไปหาคนที่เป็นต้นเรื่อง เจ้ามาระบายใส่คนกันเองเช่นนี้ นี่มันตรรกะอะไร?“เจ้า เจ้า…” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวโมโหจนพูดไม่ออก นายท่านโจวก็โมโหยายเฒ่าอู่เช่นกันพวกเขาคุยกันในบ้านตัวเอง เหตุใดจึงมีหญิงชราที่ไม่รู้จักคนหนึ่งแทรกเข้ามาอีกทั้งหญิงชราคนนี้ยังพูดจาไม่น่าฟังเลยเขาอยากถกเถียงกับยายเฒ่าอู่ด้วยเหตุผลแต่ยายเฒ่าอู่เป็นใคร?นางเป็นคนบ้านนอก และยังเป็นแม่หม้าย ปากร้ายจนคนทั้งหมู่บ้านต้องยอม นายท่านโจวหาใช่คู่ต่อสู้ของนาง เถียงกันไปเถียงกันมาครู่หนึ่ง ก็โดนนางต่อว่าจนหน้าแดง“ข้าก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวเจ้าหรอก ใครใช้ให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงดังจนข้าได้ยิน เห็นพวกเจ้ารังแกคนเช่นนี้ ข้าไม่สามารถนิ่งดูดายได้ ข้าขอแนะนำพวกเจ้าสักคำ สร้างสมบุญกุศล อย่าให้ลูกชายของพวกเจ้าไม่สามารถไปสู่สุคติ”“เจ้า เจ้า!”นายท่านโจวทนไม่ไหวแล้ว“เจ้าเป็นคนของบ้านไหนกันแน่?”เขาดูการแต่งตัวของยายเฒ่าอู่ คิดว่านางเป็นคนรับใช้ของเจ้าของบ้าน“ไปเรียกเจ้านายเจ้ามา ข้าจะลองถามเขาดูว่า เขาอบรมสั่งสอนคนรับใช้เช่
ฮูหยินผู้เฒ่าโจวเจ็บใจ นางมีลูกชายแค่คนเดียว เพื่อเหลียงถงอวี้คนนี้ เขาดึงดันจะออกจากด่านหานกู่ พานางมาเมืองหลวง“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เขาก็ยังอยู่ด่านหานกู่ เบื้องบนก็จะไม่ส่งเขาไปทำงานนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้า!”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวผลักหน้าอย่างแรง เหลียงถงอวี้กัดริมฝีปากล่างแน่นเพราะคำพูดของนางนางมองผู้อาวุโสทั้งสองคนใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าโจวเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อนาง สายตาที่นายท่านโจวมองนางก็เต็มไปด้วยเจตนาร้ายเช่นกันโจมเสี้ยนเป็นแม่ทัพ ถ้าหากตายในสนามรบ นั่นก็ถือว่าตายอย่างมีเกียรติตายด้วยน้ำมือของชาวหนานเจียง?และยังตายไปพร้อมกับคำกล่าวหาเช่นนี้ ชื่อเสียงที่สร้างมาทั้งชีวิตจบสิ้นแล้วเขาที่เป็นพ่อคนนี้ จะไม่แค้นเคืองได้อย่างไร?“นางพูดถูก เสี้ยนเอ๋อร์ตายเพราะเจ้า”“เจ้าคืนลูกชายข้ามา เจ้าคืนลูกชายข้ามา!”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพุ่งออกไป ตบตีตามร่างกายเหลียงโจวอวี้ นางเสียใจและสิ้นหวังจนเกือบจะเป็นลม“เจ้ายังจะอยู่ที่นี่ทำไม เจ้ายังไม่รีบไปอีก!”นายท่านโจวอุ้มฮูหยินผู้เฒ่าโจวไว้ หันไปไล่เหลียงถงอวี้ ราวกับนางเป็นโรคระบาด“ข้างบ้านทะเลาะอะไรกัน?”ข้างบ้าน ยายเฒ่าอู่ยืนอุ้มเ
“ฮึ่ม ต้าฉีกล้าฆ่าชวีเฟิง และยังกล้าขังพี่หญิงใหญ่ของข้า ข้าย่อมต้องทำให้พวกมันสำนึก”เฟิ่งหวู่โจวควบคุมแมงป่องยักษ์ไปพลาง คิดจะทำร้ายราษฎรอีกเวลานี้เอง เกาเจี้ยนขี่ม้า พาองครักษ์จันทรากลุ่มหนึ่งวิ่งมา“หยุดเดี๋ยวนี้!”เกาเจี้ยนกล่าวด้วยเสียงอันดังก้องราวกับฟ้าผ่า “เหลวไหลสิ้นดี ราษฎรไม่รู้อะไรด้วยเลย เจ้าปล่อยแมลงร้ายนี่ออกมาทำร้ายราษฎรตามใจชอบได้อย่างไร!”เขาชีทวนยาวไปทางเฟิ่งหวู่โจว“องค์ชายสาม รีบเก็บแมลงร้ายของเจ้ากลับไปซะ เช่นนั้นข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”“เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า?!”เฟิ่งหวู่โจวหรี่ตา กำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่าผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆ ห้ามเขา“องค์ชายสาม ท่านอย่าวู่วาม”ผู้ติดตามห้ามปรามเสียงเบา“องค์หญิงใหญ่ยังอยู่ในมือพวกเขาขอรับ”เฟิ่งหวู่โจวหยุดการกระทำอย่างที่คิด“บ้าจริง ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวพวกเขาจะทำอะไรพี่หญิงใหญ่ ข้าไม่สนใจความเป็นความตายของพวกมันหรอก ให้ราชาแมงป่องพิษกินพวกเขาทั้งเป็นให้หมดเลย!”“กลับไป”เขาเป่าขลุ่ยในมือ แมงป่องเหลือบมองเกาเจี้ยนแวบหนึ่ง หมุนกายกลับเข้ารถม้า“สถานีพักม้าอยู่ทางนี้ องค์ชายสามเชิญตามพวกเรามา” เกาเจี้ยนมองซากศพท
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของหนานเจียง มีจุดประสงค์เพื่อตบหน้าต้าฉี ทำให้ราชวงศ์ต้าฉีที่เพิ่งก่อตั้งอับอายขายหน้า“โจวฮูหยิน ข้ากับฝ่าบาทจะให้คำอธิบายกับเจ้าแน่นอน”“ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ”เหลียงถงอวี้คำนับจากใจ ก้าวเดินออกจากวังหลวงไปอย่างสิ้นหวังทีละก้าว“หนานเจียง ไม่ควรเก็บไว้อีกแล้ว”สายตาซูจิ่งสิงเย็นเยียบ เกิดเจตนาฆ่าในใจวันต่อมา เฟิ่งหวู่โจวมาถึงเมืองหลวงหลังจากเขาฆ่าโจวเสี้ยนไม่เพียงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ตอนอยู่ที่ประตูเมือง ยังทำร้ายราษฎร ถีบขุนนางตกจากม้า และถ่มน้ำลายใส่ชาวต้าฉีเหิมเกริมสุดขีด“องค์ชายสาม พวกเราทำเช่นนี้ มันจะเกินไปหน่อยหรือไม่?”แม้แต่ผู้ติดตามก็รู้สึกผิด กล่าวเกลี้ยกล่อม“อย่างไรก็อยู่ถิ่นของต้าฉี ถ้าหากทำให้ต้าฉีโกรธ นี่…”“เจ้ากลัวทำไม?”ถนนจูเชวี่ย เฟิ่งหวู่โจวขี่อยู่บนหลังม้าที่สูงใหญ่ สีหน้าได้ใจนักหน้าตาของเขาสู้เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้ แต่แต่งกายประณีตมาก สวมชุดเจียงหนาน และยังสวมกำไลเงินบนข้อมือหลายวง ขณะที่เขาดึงสายบังเหียน เสียงกรุ๊งกริ๊งดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษราษฎรที่ผ่านไปมาล้วนได้ยินพฤติกรรมที่เหิมเกริมของเขาแล้ว รีบหลบตามสองข้างทางด้ว
“บ่าวไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”ชิงเหลียนหมุนกายวิ่งออกไปทันทีวันนี้คนที่เข้าเวรที่สำนักหมอนหลวงคือลั่วยางพอดี เมื่อเห็นชิงเหลียงมาเรียกคน คิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นอะไรเสียอีก รีบคว้ากล่องยาตามออกไปทันทีหลังจากตามมาจึงจะรู้เรื่องของโจวเสี้ยนจากปากชิงเหลียน“นายท่านกับฮูหยินกำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะส่งใครไป ท้ายที่สุดนี่ก็คือจุดจบของเรื่องนี้ ไม่มีใครถ้าคิดว่าองค์ชายหนานเจียงจะบ้าเช่นนี้หมอหญิงลั่ว หลังจากท่านเข้าไป ต้องเกลี้ยกล่อมฮูหยินดีๆ นะ”ลั่วยางพยักหน้า “น่าสงสารโจวฮูหยินมาก”“ก็นั่นน่ะสิ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”เดิมทีสกุลโจวก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ในที่สุดโจวเสี้ยนก็ได้แต่งงานกับนาง และมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงวันดีๆ กำลังจะมาอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ก็ได้มาถึงตำหนักข้างที่ให้โจวฮูหยินพักชั่วคราวแล้วหลังจากลั่วยางคำนับทั้งสอง ก็เข้าไปตรวจชีพจรให้โจวฮูหยิน“เสียใจมากเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หม่อมฉันจ่ายยาก็ดีขึ้นเองเพคะ”ลั่วยางเขียนตำรับยาหนึ่งแผ่น ให้ผู้ช่วยไปเอายาที่สำนักหมอหลวง ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้กว่านเยว่ถามชิงเหลียนคนหนักแน่น น้อยครั้งที่จะตื่นตระหนกเช่นนี้“องค์ชายสามของหนานเจียงเพคะ”นางกำหมัดแน่น โมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ “เขาเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขา เขาฆ่าแม่ทัพโจวตายแล้ว!”“อะไรนะ?”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนฉับพลันโจวเสี้ยนเป็นคนไปต้อนรับทูตหนานเจียงหลังจากโจวเสี้ยนยอมจำนนที่ด่านหานกู่ ก็กลายเป็นขุนนางคนสำคัญของซูจิ่งสิง ทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนหนานเจียงจะใจกล้าถึงขั้นฆ่าเขา“ทำไมถึงฆ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าซูจิ่งสิงขรึมลงโจวเสี้ยนอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงานเดือนที่แล้วชิงเหลียนกล่าวตอบ “ข่าวที่ส่งกลับมาบอกว่าแม่ทัพโจวลวนลามสนมรักขององค์ชายสาม ด้วยความโกรธ องค์ชายสามจึง…ฆ่าเขา”นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก“ใช่แล้ว นี่คือหนังสือยอมรับผิดขององค์ชายสามหนานเจียง”สีหน้าซูจิ่งสิงดูน่าเกลียดมาก เขารับหนังสือยอมรับผิดมา ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง“เขาเขียนว่าอะไร?”“เจ้าดูสิ”กู้หว่านเยว่รับหนังสือยอมรับผิดมาจากมือซูจิ่งสิง หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ่งสิงโกรธเช่นนี้ นางก็โมโหเช่นกันองค์ชายสามคนนี้แสร้งเขี
ทว่าท่าทีของซูจิ่งสิงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นธัญพืชเช่นนี้มาก่อน“มองใบสีเขียวมรกตนี้ หรือว่าจะเป็นผัก?” ซูจิ่งสิงถามตอบด้วยตนเอง ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หัวเราะดังลั่น“ของกินนี้เรียกว่ามันฝรั่ง อีกทั้งยังสามารถเรียกว่ามันฝรั่งหม่าหลิงได้อีกด้วย ใบของมันไม่ได้นำมากิน หัวมันฝรั่งโตที่รากต่างหากที่นำมากินเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่อธิบายซูจิ่งสิงเข้าใจในทันใด “คล้ายมันเทศใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ส่งจอบให้อันหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านขุดออกมาดูเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงรับจอบไป เดินมายังตำแหน่งใกล้ที่สุด ขุดดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นดึงรากของมันฝรั่งออกมาปริมาณมันฝรั่งภายในมิติชวนให้คนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างอ้วนกลมยังทำให้คนชอบมาก“รสชาติเจ้าสิ่งนี้เป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “มันฝรั่ง” นี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยกินมาก่อนด้วยไม่รู้ว่าเทียบกับมันเทศที่คล้ายกันแล้วจะมีรสชาติเช่นไร“ไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงมายังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งเพื่อแสดงรสชาติอร่อยที่สุดของมันฝรั่ง กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใช้ครัวอ
“หนานเจียงส่งคนมาแล้ว?”ดวงตาเฟิ่งอู๋ชีเผยแววประหลาดใจ “ส่งใครมาหรือ?”“องค์ชายสามหนานเจียง” กู้หว่านเยว่พูดเฟิ่งอู๋ชีเผยสีหน้าเย้ยหยันตนเอง ก้มหน้าเล่นถ้วยชาบนโต๊ะ“เป็นเฟิ่งหวู่โจวนี่เอง”“เขาน่ะ มีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่ใหญ่ของข้ามากที่สุด”ความเสียใจบนใบหน้าเขาสะท้อนออกอย่างชัดเจน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงล้วนสามารถรับรู้ได้ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งจึงเอ่ยถามไล่เรียง“เฟิ่งอู๋ชี พูดเช่นนี้อาจล่วงเกินท่านอยู่บ้าง แต่ตกลงสถานการณ์ที่หนานเจียงของท่านเป็นเช่นไรกันแน่?”เฟิ่งอู๋ชีเบือนหน้าหนี เขาถูกกระตุ้นให้นึกถึกเรื่องที่เสียใจจึงหลีกเลี่ยงคำถามของทั้งคู่“ข้าบอกพวกท่านได้เพียงว่าน้องสามของข้าท่านนี้ไม่มีอันใดน่ากลัว เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่งของเฟิ่งหมิงกวง ขอเพียงพวกท่านจับเฟิ่งหมิงกวงไว้ได้อยู่หมัดก็เท่ากับจับเขาไว้ได้แล้ว”แม้ว่ากู้หว่านเยว่อยากสืบข่าวให้มากยิ่งกว่านี้ แต่เห็นว่าเฟิ่งอู๋ชีถูกพูดแทงใจ นางเองก็ไม่ได้ถามต่อ“ได้ ท่านพักผ่อนดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่วันหลัง”นางลุกขึ้นบอกลา“น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา”เฟิ่งอู๋ชีอยากลุกขึ้นทำความเคารพ กลับถูกกู้หว่านเยว่
“คนที่ส่งมาคือใคร?”“องค์ชายสามของหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายสาม?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง หนานเจียงไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานหลายปี พวกเขารู้เรื่องหนานเจียงน้อยมาก ย่อมไม่รู้จักองค์ชายสามคนนี้ดังนั้นสองคนจึงตัดสินใจไปสอบถามเฟิ่งอู๋ชีก่อน“ช่วงนี้ร่างกายของเฟิ่งอู๋ชีเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามชิงเหลียน ช่วงนี้เป็นนางเฝ้าเฟิ่งอู๋ชีอยู่ตลอด“หลังท่านมอบเลือดของเทพเต่าให้เขาแล้ว เขาปรุงสมุนไพรด้วยตนเองจึงดีกว่าแต่ก่อนมากเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าได้รู้ว่าเลือดเต่าของเฟิ่งอู๋ชีถูกเฟิ่งหมิงกวงขโมยไป กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิติปรึกษากับเต่าทะเลยักษ์หนึ่งรอบ หวังว่าจะได้รับเลือดจากตัวมันอีกเล็กน้อยแน่นอน ภายในใจนางนับเต่าทะเลยักษ์เป็นสหายแล้วหากเต่าทะเลยักษ์ไม่ยอม นางย่อมไม่บังคับเต่าทะเลยักษ์ยอมรับกู้หว่านเยว่ในฐานะเจ้านายอย่างมาก ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่ทำเพื่อช่วยสหายของตนก็ยื่นกรงเล็บน้อยๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล ให้กู้หว่านเยว่เจาะเลือดหลังกู้หว่านเยว่รับไปแล้วก็รีบไปหาเฟิ่งอู๋ชีและมอบเลือดเต่าทะเลให้เขาหลังจากนั้นเขาก็พักรักษาตัวภายในตำหนักแห่งหน